ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณโอ เขมปัณณ์, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณแอนนี่ annie <harmonica>
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/35454229
บทที่ ๑๖ http://ppantip.com/topic/35460996
บทที่ ๑๗ http://ppantip.com/topic/35467701
บทที่ ๑๘ http://ppantip.com/topic/35478177
บทที่ ๑๙ http://ppantip.com/topic/35484261
บทที่ ๒๐ http://ppantip.com/topic/35490729
บทที่ ๒๑ http://ppantip.com/topic/35500221
บทที่ ๒๒ http://ppantip.com/topic/35507830
บทที่ ๒๓ http://ppantip.com/topic/35514634
บทที่ ๒๔ http://ppantip.com/topic/35524338
บทที่ ๒๕ http://ppantip.com/topic/35533699
ชวนคุยนิดนึงค่ะ อยากบอกว่าจำได้ขึ้นใจเลยค่ะว่าตอนเขียนเรื่องนี้ บทนี้เป็นบทที่เจ็บปวดที่สุด สำหรับคนที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เลยค่ะ สงสัยคุณนันกับจารย์จีคงยิ่งเกลียดรามหนักขึ้นอีกแน่ๆ เลยงานนี้
บทที่ ๒๖
แสงไฟหน้าหม้อรถส่องเป็นลำเข้ามาภายในบริเวณบ้านพร้อมๆ กับรถคันหรูสีดำเคลื่อนเชื่องช้ามาหยุดเทียบบันไดหน้าตึก เจ้าของบ้านออกมาคอยก่อนหน้าแล้ว ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่บนขั้นบนสุดของบันได ข้างประตูทั้งสองด้านมีโคมไฟดวงเล็กๆ ตามไว้พอให้ได้เห็นหน้ากัน
หญิงสาวซึ่งนั่งคู่มาตอนหน้าของรถแทบไม่คอยให้จอดสนิท เปิดประตูก้าวลงมาเสียก่อนที่จะมีใครเปิดให้อีกครั้ง รู้ว่าถ้า 'เขา' เห็นอากัปกิริยาเอาอกเอาใจที่คนขับหนุ่มแสดงมาตลอดเย็นและค่ำวันนี้ เขาต้องไม่ชอบใจอย่างแน่นอน แค่สีหน้าเคร่งเครียดเท่าที่เห็นก็เดาได้แล้วว่ากำลังคิดอย่างไรที่เห็นเธอนั่งมาตอนหน้าคู่กับเจ้าประวัติวงศ์เช่นนี้
คนขับซึ่งนั่งคู่มาตลอดทางก้าวตามลงมาพร้อมกับหญิงสาวซึ่งอยู่ทางตอนหลังของรถ
“ละครเลิกนานแล้ว เจ้าคุณ" เสียงทุ้มๆ ร่าเริงยิ่งนัก "แต่ไปกินบะหมี่กันที่เยาวยื่น ก็เลยกลับเสียดึก เจ้าคุณคงคอยแย่”
คนพูดลดสายตาลงดูเครื่องแบบสีกากีบนร่างใหญ่ล่ำสันก็พอบอกได้ คงคอยเมียเสียจนไม่คิดแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
นายพันเอกหนุ่มยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่
"ครับเจ้า เห็นว่าดึกแล้วก็เลยเป็นห่วง เชิญเจ้าข้างในก่อนไหมครับ"
ราชนิกุลหนุ่มโบกมือไปมา
"ไม่ล่ะครับ…เจ้าคุณ ดึกแล้ว ผมคงต้องรีบกลับ" เขาหัวเราะเบาๆ อย่างคนอารมณ์ดี ผละกลับไปที่ประตูรถ แต่ชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
"อ้อ! เจ้าคุณ...เมื่อครู่ที่คุยกัน ผมก็เลยได้รู้ว่าคุณหญิงเป็นลูกสาวของคุณนายรัทริชจ์"
