บทนำ https://ppantip.com/topic/38091648
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อารัมภบท "รำลึกถึงเฉาโจว" https://ppantip.com/topic/38091648
บทที่๑ "ซ่อนกายที่เฉาโจว"https://ppantip.com/topic/38163232
บทที่๒ "ชะตาชีวิต"https://ppantip.com/topic/38199618
บทที่๓ "พระจันทร์ขึ้นที่ซ่างไห่" https://ppantip.com/topic/38203543
บทที่๔ "ความรักที่เจ็บปวด" https://ppantip.com/topic/38213699
บทที่๕ "อินทรีหน้าบาก" https://ppantip.com/topic/38233678
บทที่ ๖ "แม่กุหลาบน้อย" https://ppantip.com/topic/38244845
บทที่ ๗. "ดวงใจอินทรี" https://ppantip.com/topic/38258177
บทที่ ๘. "ผู้หญิงของนายน้อยหวง" https://ppantip.com/topic/38267801
บทที่ ๙. "คำสัญญา" https://ppantip.com/topic/38282233
บทที่ ๑๐. "บททดสอบ" https://ppantip.com/topic/38304131
บทที่ ๑๑. "เรื่องของความรัก" https://ppantip.com/topic/38326384
บทที่ ๑๒. "มิตรภาพ" http://ppantip.com/topic/38346755
บทที่ ๑๓. "สัมพันธภาพ" http://ppantip.com/topic/38366155
บทที่ ๑๔. "ใจตรงกัน" http://ppantip.com/topic/38380649
บทที่ ๑๕. "ลิขิตแห่งรัก" http://ppantip.com/topic/38392223
บทที่ ๑๖. "ศัตรูที่อยู่ใกล้ตัว" https://ppantip.com/topic/38407198
บทที่ ๑๗. "ความในใจ" https://ppantip.com/topic/38454524
บทที่ ๑๘. "การพบกันของสองบุรุษ" http://ppantip.com/topic/38484724
บทที่ ๑๙. "คนข้างกาย" https://ppantip.com/topic/38494703
เกริ่นนำ : นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลักที่ซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางนะคะ ,นิยายเรื่องนี้และบางสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
"บทที่ ๒๐.น้ำใจนักเลงผู่ตง "
เฉิงเฟิงพาม่านอี้เดินข้ามมาอีกฝั่ง แล้วเลี้ยวไปทางตรอกด้านข้างของตึก เขามองหาสัญลักษณ์ พลันรอยยิ้มปรากฏเมื่อเห็นหยุนเหนียงให้สัญญาณ พร้อมประตูที่ถูกเปิดออก ทางนี้เป็นช่องทางลับซึ่งรู้กันระหว่างเขาและคนในสังกัดสำนักอินทรีซึ่งกระจายกันทำงานตามแหล่งต่าง ๆ รวมถึงสำนักซิงหรูแห่งนี้ด้วย
หยุนเหนียงเดินนำทั้งสองคนเข้ามาโดยมีหูป้าทำหน้าที่คอยระวังดูหลังให้ พวกเขาเดินผ่านทางเดินแคบ ๆ เข้ามาจนถึงบริเวณห้องโถง มาดามซิงยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของสำนักนางโลมย่อตัวลงคารวะให้หัวหน้าอินทรี
“ต้องขอโทษด้วยค่ะนายน้อยที่ทำให้ไม่สะดวก”
