ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณดาว Lady Star 919, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณโอ เขมปัณณ์, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ สมาชิกหมายเลข 1399661
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓
http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔
http://ppantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕
http://ppantip.com/topic/35454229
บทที่ ๑๖
http://ppantip.com/topic/35460996
บทที่ ๑๗
“เดินดูทั่วบ้านหรือยัง” นายพันโทหนุ่มถามก่อนหันมามอง
ร่างบอบบางเดินตามมาข้างหลังอย่างคนรู้ที่ทาง…อย่างให้เกียรติเขาในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นผู้นำชีวิตและผู้มีอำนาจสูงสุดภายในบ้านใหญ่โตหลังนี้
“ยังเลยค่ะ”
เสียงตอบแผ่วหวิวจนคนถามต้องชะลอฝีเท้าลงมาเดินเคียง
"ทำไมล่ะ"
“เมื่อเช้าพอคุณรามไปทำงานแล้ว ดิฉันก็จัดของเข้าตู้ แล้วคุณหญิง…เอ่อ…คุณแม่…ให้รำพึงมาบอกให้ลงมาหาค่ะ” เธอหมายถึงเด็กสาวต้นห้องของคุณกนกซึ่งมีหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดคุณหญิงละออด้วย
รามยิ้มกับคำว่า ‘คุณแม่’ ที่ได้ยิน นี่คงจัดแจงสั่งสอนกันเรียบร้อยแล้วว่าให้เรียกอย่างนั้น คงเอ็นดูเอามากจริงๆ นั่นแหละ ในเมื่อก่อนหน้านี้มีก็เพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คำนี้ คนแรกคือตัวเขาเองซึ่งเป็นลูกแท้ๆ อีกคนคือวิไลซึ่งเป็นลูกเลี้ยง
“ท่านคิดว่าเราควรไปไหว้เสด็จพระองค์ชายกับเจ้าคุณนเรศ” เขาว่าไปเรื่อยเปื่อย เพื่อชวนคุยเสียมากกว่าอะไรอื่น แน่ใจว่าสาวน้อยก็คงรู้อยู่แล้ว
“ดิฉันเรียนท่านว่าทำพานรับไหว้ได้ ท่านก็เลยให้ทำเองค่ะ ท่านว่าทำเองจะได้เป็นมงคลกับตัว”
คำพูดท้ายประโยคหลังแทบกลืนหายไปในลำคอเมื่อตาบังเอิญเหลือบขึ้นไปเห็นใครคนหนึ่งที่ชั้นบนของตัวตึก ผู้หญิงคนนั้นเอง หล่อนกำลังยืนมองลงมาจากเฉลียง...ฝั่งซึ่งเป็นห้องของหล่อนและคุณวิไล
รามก้มลงหาเมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงที่ผิดปกติไป พอเห็นว่าใบหน้าอ่อนละมุนซีดไปวูบหนึ่ง ก็แหงนเงยขึ้นมองตามสายตา พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ไม่ให้ความสนใจอะไรอีก คว้ามือเล็กๆ มากุมไว้ แล้วบีบเบาๆ จะเพื่ออะไรก็ไม่แน่ใจ...เพื่อให้กำลังใจ หรือชดเชยความรู้สึกผิดที่พาเธอมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ หรืออาจทั้งสองอย่างรวมกันก็เป็นได้
"วันศุกร์นี้ที่เราจะไปหัวหินกันเธอช่วยจัดเสื้อผ้าให้ฉันด้วยจะได้ไหม" จึงดึงความสนใจไปเป็นเรื่องอื่นเสีย