สามีของ 'ลูกสาวคุณนายรัทริชจ์' เหลียวมองภรรยาซึ่งเลี่ยงมายืนเยื้องไปทางเบื้องหลังแวบหนึ่ง
"เจ้ารู้จักแม่ของไอรีนหรือครับ"
"รู้จักมิสเตอร์รัทริชจ์ครับเจ้าคุณ ติดต่อค้าขายกันมาได้พักใหญ่แล้ว เคยพบตัวเขาก็เมื่อสักปีมาแล้วกระมัง ตอนที่เขาขึ้นไปเชียงใหม่"
รามคาดไม่ถึง อะไรจะบังเอิญได้ถึงขนาดนี้ แต่เมื่อมาคิดดูอีกที เจ้าประวัติวงศ์ได้สัมปทานตัดไม้และค้าไม้ ในเวลาเดียวกันบริษัทซึ่งนายรัทริชจ์เป็นตัวแทนประจำอยู่ที่สิงคโปร์นั้นรับไม้มาผลิตเป็นเครื่องเรือนเพื่อส่งต่อไปขายที่อังกฤษ และในเมื่อบริษัทซึ่งได้สัมปทานตัดไม้ในกรุงสยามมีก็เพียงไม่กี่บริษัท ส่วนใหญ่เป็นของคนต่างชาติที่เป็นเสมือนคู่แข่งกันอยู่แล้ว บริษัทของอังกฤษซึ่งเพิ่งขยายสาขามาทางแถบตะวันออกย่อมพอใจจะหาคู่ค้าซึ่งเป็นคนไทยมากกว่า
ราชนิกุลหนุ่มชายตามาทางคุณหญิงสาวน้อย ใบหน้างามกระจ่างนวลอยู่ในความสลัวรางของยามค่ำคืน
"เมื่อครู่คุณหญิงบอกว่าก่อนขึ้นเชียงใหม่ เจ้าคุณกับคุณหญิงก็ได้พบเขาด้วยเหมือนกันใช่ไหม"
"ครับ ไอรีนก็เพิ่งได้พบแม่คราวนั้นเหมือนกัน" รามตอบแทนภรรยา
หากคนถามก็ยังต้องการได้ยินจากปากของเจ้าตัวมากกว่า
"อย่างนั้นหรือครับคุณหญิง"
เธอจึงจำต้องตอบรับแต่โดยดี
"ค่ะ เจ้า"
นั่นเท่ากับเปิดทางให้ฝ่ายนั้นสานต่อไปอีกนิด
"บังเอิญดีจริง คราวหน้าถ้ามิสเตอร์รัทริชจ์ขึ้นไปเชียงใหม่อีก ผมจะให้ไปพักที่คุ้ม คนกันเองแท้ๆ ครั้งก่อนที่เขาไปติดต่อเรื่องไม้ น่าเสียดายที่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเป็นใคร คุณหญิงด้วยนะครับ ขึ้นเหนือเมื่อไรไปพักที่คุ้มของผมได้เสมอ"
รามหันมองภรรยาอีกครั้ง แล้วตอบแทนให้อีก
"ครับเจ้า"
คำเชิญชวนของเจ้าประวัติวงศ์ทำให้ไอรีนต้องลอบสังเกตปฏิกิริยาของสามี แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ ใบหน้าคมคายซึ่งเห็นเพียงด้านข้างนั้นเรียบเฉย ริมฝีปากค่อนข้างบางเหยียดยิ้มน้อยๆเมื่อราชนิกุลหนุ่มบอกลา
"คุณรามคอยอยู่หรือคะ" สาวน้อยเอ่ยปากถามเมื่อเดินตามกันไปที่เรือนไม้ริมคลอง
"ก็คอยน่ะซี" คำตอบเหมือนไม่สบอารมณ์ แต่น้ำเสียงไม่มีร่องรอยโกรธขึ้งแต่อย่างใด
"คุณรามรับผัดเผ็ดปลาดุกได้หรือเปล่าคะ" อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนเรื่องเสีย ด้วยยังไม่หายข้องใจเรื่องนั้น
ร่างสูงๆ ซึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้าหยุดนิดหนึ่ง แล้วเหลียวหลังมาทางคนถาม ตอบพลางหัวเราะเบาๆ
"ไม่รู้หรอก ไม่ได้ลองกินดู"
"อ้าว!" เธออุทานเสียงหลง "ยายไวไม่ได้ผัดเผ็ดปลาดุกให้คุณรามหรอกหรือคะ ดิฉันเตรียมเครื่องไว้ให้แล้ว"
