บทนำ https://ppantip.com/topic/38091648
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อารัมภบท "รำลึกถึงเฉาโจว" https://ppantip.com/topic/38091648
บทที่๑ "ซ่อนกายที่เฉาโจว"https://ppantip.com/topic/38163232
บทที่๒ "ชะตาชีวิต"https://ppantip.com/topic/38199618
บทที่๓ "พระจันทร์ขึ้นที่ซ่างไห่" https://ppantip.com/topic/38203543
บทที่๔ "ความรักที่เจ็บปวด" https://ppantip.com/topic/38213699
เกริ่นนำ : ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางแทนนะคะ ส่วนบทสนทนาซึ่งควรจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว จะบรรยายแทนด้วยคำว่าพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น ,นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
"บทที่ ๕ อินทรีหน้าบาก "
รุ่งเช้าวันต่อมา ที่คฤหาสน์ของหวงเฟย เจ้าของบ้านเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับนายแพทย์ชาวจีน เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง
“ต้องให้เขาพักมากสักหน่อย โชคดีที่เขายังหนุ่มแน่น นับว่าร่างกายแข็งแรง เป็นถึงเพียงนี้แต่ยังไม่ถือว่าเจ็บหนัก ผมจัดยาบำรุงให้เขา ไม่นานก็จะฟื้นตัว” นายแพทย์ชาวจีนบอกแล้วก็ขอตัวกลับก่อน หวงเฟยกล่าวขอบคุณแล้วเดินไปส่งนายแพทย์ท่านนั้นที่หน้าประตูบ้าน
ภายในห้องนอน เฉิงเฟิงยังคงหลับอยู่ หากแต่มีท่าทางนอนกระสับกระส่ายไปมาราวกับอยู่ในฝันร้าย จนกระทั่งสะดุ้งตัว ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับยันตัวลุกนั่งทั้งยังรู้สึกหายใจติดขัด หอบเหนื่อยราวกับพานพบเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อสักครู่
สีหน้าของเฉิงเฟิงไม่สู้ดีนัก ริมฝีปากซีด คอแห้งผาดไปหมด ความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ก้มมองตนเองอยู่ในชุดเสื้อกางเกงที่ถูกผลัดเปลี่ยนใหม่ เมื่อหันมองรอบห้อง คิ้วเข้มก็ยิ่งขมวดตึง ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน คนรับใช้เดินเข้ามาพร้อมกับกะละมังและผ้า แล้วยกมาให้เฉิงเฟิงเช็ดหน้าตา ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม สักครู่หวงเฟยก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับฟู่หรงและคนรับใช้วัยกลางคนอีกคนที่ติดตามเข้ามาดูแล
“เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม” หวงเฟยสอบถามด้วยความเป็นห่วง โดยมีฟู่หรงยืนอยู่ข้าง ๆ
“คุณหวงเฟย!” เฉิงเฟิงนึกไม่ถึงว่าคนที่ช่วยเหลือเขาก็คือหวงเฟย
เจ้าของบ้านมีสีหน้ายิ้มแย้ม เฉิงเฟิงกำลังจะขยับตัวลุกขึ้น แต่หวงเฟยได้โบกมือห้ามไว้ก่อน จากนั้นก็เรียกคนรับใช้ให้นำยาที่ต้มใส่ชามแล้วยื่นส่งต่อให้กับเฉิงเฟิง
