บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๒๕)

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ ริมแม่โขง, จารย์จี GTW, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake หลงรัก, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



บทที่ ๒๕



    รามก้มดูผู้หญิงซึ่งนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นแทบเท้าของตัวอย่างหนักอกหนักใจ ช่างสลัดไม่หลุดเสียจริงๆ ทั้งที่ได้พยายามแล้วทุกวิถีทางเท่าที่จะคิดได้ ถ้าไม่มีความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่มีส่วนร่วมก่อขึ้นเช่นนี้ ก็คงจัดการอะไรให้เด็ดขาดไปได้นานแล้ว

ใจหนึ่งอยากนั่งลงเจรจากันให้รู้เรื่องอีกสักครั้ง คราวนี้ให้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เสียที แต่ก็รู้ว่าไม่มีเวลาเพียงพอเพราะคงต้องพูดกันยืดยาว ประกอบกับเกรงว่าผู้เป็นภรรยาอาจขึ้นมาเห็นและเข้าใจผิดได้อีก จึงตัดบทเสียก่อนที่การตัดพ้อต่อว่านี้จะเยิ่นเย้อไปนานจนเกินเหตุ

    “ถ้าเธอไม่ชอบวิรัชก็ไม่เป็นไรนี่นา ฉันเพียงเห็นว่าเป็นคนดี เป็นคนเอางานเอาการ อนาคตไปได้อีกไกล ก็เลยอยากให้รู้จักกันไว้ ก็เท่านั้นเอง”

    หญิงสาวโต้กลับด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดรวดร้าวเหลือประมาณ

    “คุณรามไม่คิดถึงความรู้สึกของดิฉันบ้างหรอกหรือคะ จะยิ้มไสไล่ส่งดิฉันไปถึงไหนกัน คราวคุณตรองก็ครั้งหนึ่งแล้ว”

    หล่อนท้าวความไปถึงนายทหารอีกคนซึ่งเขาเคยแนะนำให้รู้จัก นั่นเป็นก่อนที่เขาจะแต่งงานได้ไม่นาน หล่อนรู้และเข้าใจตั้งแต่คราวนั้นว่าเขาตั้งใจกำจัดหล่อนออกนอกทางอย่างไร จึงได้เจ็บช้ำเสียเหลือเกิน เจ็บจนคิดจะหนีกลับบ้านเสียให้รู้แล้วรู้รอด หากถึงกระนั้นก็ตัดใจจากเขาไม่ได้ จนได้เห็นความอ่อนเยาว์และไม่ประสีประสาของสาวน้อยผู้ซึ่งเขาเลือกมาเป็นภรรยานั่นแหละ ถึงได้มองเห็นว่ายังพอมีความหวังที่จะได้เขากลับคืนมาอยู่บ้าง

    นายพันเอกหนุ่มถอนใจยาว สงสัยเสียนักว่าเรื่องอื่นทำไมจึงไม่ยุ่งยากจนแก้ไขไม่ได้เช่นเรื่องนี้ ทุกอย่างที่แว่นแก้วพูดมานั้นว่าไปแล้วก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงเท่าไรนัก เขาพยายามผลักไสหล่อนไปให้พ้นๆ อย่างคนเห็นแก่ตัวแต่ฝ่ายเดียวจริงๆนั่นแหละ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อนับวันเรื่องนี้ก็ยิ่งพัวพันยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นทุกที กอปรกับได้รับแรงกดดันจากภรรยาเพิ่มมาอีกด้าน น่าเหนื่อยหน่ายน้อยเสียเมื่อไรกัน

    “ฉันหวังดีต่อเธอหรอกนะ แว่นแก้ว แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเธอไม่ชอบใจ ฉันก็จะไม่แนะนำให้รู้จักใครอีก ไม่ว่าจะอย่างไร เธอคงรู้ว่าฉันหวังดีต่อเธอเสมอ"

    แว่นแก้วอยากบอกเขาว่าวิธีแสดงความหวังดีสำหรับหล่อนนั้นไม่ยากเลยจนนิด เพียงเขายอมให้หล่อนได้ชิดใกล้เขาเช่นครั้งก่อนเท่านั้นก็พอ หล่อนจะไม่เรียกร้องอะไรมากมายเลย จะไม่ขอแม้แต่ให้เขายกย่องเป็นภรรยารองหรืออะไรทั้งสิ้น ทุกวันนี้หล่อนโหยหาสัมผัสจากเขาอย่างเหลือเกินแล้ว หล่อนต้องการเขา แม้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนที่เคยผ่านมาก็ยังดี ขอเพียงให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม แล้วหลังจากนั้นก็มั่นใจว่าจะทำให้เขาลืมภรรยาของเขาได้จนหมดสิ้น