"ค่ะ คุณราม จะไปกี่วันคะ"
"ฉันหยุดงานได้ห้าวัน เราไปหัวหินกันสักสามวัน หรือสี่วัน เธออยากไปอยู่ที่นั่นสักกี่วันดี"
"แล้วแต่คุณรามเถอะค่ะ" หลบสายตาของเขาที่ก้มลงหาพัลวัน เหตุก็เพราะเพิ่งรู้จากคุณหญิงละออเมื่อครู่ว่าเขาต้องการพาเธอไปที่นั่นด้วยเหตุใด
'ฝรั่งเขาเรียกหั่นนี่มูน' คุณหญิงสูงวัยว่าอย่างนั้น 'ฝรั่งที่เขาแต่งกันใหม่ๆ พ่อรามว่าเขาไปหั่นนี่มูนกัน'
'หั่นอะไรนะคะคุณพี่' นั่นเป็นคำถามจากคุณกนก
รำพึงกับงามพิศ...คู่หูซึ่งเป็นเด็กสาววัยเดียวกัน...ปิดปากหัวเราะกันให้คิกคัก
'หัวเราะอะไร แม่รำพึง รึว่าหล่อนรู้' มารดาของรามทำเสียงตำหนิ แต่จริงๆแล้วก็พลอยเห็นขันไปด้วย
'เปล่าเจ้าค่ะ คุณหญิง' คนถูกดุอ้อมแอ้มตอบ
'หั่นนี่มูน แม่กนก แต่ทำไมต้องหั่นนี่มูน ฉันก็ไม่รู้หรอก แล้วไอ้ นี่มูน คืออะไร ฉันก็ไม่รู้ จะถามพ่อรามก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวลูกมันจะว่าแม่เชย เห็นว่าสมัยนี้ใครแต่งงานกันก็ต้องไปหั่นนี่มูนกันแบบฝรั่ง'
ภรรยาสดๆ ร้อนๆ ของคนที่ถูกพูดถึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเย็บกระทงสำหรับพานรับไหว้อย่างเงียบเชียบ ได้ยินชัดเจนทุกคำที่พูดคุยกัน หน้าร้อนวูบวาบไปหมด ก็ในเมื่อได้ยินตอนที่ 'เขา' บอกคุณหญิงผู้เป็นแม่ว่าจะพาเธอไป 'ฮันนีมูน' อย่างที่ว่า และพอรู้จากหนังสือที่เคยอ่านมาบ้างว่าคืออะไร
เธอเรียนรู้หน้าที่ภรรยาด้วยตัวเองก่อนมีโอกาสได้ 'หั่นนี่มูน' เสียด้วยซ้ำ เมื่อเช้าพอเขาไปทำงานแล้วก็ได้รื้อเอาเสื้อผ้าของเขาซึ่งกองสุมๆ อยู่ในตู้ออกมาหมด พับเสียใหม่ แล้วจัดกลับเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ แยกประเภท เสื้อ กางเกง ถุงเท้า อย่างเรียบร้อย ได้รู้ด้วยว่าเสื้อผ้าและของใช้ของเขามีอะไรบ้าง อะไรเก็บไว้ที่ไหน จริงๆ แล้วคิดจะซักเสื้อผ้าให้เองด้วยซ้ำ แต่พอลองลงไปที่เรือนบ่าวซึ่งปลูกเป็นแถวยาว เยื้องไปทางด้านหลังของตัวตึก บ่าวสูงวัยผู้ทำหน้าที่ซักรีดและดูแลเรื่องเสื้อผ้าของคนทั้งบ้านบอกอย่างเกรงอกเกรงใจว่าไม่ต้องลำบากถึงขั้นนั้น เป็นหน้าที่ของหล่อนที่ต้องคุมบ่าวสาวๆ อีกสองคนดูแลเรื่องเสื้อผ้าอยู่แล้ว เสื้อใช้แล้วของราม ปกติสมบุญจะเก็บลงมาส่งให้ซัก ซักรีดแล้วก็เอากลับขึ้นไปใส่ตู้ให้
ไอรีนจำต้องรับรู้ตามนั้น ที่ตั้งใจเหนืออื่นใดในเวลานั้นคือตั้งใจจะหาที่ซักผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดผืนที่ใช้เมื่อคืนเองด้วย จะส่งผ้าปูที่นอนผืนนั้นให้คนอื่นซักก็ออกจะขัดเขิน เกรงว่าจะมีใครถามว่าเลือดที่เปื้อนอยู่เกิดจากอะไร ถ้ามีคนถามก็ไม่รู้ว่าจะแสวงหาคำอธิบายมาจากไหน
