黃成風 ยอดบุรุษซ่อนคมพยัคฆ์ : ภาคหวงเฉิงเฟิง บทที่ ๒๐. น้ำใจนักเลงผู่ตง

บทนำ https://ppantip.com/topic/38091648
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เกริ่นนำ : นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลักที่ซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางนะคะ ,นิยายเรื่องนี้และบางสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด  
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ





"บทที่ ๒๐.น้ำใจนักเลงผู่ตง "


                              
                  เฉิงเฟิงพาม่านอี้เดินข้ามมาอีกฝั่ง แล้วเลี้ยวไปทางตรอกด้านข้างของตึก เขามองหาสัญลักษณ์ พลันรอยยิ้มปรากฏเมื่อเห็นหยุนเหนียงให้สัญญาณ พร้อมประตูที่ถูกเปิดออก ทางนี้เป็นช่องทางลับซึ่งรู้กันระหว่างเขาและคนในสังกัดสำนักอินทรีซึ่งกระจายกันทำงานตามแหล่งต่าง ๆ รวมถึงสำนักซิงหรูแห่งนี้ด้วย

                  หยุนเหนียงเดินนำทั้งสองคนเข้ามาโดยมีหูป้าทำหน้าที่คอยระวังดูหลังให้ พวกเขาเดินผ่านทางเดินแคบ ๆ เข้ามาจนถึงบริเวณห้องโถง มาดามซิงยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของสำนักนางโลมย่อตัวลงคารวะให้หัวหน้าอินทรี
                  “ต้องขอโทษด้วยค่ะนายน้อยที่ทำให้ไม่สะดวก”

                   เฉิงเฟิงยิ้ม “มาดามซิงอย่าได้พูดเช่นนั้น ผมคงเป็นฝ่ายมารบกวนมากกว่า” เขากล่าวและบอกแนะนำม่านอี้ให้คนทั้งสามให้รู้จัก  หนุ่มน้อยหน้าใสส่งยิ้มและกล่าวทักทายกับทุกคน ม่านอี้ยังกล่าวชื่นชมในความกล้าหาญของหูป้าที่ช่วยเหลือคนที่ถูกรังแกบนเรือ ทำให้หูป้ายิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบ ยกมือลูบศีรษะแก้เขินที่ได้รับคำชมต่อหน้า

                  หยุนเหนียงเหลือบตาไปสามี ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่ารอยยิ้มของม่านอี้นั้นสดใส ดูจริงใจ
                  ฝ่ายเจ้าของสำนักนางโลมก็มองพิจารณาหญิงสาวร่างเล็กที่แต่งกายในชุดของผู้ชาย
                  ใบหน้าไร้เครื่องสำอางประทินโฉมก็ยังมีความจิ้มลิ้มชวนให้มองถึงเพียงนี้ ยิ่งได้เห็นกิริยาการพูดจาก็ทำให้เข้าใจ มาดามซิงผ่านประสบการณ์พบปะผู้คนมาไม่น้อย ตำแหน่งนายแม่อย่างเธอมีหรือจะดูคนไม่ออก เมื่อเห็นนายน้อยหวงพาหญิงสาวผู้นี้มาด้วย เธอย่อมรู้ดีว่าม่านอี้ต้องเป็นคนสำคัญของนายน้อย
                  เฉิงเฟิงจึงบอกกับมาดามซิงให้ม่านอี้พักอยู่ที่นี่ก่อน เจ้าของซิงหรูรีบรับปากดูแลอย่างดี เมื่อเฉิงเฟิงรู้สึกวางใจแล้วเขาก็ขอตัวไปทำธุระสำคัญ ม่านอี้เดินตามไปส่งเฉิงเฟิงพร้อมกับหูป้า
                    ซิงหรูเห็นม่านอี้เดินไปแล้ว เธอจึงหันไปพูดกับลูกน้องสาวในสังกัด
                 
                   “หยุนเหนียง ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนไม่มีอะไร ชอบพูดจาตรง ๆ”ซิงหรูโบกพัดในมือ
                 
                    “ แต่หากพูดจาไวเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับหล่อน”  
              
                    “นายแม่!” หยุนเหนียงถอนหายใจ มองเห็นสายตาที่กำลังตำหนิ เพราะเธอเล่าเรื่องของม่านอี้ด้วยข้อตำหนิหลายอย่างให้กับมาดามซิงฟัง  
              