“นี่เป็นยาบำรุงที่คุณหมอจัดให้ นายรีบดื่มก่อนเถอะ”
เฉิงเฟิงรับมาแล้วมองถ้วยยาในมือ ได้กลิ่นยาขมขึ้นจมูก ก่อนที่จะค่อย ๆ ดื่มยาจนหมด ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ายาชามนี้รสชาติกลืนลงคอได้ลำบากนัก หวงเฟยยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกให้คนรับใช้เก็บถ้วยยาและออกไปก่อน เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ทั้งสองไปแล้ว หวงเฟยนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง โดยมีฟู่หรงยืนอยู่ด้านข้าง เจ้าของบ้านจึงสอบถามเรื่องราว
เฉิงเฟิงมองหน้าหวงเฟยแล้วเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังโดยไม่คิดปิดบัง
ตลอดเวลาที่หวงเฟยนั่งรับฟัง สีหน้านั้นเคร่งเครียด มือทั้งสองที่วางบนตักนั้นกำแน่น
เฉิงเฟิงพูดทิ้งท้ายกับหวงเฟย “คุณสร้างคนอย่างหลิวสุนขึ้นมาทำลายคนอื่น ผมอยากจะถามคุณว่าเป็นคนดีอยู่อีกหรือ” ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของเฉิงเฟิงทำให้หวงเฟยถึงกับพูดไม่ออก
“บังอาจ! คุณหวงอุตส่าห์ช่วยเจ้ามา” ฟู่หรงฟังแล้วถึงกับทนไม่ได้ที่เฉิงเฟิงมาพูดจาต่อหน้าเจ้านายราวกับไม่ให้เกียรติ
“พวกคุณจะลงมือก็รีบเถอะ” เฉิงเฟิงบอกโดยไม่หันมามองหน้าใคร
หวงเฟยหันไปโบกมือปรามไม่ให้คนสนิทพูด แล้วเขาก็หันไปบอกกับเฉิงเฟิง
“ดี..นายพูดได้ดี” หวงเฟยยิ้มกับตนเอง “ตลอดเวลาสิบกว่าปีมานี้ ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้”
หวงเฟยพยักหน้ายอมรับคำพูดของเฉิงเฟิง “เป็นความผิดของฉันเอง ที่ละเลยจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”
เฉิงเฟิงจึงได้แต่นั่งนิ่งไป หวงเฟยผู้มากประสบการณ์มองดูก็รู้ว่าชายหนุ่มยังคงเศร้าเสียใจเรื่องหญิงสาวคนรักอยู่
หวงเฟยถอนหายใจแล้วพูดกับเฉิงเฟิง “ลูกผู้ชายต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คนอย่างนายมีความรู้ ความสามารถ ไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้งที่ซ่างไห่โดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้”
เมื่อเห็นเฉิงเฟิงยังนิ่งเงียบอยู่ หวงเฟยจึงพูดให้ความมั่นใจ
“ฉันจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ยุติธรรม”
แล้วเรียกฟู่หรงเข้ามารับคำสั่ง เปิดประชุมสมาคมวันนี้ช่วงบ่าย
บ่ายวันนี้ ในฤดูหนาว อากาศยังคงเย็นเยือกแม้จะมีแสงแดดส่องพอให้อุ่นเล็กน้อยก็ตาม
ภายในสมาคมอินทรี หวงเฟยผู้เป็นประธานเดินเข้ามาที่ห้องโถงประชุมแห่งนี้ ทุกคนต่างก็ค้อมศีรษะแสดงความเคารพให้กับหวงเฟย
