ระบำเงา (บทที่ 14)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ พวงดารา, คุณนัน turtle_cheesecake, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, น้องมัด มัศยวีร์, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, จารย์จี GTW, คุณซูซี่ Susisiri, คุณนะ Na(นะ)
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ   https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1  https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2  https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3  https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4  https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5  https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6  https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7  https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8  https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9  https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36465005
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36472245


บทที่ 14



    พราวไหมชำเลืองดูร่างใหญ่ๆ ที่โน้มตัวลงขยี้ก้นบุหรี่กับจานพลาสติก แม้จะมืด แต่เมื่อสายตาคุ้นเคยกับบริเวณนี้แล้วก็พอมองเห็นกันได้บ้าง เพิ่งรู้นี่แหละว่าคุณสืบพงษ์สูบบุหรี่

    “ควันบุหรี่คงไม่รบกวนนะครับ”

    ขนาดบุหรี่มวนนั้นดับสนิทแล้วเขาก็ยังไม่วายโบกมือไล่ควันให้กระจัดกระจาย และทั้งๆ ที่จานใบนั้นก็วางอยู่บนพื้นเรือ ข้างเก้าอี้พับตัวที่เขานั่ง มีแผงบังคับเรือบังลมไว้มิดชิด อีกทั้งลมที่รำเพยพัดไม่ขาดระยะก็ยังช่วยพาให้จางหายไปได้ในเวลาอันรวดเร็วอีกต่างหาก

    “ไม่เลยค่ะ แต่พราวไม่เคยเห็นคุณสืบสูบบุหรี่”

    “พยายามเลิกอยู่ครับ” เสียงทุ้มๆ กลั้วหัวเราะ “พยายามมาห้าปีแล้วนะนี่” ใบหน้าคมเข้ม เห็นเพียงเลือนรางเหลียวมามอง

    เสื้อยืดแขนยาวสีขาวดูมัวซัวในความมืด ร่างโปร่งบอบบางนั่งหมิ่นเหม่อยู่กับขอบเก้าอี้ สองมือประสานกันบนตัก ดูเป็นงานเป็นการเกินจำเป็น

    เห็นอาการเกร็งของหญิงสาว อีกฝ่ายพอเข้าใจ จึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามสบาย สองแขนล่ำสันประสานกันเหนือศีรษะ แล้วแหงนหน้าขึ้นดูท้องฟ้าเสียแทน ดวงดาวนับพันนับหมื่นส่งแสงระยิบระยับ พราวพร่างเต็มผืนฟ้าดำมืด

    “ชอบดูดาวไหมฮะ” เขาถามขึ้นลอยๆ โดยไม่หันมอง

    พราวไหมโล่งอกเมื่อเห็นว่าความสนใจของเขาไปอยู่เสียที่อื่น จึงแหงนขึ้นดูตาม

    “ชอบค่ะ อยู่กลางทะเลอย่างนี้เห็นดาวเต็มฟ้าไปหมดเลยนะคะ”

    “เชื่อไหม สมัยเด็กๆ ผมเคยอยากเป็นนักดาราศาสตร์ วันๆ อยากนั่งส่องกล้องดูแต่ดาว”

    เหมือนจะจับร่องรอยของความขมขื่นอะไรบางอย่างในประโยคนั้นได้ หากเธอก็ยังไม่แน่ใจ พอลดสายตาลงดู เห็นเพียงด้านข้างของใบหน้าได้รูปที่กำลังกวาดสายตาไปเบื้องบนเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง สองแขนลดลงมาประสานกันหลวมๆ บนแผ่นอก

    “ดูออกไหมว่าเท่าที่เห็นมีดาวอะไรบ้าง”

    เขาหันมาถาม ตาสบกันพอดี และเธอก็เป็นฝ่ายหลบ เลี่ยงกลับขึ้นดูท้องฟ้าเสียแทน

    “พราวไม่รู้จักชื่อดาวเลยสักดวงค่ะคุณสืบ แม้แต่ดาวประกายพฤกษ์ที่ใครๆ ว่าหาไม่ยาก ก็ยังไม่รู้เลยค่ะว่าดวงไหน”

    “ดาวศุกร์นั่นจะเห็นตอนหัวค่ำกับตอนใกล้รุ่งครับ หัวค่ำนี่จะขึ้นทางทิศใต้ คนไทยเราเรียกดาวประจำเมือง ตอนใกล้รุ่งขึ้นทางทิศเหนือ เรียกดาวประกายพฤกษ์ ตอนนี้ไม่เห็นแล้วครับ เที่ยงคืนแล้ว”

    ฟังจากน้ำเสียงเหมือนคนพูดกำลังยิ้ม พราวไหมจึงไม่กล้าหันไปมองเขาอีก พยายามควบคุมสติให้จดจ่ออยู่แต่เบื้องบน

    “ถ้าให้น่าสนใจก็ลองมองหากลุ่มดาวสิฮะ กลุ่มดาวตามจักรราศีหาไม่ยาก อย่างนั่น อควาริอัส กลุ่มดาวคนถือหม้อน้ำ พอดูออกไหม”

    เห็นจากหางตาว่าเขากำลังชี้ให้ดูอะไรบางอย่าง  จึงได้มองตามนิ้วที่ลากเส้นสมมติในอากาศเชื่อมโยงดาวกลุ่มหนึ่งเข้าด้วยกัน