                  “ ได้รู้จักกับนายน้อยหวงมานาน ไม่รู้หรืออย่างไรว่านายน้อยเป็นคนเช่นไร” มาดามเดินช้า ๆ ไปนั่งลงที่เก้าอี้ มือยังคงโบกพัดไปด้วย  
                
                   “หากเขาจะชอบใครสักคน คงไม่ใช่แค่หน้าตาสะสวย แต่ร่วมทุกข์ด้วยกันไม่ได้”
              
                     หยุนเหนียงก้มหน้าเดินตามไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว ฟังคำของมาดามซิงพูดต่อไป
                 
                     “ทุกวันนี้นายน้อยหวงก็ให้เกียรติพวกเรามากพอ ถึงเขาจะเคยมาค้างอยู่ที่นี่แต่ก็ให้เกียรติฉันกับพวกเด็ก ๆ แม้ไม่เคยได้ร่วมเตียงนอน เพียงแค่ได้ปรนนิบัติใกล้ชิดก็ถือว่าดีนักแล้ว”
                     มาดามซิงปรายตามองหยุนเหนียง แล้วก็หัวเราะเสียงเบา
                    “นายน้อยหวงไม่ใช่ไม่เคยผ่านผู้หญิง คนที่ได้ร่วมหลับนอนกับเขาคงจะนับคนได้ แต่พวกหล่อนคงถูกคัดเลือกว่าปิดปากได้เงียบสนิท ถือเป็นโชคดีเสียนี่กระไร แต่นายน้อยหวงไม่เคยให้ความรู้สึกมากไปกว่าเพียงความต้องการของผู้ชาย ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล พวกผู้หญิงที่สำนักฝั่งผู่ซีก็เลยได้แต่นึกเสียดาย”  มาดามซิงหรูเป็นคนกว้างขวางถึงจะอยู่ผู่ตงก็ยังรู้ความเคลื่อนไหวของฝั่งโน้น ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายอีกคนที่เธอรู้จักดี
                   
                    “นับว่านายน้อยเป็นตัวแทนของรุ่นพ่ออย่างนายใหญ่หวงเฟยได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นเพียงลูกบุญธรรมก็ตาม อุปนิสัยของพวกเขาช่างคล้ายดั่งกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะความเป็นสุภาพบุรุษ”
                 
                    มาดามซิงกลับมาถอนหายใจอีกครั้ง อดหวนนึกถึงหวงเฟยในยามหนุ่มไม่ได้ เธอกับเขาได้ร่วมวันคืนแห่งความสุข หวงเฟยให้ทุนเธอเปิดกิจการจนกระทั่งเธอได้ขยายเป็นสำนักซิงหรูที่นี่ แม้แต่หวงเฉิงเฟิงก็ยังได้ให้การช่วยเหลือ ในสายตาของพวกเขาพ่อลูกไม่เคยดูถูกเหยียดหยามหญิงที่มีอาชีพเช่นพวกเธอ มาดามซิงจึงทำงานด้วยความภักดีให้สมาคมอินทรีตลอดมา
            
                   ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการความรักและชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ได้พบผู้ชายดี ๆ สักคนที่อยู่กินดูแลกันจนแก่จนเฒ่า แต่ก็มักไม่ใช่ว่าจะได้พบอย่างที่ใจหวังได้ เธอผ่านชีวิตวัยสาวมาจนกระทั่งบัดนี้จะย่างเข้าวัยห้าสิบแล้ว เธอหาเงินเลี้ยงดูตนเองโดยไม่คิดอยู่กับชายใดอีก
          
                   ชีวิตอิสระดั่งนกทำให้เธอมีความสุขมากกว่า มาดามซิงยิ้มแล้วบอกกำชับกับหยุนเหนียงให้ดูแลม่านอี้ แล้วตัวเองก็เดินนวยนาดกลับไปที่ห้องพักของตน  
        
                    หยุนเหนียงนึกทบทวนคำพูดของนายแม่ถึงเหตุผลและคำเตือนสติให้เข้าใจ จนเธอเริ่มมีท่าทีอ่อนลง ยังไงเสียเธอก็ต้องดูแลหญิงสาวผู้นั้นอย่างที่ได้รับปากกับนายน้อยเอาไว้
      
