ระบำเงา (บทที่ 15)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้ค่ะ
ขอบคุณ คุณ คาราเมล มัคเคียโต, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ พวงดารา, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, คุณนะ Na(นะ), จารย์จี GTW, น้องมัด มัศยวีร์, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ   https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1  https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2  https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3  https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4  https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5  https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6  https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7  https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8  https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9  https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36465005
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36472245
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36475768


บทที่ 15



    รถคันใหญ่ที่จอดอยู่บนลานหน้าบ้านเหมือนย้ำเตือนว่าฝันครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว และความจริงได้แทรกกลับเข้ามาคุกคามอีกครั้ง…ความจริงที่น่าประหวั่นพรั่นพรึง ปกติรถคันนั้นจอดอยู่ในโรงรถทางด้านหลังในเวลาที่เจ้าของไม่อยู่เป็นเวลานาน แต่ทุกครั้งที่มาอยู่บนลานหน้าบ้านอย่างนี้ แสดงว่าเขาอยู่บ้าน

    โล่งใจนิดที่เห็นว่าไม่ได้มีรถคันนั้นเพียงคันเดียว ไม่แน่ใจว่าโฟร์วีลสีเทาอ่อนคันทางซ้ายกับรถอเมริกันคันหรูซึ่งจอดอยู่ทางด้านหลังเป็นของใคร แต่จำคันสีบรอนส์เงินซึ่งอยู่หลังรถของคุณภูมิได้ดี และนั่นก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมากทีเดียว อย่างน้อยก็ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอตามลำพังในทันที ในเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วยอย่างนี้

    ประตูใหญ่เปิดทิ้งไว้กว้าง แสดงว่ารถคันใดคันหนึ่งกำลังจะถอยออก และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเห็นไฟท้ายสว่างวาบขึ้นหลังรถคันทางซ้าย เกือบจะเวลาเดียวกับที่จำนงวิ่งเหยาะๆ ออกมาระวังหลังให้

    พอเห็นว่าคนขับเป็นใคร พราวไหมรีบเปิดประตูก้าวลงแล้วกระพุ่มมือไหว้ อีกฝ่ายละมือจากพวงมาลัย รับไหว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสียจนยิ้มของคนทักทายก่อนเจื่อนไปถนัดใจ

    ที่จริงคุณรวิวรรณ…ภรรยาคุณภาสกรนั้นไม่ใช่ผู้หญิงประเภทถือตัวหรือหยิ่งยะโสแต่อย่างใด เธอรู้ดี แม้จะเคยเจอหน้ากันเพียงสองครั้ง ก็ยังบอกได้ว่าที่จริงหล่อนเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ และไม่ชอบเข้าสังคมมากกว่า นิสัยนั้นทำให้คนที่ไม่รู้จักคิดว่าเย่อหยิ่งและไม่ใคร่จะญาติดีกับใคร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อน

    เธอเคยคุยกับคุณรวิวรรณมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงทักทายไต่ถามทุกข์สุขกันตามมารยาท หากหล่อนก็พูดคุยด้วยดี วันแต่งงาน ในขณะที่คุณภาสกรเจนสังคม เข้ากับใครได้หมด ทั้งคนเพิ่งรู้จักและที่รู้จักมานานแล้ว คุณรวิวรรณกลับตรงข้าม ตลอดงานเลี้ยงฉลองสมรส หล่อนเอาแต่เดินเงียบๆ เคียงข้างเจ้าบ่าว หน้าก้มต่ำอยู่เป็นนิจ และไม่เอ่ยปากพูดกับใครก่อน

    “จะเอารถเข้ามาข้างในไหมครับคุณ” คนขับรถวัยกลางร้องถาม ตามองกลับไปที่รถสีดำซึ่งถอยไปแอบอยู่ข้างกำแพง

    เมื่อหญิงสาวผงกศีรษะตอบรับ แกจึงโบกมือให้สัญญาณ แล้ววิ่งนำให้เข้าไปจอดแทนที่รถคันเมื่อครู่ แม้ลานหน้าบ้านจะกว้างขวาง แต่ซอยนี้ค่อนข้างแคบ มีที่พอให้รถยนต์สองคันสวนกันได้เท่านั้น ทั้งยังต้องผ่านกันอย่างระมัดระวัง ผลคือรถที่จะเข้าออกบริเวณบ้านก็ต้องระวังเช่นกัน

    'ผมคงแวะไม่นาน ไหนๆ คุณภูมิก็อยู่บ้าน จะไม่ลงไปทักทายเสียเลยก็คงไม่ดี'