คนเป็นประธานจึงบอกให้ระดับหัวหน้านั่งลงได้ โดยมีลูกน้องของแต่ละแก๊งยืนประจำอยู่ข้างลูกพี่ของตน หัวหน้าอินทรีทอง “หลิวห้าวเหลียง” นั่งอยู่ด้านขวา และหัวหน้าอินทรีเงิน “เฉินตงลู่”นั่งอยู่ด้านซ้าย ส่วนเก้าอี้ของหัวหน้าอินทรีซึ่งอยู่ถัดจากตำแหน่งของอินทรีเงินตอนนี้กลับว่างเปล่า เพราะหลิวสุนผู้เป็นอดีตหัวหน้าอินทรีถูกสังหาร แต่ยังมีกลุ่มลูกน้องของหลิวสุนที่เข้าร่วมประชุม โดยยังไม่รู้ชะตากรรมในอนาคตว่าใครจะมาสืบทอดตำแหน่งที่ว่างนี้
“วันนี้ที่เรียกทุกคนมาเพราะฉันมีเรื่องสำคัญ” หวงเฟยบอกด้วยน้ำเสียงกังวานชัดเจน
“เรื่องของหลิวสุน ฉันได้สั่งให้จัดการโดยไม่ให้เอิกเกริก” หวงเฟยพูดพร้อมกับมองใบหน้าของคนที่เป็นระดับหัวหน้าทั้งหลิวห้าวเหลียงและเฉินตงลู่ ซึ่งเขาพอจะอ่านท่าทางการแสดงออกของเฉินตงลู่ได้
“ใครที่เป็นคนทำร้ายหวงเฉิงเฟิงกับจ้าวเซียงเหยาในวันนั้น ให้ก้าวออกมาเดี๋ยวนี้”
พวกลูกน้องของอดีตหัวหน้าอินทรีได้ยินแล้วถึงกับพากันเลิ่กลั่ก มองหน้ากันไปมา สักครู่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งก้าวเท้าเดินออกมา แต่พวกเขาบอกว่าได้วิ่งตามเฉิงเฟิงออกมา ช่วงที่อดีตลูกพี่ถูกสังหารไปแล้ว เมื่อรายงานเสร็จทุกคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีก
หวงเฟยมองบรรดาลูกน้องแล้วใช้ฝ่ามือตบโต๊ะเสียงดัง หลิวห้าวเหลียงเมื่อเห็นท่าทางของหวงเฟยก็ย่อมจะรู้ใจ ห้าวเหลียงจึงลุกขึ้นชี้นิ้วไปที่กลุ่มลูกน้องของหลิวสุนแล้วตวาดถามน้ำเสียงดัง
“ไอ้พวกที่อยู่กับหลิวสุนก่อนหน้านั้น ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน พวกแกบอกมา”
ลูกน้องของหลิวสุนก็ยังคงพากันยืนเงียบอยู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูด หลิวห้าวเหลียงจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา กระชากคอเสื้อลูกน้องคนหนึ่งออกมาแล้วสอบถาม ลูกน้องคนนั้นจึงต้องบอกว่าพวกที่อยู่กับหลิวสุนในวันนั้นรู้ตัวได้พากันหลบหนีไปแล้ว ทำให้ห้าวเหลียงซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของแก๊งอินทรีทองหันไปมองหน้าหวงเฟย ผู้เป็นประธานจึงพยักหน้าแล้วหันไปสั่งกับฟู่หรงให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ไม่มา ห้าวเหลียงจึงปล่อยคนในมือให้เป็นอิสระ เมื่อทุกคนกลับไปประจำที่
เฉินตงลู่ที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มหันมาพูดกับหวงเฟย “พี่เฟย..เรื่องของหลิวสุน..”
แต่ตงลู่กลับต้องชะงักคำพูด เมื่อหวงเฟยยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อนโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าของเขา
“ขอประกาศให้ทุกคนในที่นี้ได้รับรู้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะมีการจัดการเรื่องระเบียบและกฏของสมาคมเสียใหม่ โดยฉันจะให้ห้าวเหลียงเป็นคนดำเนินการ และหากว่าใครคิดทำร้ายหวงเฉิงเฟิง ให้เขาได้รับบาดเจ็บแม้เพียงปลายนิ้ว ฉันจะลงโทษเด็ดขาดโดยไม่ละเว้น”