    “คนโบราณเขาเห็นเป็นคนกำลังเทน้ำจากหม้อ ตามเทพนิยายกรีกมีว่าซูสเทน้ำ ก่อให้เกิดฝน กลุ่มดาวนั้นก็เลยเป็นกลุ่มดาวประจำฤดูฝน” เขาอธิบายด้วยเสียงเรียบเรื่อยตามแบบฉบับที่เธอเริ่มคุ้นเคยบ้างแล้ว

    ร่างสูงเห็นตะคุ่มๆ ในความมืดลุกยืนแล้วหมุนตัวไปทางด้านหลัง หน้ายังคงแหงนหาอะไรบางอย่างบนท้องฟ้า

    พราวไหมลุกตามเมื่อเขาชี้ขึ้นไปที่ดาวอีกกลุ่ม

    “กลุ่มดาวคนเทน้ำอยู่ทางใต้ของกลุ่มดาวม้า ถ้าเจอกลุ่มดาวอควาริอัส ก็จะหากลุ่มดาวม้าได้ง่าย นั่นไงฮะ...เซนทอรัส...กลุ่มดาวม้า” เขาวาดเส้นสมมติในอากาศเพื่อโยงดาวกลุ่มนั้นเหมือนเมื่อครู่

    “ดูออกไหม ดูเป็นรูปม้าจริงๆ ชัดกว่ากลุ่มดาวคนเทน้ำเสียอีก กลุ่มดาวนี้ปกติหาง่ายเพราะมีดาวที่สว่างสุกใสมากอยู่สองดวง ดวงนั้นครับ ดาวอัลฟาเซนทอรี ในเวลากลางคืนอย่างนี้อัลฟาเซนทอรีเป็นดาวที่สว่างเป็นอันดับสาม รองจากดาวโจร...ซิริอุส กับดาวเคโนปัส”

    พราวไหมอดทึ่งไม่ได้เมื่อเห็นจริงตามนั้น เริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว ได้ยินเขาพูดถึงดาวที่สว่างสุกใสที่สุดในเวลากลางคืน ก็อยากรู้ว่าหมายถึงดวงไหนในเมื่อสอดส่ายสายตาหาเท่าไรก็ดูไม่ออก คืนนี้มีดวงดาวมากมายจนนับไม่ถ้วน ราวกับว่าดาวทั้งระบบสุริยะจักรวาลมารวมกันให้เห็นอยู่ตรงหน้า

    “จากตรงนี้เห็นดาวซิริอุสหรือเปล่าคะ”

    “เห็นสิครับ”

    เสียงทุ้มนุ่มนวลดังอยู่ทางด้านหลัง ห่างตัวไม่มากเลย หากความสนใจของหญิงสาวไปอยู่เสียที่ดวงดาวซึ่งกำลังมองหา จึงไม่รู้ตัวว่าเขามายืนค้ำอยู่ข้างหลัง ห่างเพียงไม่เกินสองคืบ

    จนรู้สึกถึงมือแข็งแรงวางลงบนบ่าซ้ายของตัว ใจเต้นโครมครามขึ้นมาเกือบจะในทันทีทันควัน

    “นั่นไง กลุ่มดาวหมาใหญ่ มีชื่อภาษาอังกฤษว่าเคนิส เมเจอร์ ดาวซิริอุสอยู่ในกลุ่มดาวนั้น พอมองออกไหมฮะว่าเป็นรูปหมา ตัวใหญ่ทีเดียว” สุ้มเสียงเขายังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง ราวไม่รับรู้ถึงเรือนร่างที่แข็งเกร็งขึ้นมาอีกครั้งของคนตรงหน้า

    เพียงแค่นั้นพราวไหมก็เข้าใจ แท้จริงแล้วเป็นเพราะกำลังมองไปคนละทิศกับดวงดาวสุกใสที่เขาเพิ่งชี้ให้ดูนั่นเอง และเมื่อเธอกำลังยืนหันหลังให้ เขาจึงต้องใช้วิธีนี้ คงไม่มีอะไรเกินเลยไปจากนี้    

     หากถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นแรงจนแทบโลดลิ่วออกมานอกอก มือไม้เหมือนจะเกะกะไปเสียหมด เห็นจากหางตาว่าเขากำลังลากเส้นสมมติเชื่อมโยงดาวเหล่านั้นอีกครั้ง

    “ดวงที่อยู่ประมาณบริเวณอกของหมานั่นไงครับ ดาวโจรเป็นดาวฤกษ์ เป็นดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้าเวลากลางคืน”

    ดาวดวงนั้นสว่างสุกใสกว่าดวงอื่นจริงๆ นั่นแหละ ขนาดก็ใหญ่กว่าดวงอื่นจนเห็นได้ชัดเลยทีเดียว แต่เมื่อปะปนอยู่กับดวงดาวนับพันนับหมื่น ถ้าไม่มีคนชี้นำให้แบบนี้ เธอก็คงไม่สังเกตเห็นอยู่ดี

    “เห็นชัดเลยนะคะ”

    “ส่วนเคโนปัส ที่ว่าสว่างรองลงมา ก็ดวงนั้น” เขาชี้ไปยังดาวอีกดวงซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่