    สืบพงษ์บอกครูของลูกสาวเมื่อเห็นรถหลายคันจอดเรียงราย เมื่อครู่ที่เลี้ยวเข้าซอยนี้มาก็เพียงเพื่อจะแวะส่งให้ลงเท่านั้นหรอก

    ร่างสูงล่ำสันที่ประตูกระจกหน้าบ้านดึงความสนใจของทุกคนในห้องรับแขก ผู้ที่ลุกขึ้นต้อนรับก่อนใครอื่นมิใช่เจ้าของบ้าน หากเป็นลูกชายคนโตของเขา

    “คุณสืบพงษ์พาพราวกลับมาส่งค่ะคุณใหญ่”

พราวไหมบอกเกรงอกเกรงใจเมื่อเขาเป็นฝ่ายเปิดประตูให้ บอกแล้วก็รีบถอยออกมาอยู่ข้างหลังคน 'มาส่ง'

    ภาสกรเพียงผงกศีรษะรับรู้ ความสนใจมาอยู่ที่นักธุรกิจใหญ่ตรงหน้าเสียแทนเมื่อได้ยินชื่อ รู้จักเพียงห่างๆ มานาน เพิ่งจะเห็นตัวจริงอย่างใกล้ชิดก็วันนี้เอง

    “คุณสืบพงษ์ เชิญฮะ เชิญข้างใน” อากัปกิริยาที่เชิญชวนนั้นแทบจะเรียกได้ว่ากุลีกุจอเลยทีเดียว

    เจ้าของบ้านตัวจริงเพิ่งจะลุกจากเก้าอี้เมื่อลูกชายคนโตเดินนำแขกเข้ามาภายใน ตาเหยี่ยวภายใต้หนังตาอูมหนามองตรงไปที่ร่างโปร่งระหงซึ่งตามเข้ามาด้วย

    “เชิญครับเชิญ”

    “ผมคงไม่มารบกวนนะครับ พอดีเห็นว่ามาส่งคุณพราว ก็เลยถือโอกาสมาทำความรู้จักคุณภูมิด้วย”

    “ไม่รบกวนเลยคุณสืบพงษ์ เป็นเกียรติเหลือเกินที่คุณแวะมา นั่งครับนั่ง” มืออูมหนาผายไปทางเก้าอี้บุหนังตัวที่ยังว่าง

    ถ้าว่ากันถึงมารยาททางสังคม คุณภูมิไม่เคยบกพร่อง คนที่ไม่รู้จักเขาดีพอจึงยากจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นเช่นไร แม้ในเวลานี้จะยิ้มเยื้อนด้วยไมตรี แต่สายตากำลังจับจ้องนักธุรกิจผู้อ่อนวัยกว่าอย่างพินิจพิเคราะห์ ราวประเมินรูปร่างหน้าตา ตลอดไปจนถึงอากัปกิริยาท่าทีและการวางตัว

    พราวไหมชาวาบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสายตาคู่เดียวกันนั้นย้อนกลับมาที่ตัว เป็นสายตาซึ่งสะท้อนความไม่ชอบใจชนิดไม่ปิดบัง ปกติคุณภูมิควบคุมอารมณ์ที่แสดงออกต่อหน้าผู้คนได้ดีเสมอ นี่แสดงว่ากำลังโกรธ จึงกำหนดแววตาตัวเองไม่ได้อย่างนี้

จึงตามหลังคุณสืบพงษ์เข้ามาเพียงสองก้าวแล้วหยุดอยู่เพียงแค่นั้น สายตาเลี่ยงมาจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของเขาแทน หากก็ยังไม่วายเห็นร่างสูงๆ ของอีกคนลุกยืน ได้ยินคุณภูมิเอ่ยแนะนำ

“นี่ก็รอง...ภาษิต...ลูกชายคนเล็ก”

“เป็นสถาปนิกใช่ไหมครับ เห็นว่าเป็นคนออกแบบออฟฟิศคอนโดหลังนั้นของคุณภูมิ”

“คนนี้แหละครับ ออกแบบด้วย ตอนสร้างก็ไปคุมอยู่ด้วย” น้ำเสียงคนเป็นพ่อบ่งชัดว่าภาคภูมิใจเสียนัก

    คอยจังหวะเหมาะที่จะกลับออกไปเสีย มาสบโอกาสก็เมื่อความสนใจของทุกคนไปอยู่ที่ออฟฟิศคอนโดหลังนั้นของคุณภูมิ จะเป็นออฟฟิศคอนโดหลังไหนพราวไหมก็ไม่สนใจ อาศัยแผ่นหลังกว้างๆ ของคนตรงหน้าช่วยบังให้เมื่อถอยกลับออกมาภายนอกอย่างเงียบเชืยบแล้วเลื่อนประตูปิดกลับดังเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่