คำพูดเสมือนกับคำสั่งประกาศิตของหวงเฟย ทำให้ทุกคนต้องค้อมศีรษะพร้อมกับขานรับคำสั่ง จากนั้นหวงเฟยจึงให้ลูกน้องทุกคนออกไปจากห้องประชุม ยกเว้นระดับหัวหน้าทั้งสองคน
“ตงลู่ เมื่อสักครู่นายจะพูดอะไร” หวงเฟยหันไปถามกับหลิวตงลู่ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งอินทรีเงินซึ่งได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองหวงเฟยอีกครั้ง
“พี่เฟย ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมต่อหลิวสุน เขาเป็นถึงหัวหน้าแก๊งอินทรี มาถูกเจ้าหนุ่มคนนั้นลอบสังหาร แต่พี่เฟยกลับไปถือท้ายคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนั้น เกรงว่าจะสร้างคำครหาได้”
หวงเฟยยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของหลิวตงลู่ “เป็นคำพูดที่น่าสนใจ” แล้วชี้นิ้วไปที่ตงลู่ “ทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า หลิวสุนเป็นคนที่นายให้การประกันว่าเขาจะทำหน้าที่ได้ดีสมกับตำแหน่งหัวหน้าอินทรี..ยังจำได้ใช่ไหม”
คำถามของหวงเฟยทำให้เฉิงตงลู่เริ่มรู้ว่าตนเองก้าวพลาดเสียแล้ว ราวกับมีชนักติดหลัง
“ปีที่ผ่านมาเพียงแค่ฉันไม่ค่อยได้อยู่ที่ซ่างไห่ แล้วปล่อยให้นายบริหารดูแล รู้ไหมว่าฉันได้รับรายงานร้องเรียนมากเท่าไร นายปล่อยให้หลิวสุนใช้อำนาจกระทำตามใจ ฉุดคร่าลูกสาวชาวบ้าน ทำร้ายชีวิตคนบริสุทธิ์ พฤติกรรมเยี่ยงนักเลงปลายแถวเช่นนั้น ยังมีหน้ามาอ้างว่าเป็นถึงหัวหน้าแก๊งอินทรีอีกหรือ” หวงเฟยเริ่มพูดขึ้นเสียงดัง สีหน้าทวีความไม่พอใจต่อลูกน้องในสังกัดตน
หลิวห้าวเหลียงผู้เป็นหัวหน้าอินทรีทองเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงต้องรีบพูดขอร้องหวงเฟยอภัยให้กับตงลู่ แล้วหันไปบอกให้ตงลู่รีบกล่าวขอโทษ ฝ่ายเฉินตงลู่แม้ในใจยังนึกค้านแต่ภายนอกก็แสดงท่ายินยอมปฏิบัติตาม กล่าวขอโทษกับหวงเฟยว่าตนได้กล่าวผิดไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าหวงเฟยพอจะคลายโกรธลงบ้าง หลิวห้าวเหลียงจึงเอ่ยถาม
“ตำแหน่งของหัวหน้าอินทรีที่ว่างอยู่ ไม่ทราบว่าพี่เฟยมีความเห็นอย่างไร”
หวงเฟยบอกกับหลิวห้าวเหลียงว่าจะเป็นคนคัดเลือกผู้ที่มารับตำแหน่งคนใหม่ด้วยตนเอง จากนั้นหวงเฟยจึงบอกให้หัวหน้าทั้งสองคนแยกย้ายกันกลับไปได้ เมื่อทั้งสองคนกล่าวคำอำลาและเดินออกจากห้องโถงไปแล้ว หวงเฟยถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากเขาไม่รีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม มันอาจจะส่งผลกระทบต่องานใหญ่ของเขาในอนาคต..