“วันนี้ฉันรู้มาว่ามีตำแหน่งที่ค่ายทหารโคราช ตำแหน่งนั้นเหมาะกับความรู้ของบรรจบ”
รามชวนคุยต่อ เขาหมายถึงนายทหารคนสนิทซึ่งติดตามเขามานานวัน
“ฉันกำลังคิดว่าจะลองขอตำแหน่งนั้นให้เพราะเห็นว่าบรรจบก็สนใจอยู่ แล้วจะเอาสบโชคมาเป็นทหารติดตามฉันแทน”
ไอรีนละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นมามองเขา สิ่งนี้เองที่คุณสร้อยหวังนักหวังหนา เธอเองก็หวังเช่นกัน ถ้าพี่ชายได้เป็นนายทหารคนสนิทของเขา พี่ก็คงยังมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ที่สำคัญอนาคตการงานของพี่จะไปได้ไกลเมื่อได้มาอยู่ใกล้ชิด 'เขา' มากกว่าที่เป็นอยู่
"พี่โชคคงดีใจค่ะ คุณแม่ใหญ่ก็หวังอยู่ว่าคุณรามจะให้พี่โชคมาเป็นทหารคนสนิทของคุณราม"
เสียงใสๆ ที่อุทานอย่างตื่นเต้นยินดี ทั้งอย่างซื่อๆ และตรงไปตรงมานั้นทำเอาคนฟังยิ้มอย่างเอ็นดู
"แล้วเธอล่ะ" เขาเหลียวหลังมาถามเมื่อเดินเรื่อยไปที่บันไดขึ้นชั้นบน
"ดีใจสิคะ ดีใจมากเลยค่ะคุณราม" เธอตอบรับอย่างซาบซึ้งใจ
พอจะก้าวขึ้นบันได ไอรีนกลั้นหายใจ ตลอดวันวันนี้ทั้งคุณวิไลและผู้หญิงคนนั้นไม่ลงมาข้างล่างเลย แน่ใจว่าเวลานี้ทั้งคู่ยังอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งทางฟากนี้ เมื่อถามรำพึงตอนที่คุณหญิงละออส่งให้มาตาม ก็ได้รู้ว่าปกติทั้งสองคนจะอยู่กันแต่ชั้นบน ต้องการอะไรก็มีบ่าวคอยรับใช้ถึงห้องเสมอ นานปีทีหนหรอกจึงจะออกไปไหนกัน ชวนให้สงสัยว่าอยู่กันได้อย่างไรแต่ภายในห้องแบบนั้น ให้เธออยู่แบบนั้น ไม่เกินวันก็คงอัดใจตายเสียก่อน
เมื่อรู้ว่าทั้งสองคน...โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงคนนั้น...อยู่กันแต่บนตัวตึก จึงประหวั่นพรั่นพรึงทุกครั้งที่ต้องขึ้นหรือลงบันได ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเจอกันจังๆ หน้าอย่างเมื่อคืนอีก และคราวนี้ถ้าเจอกันก็จะไม่มีญาติพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจไม่มีมือแข็งแรงและอบอุ่นของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าคอยเป็นกำลังใจให้...แม้เขาเองจะเป็นต้นเหตุของปัญหานี้ก็เถอะ
แต่จนแล้วจนรอด วันทั้งวันก็ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนมาเมื่อครู่นี้ ที่หล่อนออกมายืนมอง แน่ใจว่าคงเป็นเพราะหล่อนรู้ว่าคุณรามกลับบ้านแล้วนั่นเอง ส่วนคุณวิไลนั้นไม่ได้เห็นเลยนับแต่เมื่อคืนวาน
รามเปิดประตูห้องชุดของตัวให้ภรรยาเข้าไปก่อน พอปิดประตูตามหลังก็ดึงร่างน้อยๆ ซึ่งกำลังจะเดินเลยไปทางห้องแต่งตัวให้กลับมาหา ดึงคอเสื้อซึ่งเธอสวมไปทางไหล่ เผยให้เห็นรอยเขียวช้ำที่บ่า เมื่อพิจารณาดูใกล้ๆ แบบนี้ ทำให้เห็นรอยกดรูปนิ้วมือชัดเจน
