ในฝั่งฝัน (บทที่ 13)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณ อุรุเวลาเสนานิคม, คุณ PuPaKae, คุณ สมาชิกหมายเลข 3415748, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ คาราเมล มัคเคียโต
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1  http://ppantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3  http://ppantip.com/topic/35648626
บทที่ 4  http://ppantip.com/topic/35655325
บทที่ 5  http://ppantip.com/topic/35665748
บทที่ 6  http://ppantip.com/topic/35669708
บทที่ 7  http://ppantip.com/topic/35673616
บทที่ 8  http://ppantip.com/topic/35680516
บทที่ 9  http://ppantip.com/topic/35683775
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/35688063
บทที่ 11  http://ppantip.com/topic/35695077
บทที่ 12  http://ppantip.com/topic/35729742


บทที่ 13
พุทธศักราช 2490



    ไอรีนประจงเทน้ำที่เหลือในคนโททองเหลืองลงใส่ถ้วยเข้าชุดกัน ส่งใจรำลึกถึงผู้ซึ่งล่วงลับไปทีละคนสองคน นับแต่บิดาผู้เป็นหลักยึดเหนี่ยวแรกในชีวิต ต่อมาก็คุณสร้อย...มารดาเลี้ยงซึ่งมาใกล้ชิดกันจริงๆ ก็ก่อนหน้าที่ท่านจะเสียชีวิตได้เพียงไม่นาน คนต่อมาคือคุณหญิงละออ...มารดาสามีซึ่งเธอเคารพนับถือ ตามด้วยคุณกนก...ญาติผู้น้องของคุณหญิง จากนั้นก็ญาติผู้ใหญ่ของคุณรามและของเธอเองอีกหลายคน

    หากคนหนึ่งซึ่งเธอไม่เคยลืมแม้มิใช่เครือญาติและแม้มิใช่คนชิดใกล้ เธอนับถือและชื่นชมซิสเตอร์เทเรซาอย่างจริงใจ แม้จะรู้จักกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ หากนางชีสูงวัยผู้อุทิศทุกสิ่ง…จนท้ายสุดก็ชีวิตตัวเอง…เพื่อปกป้องผู้อื่นนั้นจับจิตจับใจเธอเสมอมา ด้วยเหตุนั้นทุกครั้งที่ใส่บาตรและกรวดน้ำ เธอจะอุทิศส่วนกุศลให้ซิสเตอร์เทเรซาด้วยเช่นกัน

    และมาถึงคนสำคัญที่สุด...คุณราม ขอบตาร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงรักแรกและรักเดียวในชีวิตที่เพิ่งสูญเสียไป คุณรามคือไทรใหญ่ยืนหยัดมั่นคง ให้เงาร่มเย็นแก่ผู้อยู่ภายใต้การปกครองมาเนิ่นนาน นานจนเธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้

สี่วันแล้วที่เสียเขาไป และจนบัดนี้ก็ยังยอมรับความจริงนั้นไม่ได้ ใครๆ ว่าช่วงที่กำลังวุ่นวายกับงานศพญาติคนตายมักยุ่งเสียจนไม่มีเวลาคิดถึงความโศกเศร้าของตัวเอง แต่เหตุใดเธอจึงไม่เป็นเช่นนั้นบ้าง เหตุใดทุกเวลานาทีที่ลืมตาตื่น ความสูญเสียนี้จึงมีแต่ตอกย้ำจนฝังรากลึก ความรันทดนั้นถาโถมเข้ากระหน่ำนับแต่พาคุณรามจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้านนั่นแล้ว และยิ่งเวลาผ่านไป ความรู้สึกนี้ก็มีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้นทุกที ยิ่งเมื่อต้องมาเผชิญกับสภาพความเป็นไปรอบตัวตามลำพัง ความอ้างว้างและว้าเหว่ก็ตามติดมาอีก

กว่าครึ่งชีวิตที่มีเขาเป็นผู้ปกปักรักษา เขาเป็นทั้งพ่อ ทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งสามี เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เป็นผู้นำทางข้างหน้า และเธอคอยตามหลัง รู้ทุกฝีก้าวที่ตามเขาไปว่าจะมีแต่ความมั่นคงและปลอดภัย

…ต่อแต่นี้จะเป็นเช่นไรเมื่อไม่มีเขาอีกแล้ว หนทางข้างหน้าดูช่างมืดมนจนน่าหวาดหวั่น

    สี่วันมาแล้วเช่นกันที่ยังไม่มีโอกาสได้แจ้งผู้ใหญ่ซึ่งนับถือกันเรื่องงานสวดพระอภิธรรมที่บ้าน คนหนึ่งในจำนวนนั้นคือพระยาพิชัยบุรี...อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑล แม้ไม่ถึงกับสนิทกัน แต่เมื่อท่านให้ความเอ็นดูกริชเสมอมา และยิ่งเมื่อคิดว่าชายหนุ่มควรไปเยี่ยมท่านบ้าง ไหนๆ ก็ขึ้นมากรุงเทพแล้ว เธอจึงถือโอกาสไปเรียนท่านเรื่องคุณรามเสียด้วยเลย

    เหลียวหลังไปมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วๆ บนพื้นไม้ ถ้ามิใช่เพราะความเงียบสงบของห้องโถงนี้ เธอก็คงไม่ได้ยิน

    ร่างสูงในชุดเสื้อขาว กางเกงดำ ดูสุภาพเรียบร้อย ยอบตัวเข้ามาคุกเข่าลงใกล้ๆ เขารักษาระยะห่างได้อย่างเหมาะสมเสมอ

    “กินอะไรแล้วหรือยังจ๊ะ กริช” เธอเอ่ยปากถามตามนิสัยที่คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ

    “ยังขอรับ เกรงว่าคุณหญิงจะรอ”

    “อย่าห่วงเลยกริช นัดท่านสายๆ ไปกินอะไรเสียก่อนเถอะจ้ะ ออกจากบ้านเจ้าคุณแล้วก็ยังต้องไปซื้อเครื่องไทยธรรมกันอีก”

    ชายหนุ่มยิ้มแทนคำตอบเมื่อร่างน้อยขยับลุกพร้อมถ้วยทองเหลือง กรุ่นกลิ่นสบู่บางเบาขณะเธอเฉียดผ่านไปออกประตูหลัง เขาตามออกมาด้วย หยุดดูเธอเทน้ำลงที่โคนสารภีต้นใหญ่

คุณหญิงยังคงใส่บาตรพระห้ารูปเป็นประจำทุกเช้า เรื่องกรวดน้ำหลังจากใส่บาตรก็ทำอยู่เสมอ แม้เขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่าสิบปีแล้วก็ตาม หากกิจวัตรในเวลาเช้าของเธอไม่เคยแปรเปลี่ยน และนั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งจำหลักแนบแน่นในหัวใจเขาเสมอมา

    หันมองไปทางหน้าบ้านเกือบพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ

    “ใครกันมาแต่เช้า” เสียงใสฟังดูเหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่า

    “กระผมไปดูเองขอรับ” นายอำเภอหนุ่มอาสาเมื่อไม่เห็นใครบริเวณนั้นแม้แต่คนเดียว

    และก่อนที่เธอจะมีโอกาสยั้งไว้ ร่างสูงล่ำสันก็วิ่งเหยาะๆ อ้อมไปหน้าบ้านเสียก่อนแล้ว มีแท่น…ลูกชายนางนาบ…โผล่พรวดออกมาจากครัวแล้ววิ่งตามหลังไปด้วย

ไอรีนตามออกไปดู เห็นทั้งคู่เจรจากับใครคนหนึ่งก่อนเปิดประตูใหญ่ให้

    รถบูอิกสีน้ำเงินที่คลานเชื่องช้ามาตามทางลาดซีเมนต์นั้นดูคลับคล้ายคลับคลา เหมือนเคยเห็น หากก็ไม่แน่ใจ จนร่างออกท้วมในชุดนายทหารยศพันเอกเปิดประตูหลังแล้วก้าวลงก่อนที่พลทหารผู้ทำหน้าที่ขับรถจะทันได้เปิดให้

    “แต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก” ฝ่ายนั้นส่งเสียงทักทายมาก่อน ใบหน้าที่อวบอูมขึ้นกว่าเมื่อครั้งยังหนุ่มแย้มเยื้อนเป็นอันดี

    “จะไปบ้านเจ้าคุณพิชัยฯ ค่ะพี่ประพันธ์” เธอเดินเข้าไปหาถึงรถ

    “เจ้าคุณพิชัย?” ฝ่ายนั้นทำท่าครุ่นคิด “ใครกัน”

    หากก็มิได้สนใจคำตอบ กลับส่งถุงกระดาษใบใหญ่ที่หิ้วลงจากรถให้

    ไอรีนรับถุงใบนั้นมาอย่างงุนงง

    “อะไรคะนี่”

    “ของฝากจากปีนัง พี่เพิ่งกลับมา ไม่รู้จะถูกใจสีนี้ไหม ของใช้ผู้หญิงพี่เลือกไม่ค่อยเป็น” เขาออกตัวเมื่อเดินเคียงกันมาที่ประตูหน้าบ้าน “เพิ่งรู้เรื่องท่านเมื่อคืน คงกะทันหันใช่ไหม ไม่ได้ข่าวว่าท่านป่วยเลยนี่”

เธอหันมอง พอสบนัยน์ตาคมวาวกำลังสะท้อนอะไรบางอย่างให้เห็นก็รีบหลบ เสลงดูขั้นบันไดขณะก้าวขึ้นเรือนแทน

“ค่ะพี่”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่