เฉิงเฟิงยิ้ม “มาดามซิงอย่าได้พูดเช่นนั้น ผมคงเป็นฝ่ายมารบกวนมากกว่า” เขากล่าวและบอกแนะนำม่านอี้ให้คนทั้งสามให้รู้จัก หนุ่มน้อยหน้าใสส่งยิ้มและกล่าวทักทายกับทุกคน ม่านอี้ยังกล่าวชื่นชมในความกล้าหาญของหูป้าที่ช่วยเหลือคนที่ถูกรังแกบนเรือ ทำให้หูป้ายิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบ ยกมือลูบศีรษะแก้เขินที่ได้รับคำชมต่อหน้า
หยุนเหนียงเหลือบตาไปสามี ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่ารอยยิ้มของม่านอี้นั้นสดใส ดูจริงใจ
ฝ่ายเจ้าของสำนักนางโลมก็มองพิจารณาหญิงสาวร่างเล็กที่แต่งกายในชุดของผู้ชาย
ใบหน้าไร้เครื่องสำอางประทินโฉมก็ยังมีความจิ้มลิ้มชวนให้มองถึงเพียงนี้ ยิ่งได้เห็นกิริยาการพูดจาก็ทำให้เข้าใจ มาดามซิงผ่านประสบการณ์พบปะผู้คนมาไม่น้อย ตำแหน่งนายแม่อย่างเธอมีหรือจะดูคนไม่ออก เมื่อเห็นนายน้อยหวงพาหญิงสาวผู้นี้มาด้วย เธอย่อมรู้ดีว่าม่านอี้ต้องเป็นคนสำคัญของนายน้อย
เฉิงเฟิงจึงบอกกับมาดามซิงให้ม่านอี้พักอยู่ที่นี่ก่อน เจ้าของซิงหรูรีบรับปากดูแลอย่างดี เมื่อเฉิงเฟิงรู้สึกวางใจแล้วเขาก็ขอตัวไปทำธุระสำคัญ ม่านอี้เดินตามไปส่งเฉิงเฟิงพร้อมกับหูป้า
ซิงหรูเห็นม่านอี้เดินไปแล้ว เธอจึงหันไปพูดกับลูกน้องสาวในสังกัด
“หยุนเหนียง ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนไม่มีอะไร ชอบพูดจาตรง ๆ”ซิงหรูโบกพัดในมือ
“ แต่หากพูดจาไวเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับหล่อน”
“นายแม่!” หยุนเหนียงถอนหายใจ มองเห็นสายตาที่กำลังตำหนิ เพราะเธอเล่าเรื่องของม่านอี้ด้วยข้อตำหนิหลายอย่างให้กับมาดามซิงฟัง
“ ได้รู้จักกับนายน้อยหวงมานาน ไม่รู้หรืออย่างไรว่านายน้อยเป็นคนเช่นไร” มาดามเดินช้า ๆ ไปนั่งลงที่เก้าอี้ มือยังคงโบกพัดไปด้วย
“หากเขาจะชอบใครสักคน คงไม่ใช่แค่หน้าตาสะสวย แต่ร่วมทุกข์ด้วยกันไม่ได้”
หยุนเหนียงก้มหน้าเดินตามไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว ฟังคำของมาดามซิงพูดต่อไป
“ทุกวันนี้นายน้อยหวงก็ให้เกียรติพวกเรามากพอ ถึงเขาจะเคยมาค้างอยู่ที่นี่แต่ก็ให้เกียรติฉันกับพวกเด็ก ๆ แม้ไม่เคยได้ร่วมเตียงนอน เพียงแค่ได้ปรนนิบัติใกล้ชิดก็ถือว่าดีนักแล้ว”
มาดามซิงปรายตามองหยุนเหนียง แล้วก็หัวเราะเสียงเบา