ออกจะรู้สึกผิดที่มัวแต่ไปเที่ยวสนุกเสีย ปล่อยให้เขาคอยอยู่กับบ้าน ข้าวปลาก็คงไม่ได้รับประทาน
"คงทำกระมัง แต่ฉันไม่ได้กิน"
รามลอบยิ้มในความมืดเมื่อรู้ว่าเมียอุตส่าห์เป็นห่วง ขยับเข้ามาโอบไหล่ให้ออกเดินต่อ ทางเดินปูกระเบื้องระหว่างตึกหลังใหญ่กับเรือนไม้หลังเล็กนั้นเงียบสงบ สมบุญและบ่าวคนอื่นๆ เข้านอนกันไปนานแล้ว แสงไฟจากเรือนครัวซึ่งคุณกนกสั่งให้นางนาบแม่ครัวเปิดทิ้งไว้ส่องผ่านออกมาพอให้เห็นทางเดิน
"คุณรามยังไม่ได้รับสำรับเย็นหรอกหรือคะ" เสียงถามคราวนี้เหมือนรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า
"ฉันไม่หิว เธอก็ไม่อยู่ ก็เลยไม่ได้กิน" เขาบอกตามตรง ว่าไปแล้วพอเมียกลับถึงบ้าน และเลิกเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้จึงรู้ว่ากำลังหิวข้าวเพียงไร
"ว่าแต่ตอนนี้ชักจะหิวขึ้นมาแล้วซี มีอะไรเหลือให้กินบ้างก็ไม่รู้"
เรือนครัวปลูกอยู่แยกไปทางขวามือตรงนั้นเอง
"ดิฉันเข้าไปดูในเรือนครัวนะคะว่าพอจะทำอะไรให้คุณรามได้บ้าง"
ชายหนุ่มกลับกระชับไหล่บอบบางเพื่อพาเดินต่อ
"อย่าเลย ฉันไม่ได้หิวนักหรอก นี่ก็ดึกแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนเถอะ"
แต่คนเป็นภรรยาก็ยังไม่เปลี่ยนใจ จะให้เขาเข้านอนทั้งๆ ที่หิวได้อย่างไร
"คุณรามอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเถอะค่ะ ดิฉันจะไปทำอะไรให้" เสียงใสเข้มงวดขึ้น คราวนี้ไม่บอกเปล่า ยังดันหลังล่ำสันเบาๆ ให้ล่วงหน้าไปก่อนอีกด้วย
"ฉันมีเสื้อผ้าอยู่ที่นี่บ้างไหม" เขาเหลียวหลังกลับมาถาม
"ดิฉันเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ ถ้าคุณรามจะนอนที่เรือนคืนนี้"
"ก็อย่างนั้นซี"
ชายหนุ่มบอกแล้วหัวเราะเบาๆ แสร้งให้ฟังดูมีเลศนัย
เมื่อไอรีนเข้าไปดูในครัว เห็นว่าถ้วยชามถูกเก็บล้างไว้เรียบร้อย อาหารซึ่งเตรียมไว้เป็นมื้อเย็นของสามีนั้นบ่าวคงรับประทานกันหมดแล้ว แต่ยังพอมีข้าวสวยหลงเหลืออยู่บ้าง จึงยกหม้อขึ้นตั้งไฟทำข้าวต้ม ฉีกเนื้อไก่ซึ่งต้มสุกแล้วใส่ลงไป
ข้อดีอย่างหนึ่งของรามซึ่งเธอเรียนรู้หลังจากที่กินอยู่กันมาร่วมปีคือเขาไม่เลือกเรื่องอาหาร ทำอะไรให้ เขารับประทานได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอเป็นคนลงมือทำเอง เหมือนเช่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย จัดอะไรไว้ให้ เขาก็ใส่อย่างนั้น ไม่เคยบ่น ไม่เคยเกี่ยงงอนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่
เมื่อยกเอาอาหารมาที่เรือนไม้ ก็เห็นเขายืนอยู่ที่ระเบียงก่อนหน้าแล้ว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงแพร เสื้อผ้าป่านบางเบาซึ่งเธอเตรียมไว้ให้
