บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๓๑)

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, จารย์จี GTW, คุณ ออมอำพัน, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ ๒๐ http://ppantip.com/topic/35490729
บทที่ ๒๑ http://ppantip.com/topic/35500221
บทที่ ๒๒ http://ppantip.com/topic/35507830
บทที่ ๒๓  http://ppantip.com/topic/35514634
บทที่ ๒๔ http://ppantip.com/topic/35524338
บทที่ ๒๕ http://ppantip.com/topic/35533699
บทที่ ๒๖ http://ppantip.com/topic/35542378
บทที่ ๒๗ http://ppantip.com/topic/35546044
บทที่ ๒๙ http://ppantip.com/topic/35559158
บทที่ ๓๐ http://ppantip.com/topic/35566013


บทที่ ๓๑



    เจ้าคุณ

    ได้รับจดหมายของเจ้าคุณผมก็รีบตอบ พอดีกับคนของผมจะลงมากรุงเทพ ได้ฝากของขวัญวันเกิดมาให้คุณหญิงด้วย ขอบใจเจ้าคุณที่เชิญผมมาร่วมงานทำบุญวันเกิดคุณหญิง ระยะนี้ผมลงมาพระนครไม่ได้จริงๆ ทางนี้กำลังยุ่งหลายเรื่อง ได้แต่ส่งผ้าไหมและคำอวยพรมาให้ หวังว่าคุณหญิงคงถูกใจ
ส่วนเรื่องแม่ว่านที่เจ้าคุณถามมานั้น แกเพิ่งจะมากรุงเทพพร้อมผมเมื่อต้นเดือนแปดตามที่เจ้าคุณเห็นนั่นแหละ อันที่จริงแล้วแกตั้งใจจะลงมาพร้อมยศเมื่อกลางเดือนหกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ไม่ทราบ แกเปลี่ยนใจเสียก่อน
ผมหวังว่าเจ้าคุณและคุณหญิงคงสบายดี ฝากดูแลแม่ว่านด้วย อย่างไรแกก็เหมือนเป็นแม่คนที่สองของผม

                                    ประวัติวงศ์



    รามพับจดหมายสั้นๆ ฉบับนั้นกลับใส่ซองของมัน ครุ่นคิดอย่างหนักเมื่อเห็นว่านางว่านคงไม่มีส่วนรู้เห็นกับลูกสาวของนางอย่างที่สงสัยแต่แรก ถ้านางเพิ่งลงมากรุงเทพเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกว่าๆ ที่แล้วมาจริง นางก็คงไม่รู้ว่าแว่นแก้วแอบไปพบใครจนถึงขั้นนอนค้างด้วยสองคืนอย่างที่วิไลว่า

    แต่แล้วชื่อหนึ่งในจดหมายก็สะดุดความรู้สึก ชายหนุ่มเปิดซองแล้วดึงจดหมายฉบับนั้นออกมาอ่านทวนอีกรอบ ยศลงมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว ถ้าการกะประมาณของหลวงเวชถูกต้อง ก็พอดีกับช่วงเวลาซึ่งแว่นแก้วน่าจะเริ่มตั้งท้อง จะเป็นไปได้ไหมที่คนงานของเจ้าประวัติวงศ์ผู้นั้นเป็นคนชักนำหญิงสาวให้รู้จักใครบางคน...ใครบางคนซึ่งกลายมาเป็นพ่อของเด็กในท้องหล่อน ก็ในเมื่อตลอดเวลาปีกว่าที่หล่อนอยู่กรุงเทพ ไม่เห็นว่าแว่นแก้วรู้จักใคร จะออกจากบ้านไปไหนก็มักไปกับวิไล จะเป็นไปได้ไหมที่หล่อนไปรู้จักใครเข้าในช่วงเดือนนั้น โดยการชักนำของสามีนางว่าน

    บางทีบ้านซึ่งราชนิกุลหนุ่มซื้อทิ้งไว้เพื่อใช้เป็นที่พักในเวลาที่ลงมากรุงเทพอาจไขข้อข้องใจนี้ได้บ้าง ลองไปสอบถามคนที่นั่นดูก็ไม่น่าจะเสียหลายอะไร

  
    บ้านในตรอกพระบำบัดฯของเจ้าประวัติวงศ์ปิดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ นายพันเอกหนุ่มยืนคอยอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง จนเห็นว่าเริ่มจะมืดแล้ว คิดว่าคงต้องกลับมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ก็พอดีกับรถลากพาชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบปกติของข้าราชการ...เสื้อราชปะแตน นุ่งผ้าม่วง สวมถุงเท้า รองเท้าหนังสีดำ...มาหยุดหน้าบ้านหลังตรงข้าม