“นายน้อยหวงไม่ใช่ไม่เคยผ่านผู้หญิง คนที่ได้ร่วมหลับนอนกับเขาคงจะนับคนได้ แต่พวกหล่อนคงถูกคัดเลือกว่าปิดปากได้เงียบสนิท ถือเป็นโชคดีเสียนี่กระไร แต่นายน้อยหวงไม่เคยให้ความรู้สึกมากไปกว่าเพียงความต้องการของผู้ชาย ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล พวกผู้หญิงที่สำนักฝั่งผู่ซีก็เลยได้แต่นึกเสียดาย” มาดามซิงหรูเป็นคนกว้างขวางถึงจะอยู่ผู่ตงก็ยังรู้ความเคลื่อนไหวของฝั่งโน้น ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายอีกคนที่เธอรู้จักดี
“นับว่านายน้อยเป็นตัวแทนของรุ่นพ่ออย่างนายใหญ่หวงเฟยได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นเพียงลูกบุญธรรมก็ตาม อุปนิสัยของพวกเขาช่างคล้ายดั่งกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะความเป็นสุภาพบุรุษ”
มาดามซิงกลับมาถอนหายใจอีกครั้ง อดหวนนึกถึงหวงเฟยในยามหนุ่มไม่ได้ เธอกับเขาได้ร่วมวันคืนแห่งความสุข หวงเฟยให้ทุนเธอเปิดกิจการจนกระทั่งเธอได้ขยายเป็นสำนักซิงหรูที่นี่ แม้แต่หวงเฉิงเฟิงก็ยังได้ให้การช่วยเหลือ ในสายตาของพวกเขาพ่อลูกไม่เคยดูถูกเหยียดหยามหญิงที่มีอาชีพเช่นพวกเธอ มาดามซิงจึงทำงานด้วยความภักดีให้สมาคมอินทรีตลอดมา
ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการความรักและชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ได้พบผู้ชายดี ๆ สักคนที่อยู่กินดูแลกันจนแก่จนเฒ่า แต่ก็มักไม่ใช่ว่าจะได้พบอย่างที่ใจหวังได้ เธอผ่านชีวิตวัยสาวมาจนกระทั่งบัดนี้จะย่างเข้าวัยห้าสิบแล้ว เธอหาเงินเลี้ยงดูตนเองโดยไม่คิดอยู่กับชายใดอีก
ชีวิตอิสระดั่งนกทำให้เธอมีความสุขมากกว่า มาดามซิงยิ้มแล้วบอกกำชับกับหยุนเหนียงให้ดูแลม่านอี้ แล้วตัวเองก็เดินนวยนาดกลับไปที่ห้องพักของตน
หยุนเหนียงนึกทบทวนคำพูดของนายแม่ถึงเหตุผลและคำเตือนสติให้เข้าใจ จนเธอเริ่มมีท่าทีอ่อนลง ยังไงเสียเธอก็ต้องดูแลหญิงสาวผู้นั้นอย่างที่ได้รับปากกับนายน้อยเอาไว้
ม่านอี้ยืนส่งเขาที่หน้าประตูลับซึ่งเป็นทางออก เฉิงเฟิงหันไปเห็นดวงหน้าจิ้มลิ้ม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้เขานึกอยากจะรวบตัวเธอมากอดไว้ แต่ตอนนี้ไม่สะดวกนัก
“เสร็จธุระแล้ว ผมจะรีบกลับมา”
ม่านอี้ผงกศีรษะแล้วยิ้มให้เขา เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง “ระวังตัวด้วยนะคะ”
เฉิงเฟิงยิ้มแล้วโบกมือให้ เขาเดินออกไปพร้อมกับหูป้า เมื่อเขาไปแล้วเธอจึงเดินกลับเข้ามา ระหว่างที่จะเดินเลี้ยวไปอีกทาง หางตาเห็นคล้ายมีคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในสำนักซิงหรู ม่านอี้กำลังจะหันหลังเดินไปอีกทาง
“เดี๋ยวก่อน!”