ได้ยินเสียงสวบสาบเมื่อภรรยาปูเสื่อลงกับพื้นไม้ รามเหลียวหลังมาดู
"ที่จริงอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่างนี่ก็สะดวกดีเหมือนกัน พรุ่งนี้เธอช่วยบอกให้สมบุญขนเสื้อผ้าของฉันมาไว้ที่นี่อีกก็แล้วกัน ฉันคงไม่ขึ้นไปแต่งตัวที่ตึกใหญ่อีกหรอก"
นัยน์ตาสีน้ำตาลใสเหลือบขึ้นดูคนพูดแวบหนึ่ง รับคำแผ่วๆ ขณะคลี่ผ้าขาวปูทับลงบนเสื่อ แล้วย้ายถ้วยข้าวต้มและเครื่องปรุงจากถาดขึ้นวางให้
"ที่ว่างตรงนั้น..." เขาว่าพยักพเยิดไปข้างเรือน "ฉันกำลังคิดว่าถ้าปลูกศาลาให้เธอได้ใช้เป็นที่อ่านหนังสือจะดีไหม ห้องหนังสือมืดเกินไป กลางวันบางทีก็ร้อน ข้างเรือนนี่ลมโกรกดี เธอคงชอบ"
มือเล็กๆ ซึ่งกำลังย้ายแก้วน้ำจากถาดมาวางลงบนผ้าขาวชะงักไปนิดหนึ่ง
"ที่นอนก็เหมือนกัน" เขายังไม่หมดเรื่องซึ่งต้องการปรึกษา "เธอจะต้องนอนที่นี่ต่อไปอีกตั้งสี่สิบกว่าวัน ฉันไม่อยากให้ต้องนอนกับพื้นไม้อย่างนั้น หาซื้อเตียงใหม่อีกสักหลังจะดีกว่า แล้วย้ายเตียงของคุณแม่ขึ้นไปเก็บไว้บนตึก ซื้อใหม่ทั้งชุดเลยทีเดียว ทั้งตู้ เตียง มันจะได้เข้าชุดกัน"
ทั้งหมดนั้นไอรีนรู้ว่าไม่ใช่การขอความคิดเห็น แต่เป็นการตัดสินใจของเขามากกว่า จึงได้แต่รับฟังเงียบๆ มองตามร่างสูงใหญ่ซึ่งผละจากระเบียงมาลงนั่งขัดสมาธิหน้าถ้วยข้าวต้ม พอเห็นว่ามีข้าวต้มเพียงถ้วยเดียวก็เอ่ยปากถาม
"เธอไม่กินด้วยหรือ"
"ไม่ล่ะค่ะ ดิฉันอิ่มแล้ว"
"อิ่มบะหมี่เยาวยื่นน่ะหรือ" คำพูดนั้นกลั้วหัวเราะ
สาวน้อยยิ้มด้วยรู้ว่าเขาตั้งใจยั่วเย้า
"ค่ะ"
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๒๖)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณโอ เขมปัณณ์, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณแอนนี่ annie <harmonica>
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชวนคุยนิดนึงค่ะ อยากบอกว่าจำได้ขึ้นใจเลยค่ะว่าตอนเขียนเรื่องนี้ บทนี้เป็นบทที่เจ็บปวดที่สุด สำหรับคนที่ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เลยค่ะ สงสัยคุณนันกับจารย์จีคงยิ่งเกลียดรามหนักขึ้นอีกแน่ๆ เลยงานนี้
แสงไฟหน้าหม้อรถส่องเป็นลำเข้ามาภายในบริเวณบ้านพร้อมๆ กับรถคันหรูสีดำเคลื่อนเชื่องช้ามาหยุดเทียบบันไดหน้าตึก เจ้าของบ้านออกมาคอยก่อนหน้าแล้ว ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่บนขั้นบนสุดของบันได ข้างประตูทั้งสองด้านมีโคมไฟดวงเล็กๆ ตามไว้พอให้ได้เห็นหน้ากัน