    คนนั่งลงจากรถลาก จ่ายเงินแล้วเหลียวมาดูนายทหารในเครื่องแบบแวบหนึ่งอย่างคาดคะเน เรือนร่างสูงสง่าภูมิฐานยืนอยู่หน้าประตูไม้ของเพื่อนบ้าน รู้ว่าไม่ใช่คนร้ายแน่นอน จึงร้องถามอย่างมีน้ำใจ

    "มาหาเจ้าประวัติวงศ์หรือครับ" ลดสายตาจากใบหน้าคมคายลงดูเครื่องหมายยศบนบ่านิดหนึ่ง พอบอกได้ว่าใหญ่โตไม่น้อยแม้จะยังดูหนุ่มอยู่มาก

    "มาหานายผันครับ...คนขับรถของเจ้าประวัติวงศ์" รามแน่ใจว่าข้าราชการวัยกลางคนผู้นี้คงรู้จักเจ้าจากเมืองเหนือและคนขับรถของท่านดี

    คนสูงวัยกว่าชะเง้อผ่านประตูรั้วไม้เข้าไปภายในบ้านฝั่งตรงข้าม เห็นว่าหน้าต่างทั้งชั้นบนชั้นล่างปิดหมดทุกบาน

    "ไม่อยู่หรือครับ คงต้องถามคนที่บ้านผมดู เขารู้จักกันดี"

    พอดีกับ 'คนที่บ้าน' เปิดประตูให้นาย จึงเรียกให้ออกมาภายนอกแล้วเอ่ยปากถาม

    "ว่อง คนบ้านนั้นไปไหนรู้ไหม"

    ว่องมองตามสายตาแล้วทำหน้าพิพักพิพ่วน รู้อยู่ว่านายผันหายไปไหน แต่ก็ตัดสินใจไม่ได้ในทันทีว่าควรบอกตามตรงดีหรือไม่ พอเห็นว่านายจ้องจะเอาคำตอบให้ได้ ก็รู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น

    "คงอยู่ที่บ่อนขอรับ"

    "บ่อนไหน" คราวนี้ชายหนุ่มผู้มาเยือนเป็นฝ่ายถามเสียเอง

    เห็นเครื่องแบบนายทหารใหญ่และท่าทีขึงขัง บ่าวบ้านตรงข้ามยอมตอบอย่างนอบน้อม สองมือประสานกันตรงหน้า ค้อมตัวเสียต่ำ

    "บ่อนนายเส็งขอรับ"

    แม้จะไม่เคยเข้าบ่อนที่ไหน แต่รามก็เคยได้ยินชื่อสถานที่แห่งนั้นมาบ้าง บ่อนนายเส็งค่อนข้างใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันพอสมควร ทั้งที่จริงแล้วเป็นโรงหวย กอ ขอ แต่หลังฉากเปิดเป็นบ่อนถั่วและโปด้วยเช่นกัน

    ทว่าในเวลานี้ไม่คิดจะไปตามหานายผันถึงที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้แล้วว่าหายไปไหนจนเย็นค่ำ แน่ใจว่ารุ่งขึ้นถ้ามาดักพบที่นี่แต่เช้า ก่อนไปทำงาน ก็คงทันได้เจอตัวกัน


    และก็จริงอย่างที่คิด คนขับรถและเฝ้าบ้านของเจ้าประวัติวงศ์ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านไปไหนเมื่อรถแนชสีดำคันเดิมชะลอเข้ามาจอดหน้าบ้านอีกครั้งในเวลาเช้าตรู่ เมื่อถามถึงนายยศ เขาไม่เต็มใจจะบอกอะไรมากนัก รามจึงต้องงัดเอาไม้ตายขึ้นมาใช้

    "เมื่อเย็นวานฉันมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นายผันไม่อยู่ เห็นว่าไปบ่อน"

    ผันตาเหลือกเมื่อรู้ว่าเพื่อนของนายคนนี้รู้ความลับของตัวเสียแล้ว กระอึกกระอักพูดอะไรไม่ออก

    นายพันเอกหนุ่มหยุดนิดหนึ่งเพื่อให้เวลาอีกฝ่ายได้คิดและได้ตั้งตัว ก่อนตั้งคำถามต่อมา

    "ฉันเพียงอยากรู้ว่าตอนที่นายยศมาพักอยู่ที่นี่ แว่นแก้วมาหาบ่อยไหม แล้วเคยมาค้างที่นี่ด้วยใช่ไหม"