คนที่ถูกเรียกถึงกับชะงักเท้า เธอยังไม่ได้หันกลับไป แต่กลับได้ยินเสียงพูดจากชายผู้นั้น
“ช่วยไปบอกมาดามซิงว่าคุณเว่ยจิงมาพบ”
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก พยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วรวบรวมความกล้าตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงห้าวราวกับเป็นชาย “ขอรับ”
ในขณะที่จะก้าวเท้าต่อ ชายคนนั้นก็เรียกขึ้นอีก
“เรียกอิ๋งอิ๋งมาให้ฉันด้วย” ชายคนนั้นพูดแกมคำสั่งกำชับอีกที “อย่าให้ช้าล่ะ”
ม่านอี้ทำเสียงห้าวตอบกลับไป “ครับ ๆ ผมจะรีบไปตาม” เธอรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปด้านในทันที แล้วยืนหลบอยู่ในมุมที่คิดว่าปลอดภัย นึกใจคอไม่ดี ชายที่ชื่อเว่ยจิงนั้นเป็นใคร
เธอจึงรีบไปบอกกับหยุนเหนียง สีหน้าของอีกฝ่ายดูตระหนกแต่สักครู่ก็รีบพูดกลบเกลื่อน “ฉันจะไปบอกนายแม่เอง คุณม่านอี้ก็รีบเข้าห้องไป..แล้วอย่าออกมาล่ะ “
ม่านอี้อดนึกสงสัยไม่ได้ เธอเองก็อยากจะรู้ว่าคนชื่อเว่ยจิงเป็นใครทำไมดูหยุนเหนียงมีท่าทีไม่สบายใจ ม่านอี้จึงติดสินใจแอบเดินตามไปดู
หนุ่มน้อยหน้าใสคอยระมัดระวังตัว สำนักนางโลมในคืนนี้คึกคัก บรรดาแขกที่นั่งอยู่ต่างก็พากันจ้องมองใบหน้าของสาวน้อยแสนงามนางหนึ่งที่กำลังเล่นดนตรี ขับร้องบทเพลงเสียงหวาน โดยมีสาวสวยรูปร่างอรชรอีกหลายนางนั่งคลอเคลียอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนคอยรินเหล้า เอาอกเอาใจบรรดาแขกอันมีฐานะเหล่านั้น
หนุ่มน้อยจึงได้จังหวะที่ไม่มีใครสนใจ เดินขึ้นไปชั้นบนแล้วหลบตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง คอยมองเข้าไป ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าด้านข้างของชายในห้องที่กำลังนั่งพูดคุยกับมาดามซิงอยู่นั้น ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นทำให้ม่านอี้ต้องเบิกตาโต เพราะมันเป็นใบหน้าเดียวกันกับผู้ชายที่แอบพบกับป้าจือเหมยที่โรงแรมในคืนวันนั้น ม่านอี้คอยเงี่ยหูแอบฟัง ได้ยินเพียงแค่คำพูดจาเกี้ยวพาราสีกัน และเสียงหัวเราะต่อกระซิกของคุณซิงหรูกับชายที่ชื่อเว่ยจิง
ม่านอี้บอกกับตนเองว่าชายผู้นั้นอาจจะเป็นเพียงหนุ่มเจ้าสำราญคนหนึ่ง ในขณะที่กำลังคิดกลับไปกลับมาอยู่นั้น ก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลังแตะเข้าที่ไหล่ จนม่านอี้สะดุ้งตัวแล้วหันกลับไปมองช้า ๆ ด้วยหัวเต้นระทึก
黃成風 ยอดบุรุษซ่อนคมพยัคฆ์ : ภาคหวงเฉิงเฟิง บทที่ ๒๐. น้ำใจนักเลงผู่ตง
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกริ่นนำ : นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลักที่ซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางนะคะ ,นิยายเรื่องนี้และบางสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