เขาแตะลงตรงนั้นอย่างแผ่วเบา คิ้วหนาย่นเข้าหากัน
"เจ็บไหม"
ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมา
"ไม่เจ็บหรอกค่ะ"
แม้จะยังมีอาการขัดๆ หลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
ถึงกระนั้นความเคร่งเครียดในสีหน้าคนถามก็ไม่จางลง
"ทำไมเมื่อเช้าไม่บอกฉัน"
น้ำเสียงมีกังวลมากกว่าตำหนิ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำอะไรรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ ดึงคอเสื้อสีกลีบบัวโรยตัวนั้นให้ต่ำลงทางด้านหน้าโดยไม่สนใจท่าทีอิดเอื้อนและมือเล็กๆ ซึ่งพยายามปัดป้อง พอเห็นริ้วรอยช้ำอีกสองแห่งบริเวณเหนือเนินอกก็ใจหาย
"ฉันเสียใจ คิดไม่ถึงว่าจะ...ขนาดนี้"
"ดิฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณราม" บอกเสียแผ่วเบา ดึงคอเสื้อขึ้นปิดริ้วรอยเหล่านั้นเสีย ที่ได้เลือกใส่ตัวนี้ในวันนี้ก็เพราะเป็นเสื้อคอปาดตื้นๆ แน่ใจว่าจะปกปิดริ้วรอยซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนได้หมดสิ้น
"ยังมีเลือด..." ไม่แน่ใจว่าควรจบประโยคนั้นอย่างไร
แก้มใสหมดจดซ่านสีโลหิตขึ้นทันตาเห็น คำถามถึงเรื่องนั้นยิ่งน่าอับอายกว่าอะไรอื่นหมด อับอายจนไม่กล้าเอ่ยปากตอบ ได้แต่โคลงศีรษะไปมา
รามถอนใจยาว ทั้งโล่งอก ทั้งหนักใจในความรุนแรงของตนเองไปพร้อมกัน เมื่อเช้าระหว่างที่ขับรถไปทำงานก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะยังไม่ทำอะไรอีกจนกว่าจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนั้นได้เสียก่อน หรืออย่างน้อยๆ ก็ให้บาดแผลบนร่างบอบบางนี้...ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลทางร่างกายหรือทางจิตใจ...มีเวลาประสานกลับไปเป็นเช่นเดิมเสียก่อน
"สมบุญบอกว่าคุณราม..." ตั้งใจจะหันเหไปเป็นเรื่องอื่นเสีย
แต่เขายังไม่ใส่ใจไยดีกับเรื่องอื่นใด ในเวลานี้ความห่วงใยในสภาพร่างกายและจิตใจของภรรยาสาวน้อยมีมากกว่าอะไรหมด อยากบอกว่าจะพยายามไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำตามความตั้งใจได้หรือไม่ หรือถ้าทำได้ จะควบคุมจิตใจและการกระทำได้นานแค่ไหน จึงออกปากขอในสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
"ต่อไปนี้ถ้าฉันจะทำอะไรแบบเมื่อคืนอีก เธอเตือนให้รู้ตัวเสียก่อน...จะได้ไหม"
"ค่ะ"
ไอรีนตอบรับไปอย่างนั้นเอง จะเตือนเขาได้หรือ ในเมื่อคืนวานก็เห็นอยู่แล้วว่ายิ่งขัดขืน เขาก็ยิ่งรุนแรง
"คุณรามจะอาบน้ำไหมคะ"