    ประโยคหลังทำเอาคนขับรถวัยกลางคนแทบทรุดนั่งลงกับพื้น เจ้าประวัติวงศ์เคยสั่งห้ามมิให้ใครคนอื่นซึ่งไม่ใช่คนงานที่ส่งมาจากเชียงใหม่นอนค้างที่บ้านหลังนี้ จึงได้แต่เอ้อๆ อ้าๆ อยู่นาน จนอีกคำถามตามติดมาอีก

    "นอกจากนายยศแล้วมีใครมาที่นี่อีกหรือเปล่าในช่วงเวลานั้น"

    ผลเกาหัวแกรก คิดหาคำตอบซึ่งจะกันตัวเองให้ห่างไกลความผิดมากที่สุด

    "แม่แว่นแก้วมาที่นี่หลายครั้งขอรับเจ้าคุณ ยศมันบอกว่าเป็นลูกสาวของมันขอรับ กระผมก็เลยไม่ได้ว่ากระไร เจ้าเคยสั่งไว้ขอรับ ว่าอย่าให้ใครที่ไม่รู้จักมาหาที่นี่ แต่กระผมเห็นว่าเป็นลูกเป็นหลานไอ้ยศ มันบอกว่าเจ้าก็รู้จักแม่แว่นแก้วด้วย กระผมก็เลยไม่ได้ห้าม คนอื่นก็ไม่เห็นมีใครอีกขอรับ ไอ้ยศมันไม่กล้าพาคนอื่นมาดอกขอรับ มันไม่กล้าให้ใครมาเจอมันที่นี่ด้วย เรื่องนี้กระผมรับรองขอรับ แล้วจริงๆ ไอ้ยศมันก็ไม่ค่อยรู้จักใครในกรุงเทพ มันรู้จักก็คนที่ค้าขายอยู่กับเจ้าเท่านั้น มันเป็นคนหลังสวนขอรับ มันถึงไม่ค่อยรู้จักใครที่นี่ คนที่มาหามันที่นี่ก็แม่แว่นแก้วคนเดียวจริงๆ ขอรับ"

    "มาเจอกันแล้ว เขาออกไปไหนด้วยกันหรือเปล่า" รามยังมีคำถามต่ออีก

    ผันครุ่นคิด ว่าไปแล้วตัวเองก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะทุกครั้งที่แว่นแก้วมาที่นี่ ตัวก็ออกจากบ้านไปบ่อนทันทีเพื่อปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง แต่จะบอกตรงๆ ก็ดูเหมือนไม่เอาใจใส่ดูแลบ้านช่องของนายดีพอ จึงตอบตามที่คาดเดาเอาเอง

    "เท่าที่กระผมเห็น ก็ไม่ออกไปไหนกันนะขอรับ"

    "แว่นแก้วมาค้างที่นี่ด้วยใช่ไหม"

    ใบหน้าออกคล้ำของคนขับรถเจ้าประวัติวงศ์เผือดสีลงทันตาเห็น หลบสายตาคนถามพัลวัน เรื่องนี้เป็นความผิดร้ายแรงถ้าเจ้าของบ้านรู้

    "ใช่ไหม...แว่นแก้วมาค้างที่นี่สองคืน" รามคาดคั้น

    หากพอเห็นอาการพิพักพิพ่วนของอีกฝ่าย เขาก็เข้าใจ

    "ถ้านายผันบอกความจริง ฉันจะไม่บอกให้เจ้ารู้ เรื่องนั้นวางใจได้ ฉันรับรอง"

    "ขอรับ" เสียงตอบเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    "ทั้งสองคืน?"

    "ขอรับ"

    ได้คำตอบทั้งหมดที่ต้องการ นายพันเอกหนุ่มพึงพอใจที่เห็นว่าพอจะหาข้อสรุปได้บ้างแล้ว แม้จะยังทำใจให้เชื่อยากว่าพ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงจะมีอะไรกันได้อย่างไรก็ตามที เท่าที่รู้ นายยศเห็นแว่นแก้วมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย คนเราจะมีอะไรกับเด็กซึ่งตัวมีส่วนช่วยเลี้ยงดูได้กระนั้นหรือ
แต่ก็นั่นแหละ เมื่อคิดย้อนมาถึงตัวเอง ความพึงพอใจกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของภรรยาเป็นตัวกระตุ้นความปรารถนาที่ตัวเองยังหาทางแก้ไขไม่ได้ นั่นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ตราบใดที่ตัวเป็นเช่นนี้ จะไปมองแต่คนอื่นว่าไม่ปกติก็กระไรอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่