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หวงเฟยก็เห็นเฉิงเฟิง หน้าตาหนวดเคราครึ้ม ชายหนุ่มเหมือนเตรียมพร้อมจะออกเดินทาง แม้ว่าหวงเฟยพยายามเกลี่ยกล่อมเท่าไร ก็ไม่ยอมรับข้อเสนอของหวงเฟยที่จะให้เขาอยู่ทำงาน เฉิงเฟิงหยิบแหวนหยกในกระเป๋าออกมาส่งคืนให้หวงเฟยแล้วพูดยืนยันว่าจะไปตามทางเดินของตนเอง
หวงเฟยก็ต้องจำใจปล่อยให้เฉิงเฟิงไป แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้แล้วสั่งกำชับกับลูกน้องคนสนิทให้คอยติดตาม หากมีคนคิดทำร้ายเฉิงเฟิงก็ให้ฟู่หรงจัดการคนผู้นั้นได้เลย…
อีกด้านหนึ่ง รถยนต์คันหรูที่กำลังแล่นอยู่บนถนน หานเจิ้นตง ชายร่างท้วมในวัย ๕๐ ปี สวมแว่นตา นั่งมากับหงซินชายหนุ่มวัย ๔๐ ปี ผู้ช่วยคนสำคัญ
“คนอย่างหลิวสุนไม่ช้าก็เร็วต้องพบจุดจบเป็นแบบนี้ เป็นถึงหัวหน้าแก๊งอินทรีเรื่องเงียบราวกับเป็นสุนัขข้างถนนเช่นนั้น” หานเจิ้นตงสูบซิการ์พลางดูหนังสือพิมพ์ไปด้วย
“ดูสิไม่มีแม้แต่ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ หวงเฟยคงน่าจะจัดการทุกอย่าง”
หงซินผู้ช่วยก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ให้คนติดตามข่าวจนรู้ชื่อแซ่ของชายหนุ่มผู้นั้น
”ผมคิดว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคนสำคัญ มีรายงานว่าออกจากบ้านหวงเฟยแล้ว”
ในขณะที่หงซินมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขาก็เห็นชายร่างสูงที่มีหนวดเคราครึ้มคนหนึ่ง แล้วหันไปบอกกับเจ้านาย “น่าจะเป็นเขา ผมจะลองไปติดต่อเจ้าหนุ่มคนนั้นให้มาช่วยงานพวกเรา”
黃成風 ยอดบุรุษซ่อนคมพยัคฆ์ : ภาคหวงเฉิงเฟิง บทที่ ๕ อินทรีหน้าบาก
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกริ่นนำ : ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางแทนนะคะ ส่วนบทสนทนาซึ่งควรจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว จะบรรยายแทนด้วยคำว่าพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น ,นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
รุ่งเช้าวันต่อมา ที่คฤหาสน์ของหวงเฟย เจ้าของบ้านเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับนายแพทย์ชาวจีน เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง
“ต้องให้เขาพักมากสักหน่อย โชคดีที่เขายังหนุ่มแน่น นับว่าร่างกายแข็งแรง เป็นถึงเพียงนี้แต่ยังไม่ถือว่าเจ็บหนัก ผมจัดยาบำรุงให้เขา ไม่นานก็จะฟื้นตัว” นายแพทย์ชาวจีนบอกแล้วก็ขอตัวกลับก่อน หวงเฟยกล่าวขอบคุณแล้วเดินไปส่งนายแพทย์ท่านนั้นที่หน้าประตูบ้าน
ภายในห้องนอน เฉิงเฟิงยังคงหลับอยู่ หากแต่มีท่าทางนอนกระสับกระส่ายไปมาราวกับอยู่ในฝันร้าย จนกระทั่งสะดุ้งตัว ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับยันตัวลุกนั่งทั้งยังรู้สึกหายใจติดขัด หอบเหนื่อยราวกับพานพบเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อสักครู่