เบี่ยงเบนความสนใจไปเป็นเรื่องอื่นเสียในเมื่อไม่อยากเห็นเขาต้องแสดงความเสียอกเสียใจและขอโทษขอโพยไปมากกว่านี้
"ก็ดีเหมือนกัน"
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๑๗)
ขอบคุณ คุณดาว Lady Star 919, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณโอ เขมปัณณ์, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ สมาชิกหมายเลข 1399661
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/35454229
บทที่ ๑๖ http://ppantip.com/topic/35460996
“เดินดูทั่วบ้านหรือยัง” นายพันโทหนุ่มถามก่อนหันมามอง
ร่างบอบบางเดินตามมาข้างหลังอย่างคนรู้ที่ทาง…อย่างให้เกียรติเขาในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นผู้นำชีวิตและผู้มีอำนาจสูงสุดภายในบ้านใหญ่โตหลังนี้
“ยังเลยค่ะ”
เสียงตอบแผ่วหวิวจนคนถามต้องชะลอฝีเท้าลงมาเดินเคียง
"ทำไมล่ะ"
“เมื่อเช้าพอคุณรามไปทำงานแล้ว ดิฉันก็จัดของเข้าตู้ แล้วคุณหญิง…เอ่อ…คุณแม่…ให้รำพึงมาบอกให้ลงมาหาค่ะ” เธอหมายถึงเด็กสาวต้นห้องของคุณกนกซึ่งมีหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดคุณหญิงละออด้วย
รามยิ้มกับคำว่า ‘คุณแม่’ ที่ได้ยิน นี่คงจัดแจงสั่งสอนกันเรียบร้อยแล้วว่าให้เรียกอย่างนั้น คงเอ็นดูเอามากจริงๆ นั่นแหละ ในเมื่อก่อนหน้านี้มีก็เพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้คำนี้ คนแรกคือตัวเขาเองซึ่งเป็นลูกแท้ๆ อีกคนคือวิไลซึ่งเป็นลูกเลี้ยง
“ท่านคิดว่าเราควรไปไหว้เสด็จพระองค์ชายกับเจ้าคุณนเรศ” เขาว่าไปเรื่อยเปื่อย เพื่อชวนคุยเสียมากกว่าอะไรอื่น แน่ใจว่าสาวน้อยก็คงรู้อยู่แล้ว
“ดิฉันเรียนท่านว่าทำพานรับไหว้ได้ ท่านก็เลยให้ทำเองค่ะ ท่านว่าทำเองจะได้เป็นมงคลกับตัว”
คำพูดท้ายประโยคหลังแทบกลืนหายไปในลำคอเมื่อตาบังเอิญเหลือบขึ้นไปเห็นใครคนหนึ่งที่ชั้นบนของตัวตึก ผู้หญิงคนนั้นเอง หล่อนกำลังยืนมองลงมาจากเฉลียง...ฝั่งซึ่งเป็นห้องของหล่อนและคุณวิไล
รามก้มลงหาเมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงที่ผิดปกติไป พอเห็นว่าใบหน้าอ่อนละมุนซีดไปวูบหนึ่ง ก็แหงนเงยขึ้นมองตามสายตา พอเห็นว่าเป็นใคร ก็ไม่ให้ความสนใจอะไรอีก คว้ามือเล็กๆ มากุมไว้ แล้วบีบเบาๆ จะเพื่ออะไรก็ไม่แน่ใจ...เพื่อให้กำลังใจ หรือชดเชยความรู้สึกผิดที่พาเธอมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ หรืออาจทั้งสองอย่างรวมกันก็เป็นได้
"วันศุกร์นี้ที่เราจะไปหัวหินกันเธอช่วยจัดเสื้อผ้าให้ฉันด้วยจะได้ไหม" จึงดึงความสนใจไปเป็นเรื่องอื่นเสีย
"ค่ะ คุณราม จะไปกี่วันคะ"
"ฉันหยุดงานได้ห้าวัน เราไปหัวหินกันสักสามวัน หรือสี่วัน เธออยากไปอยู่ที่นั่นสักกี่วันดี"