    "ดิฉันทราบค่ะว่าคุณรามหวังดีกับดิฉัน แต่ขอเถอะค่ะ อย่าใช้วิธีนี้เลยนะคะ ดิฉันเป็นผู้หญิง มีชีวิตจิตใจเหมือนผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน จนขนาดนี้แล้วคุณรามยังไม่ทราบอีกหรือคะว่าดิฉันรู้สึกอย่างไร ดิฉันไม่ต้องการใครอื่นอีก คุณรามก็รู้ดี อย่าบีบบังคับให้ดิฉันคิดกับใครแบบเดียวกันเลยนะคะ คุณรามก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้"

    เมื่อเรื่องทำท่าจะยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ รามจึงจำต้องตัดบทอีกครั้ง

    "เอาเถอะ เอาเถอะ เอาเป็นว่ามีอะไรก็ค่อยว่ากันวันหลัง ตอนนี้ฉันต้องรีบไปกรม”

    ถอยห่างออกมาเพื่อจะเลี่ยงไปที่ประตูห้อง แต่หญิงสาวขยับเข้าขวางไว้เสียอีก

    “แต่คุณรามคะ…ดิฉัน...”

    ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ อีกเสียงดังขัดขึ้นทางด้านหลัง

    “พี่รามคะ...”

    เสียงเรียกชื่อนั้นเข้มงวดและดังเกินจำเป็น จนหญิงสาวบนพื้นห้องถึงกับสะดุ้งสุดตัว ละสายตาจากชายหนุ่ม แล้วมองเลยไปทางนั้น พอเห็นว่าเป็นใครก็ตื่นตระหนกราวตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆ ที่ทำความผิดแล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา

    รามหันไปมองอย่างโล่งอกเมื่อเห็นน้องสาวเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์น่าอึดอัดนี้ได้ก่อนจะลุกลามไปไกลกว่านี้

    “พี่รามจะไปทำงานหรือคะ"

    ร่างโปร่งในชุดซิ่นดำ เสื้อคอกลมแขนกระบอกสีเดียวกัน ก้าวเร็วๆ ตรงมาหาผู้เป็นพี่ชาย หล่อนลดสายตาลงดูผู้หญิงบนพื้นแวบหนึ่งอย่างตำหนิติเตียนและเพื่อบอกเป็นนัยๆ ให้รู้ตัวว่าการกระทำเช่นนี้จะมีผลอย่างไร...ในเมื่อหล่อนเองก็รู้อยู่เต็มอกว่านายพันเอกผู้เป็นประมุขของบ้านไม่ชอบเรื่องจุกจิกกวนใจ

    แว่นแก้วคิดได้ ถอยห่างออกมาจากชายหนุ่ม ลุกยืน แล้วก้าวเดินเงียบกริบกลับไปทางห้องของตัว

    พอคล้อยหลัง รามระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอก หันกลับมาทางน้องสาวซึ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

    "กำลังจะเปลี่ยนเสื้อไปกรมนี่แหละ มีอะไรหรือ"

    "เจ้าประวัติวงศ์ชวนน้องว่าจะไปดูละครที่โรงปรีดาลัยกันเย็นนี้ค่ะพี่ราม น้องอยากชวนแม่ไอรีนไปด้วย ประเดี๋ยวเจ้าจะมารับ พี่รามจะว่าอะไรไหมคะ”

    นายพันเอกหนุ่มจ้องหน้าคนพูดอย่างคาดไม่ถึง หาใช่เรื่องที่ว่าหล่อนมีนัดกับผู้ชายหนุ่มๆ หรอกที่ทำให้ประหลาดใจ ประวัติวงศ์และวิไลเป็นญาติกันทางสายมารดาของทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่สนิทสนมกันพอสมควรทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีรสนิยมที่ต้องกัน จึงไปดูหนังดูละครกันบ่อยครั้ง แทบจะเรียกได้ว่าทุกครั้งที่ราชนิกุลหนุ่มผู้นั้นลงมากรุงเทพก็ว่าได้