สีหน้าของเฉิงเฟิงไม่สู้ดีนัก ริมฝีปากซีด คอแห้งผาดไปหมด ความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ก้มมองตนเองอยู่ในชุดเสื้อกางเกงที่ถูกผลัดเปลี่ยนใหม่ เมื่อหันมองรอบห้อง คิ้วเข้มก็ยิ่งขมวดตึง ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน คนรับใช้เดินเข้ามาพร้อมกับกะละมังและผ้า แล้วยกมาให้เฉิงเฟิงเช็ดหน้าตา ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม สักครู่หวงเฟยก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับฟู่หรงและคนรับใช้วัยกลางคนอีกคนที่ติดตามเข้ามาดูแล
“เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม” หวงเฟยสอบถามด้วยความเป็นห่วง โดยมีฟู่หรงยืนอยู่ข้าง ๆ
“คุณหวงเฟย!” เฉิงเฟิงนึกไม่ถึงว่าคนที่ช่วยเหลือเขาก็คือหวงเฟย
เจ้าของบ้านมีสีหน้ายิ้มแย้ม เฉิงเฟิงกำลังจะขยับตัวลุกขึ้น แต่หวงเฟยได้โบกมือห้ามไว้ก่อน จากนั้นก็เรียกคนรับใช้ให้นำยาที่ต้มใส่ชามแล้วยื่นส่งต่อให้กับเฉิงเฟิง
“นี่เป็นยาบำรุงที่คุณหมอจัดให้ นายรีบดื่มก่อนเถอะ”
เฉิงเฟิงรับมาแล้วมองถ้วยยาในมือ ได้กลิ่นยาขมขึ้นจมูก ก่อนที่จะค่อย ๆ ดื่มยาจนหมด ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ายาชามนี้รสชาติกลืนลงคอได้ลำบากนัก หวงเฟยยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกให้คนรับใช้เก็บถ้วยยาและออกไปก่อน เมื่อเห็นว่าคนรับใช้ทั้งสองไปแล้ว หวงเฟยนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง โดยมีฟู่หรงยืนอยู่ด้านข้าง เจ้าของบ้านจึงสอบถามเรื่องราว
เฉิงเฟิงมองหน้าหวงเฟยแล้วเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังโดยไม่คิดปิดบัง
ตลอดเวลาที่หวงเฟยนั่งรับฟัง สีหน้านั้นเคร่งเครียด มือทั้งสองที่วางบนตักนั้นกำแน่น
เฉิงเฟิงพูดทิ้งท้ายกับหวงเฟย “คุณสร้างคนอย่างหลิวสุนขึ้นมาทำลายคนอื่น ผมอยากจะถามคุณว่าเป็นคนดีอยู่อีกหรือ” ทั้งคำพูดและน้ำเสียงของเฉิงเฟิงทำให้หวงเฟยถึงกับพูดไม่ออก
“บังอาจ! คุณหวงอุตส่าห์ช่วยเจ้ามา” ฟู่หรงฟังแล้วถึงกับทนไม่ได้ที่เฉิงเฟิงมาพูดจาต่อหน้าเจ้านายราวกับไม่ให้เกียรติ
“พวกคุณจะลงมือก็รีบเถอะ” เฉิงเฟิงบอกโดยไม่หันมามองหน้าใคร
หวงเฟยหันไปโบกมือปรามไม่ให้คนสนิทพูด แล้วเขาก็หันไปบอกกับเฉิงเฟิง
“ดี..นายพูดได้ดี” หวงเฟยยิ้มกับตนเอง “ตลอดเวลาสิบกว่าปีมานี้ ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้”
หวงเฟยพยักหน้ายอมรับคำพูดของเฉิงเฟิง “เป็นความผิดของฉันเอง ที่ละเลยจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้”
เฉิงเฟิงจึงได้แต่นั่งนิ่งไป หวงเฟยผู้มากประสบการณ์มองดูก็รู้ว่าชายหนุ่มยังคงเศร้าเสียใจเรื่องหญิงสาวคนรักอยู่
หวงเฟยถอนหายใจแล้วพูดกับเฉิงเฟิง “ลูกผู้ชายต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คนอย่างนายมีความรู้ ความสามารถ ไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้งที่ซ่างไห่โดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้”
เมื่อเห็นเฉิงเฟิงยังนิ่งเงียบอยู่ หวงเฟยจึงพูดให้ความมั่นใจ
“ฉันจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ยุติธรรม”