หญิงสาวซึ่งนั่งคู่มาตอนหน้าของรถแทบไม่คอยให้จอดสนิท เปิดประตูก้าวลงมาเสียก่อนที่จะมีใครเปิดให้อีกครั้ง รู้ว่าถ้า 'เขา' เห็นอากัปกิริยาเอาอกเอาใจที่คนขับหนุ่มแสดงมาตลอดเย็นและค่ำวันนี้ เขาต้องไม่ชอบใจอย่างแน่นอน แค่สีหน้าเคร่งเครียดเท่าที่เห็นก็เดาได้แล้วว่ากำลังคิดอย่างไรที่เห็นเธอนั่งมาตอนหน้าคู่กับเจ้าประวัติวงศ์เช่นนี้
คนขับซึ่งนั่งคู่มาตลอดทางก้าวตามลงมาพร้อมกับหญิงสาวซึ่งอยู่ทางตอนหลังของรถ
“ละครเลิกนานแล้ว เจ้าคุณ" เสียงทุ้มๆ ร่าเริงยิ่งนัก "แต่ไปกินบะหมี่กันที่เยาวยื่น ก็เลยกลับเสียดึก เจ้าคุณคงคอยแย่”
คนพูดลดสายตาลงดูเครื่องแบบสีกากีบนร่างใหญ่ล่ำสันก็พอบอกได้ คงคอยเมียเสียจนไม่คิดแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
นายพันเอกหนุ่มยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่
"ครับเจ้า เห็นว่าดึกแล้วก็เลยเป็นห่วง เชิญเจ้าข้างในก่อนไหมครับ"
ราชนิกุลหนุ่มโบกมือไปมา
"ไม่ล่ะครับ…เจ้าคุณ ดึกแล้ว ผมคงต้องรีบกลับ" เขาหัวเราะเบาๆ อย่างคนอารมณ์ดี ผละกลับไปที่ประตูรถ แต่ชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
"อ้อ! เจ้าคุณ...เมื่อครู่ที่คุยกัน ผมก็เลยได้รู้ว่าคุณหญิงเป็นลูกสาวของคุณนายรัทริชจ์"
สามีของ 'ลูกสาวคุณนายรัทริชจ์' เหลียวมองภรรยาซึ่งเลี่ยงมายืนเยื้องไปทางเบื้องหลังแวบหนึ่ง
"เจ้ารู้จักแม่ของไอรีนหรือครับ"
"รู้จักมิสเตอร์รัทริชจ์ครับเจ้าคุณ ติดต่อค้าขายกันมาได้พักใหญ่แล้ว เคยพบตัวเขาก็เมื่อสักปีมาแล้วกระมัง ตอนที่เขาขึ้นไปเชียงใหม่"
รามคาดไม่ถึง อะไรจะบังเอิญได้ถึงขนาดนี้ แต่เมื่อมาคิดดูอีกที เจ้าประวัติวงศ์ได้สัมปทานตัดไม้และค้าไม้ ในเวลาเดียวกันบริษัทซึ่งนายรัทริชจ์เป็นตัวแทนประจำอยู่ที่สิงคโปร์นั้นรับไม้มาผลิตเป็นเครื่องเรือนเพื่อส่งต่อไปขายที่อังกฤษ และในเมื่อบริษัทซึ่งได้สัมปทานตัดไม้ในกรุงสยามมีก็เพียงไม่กี่บริษัท ส่วนใหญ่เป็นของคนต่างชาติที่เป็นเสมือนคู่แข่งกันอยู่แล้ว บริษัทของอังกฤษซึ่งเพิ่งขยายสาขามาทางแถบตะวันออกย่อมพอใจจะหาคู่ค้าซึ่งเป็นคนไทยมากกว่า
ราชนิกุลหนุ่มชายตามาทางคุณหญิงสาวน้อย ใบหน้างามกระจ่างนวลอยู่ในความสลัวรางของยามค่ำคืน
"เมื่อครู่คุณหญิงบอกว่าก่อนขึ้นเชียงใหม่ เจ้าคุณกับคุณหญิงก็ได้พบเขาด้วยเหมือนกันใช่ไหม"
"ครับ ไอรีนก็เพิ่งได้พบแม่คราวนั้นเหมือนกัน" รามตอบแทนภรรยา
หากคนถามก็ยังต้องการได้ยินจากปากของเจ้าตัวมากกว่า
"อย่างนั้นหรือครับคุณหญิง"
เธอจึงจำต้องตอบรับแต่โดยดี
"ค่ะ เจ้า"
นั่นเท่ากับเปิดทางให้ฝ่ายนั้นสานต่อไปอีกนิด
"บังเอิญดีจริง คราวหน้าถ้ามิสเตอร์รัทริชจ์ขึ้นไปเชียงใหม่อีก ผมจะให้ไปพักที่คุ้ม คนกันเองแท้ๆ ครั้งก่อนที่เขาไปติดต่อเรื่องไม้ น่าเสียดายที่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเป็นใคร คุณหญิงด้วยนะครับ ขึ้นเหนือเมื่อไรไปพักที่คุ้มของผมได้เสมอ"