เฉิงเฟิงพาม่านอี้เดินข้ามมาอีกฝั่ง แล้วเลี้ยวไปทางตรอกด้านข้างของตึก เขามองหาสัญลักษณ์ พลันรอยยิ้มปรากฏเมื่อเห็นหยุนเหนียงให้สัญญาณ พร้อมประตูที่ถูกเปิดออก ทางนี้เป็นช่องทางลับซึ่งรู้กันระหว่างเขาและคนในสังกัดสำนักอินทรีซึ่งกระจายกันทำงานตามแหล่งต่าง ๆ รวมถึงสำนักซิงหรูแห่งนี้ด้วย
หยุนเหนียงเดินนำทั้งสองคนเข้ามาโดยมีหูป้าทำหน้าที่คอยระวังดูหลังให้ พวกเขาเดินผ่านทางเดินแคบ ๆ เข้ามาจนถึงบริเวณห้องโถง มาดามซิงยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของสำนักนางโลมย่อตัวลงคารวะให้หัวหน้าอินทรี
“ต้องขอโทษด้วยค่ะนายน้อยที่ทำให้ไม่สะดวก”
เฉิงเฟิงยิ้ม “มาดามซิงอย่าได้พูดเช่นนั้น ผมคงเป็นฝ่ายมารบกวนมากกว่า” เขากล่าวและบอกแนะนำม่านอี้ให้คนทั้งสามให้รู้จัก หนุ่มน้อยหน้าใสส่งยิ้มและกล่าวทักทายกับทุกคน ม่านอี้ยังกล่าวชื่นชมในความกล้าหาญของหูป้าที่ช่วยเหลือคนที่ถูกรังแกบนเรือ ทำให้หูป้ายิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบ ยกมือลูบศีรษะแก้เขินที่ได้รับคำชมต่อหน้า
หยุนเหนียงเหลือบตาไปสามี ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่ารอยยิ้มของม่านอี้นั้นสดใส ดูจริงใจ
ฝ่ายเจ้าของสำนักนางโลมก็มองพิจารณาหญิงสาวร่างเล็กที่แต่งกายในชุดของผู้ชาย
ใบหน้าไร้เครื่องสำอางประทินโฉมก็ยังมีความจิ้มลิ้มชวนให้มองถึงเพียงนี้ ยิ่งได้เห็นกิริยาการพูดจาก็ทำให้เข้าใจ มาดามซิงผ่านประสบการณ์พบปะผู้คนมาไม่น้อย ตำแหน่งนายแม่อย่างเธอมีหรือจะดูคนไม่ออก เมื่อเห็นนายน้อยหวงพาหญิงสาวผู้นี้มาด้วย เธอย่อมรู้ดีว่าม่านอี้ต้องเป็นคนสำคัญของนายน้อย
เฉิงเฟิงจึงบอกกับมาดามซิงให้ม่านอี้พักอยู่ที่นี่ก่อน เจ้าของซิงหรูรีบรับปากดูแลอย่างดี เมื่อเฉิงเฟิงรู้สึกวางใจแล้วเขาก็ขอตัวไปทำธุระสำคัญ ม่านอี้เดินตามไปส่งเฉิงเฟิงพร้อมกับหูป้า
ซิงหรูเห็นม่านอี้เดินไปแล้ว เธอจึงหันไปพูดกับลูกน้องสาวในสังกัด
“หยุนเหนียง ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนไม่มีอะไร ชอบพูดจาตรง ๆ”ซิงหรูโบกพัดในมือ
“ แต่หากพูดจาไวเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับหล่อน”
“นายแม่!” หยุนเหนียงถอนหายใจ มองเห็นสายตาที่กำลังตำหนิ เพราะเธอเล่าเรื่องของม่านอี้ด้วยข้อตำหนิหลายอย่างให้กับมาดามซิงฟัง
“ ได้รู้จักกับนายน้อยหวงมานาน ไม่รู้หรืออย่างไรว่านายน้อยเป็นคนเช่นไร” มาดามเดินช้า ๆ ไปนั่งลงที่เก้าอี้ มือยังคงโบกพัดไปด้วย
“หากเขาจะชอบใครสักคน คงไม่ใช่แค่หน้าตาสะสวย แต่ร่วมทุกข์ด้วยกันไม่ได้”
หยุนเหนียงก้มหน้าเดินตามไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว ฟังคำของมาดามซิงพูดต่อไป
“ทุกวันนี้นายน้อยหวงก็ให้เกียรติพวกเรามากพอ ถึงเขาจะเคยมาค้างอยู่ที่นี่แต่ก็ให้เกียรติฉันกับพวกเด็ก ๆ แม้ไม่เคยได้ร่วมเตียงนอน เพียงแค่ได้ปรนนิบัติใกล้ชิดก็ถือว่าดีนักแล้ว”
