บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๓๒)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณเปรียว เปรียว sixtyone, คุณ ริมแม่โขง, น้องดาว Lady Star 919, คุณ ออมอำพัน, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ nasa nasa

ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ ๒๐ http://ppantip.com/topic/35490729
บทที่ ๒๑ http://ppantip.com/topic/35500221
บทที่ ๒๒ http://ppantip.com/topic/35507830
บทที่ ๒๓  http://ppantip.com/topic/35514634
บทที่ ๒๔ http://ppantip.com/topic/35524338
บทที่ ๒๕ http://ppantip.com/topic/35533699
บทที่ ๒๖ http://ppantip.com/topic/35542378
บทที่ ๒๗ http://ppantip.com/topic/35546044
บทที่ ๒๘ http://ppantip.com/topic/35552335
บทที่ ๒๙ http://ppantip.com/topic/35559158
บทที่ ๓๐ http://ppantip.com/topic/35566013
บทที่ ๓๑ http://ppantip.com/topic/35572936


บทที่ ๓๒



    “ทำไมไม่ให้เวียงซักให้ล่ะแว่นแก้ว”

    เสียงเรียกชื่อนั้นเบากว่าประโยคซึ่งนำมาก่อน เหตุก็เพราะแม้จะอยู่ร่วมบ้านกันมากว่าปีแล้ว หากก็ไม่เคยพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว คุณหญิงสาวน้อยจึงไม่รู้จะเรียกหล่อนอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด เรียก ‘พี่’ ก็ไม่เหมาะ เพราะแม้หล่อนจะมีอายุมากกว่าอยู่หลายปี แต่สถานะของหล่อนภายในบ้านนั้นครึ่งๆ กลางๆ เสียจนจัดอันดับไม่ถูก จนบัดนี้เธอก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ที่นี่ในสถานะอะไร มิใช่ทั้งบ่าวและมิใช่ทั้งนาย จึงยากจะจัดไว้ที่ใดที่หนึ่ง

    จะเรียก 'แม่แว่นแก้ว' ก็ตะขิดตะขวงใจอีก เธอไม่เคยใช้คำนั้นนำหน้าชื่อใครในลักษณะนั้นมาก่อน ในแง่หนึ่งมันให้ความรู้สึกราวกับว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า ซึ่งไอรีนไม่เคยคิดเช่นนั้น คนเดียวที่เธอเรียกแม่คืออนงค์ หากคำว่าแม่ซึ่งใช้ในกรณีนั้นหมายความเช่นนั้นจริงๆ เพราะว่าไปแล้วเธอมีแม่ก็เหมือนไม่มี เธอเรียกคุณสร้อยว่าคุณแม่ใหญ่ก็เพื่อให้การยกย่องและนับถือในฐานะภรรยาเอกของบิดาเท่านั้นหรอก ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งเหมือนเมื่อใช้คำเดียวกันนั้นเรียกแม่อนงค์

    แว่นแก้วเหลียวหลังมาดู เห็นร่างเล็กๆ มาหยุดยืนอยู่ไม่ไกลก็ให้แปลกใจ คุณหญิงของคุณรามไม่เคยพูดกับหล่อนมาก่อนเลย หากแต่หลายวันที่ผ่านมา นับแต่ความจริงถูกเปิดเผย สาวน้อยผู้นี้ก็เฝ้าถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของหล่อนโดยผ่านเวียงอยู่เสมอ

    ยิ้มเศร้าสร้อยผุดแผ่วจางที่มุมปาก หากเสียงทักยังเศร้าเสียยิ่งกว่า

    “คุณหญิง…”

    ไอรีนทรุดนั่งลงบนม้าไม้เตี้ยๆ อีกตัวซึ่งวางอยู่แถวนั้น ลานซักผ้าลาดซีเมนต์ด้านติดกับเรือนบ่าวนี้ปกติจะมีบ่าวสองคนทำหน้าที่ซักผ้าในเวลาเช้า แต่นี่กลับไม่เห็นใครคนอื่นอีก หลายวันที่ผ่านมาดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันเลี่ยงผู้หญิงคนนี้ราวหล่อนเป็นตัวเชื้อโรคก็ไม่ปาน ว่าไปแล้วบ้านหลังนี้จะเรียกว่ากว้างขวางก็กว้างจริงๆ นั่นแหละ ในเวลาเดียวกัน จะว่าแคบก็แคบเหมือนกัน แคบตรงที่ไม่ว่าเวลามีเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มิช้ามินานก็รู้กันโดยทั่วถึง จนบางครั้งคุณหญิงสาวน้อยเองก็หนักใจอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน่าอับอายเช่นเรื่องนี้

ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เธอออกจะเห็นใจแว่นแก้วอยู่มาก แม้ยังลืมได้ยากว่าเพิ่งไม่นานมานี้เองหล่อนและสามีทำให้จิตใจเธอร้าวรานเพียงไร

    “ทำไมไม่ให้เวียงซักให้ล่ะจ๊ะ” สาวน้อยทวนคำถามเดิมอีกครั้ง คราวนี้ลงท้ายอย่างเป็นกันเอง

    “ดิฉันซักเองได้ค่ะคุณหญิง อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็เบื่อ”

    ความเป็นกันเองและความห่วงใยที่ภรรยาของคนที่หล่อนรักแสดงให้เห็นทั้งต่อหน้าและลับหลังทำให้แว่นแก้วซาบซึ้งอยู่ในส่วนลึก ในเวลานี้หล่อนไม่ต่างอะไรกับคนกำลังจมน้ำ เห็นอะไรลอยมาใกล้ตัวก็รีบคว้าเอาไว้ทันที

คนทั้งบ้านเฉยเมยกับหล่อน พยายามเลี่ยงที่จะเจอหน้าหรือพูดคุยด้วย ทำไมจะดูไม่ออก แม้แต่แม่ก็ผิดหวังในตัวหล่อน ผิดหวังในอนาคตที่หล่อนควรจะได้…ควรจะเป็น แม่ถามหลายครั้งแล้วว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่ในเวลานี้หล่อนยังไม่กล้าบอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณรามจัดการเรื่องนั้น ทั้งๆ ที่หล่อนเองเป็นคนสร้างปัญหาให้เขา ประโยคสุดท้ายที่แม่พูดกับหล่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวคือประโยคซึ่งหล่อนคงไม่มีวันลืม

    'แกมันร่านนัก จะได้ดีอยู่แล้วเทียว ทำไมทำไปได้ ถ้ายังไม่มีลูกตอนนี้ก็ไม่มีสิ จะเป็นไรไป ยังอยู่บ้านเดียวกันอย่างนี้ อีกหน่อยก็ท้องไปเอง จะต้องรีบให้ท้องไปทำไมกัน'

    แม่ช่างไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย แกยังคิดว่าคุณรามปรารถนาหล่อนนักหนา ไม่รู้เลยว่าเขาไม่เคยสนใจที่จะร่วมห้องกับหล่อนอีกเลยนับแต่เขาแต่งงาน น้อยครั้งนักที่เขาจะยอมอยู่ตามลำพังกับหล่อน ราวกับเกรงว่าตัวเองจะเผลอไผล หรือไม่ก็กลัวภรรยาจะเข้าใจผิด ในเวลานี้หล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้ยืนแก้ผ้าต่อหน้าเขาตามลำพังสองต่อสอง เขาก็จะไม่สนใจไยดีหล่อน แม่ไม่เข้าใจเรื่องนั้นเอาเสียเลย

    เหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นอย่างบังเอิญแท้ๆ เมื่อเขากลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว และคุณหญิงของเขาก็คงไม่รู้ว่าสามีกลับบ้านแล้ว หล่อนซึ่งเฝ้าคอยเขาอยู่ทุกวินาทีได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดจากประตูที่เปิดแง้มไว้ คอยอยู่นานจนแน่ใจว่าไม่มีใครเข้าไปดูเขาในห้องนอน หล่อนจึงแอบย่องเข้าไป เห็นร่างหนาล่ำสันนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง เขายังคงอยู่ในเครื่องแบบ และหลับสนิท

    หล่อนถอดเสื้อผ้าให้เขา ลูบไล้เรือนกายของเขาอย่างหิวกระหาย สัมผัสแผ่นอกแน่นด้วยกล้ามเนื้อ หน้าท้องราบเรียบเครียดเคร่งแล้วให้สะท้านไปทั้งตัว เมื่อหล่อนถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วเป็นฝ่ายเริ่ม เขาก็ตื่น แม้ตาจะยังคงปิดสนิท แต่หล่อนรู้ว่าเขารู้สึกตัวบ้างแล้วก็เมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ งัวเงีย

    'หือ...ใคร...ไอรีนหรือ...'

    แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาสนองตอบการรุกไล่ของหล่อนก็ด้วยคิดว่าหล่อนคือผู้หญิงอีกคน...ผู้หญิงซึ่งเขารักและเลือกแล้ว หากหล่อนก็ไม่สนใจ ขอให้ได้ใกล้ชิดเขาในลักษณะนี้อีกสักครั้ง รู้สึกถึงความเป็นชายของเขาแทรกผ่านเข้าไปในร่างกายหล่อน รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความเสียวซ่านลึกล้ำซึ่งเขาเท่านั้นที่จะให้หล่อนได้…เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

    ในคืนนั้นแม้เขาจะเป็นฝ่ายรุกบ้างในบางขณะ หากก็เพียงครึ่งๆ กลางๆ แต่แว่นแก้วยังเก็บเอาทุกนาที...ทุกวินาทีของเหตุการณ์คืนนั้นมาฝันถึงอย่างวาบหวามได้ทั้งวันทั้งคืน ทุกครั้งที่ร่วมเตียงกับคุณราม ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่ความโหยของหล่อนจะไม่ได้รับการตอบสนองอย่างถึงที่สุด คืนนั้นก็เช่นกัน ที่สุดของมันรุนแรงจนหล่อนกรีดร้องสุดเสียง แน่ใจว่าคุณวิไลได้ยิน และแน่ใจว่าวินาทีนั้นชีวิตใหม่จะถือกำเนิดขึ้นมา

    นับแต่คืนนั้นหล่อนเฝ้าคอยอาการผิดปกติตามที่เคยได้ยินผู้หญิงซึ่งเคยมีท้องเล่าให้ฟัง แต่ละวันผ่านไปอย่างทุกข์ทรมานในเมื่อไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ หล่อนจึงสร้างอาการเหล่านั้นขึ้นมาเองให้ใครๆ เห็น รู้ว่าถ้ามีลูกให้เขาได้ หล่อนจะได้เขาไว้ในครอบครองตลอดไป แม้เขาจะยังคงมีผู้หญิงอีกคนอยู่เคียงข้างก็เถอะ หล่อนยอมได้เสมอ

แต่เมื่อคอยเท่าไรก็ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ให้รู้สึก หล่อนจึงตัดสินใจทำในสิ่งซึ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าผิดพลาดเพียงไร

    แว่นแก้วไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าเช่นนี้มาก่อนเลย เมื่อก่อนจิตใจหล่อนจดจ่ออยู่แต่ที่คุณราม ไม่ว่าเขาจะอยู่บ้านหรือไม่ ทั้งชีวิตเหมือนจะวนเวียนอยู่แต่กับเขา หล่อนทำได้ทุกอย่างเพื่อได้อยู่ใกล้ๆ เขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอาอกเอาใจคุณวิไลซึ่งหล่อนเอือมระอาเสียนักหนา หากก็รู้ว่านั่นเป็นทางเดียวที่จะคงหล่อนไว้ที่นี่ได้

มาบัดนี้ตระหนักว่าไม่มีเขาอีกแล้ว ไม่มีโอกาสอีกแล้วที่หล่อนจะเรียกความไว้วางใจจากเขาให้กลับคืนมาได้อีก และนับวันเขามีแต่จะห่างออกไปทุกที...แม้จะยังคงอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม
    ไม่เพียงเท่านั้น อีกไม่นานแม่ก็คงรู้ว่าพ่อของลูกในท้องหล่อนเป็นใคร ในเวลานี้ยังมีก็แต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่ข้างหล่อน แม้แม่จะมึนตึงกับหล่อนเพราะความผิดหวังเพียงไร แต่แม่ก็ยังเป็นแม่ ยังคงแสดงความห่วงใยให้เห็น

    แต่ถ้าแม่รู้ความจริงแล้วจะทำอย่างไร คิดเรื่องนั้นทีไร แว่นแก้วหนาวเยือกขึ้นมาทีนั้น ในเวลานี้หล่อนจึงรู้สึกราวกับว่าในชีวิตไม่เหลือใครอีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่