"แล้วแต่คุณรามเถอะค่ะ" หลบสายตาของเขาที่ก้มลงหาพัลวัน เหตุก็เพราะเพิ่งรู้จากคุณหญิงละออเมื่อครู่ว่าเขาต้องการพาเธอไปที่นั่นด้วยเหตุใด
'ฝรั่งเขาเรียกหั่นนี่มูน' คุณหญิงสูงวัยว่าอย่างนั้น 'ฝรั่งที่เขาแต่งกันใหม่ๆ พ่อรามว่าเขาไปหั่นนี่มูนกัน'
'หั่นอะไรนะคะคุณพี่' นั่นเป็นคำถามจากคุณกนก
รำพึงกับงามพิศ...คู่หูซึ่งเป็นเด็กสาววัยเดียวกัน...ปิดปากหัวเราะกันให้คิกคัก
'หัวเราะอะไร แม่รำพึง รึว่าหล่อนรู้' มารดาของรามทำเสียงตำหนิ แต่จริงๆแล้วก็พลอยเห็นขันไปด้วย
'เปล่าเจ้าค่ะ คุณหญิง' คนถูกดุอ้อมแอ้มตอบ
'หั่นนี่มูน แม่กนก แต่ทำไมต้องหั่นนี่มูน ฉันก็ไม่รู้หรอก แล้วไอ้ นี่มูน คืออะไร ฉันก็ไม่รู้ จะถามพ่อรามก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวลูกมันจะว่าแม่เชย เห็นว่าสมัยนี้ใครแต่งงานกันก็ต้องไปหั่นนี่มูนกันแบบฝรั่ง'
ภรรยาสดๆ ร้อนๆ ของคนที่ถูกพูดถึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเย็บกระทงสำหรับพานรับไหว้อย่างเงียบเชียบ ได้ยินชัดเจนทุกคำที่พูดคุยกัน หน้าร้อนวูบวาบไปหมด ก็ในเมื่อได้ยินตอนที่ 'เขา' บอกคุณหญิงผู้เป็นแม่ว่าจะพาเธอไป 'ฮันนีมูน' อย่างที่ว่า และพอรู้จากหนังสือที่เคยอ่านมาบ้างว่าคืออะไร
เธอเรียนรู้หน้าที่ภรรยาด้วยตัวเองก่อนมีโอกาสได้ 'หั่นนี่มูน' เสียด้วยซ้ำ เมื่อเช้าพอเขาไปทำงานแล้วก็ได้รื้อเอาเสื้อผ้าของเขาซึ่งกองสุมๆ อยู่ในตู้ออกมาหมด พับเสียใหม่ แล้วจัดกลับเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ แยกประเภท เสื้อ กางเกง ถุงเท้า อย่างเรียบร้อย ได้รู้ด้วยว่าเสื้อผ้าและของใช้ของเขามีอะไรบ้าง อะไรเก็บไว้ที่ไหน จริงๆ แล้วคิดจะซักเสื้อผ้าให้เองด้วยซ้ำ แต่พอลองลงไปที่เรือนบ่าวซึ่งปลูกเป็นแถวยาว เยื้องไปทางด้านหลังของตัวตึก บ่าวสูงวัยผู้ทำหน้าที่ซักรีดและดูแลเรื่องเสื้อผ้าของคนทั้งบ้านบอกอย่างเกรงอกเกรงใจว่าไม่ต้องลำบากถึงขั้นนั้น เป็นหน้าที่ของหล่อนที่ต้องคุมบ่าวสาวๆ อีกสองคนดูแลเรื่องเสื้อผ้าอยู่แล้ว เสื้อใช้แล้วของราม ปกติสมบุญจะเก็บลงมาส่งให้ซัก ซักรีดแล้วก็เอากลับขึ้นไปใส่ตู้ให้
ไอรีนจำต้องรับรู้ตามนั้น ที่ตั้งใจเหนืออื่นใดในเวลานั้นคือตั้งใจจะหาที่ซักผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดผืนที่ใช้เมื่อคืนเองด้วย จะส่งผ้าปูที่นอนผืนนั้นให้คนอื่นซักก็ออกจะขัดเขิน เกรงว่าจะมีใครถามว่าเลือดที่เปื้อนอยู่เกิดจากอะไร ถ้ามีคนถามก็ไม่รู้ว่าจะแสวงหาคำอธิบายมาจากไหน
“วันนี้ฉันรู้มาว่ามีตำแหน่งที่ค่ายทหารโคราช ตำแหน่งนั้นเหมาะกับความรู้ของบรรจบ”