มาดามซิงปรายตามองหยุนเหนียง แล้วก็หัวเราะเสียงเบา
“นายน้อยหวงไม่ใช่ไม่เคยผ่านผู้หญิง คนที่ได้ร่วมหลับนอนกับเขาคงจะนับคนได้ แต่พวกหล่อนคงถูกคัดเลือกว่าปิดปากได้เงียบสนิท ถือเป็นโชคดีเสียนี่กระไร แต่นายน้อยหวงไม่เคยให้ความรู้สึกมากไปกว่าเพียงความต้องการของผู้ชาย ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล พวกผู้หญิงที่สำนักฝั่งผู่ซีก็เลยได้แต่นึกเสียดาย” มาดามซิงหรูเป็นคนกว้างขวางถึงจะอยู่ผู่ตงก็ยังรู้ความเคลื่อนไหวของฝั่งโน้น ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายอีกคนที่เธอรู้จักดี
“นับว่านายน้อยเป็นตัวแทนของรุ่นพ่ออย่างนายใหญ่หวงเฟยได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นเพียงลูกบุญธรรมก็ตาม อุปนิสัยของพวกเขาช่างคล้ายดั่งกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะความเป็นสุภาพบุรุษ”
มาดามซิงกลับมาถอนหายใจอีกครั้ง อดหวนนึกถึงหวงเฟยในยามหนุ่มไม่ได้ เธอกับเขาได้ร่วมวันคืนแห่งความสุข หวงเฟยให้ทุนเธอเปิดกิจการจนกระทั่งเธอได้ขยายเป็นสำนักซิงหรูที่นี่ แม้แต่หวงเฉิงเฟิงก็ยังได้ให้การช่วยเหลือ ในสายตาของพวกเขาพ่อลูกไม่เคยดูถูกเหยียดหยามหญิงที่มีอาชีพเช่นพวกเธอ มาดามซิงจึงทำงานด้วยความภักดีให้สมาคมอินทรีตลอดมา
ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการความรักและชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ได้พบผู้ชายดี ๆ สักคนที่อยู่กินดูแลกันจนแก่จนเฒ่า แต่ก็มักไม่ใช่ว่าจะได้พบอย่างที่ใจหวังได้ เธอผ่านชีวิตวัยสาวมาจนกระทั่งบัดนี้จะย่างเข้าวัยห้าสิบแล้ว เธอหาเงินเลี้ยงดูตนเองโดยไม่คิดอยู่กับชายใดอีก
ชีวิตอิสระดั่งนกทำให้เธอมีความสุขมากกว่า มาดามซิงยิ้มแล้วบอกกำชับกับหยุนเหนียงให้ดูแลม่านอี้ แล้วตัวเองก็เดินนวยนาดกลับไปที่ห้องพักของตน
หยุนเหนียงนึกทบทวนคำพูดของนายแม่ถึงเหตุผลและคำเตือนสติให้เข้าใจ จนเธอเริ่มมีท่าทีอ่อนลง ยังไงเสียเธอก็ต้องดูแลหญิงสาวผู้นั้นอย่างที่ได้รับปากกับนายน้อยเอาไว้
ม่านอี้ยืนส่งเขาที่หน้าประตูลับซึ่งเป็นทางออก เฉิงเฟิงหันไปเห็นดวงหน้าจิ้มลิ้ม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้เขานึกอยากจะรวบตัวเธอมากอดไว้ แต่ตอนนี้ไม่สะดวกนัก
“เสร็จธุระแล้ว ผมจะรีบกลับมา”
ม่านอี้ผงกศีรษะแล้วยิ้มให้เขา เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง “ระวังตัวด้วยนะคะ”
เฉิงเฟิงยิ้มแล้วโบกมือให้ เขาเดินออกไปพร้อมกับหูป้า เมื่อเขาไปแล้วเธอจึงเดินกลับเข้ามา ระหว่างที่จะเดินเลี้ยวไปอีกทาง หางตาเห็นคล้ายมีคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในสำนักซิงหรู ม่านอี้กำลังจะหันหลังเดินไปอีกทาง
“เดี๋ยวก่อน!”