รามหันมองภรรยาอีกครั้ง แล้วตอบแทนให้อีก
"ครับเจ้า"
คำเชิญชวนของเจ้าประวัติวงศ์ทำให้ไอรีนต้องลอบสังเกตปฏิกิริยาของสามี แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ ใบหน้าคมคายซึ่งเห็นเพียงด้านข้างนั้นเรียบเฉย ริมฝีปากค่อนข้างบางเหยียดยิ้มน้อยๆเมื่อราชนิกุลหนุ่มบอกลา
"คุณรามคอยอยู่หรือคะ" สาวน้อยเอ่ยปากถามเมื่อเดินตามกันไปที่เรือนไม้ริมคลอง
"ก็คอยน่ะซี" คำตอบเหมือนไม่สบอารมณ์ แต่น้ำเสียงไม่มีร่องรอยโกรธขึ้งแต่อย่างใด
"คุณรามรับผัดเผ็ดปลาดุกได้หรือเปล่าคะ" อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนเรื่องเสีย ด้วยยังไม่หายข้องใจเรื่องนั้น
ร่างสูงๆ ซึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้าหยุดนิดหนึ่ง แล้วเหลียวหลังมาทางคนถาม ตอบพลางหัวเราะเบาๆ
"ไม่รู้หรอก ไม่ได้ลองกินดู"
"อ้าว!" เธออุทานเสียงหลง "ยายไวไม่ได้ผัดเผ็ดปลาดุกให้คุณรามหรอกหรือคะ ดิฉันเตรียมเครื่องไว้ให้แล้ว"
ออกจะรู้สึกผิดที่มัวแต่ไปเที่ยวสนุกเสีย ปล่อยให้เขาคอยอยู่กับบ้าน ข้าวปลาก็คงไม่ได้รับประทาน
"คงทำกระมัง แต่ฉันไม่ได้กิน"
รามลอบยิ้มในความมืดเมื่อรู้ว่าเมียอุตส่าห์เป็นห่วง ขยับเข้ามาโอบไหล่ให้ออกเดินต่อ ทางเดินปูกระเบื้องระหว่างตึกหลังใหญ่กับเรือนไม้หลังเล็กนั้นเงียบสงบ สมบุญและบ่าวคนอื่นๆ เข้านอนกันไปนานแล้ว แสงไฟจากเรือนครัวซึ่งคุณกนกสั่งให้นางนาบแม่ครัวเปิดทิ้งไว้ส่องผ่านออกมาพอให้เห็นทางเดิน
"คุณรามยังไม่ได้รับสำรับเย็นหรอกหรือคะ" เสียงถามคราวนี้เหมือนรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า
"ฉันไม่หิว เธอก็ไม่อยู่ ก็เลยไม่ได้กิน" เขาบอกตามตรง ว่าไปแล้วพอเมียกลับถึงบ้าน และเลิกเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้จึงรู้ว่ากำลังหิวข้าวเพียงไร
"ว่าแต่ตอนนี้ชักจะหิวขึ้นมาแล้วซี มีอะไรเหลือให้กินบ้างก็ไม่รู้"
เรือนครัวปลูกอยู่แยกไปทางขวามือตรงนั้นเอง
"ดิฉันเข้าไปดูในเรือนครัวนะคะว่าพอจะทำอะไรให้คุณรามได้บ้าง"
ชายหนุ่มกลับกระชับไหล่บอบบางเพื่อพาเดินต่อ
"อย่าเลย ฉันไม่ได้หิวนักหรอก นี่ก็ดึกแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนเถอะ"
แต่คนเป็นภรรยาก็ยังไม่เปลี่ยนใจ จะให้เขาเข้านอนทั้งๆ ที่หิวได้อย่างไร
"คุณรามอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเถอะค่ะ ดิฉันจะไปทำอะไรให้" เสียงใสเข้มงวดขึ้น คราวนี้ไม่บอกเปล่า ยังดันหลังล่ำสันเบาๆ ให้ล่วงหน้าไปก่อนอีกด้วย
"ฉันมีเสื้อผ้าอยู่ที่นี่บ้างไหม" เขาเหลียวหลังกลับมาถาม
"ดิฉันเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ ถ้าคุณรามจะนอนที่เรือนคืนนี้"
"ก็อย่างนั้นซี"
ชายหนุ่มบอกแล้วหัวเราะเบาๆ แสร้งให้ฟังดูมีเลศนัย
เมื่อไอรีนเข้าไปดูในครัว เห็นว่าถ้วยชามถูกเก็บล้างไว้เรียบร้อย อาหารซึ่งเตรียมไว้เป็นมื้อเย็นของสามีนั้นบ่าวคงรับประทานกันหมดแล้ว แต่ยังพอมีข้าวสวยหลงเหลืออยู่บ้าง จึงยกหม้อขึ้นตั้งไฟทำข้าวต้ม ฉีกเนื้อไก่ซึ่งต้มสุกแล้วใส่ลงไป
ข้อดีอย่างหนึ่งของรามซึ่งเธอเรียนรู้หลังจากที่กินอยู่กันมาร่วมปีคือเขาไม่เลือกเรื่องอาหาร ทำอะไรให้ เขารับประทานได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอเป็นคนลงมือทำเอง เหมือนเช่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย จัดอะไรไว้ให้ เขาก็ใส่อย่างนั้น ไม่เคยบ่น ไม่เคยเกี่ยงงอนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่
เมื่อยกเอาอาหารมาที่เรือนไม้ ก็เห็นเขายืนอยู่ที่ระเบียงก่อนหน้าแล้ว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงแพร เสื้อผ้าป่านบางเบาซึ่งเธอเตรียมไว้ให้
ได้ยินเสียงสวบสาบเมื่อภรรยาปูเสื่อลงกับพื้นไม้ รามเหลียวหลังมาดู
"ที่จริงอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างล่างนี่ก็สะดวกดีเหมือนกัน พรุ่งนี้เธอช่วยบอกให้สมบุญขนเสื้อผ้าของฉันมาไว้ที่นี่อีกก็แล้วกัน ฉันคงไม่ขึ้นไปแต่งตัวที่ตึกใหญ่อีกหรอก"
นัยน์ตาสีน้ำตาลใสเหลือบขึ้นดูคนพูดแวบหนึ่ง รับคำแผ่วๆ ขณะคลี่ผ้าขาวปูทับลงบนเสื่อ แล้วย้ายถ้วยข้าวต้มและเครื่องปรุงจากถาดขึ้นวางให้
"ที่ว่างตรงนั้น..." เขาว่าพยักพเยิดไปข้างเรือน "ฉันกำลังคิดว่าถ้าปลูกศาลาให้เธอได้ใช้เป็นที่อ่านหนังสือจะดีไหม ห้องหนังสือมืดเกินไป กลางวันบางทีก็ร้อน ข้างเรือนนี่ลมโกรกดี เธอคงชอบ"
มือเล็กๆ ซึ่งกำลังย้ายแก้วน้ำจากถาดมาวางลงบนผ้าขาวชะงักไปนิดหนึ่ง
"ที่นอนก็เหมือนกัน" เขายังไม่หมดเรื่องซึ่งต้องการปรึกษา "เธอจะต้องนอนที่นี่ต่อไปอีกตั้งสี่สิบกว่าวัน ฉันไม่อยากให้ต้องนอนกับพื้นไม้อย่างนั้น หาซื้อเตียงใหม่อีกสักหลังจะดีกว่า แล้วย้ายเตียงของคุณแม่ขึ้นไปเก็บไว้บนตึก ซื้อใหม่ทั้งชุดเลยทีเดียว ทั้งตู้ เตียง มันจะได้เข้าชุดกัน"
ทั้งหมดนั้นไอรีนรู้ว่าไม่ใช่การขอความคิดเห็น แต่เป็นการตัดสินใจของเขามากกว่า จึงได้แต่รับฟังเงียบๆ มองตามร่างสูงใหญ่ซึ่งผละจากระเบียงมาลงนั่งขัดสมาธิหน้าถ้วยข้าวต้ม พอเห็นว่ามีข้าวต้มเพียงถ้วยเดียวก็เอ่ยปากถาม
"เธอไม่กินด้วยหรือ"
"ไม่ล่ะค่ะ ดิฉันอิ่มแล้ว"
"อิ่มบะหมี่เยาวยื่นน่ะหรือ" คำพูดนั้นกลั้วหัวเราะ
สาวน้อยยิ้มด้วยรู้ว่าเขาตั้งใจยั่วเย้า
"ค่ะ"