ระบำเงา (บทที่ 9)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ มานีโอลา, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณนะ เป่าชาง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ พวงดารา, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ   https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1  https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2  https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3  https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4  https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5  https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6  https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7  https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8  https://ppantip.com/topic/36434883


บทที่ 9


    
    ในที่สุดคำตอบที่พราวไหมรอคอยก็มาถึง ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นนั่นเอง สืบพงษ์เป็นคนโทรศัพท์มาด้วยตัวเอง  ท่วงทีการพูดและสุ้มเสียงของเขายังคงสบายๆ และเป็นกันเองเหมือนเดิม

    "ฝ้ายบอกว่าตกลงครับคุณพราวไหม" นั่นคือประโยคแรกจากนักธุรกิจใหญ่ "งานนี้ผ่านอนุมัติโดยลูกแล้ว" ประโยคหลังกลั้วหัวเราะ

    คนรับสายหัวเราะตาม ทั้งขบขันคำพูดของเขา ทั้งปลื้มใจที่ได้งานอย่างที่หวัง

    "ขอบคุณค่ะคุณสืบ ขอบคุณจริงๆ" เธอละล่ำละลักตอบ

    "งานนี้ต้องขอบคุณฝ้ายแกครับ ผมอยากให้คุณได้เจอแกด้วย จะได้ทำความรู้จักกัน"

    พราวไหมไม่รู้หรอกว่าเด็กสาวยังไม่ตกลงจะเรียนหนังสือด้วย เพียงแต่ยินดีพบปะพูดคุยกับผู้สมัครเข้ามาเป็นครูคนใหม่ล่าสุดเท่านั้นเอง เป็นความชาญฉลาดของพ่อเด็ก ที่ต้องการเห็นด้วยตาตนเองว่าหญิงสาวจะปฏิบัติต่อลูกของตัวอย่างไร จะเข้ากันได้ไหม และลูกจะยอมรับเธอหรือไม่เพียงไร ทางไหนจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งไปกว่าให้ทั้งคู่มาพบกันต่อหน้าเขา เหมือนเช่นที่ทำมาแล้วกับครูสี่คนก่อนหน้า เพราะที่ผ่านมา แม้ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วก็เถอะ ในที่สุดลูกก็งอแงที่จะเรียนกับทั้งสี่คนในเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ เขาจึงต้องลองดูอีกครั้ง สืบพงษ์เชื่อสายตาตัวเองเสมอ
กรณีพราวไหมอาจดีกว่าหน่อยตรงที่อายุยังไม่มาก อายุที่ใกล้เคียงกันอาจช่วยให้เข้ากันได้ง่ายขึ้น บุคลิกของหญิงสาวเองก็ไม่ได้เป็นไปตามแบบฉบับของครูโดยทั่วไป เหตุที่ไม่เคยทำงานเป็นครูมาก่อน ความเข้มงวดที่มักจะค่อยๆ สั่งสมมากับการสอนเด็กเป็นเวลานานจึงยังไม่มีให้เห็น

    ที่สำคัญคือพราวไหมสวย เด็กรุ่นสาวมักชื่นชมความสวยงามของเพศเดียวกันที่สูงวัยกว่าไม่มากนัก มักจะมองรุ่นพี่ที่เพียบพร้อมเพื่อจะเอาเป็นแบบอย่าง นั่นอาจช่วยให้ลูกยอมรับได้ง่ายขึ้น

    “คุณไปที่ทำงานของผมอีกสักวันได้ไหม คงง่ายกว่ามาที่บ้าน ผมจะให้ฝ้ายไปเจอคุณที่นั่น จะได้คุยทำความรู้จักกัน”

แสดงว่าเขาโทรมาจากบ้าน

    “ได้ค่ะ...ได้ วันไหนคะ” เธอละล่ำละลักตอบอีกครั้ง

    “วันนี้เลยดีไหม คุณจะสะดวกหรือเปล่า ผมนัดกะทันหันอีกแล้ว คือไม่อยากให้ฝ้ายเปลี่ยนใจก่อนได้เจอตัวคุณน่ะครับ”