รามชวนคุยต่อ เขาหมายถึงนายทหารคนสนิทซึ่งติดตามเขามานานวัน
“ฉันกำลังคิดว่าจะลองขอตำแหน่งนั้นให้เพราะเห็นว่าบรรจบก็สนใจอยู่ แล้วจะเอาสบโชคมาเป็นทหารติดตามฉันแทน”
ไอรีนละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นมามองเขา สิ่งนี้เองที่คุณสร้อยหวังนักหวังหนา เธอเองก็หวังเช่นกัน ถ้าพี่ชายได้เป็นนายทหารคนสนิทของเขา พี่ก็คงยังมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ที่สำคัญอนาคตการงานของพี่จะไปได้ไกลเมื่อได้มาอยู่ใกล้ชิด 'เขา' มากกว่าที่เป็นอยู่
"พี่โชคคงดีใจค่ะ คุณแม่ใหญ่ก็หวังอยู่ว่าคุณรามจะให้พี่โชคมาเป็นทหารคนสนิทของคุณราม"
เสียงใสๆ ที่อุทานอย่างตื่นเต้นยินดี ทั้งอย่างซื่อๆ และตรงไปตรงมานั้นทำเอาคนฟังยิ้มอย่างเอ็นดู
"แล้วเธอล่ะ" เขาเหลียวหลังมาถามเมื่อเดินเรื่อยไปที่บันไดขึ้นชั้นบน
"ดีใจสิคะ ดีใจมากเลยค่ะคุณราม" เธอตอบรับอย่างซาบซึ้งใจ
พอจะก้าวขึ้นบันได ไอรีนกลั้นหายใจ ตลอดวันวันนี้ทั้งคุณวิไลและผู้หญิงคนนั้นไม่ลงมาข้างล่างเลย แน่ใจว่าเวลานี้ทั้งคู่ยังอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งทางฟากนี้ เมื่อถามรำพึงตอนที่คุณหญิงละออส่งให้มาตาม ก็ได้รู้ว่าปกติทั้งสองคนจะอยู่กันแต่ชั้นบน ต้องการอะไรก็มีบ่าวคอยรับใช้ถึงห้องเสมอ นานปีทีหนหรอกจึงจะออกไปไหนกัน ชวนให้สงสัยว่าอยู่กันได้อย่างไรแต่ภายในห้องแบบนั้น ให้เธออยู่แบบนั้น ไม่เกินวันก็คงอัดใจตายเสียก่อน
เมื่อรู้ว่าทั้งสองคน...โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงคนนั้น...อยู่กันแต่บนตัวตึก จึงประหวั่นพรั่นพรึงทุกครั้งที่ต้องขึ้นหรือลงบันได ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเจอกันจังๆ หน้าอย่างเมื่อคืนอีก และคราวนี้ถ้าเจอกันก็จะไม่มีญาติพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจไม่มีมือแข็งแรงและอบอุ่นของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าคอยเป็นกำลังใจให้...แม้เขาเองจะเป็นต้นเหตุของปัญหานี้ก็เถอะ
แต่จนแล้วจนรอด วันทั้งวันก็ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนมาเมื่อครู่นี้ ที่หล่อนออกมายืนมอง แน่ใจว่าคงเป็นเพราะหล่อนรู้ว่าคุณรามกลับบ้านแล้วนั่นเอง ส่วนคุณวิไลนั้นไม่ได้เห็นเลยนับแต่เมื่อคืนวาน
รามเปิดประตูห้องชุดของตัวให้ภรรยาเข้าไปก่อน พอปิดประตูตามหลังก็ดึงร่างน้อยๆ ซึ่งกำลังจะเดินเลยไปทางห้องแต่งตัวให้กลับมาหา ดึงคอเสื้อซึ่งเธอสวมไปทางไหล่ เผยให้เห็นรอยเขียวช้ำที่บ่า เมื่อพิจารณาดูใกล้ๆ แบบนี้ ทำให้เห็นรอยกดรูปนิ้วมือชัดเจน