                    ม่านอี้ยืนส่งเขาที่หน้าประตูลับซึ่งเป็นทางออก เฉิงเฟิงหันไปเห็นดวงหน้าจิ้มลิ้ม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้เขานึกอยากจะรวบตัวเธอมากอดไว้ แต่ตอนนี้ไม่สะดวกนัก
                   “เสร็จธุระแล้ว ผมจะรีบกลับมา”
                   ม่านอี้ผงกศีรษะแล้วยิ้มให้เขา เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง “ระวังตัวด้วยนะคะ”
                 
                    เฉิงเฟิงยิ้มแล้วโบกมือให้ เขาเดินออกไปพร้อมกับหูป้า เมื่อเขาไปแล้วเธอจึงเดินกลับเข้ามา ระหว่างที่จะเดินเลี้ยวไปอีกทาง หางตาเห็นคล้ายมีคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในสำนักซิงหรู ม่านอี้กำลังจะหันหลังเดินไปอีกทาง
                     “เดี๋ยวก่อน!”
                     คนที่ถูกเรียกถึงกับชะงักเท้า เธอยังไม่ได้หันกลับไป แต่กลับได้ยินเสียงพูดจากชายผู้นั้น
                     “ช่วยไปบอกมาดามซิงว่าคุณเว่ยจิงมาพบ”
          
                     หญิงสาวสูดลมหายใจลึก พยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วรวบรวมความกล้าตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงห้าวราวกับเป็นชาย “ขอรับ”  
                     ในขณะที่จะก้าวเท้าต่อ ชายคนนั้นก็เรียกขึ้นอีก
                    “เรียกอิ๋งอิ๋งมาให้ฉันด้วย” ชายคนนั้นพูดแกมคำสั่งกำชับอีกที “อย่าให้ช้าล่ะ”
          
                    ม่านอี้ทำเสียงห้าวตอบกลับไป “ครับ ๆ ผมจะรีบไปตาม”  เธอรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปด้านในทันที แล้วยืนหลบอยู่ในมุมที่คิดว่าปลอดภัย นึกใจคอไม่ดี ชายที่ชื่อเว่ยจิงนั้นเป็นใคร
                    เธอจึงรีบไปบอกกับหยุนเหนียง สีหน้าของอีกฝ่ายดูตระหนกแต่สักครู่ก็รีบพูดกลบเกลื่อน “ฉันจะไปบอกนายแม่เอง คุณม่านอี้ก็รีบเข้าห้องไป..แล้วอย่าออกมาล่ะ “
                    ม่านอี้อดนึกสงสัยไม่ได้ เธอเองก็อยากจะรู้ว่าคนชื่อเว่ยจิงเป็นใครทำไมดูหยุนเหนียงมีท่าทีไม่สบายใจ ม่านอี้จึงติดสินใจแอบเดินตามไปดู  
                 
                    หนุ่มน้อยหน้าใสคอยระมัดระวังตัว สำนักนางโลมในคืนนี้คึกคัก บรรดาแขกที่นั่งอยู่ต่างก็พากันจ้องมองใบหน้าของสาวน้อยแสนงามนางหนึ่งที่กำลังเล่นดนตรี ขับร้องบทเพลงเสียงหวาน โดยมีสาวสวยรูปร่างอรชรอีกหลายนางนั่งคลอเคลียอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนคอยรินเหล้า เอาอกเอาใจบรรดาแขกอันมีฐานะเหล่านั้น
            
                   หนุ่มน้อยจึงได้จังหวะที่ไม่มีใครสนใจ เดินขึ้นไปชั้นบนแล้วหลบตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง คอยมองเข้าไป ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าด้านข้างของชายในห้องที่กำลังนั่งพูดคุยกับมาดามซิงอยู่นั้น ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นทำให้ม่านอี้ต้องเบิกตาโต เพราะมันเป็นใบหน้าเดียวกันกับผู้ชายที่แอบพบกับป้าจือเหมยที่โรงแรมในคืนวันนั้น ม่านอี้คอยเงี่ยหูแอบฟัง ได้ยินเพียงแค่คำพูดจาเกี้ยวพาราสีกัน และเสียงหัวเราะต่อกระซิกของคุณซิงหรูกับชายที่ชื่อเว่ยจิง
      
                  ม่านอี้บอกกับตนเองว่าชายผู้นั้นอาจจะเป็นเพียงหนุ่มเจ้าสำราญคนหนึ่ง ในขณะที่กำลังคิดกลับไปกลับมาอยู่นั้น ก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลังแตะเข้าที่ไหล่ จนม่านอี้สะดุ้งตัวแล้วหันกลับไปมองช้า ๆ ด้วยหัวเต้นระทึก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่