    วันนัดสัมภาษณ์เมื่อวานก็เป็นไปอย่างชนิดที่ไม่มีโอกาสได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวเช่นกัน พราวไหมรู้เรื่องงานสอนนี้จากอัญชลีในเช้าวันศุกร์เมื่อแวะไปเยี่ยม ตกบ่ายวันเดียวกัน เพื่อนรักก็โทรศัพท์มาบอกว่าสืบพงษ์ต้องการคุยด้วย

    ‘คุณสืบสั่งให้บอกว่าอย่าเรียกว่าเป็นการสัมภาษณ์ ให้เรียกว่าเชิญมาคุยด้วย’ อัญชลีบอกว่าอย่างนั้น   

    และก็จริงนั่นแหละ การสัมภาษณ์งานสไตล์คุณสืบพงษ์คือการคุยกันจริงๆ ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนลาจาก พอเขาบอกว่า

    ‘ขอไปปรึกษาหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลของงานนี้ก่อนนะครับ ผมยังไม่ได้บอกแกเลยว่าจะให้มีครูคนใหม่มาสอนแทนคนเก่า’  

    แม้ว่าการพูดคุยของว่าที่นายจ้างจะฟังเหมือนเล่น แต่จากที่อัญชลีบอกคร่าวๆ ก็พอรู้บ้างหรอกว่าปัญหาของลูกสาวเขานั้นเป็นเรื่องใหญ่เอามากๆ เหตุร้ายที่เกิดขึ้น...ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร...ได้ทำร้ายสาวน้อยทั้งร่างกายและจิตใจ จนไม่กล้าเจอหน้าใคร ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน มีอาการหวาดผวาจนต้องพึ่งจิตแพทย์มานานนับเดือนเลยทีเดียว

แม้ผู้เป็นพ่อเอง แรกๆ ที่เกิดเรื่องก็แทบบ้าไปเหมือนกัน     

    ‘น่าสงสารมากเลย ไม่แต่ลูกมีปัญหานะ เมียเก่าของแกก็ตามมาอาละวาดที่ทำงานอีก มีอยู่ทีนึง มาโวยวาย หาว่าตอนที่ลูกอยู่กับเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไร พอลูกย้ายมาอยู่กับพ่อไม่ทันไร เกิดเรื่องขึ้นมาจนได้’ น้ำเสียงของเลขาสาวฟังชัดว่าปกป้องนายจ้างของตัวเองเต็มที่

    ‘ตอนแรกเมียเก่าแกพยายามกลับมาอยู่กับแกอีกนะ โทรมาทุกวันเลยช่วงนั้น จนจะคืนดีกันอยู่แล้ว คุณสืบก็ทำท่าว่าจะยอมดีด้วย คงอยากให้ลูกมีพ่อแม่อยู่ด้วยกัน แต่พอมีเรื่องนั้นขึ้นมาก็แตกกระเจิงกันไปอีก’

    พราวไหมไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่มากไปกว่าเรื่องลูกสาวเขา เริ่มวางแผนอยู่ในใจว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นที่ยอมรับของสาวน้อยวัยสิบหกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพบกันครั้งแรกเป็นเรื่องสำคัญ จะได้งานนี้หรือไม่ หรือได้แล้ว จะทำไปได้นานแค่ไหน ก็อยู่ที่การพบกันวันนี้นี่แหละ

    “ไม่เป็นไรค่ะคุณสืบ วันนี้พราวว่าง” เธอรีบบอกให้รู้ ต่อท้ายด้วยเสียงอ่อยๆ “ที่จริงตอนนี้ก็ว่างทุกวัน”

    เสียงปลายสายกระตือรือร้นเช่นกัน

“ถ้างั้นวันนี้สักเก้าโมงเช้า คุณมาพบฝ้ายที่ทำงานของผมได้ใช่ไหม”

    “ได้ค่ะคุณสืบ วันนี้เก้าโมงเช้านะคะ”

    ยืนยันคำพูดของเขาแล้วเหลียวหาเวลาให้ควั่ก เห็นนาฬิกาในตู้โชว์เครื่องคริสตัลบอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง มีเวลาเหลือเฟือที่จะแต่งตัวและไปถึงที่นั่นตามที่เขานัดหมาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่