เขาแตะลงตรงนั้นอย่างแผ่วเบา คิ้วหนาย่นเข้าหากัน
"เจ็บไหม"
ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมา
"ไม่เจ็บหรอกค่ะ"
แม้จะยังมีอาการขัดๆ หลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
ถึงกระนั้นความเคร่งเครียดในสีหน้าคนถามก็ไม่จางลง
"ทำไมเมื่อเช้าไม่บอกฉัน"
น้ำเสียงมีกังวลมากกว่าตำหนิ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำอะไรรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ ดึงคอเสื้อสีกลีบบัวโรยตัวนั้นให้ต่ำลงทางด้านหน้าโดยไม่สนใจท่าทีอิดเอื้อนและมือเล็กๆ ซึ่งพยายามปัดป้อง พอเห็นริ้วรอยช้ำอีกสองแห่งบริเวณเหนือเนินอกก็ใจหาย
"ฉันเสียใจ คิดไม่ถึงว่าจะ...ขนาดนี้"
"ดิฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณราม" บอกเสียแผ่วเบา ดึงคอเสื้อขึ้นปิดริ้วรอยเหล่านั้นเสีย ที่ได้เลือกใส่ตัวนี้ในวันนี้ก็เพราะเป็นเสื้อคอปาดตื้นๆ แน่ใจว่าจะปกปิดริ้วรอยซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนได้หมดสิ้น
"ยังมีเลือด..." ไม่แน่ใจว่าควรจบประโยคนั้นอย่างไร
แก้มใสหมดจดซ่านสีโลหิตขึ้นทันตาเห็น คำถามถึงเรื่องนั้นยิ่งน่าอับอายกว่าอะไรอื่นหมด อับอายจนไม่กล้าเอ่ยปากตอบ ได้แต่โคลงศีรษะไปมา
รามถอนใจยาว ทั้งโล่งอก ทั้งหนักใจในความรุนแรงของตนเองไปพร้อมกัน เมื่อเช้าระหว่างที่ขับรถไปทำงานก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะยังไม่ทำอะไรอีกจนกว่าจะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนั้นได้เสียก่อน หรืออย่างน้อยๆ ก็ให้บาดแผลบนร่างบอบบางนี้...ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลทางร่างกายหรือทางจิตใจ...มีเวลาประสานกลับไปเป็นเช่นเดิมเสียก่อน
"สมบุญบอกว่าคุณราม..." ตั้งใจจะหันเหไปเป็นเรื่องอื่นเสีย
แต่เขายังไม่ใส่ใจไยดีกับเรื่องอื่นใด ในเวลานี้ความห่วงใยในสภาพร่างกายและจิตใจของภรรยาสาวน้อยมีมากกว่าอะไรหมด อยากบอกว่าจะพยายามไม่ทำแบบนั้นอีก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำตามความตั้งใจได้หรือไม่ หรือถ้าทำได้ จะควบคุมจิตใจและการกระทำได้นานแค่ไหน จึงออกปากขอในสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
"ต่อไปนี้ถ้าฉันจะทำอะไรแบบเมื่อคืนอีก เธอเตือนให้รู้ตัวเสียก่อน...จะได้ไหม"
"ค่ะ"
ไอรีนตอบรับไปอย่างนั้นเอง จะเตือนเขาได้หรือ ในเมื่อคืนวานก็เห็นอยู่แล้วว่ายิ่งขัดขืน เขาก็ยิ่งรุนแรง
"คุณรามจะอาบน้ำไหมคะ"
เบี่ยงเบนความสนใจไปเป็นเรื่องอื่นเสียในเมื่อไม่อยากเห็นเขาต้องแสดงความเสียอกเสียใจและขอโทษขอโพยไปมากกว่านี้
"ก็ดีเหมือนกัน"