    ที่คาดไม่ถึงก็ตรงที่แต่ไหนแต่ไรมาวิไลไม่เคยญาติดีกับไอรีนจนถึงขั้นออกปากชวนให้ไปไหนมาไหนด้วยเช่นนี้ คนที่มักติดตามหล่อนออกไปนอกบ้านก็มีแต่แว่นแก้วหรือไม่ก็บ่าวสาวๆ คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่หล่อนออกไปซื้อเสื้อผ้าหรือของใช้ วิไลไม่ชอบออกจากบ้านไปไหนคนเดียว หล่อนเคยชินกับการมีใครสักคนตามไปรับใช้ด้วยเสมอ ด้วยเหตุนั้นรามจึงไม่ขัดข้องเมื่อหล่อนขอให้แว่นแก้วเข้ามาอยู่ในบ้าน ด้วยเห็นว่าน้องสาวจะได้มีเพื่อนที่เชื่อใจได้ คิดไม่ถึงว่านั่นจะกลายมาเป็นเรื่องยุ่งยากในภายหลังเช่นนี้

    อีกเรื่องที่ทำให้รามหนักใจคือคนซึ่งวิไลเอ่ยถึง แม้ไม่คิดว่าการชักชวนภรรยาของตัวไปดูละครด้วยในครั้งนี้จะเป็นความคิดของเจ้าประวัติวงศ์ แต่ก็ยังอดระแวงเสียมิได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงยอมให้สาวน้อยไปด้วยอย่างเต็มอกเต็มใจ หากทว่าสายตาชื่นชมอย่างปกปิดไม่มิดของราชนิกุลหนุ่มผู้นั้นทำให้บางครั้งก็ออกจะไม่ชอบใจนัก ไม่มีเสียล่ะที่จะภูมิใจเมื่อมีใครมองภรรยาของตัวเองอย่างพึงพอใจถึงขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นหาใช่ผู้มีชื่อเสียงดีนักในเรื่องที่เกี่ยวกับหญิงงาม อีกทั้งยังมีภรรยาลับๆ อยู่แล้วถึงสองคนเช่นนี้

    หากทว่าจะยกเอาเรื่องนั้นมาเป็นเหตุผลเพื่อห้ามภรรยาไปดูละครกับน้องสาวของตัวเองก็กระไรอยู่ ในเมื่อไอรีนก็ไม่ใช่เด็กแล้ว จะไม่ให้ไปไหนมาไหนเพราะความหวาดระแวงเพียงอย่างเดียวก็ใช่ที่

    "ไอรีนเพิ่งฟื้นจากไข้ได้ไม่นาน พี่ยังไม่อยากให้ออกจากบ้านไปไหน" เมื่อห้ามตรงๆ ไม่ได้ ก็เบี่ยงเบนประเด็นไปเป็นเรื่องอื่นเสีย

    "พุทโธ่ พี่รามคะ ก็แค่ไปนั่งดูละคร ไปกลับกับรถของเจ้า ถึงโรงละครก็เข้าไปนั่งเฉยๆ ไม่ต้องเดินไปไหนมาไหนไกลๆ สักหน่อย"

คนเป็นน้องแสร้งทำเสียงล้อเลียน…ทั้งที่ปวดร้าวอยู่ลึกๆ กับอาการหวงแหนเมียสาวที่พี่ชายแสดงให้เห็น

รามมองไม่เห็นทางเลี่ยงใดๆ อีก เพียงแค่ไปดูละครกัน คงไม่มีอะไรมากมาย

    "แล้วจะไปดูละครเรื่องอะไรกัน จะเลิกดึกไหม"

    "เรื่อง สาวเครือฟ้า ไงละคะพี่ราม น้องอยากไปดูอีกสักรอบ เคยดูครั้งหนึ่งแล้วที่โรงศรีอาทิตย์ คราวนั้นเลิกสามทุ่ม ที่แสดงที่ปรีดาลัยเป็นละครร้อง เห็นว่าเริ่มเวลาเดียวกัน ก็คงเลิกเวลาเดียวกันกระมังคะ พอดีเจ้าประวัติวงศ์เคยบอกว่าอยากดูเรื่องนี้ที่ทำเป็นละครร้องอยู่เหมือนกัน"

    รามไม่มีความรู้เรื่องหนังเรื่องละครสักเท่าไรนัก จึงไม่มีความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนั้น หากแต่ยังมีอีกเรื่องซึ่งคาใจอยู่นานวัน

    "ไปดูกันสามคนเท่านั้นหรือ"

    คราวนี้วิไลหลบสายตาสำรวจตรวจตราของพี่ชาย พึมพำคำตอบเบาๆ

    "ก็ว่าจะไปดูกันสามคนค่ะ แต่…บางทีนพพรอาจไปด้วย เห็นว่าอยากดูอยู่เหมือนกัน"

    รามไม่เชื่อถือคำตอบนั้นเท่าไรนัก

    “นพพรน่ะรึอยากดูละคร”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่