คนที่ถูกเรียกถึงกับชะงักเท้า เธอยังไม่ได้หันกลับไป แต่กลับได้ยินเสียงพูดจากชายผู้นั้น
“ช่วยไปบอกมาดามซิงว่าคุณเว่ยจิงมาพบ”
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก พยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วรวบรวมความกล้าตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงห้าวราวกับเป็นชาย “ขอรับ”
ในขณะที่จะก้าวเท้าต่อ ชายคนนั้นก็เรียกขึ้นอีก
“เรียกอิ๋งอิ๋งมาให้ฉันด้วย” ชายคนนั้นพูดแกมคำสั่งกำชับอีกที “อย่าให้ช้าล่ะ”
ม่านอี้ทำเสียงห้าวตอบกลับไป “ครับ ๆ ผมจะรีบไปตาม” เธอรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปด้านในทันที แล้วยืนหลบอยู่ในมุมที่คิดว่าปลอดภัย นึกใจคอไม่ดี ชายที่ชื่อเว่ยจิงนั้นเป็นใคร
เธอจึงรีบไปบอกกับหยุนเหนียง สีหน้าของอีกฝ่ายดูตระหนกแต่สักครู่ก็รีบพูดกลบเกลื่อน “ฉันจะไปบอกนายแม่เอง คุณม่านอี้ก็รีบเข้าห้องไป..แล้วอย่าออกมาล่ะ “
ม่านอี้อดนึกสงสัยไม่ได้ เธอเองก็อยากจะรู้ว่าคนชื่อเว่ยจิงเป็นใครทำไมดูหยุนเหนียงมีท่าทีไม่สบายใจ ม่านอี้จึงติดสินใจแอบเดินตามไปดู
หนุ่มน้อยหน้าใสคอยระมัดระวังตัว สำนักนางโลมในคืนนี้คึกคัก บรรดาแขกที่นั่งอยู่ต่างก็พากันจ้องมองใบหน้าของสาวน้อยแสนงามนางหนึ่งที่กำลังเล่นดนตรี ขับร้องบทเพลงเสียงหวาน โดยมีสาวสวยรูปร่างอรชรอีกหลายนางนั่งคลอเคลียอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนคอยรินเหล้า เอาอกเอาใจบรรดาแขกอันมีฐานะเหล่านั้น
หนุ่มน้อยจึงได้จังหวะที่ไม่มีใครสนใจ เดินขึ้นไปชั้นบนแล้วหลบตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง คอยมองเข้าไป ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าด้านข้างของชายในห้องที่กำลังนั่งพูดคุยกับมาดามซิงอยู่นั้น ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นทำให้ม่านอี้ต้องเบิกตาโต เพราะมันเป็นใบหน้าเดียวกันกับผู้ชายที่แอบพบกับป้าจือเหมยที่โรงแรมในคืนวันนั้น ม่านอี้คอยเงี่ยหูแอบฟัง ได้ยินเพียงแค่คำพูดจาเกี้ยวพาราสีกัน และเสียงหัวเราะต่อกระซิกของคุณซิงหรูกับชายที่ชื่อเว่ยจิง
ม่านอี้บอกกับตนเองว่าชายผู้นั้นอาจจะเป็นเพียงหนุ่มเจ้าสำราญคนหนึ่ง ในขณะที่กำลังคิดกลับไปกลับมาอยู่นั้น ก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลังแตะเข้าที่ไหล่ จนม่านอี้สะดุ้งตัวแล้วหันกลับไปมองช้า ๆ ด้วยหัวเต้นระทึก