แล้วเรียกฟู่หรงเข้ามารับคำสั่ง เปิดประชุมสมาคมวันนี้ช่วงบ่าย
บ่ายวันนี้ ในฤดูหนาว อากาศยังคงเย็นเยือกแม้จะมีแสงแดดส่องพอให้อุ่นเล็กน้อยก็ตาม
ภายในสมาคมอินทรี หวงเฟยผู้เป็นประธานเดินเข้ามาที่ห้องโถงประชุมแห่งนี้ ทุกคนต่างก็ค้อมศีรษะแสดงความเคารพให้กับหวงเฟย
คนเป็นประธานจึงบอกให้ระดับหัวหน้านั่งลงได้ โดยมีลูกน้องของแต่ละแก๊งยืนประจำอยู่ข้างลูกพี่ของตน หัวหน้าอินทรีทอง “หลิวห้าวเหลียง” นั่งอยู่ด้านขวา และหัวหน้าอินทรีเงิน “เฉินตงลู่”นั่งอยู่ด้านซ้าย ส่วนเก้าอี้ของหัวหน้าอินทรีซึ่งอยู่ถัดจากตำแหน่งของอินทรีเงินตอนนี้กลับว่างเปล่า เพราะหลิวสุนผู้เป็นอดีตหัวหน้าอินทรีถูกสังหาร แต่ยังมีกลุ่มลูกน้องของหลิวสุนที่เข้าร่วมประชุม โดยยังไม่รู้ชะตากรรมในอนาคตว่าใครจะมาสืบทอดตำแหน่งที่ว่างนี้
“วันนี้ที่เรียกทุกคนมาเพราะฉันมีเรื่องสำคัญ” หวงเฟยบอกด้วยน้ำเสียงกังวานชัดเจน
“เรื่องของหลิวสุน ฉันได้สั่งให้จัดการโดยไม่ให้เอิกเกริก” หวงเฟยพูดพร้อมกับมองใบหน้าของคนที่เป็นระดับหัวหน้าทั้งหลิวห้าวเหลียงและเฉินตงลู่ ซึ่งเขาพอจะอ่านท่าทางการแสดงออกของเฉินตงลู่ได้
“ใครที่เป็นคนทำร้ายหวงเฉิงเฟิงกับจ้าวเซียงเหยาในวันนั้น ให้ก้าวออกมาเดี๋ยวนี้”
พวกลูกน้องของอดีตหัวหน้าอินทรีได้ยินแล้วถึงกับพากันเลิ่กลั่ก มองหน้ากันไปมา สักครู่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งก้าวเท้าเดินออกมา แต่พวกเขาบอกว่าได้วิ่งตามเฉิงเฟิงออกมา ช่วงที่อดีตลูกพี่ถูกสังหารไปแล้ว เมื่อรายงานเสร็จทุกคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีก
หวงเฟยมองบรรดาลูกน้องแล้วใช้ฝ่ามือตบโต๊ะเสียงดัง หลิวห้าวเหลียงเมื่อเห็นท่าทางของหวงเฟยก็ย่อมจะรู้ใจ ห้าวเหลียงจึงลุกขึ้นชี้นิ้วไปที่กลุ่มลูกน้องของหลิวสุนแล้วตวาดถามน้ำเสียงดัง
“ไอ้พวกที่อยู่กับหลิวสุนก่อนหน้านั้น ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน พวกแกบอกมา”
ลูกน้องของหลิวสุนก็ยังคงพากันยืนเงียบอยู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูด หลิวห้าวเหลียงจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา กระชากคอเสื้อลูกน้องคนหนึ่งออกมาแล้วสอบถาม ลูกน้องคนนั้นจึงต้องบอกว่าพวกที่อยู่กับหลิวสุนในวันนั้นรู้ตัวได้พากันหลบหนีไปแล้ว ทำให้ห้าวเหลียงซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของแก๊งอินทรีทองหันไปมองหน้าหวงเฟย ผู้เป็นประธานจึงพยักหน้าแล้วหันไปสั่งกับฟู่หรงให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ไม่มา ห้าวเหลียงจึงปล่อยคนในมือให้เป็นอิสระ เมื่อทุกคนกลับไปประจำที่
เฉินตงลู่ที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มหันมาพูดกับหวงเฟย “พี่เฟย..เรื่องของหลิวสุน..”
แต่ตงลู่กลับต้องชะงักคำพูด เมื่อหวงเฟยยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อนโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าของเขา
“ขอประกาศให้ทุกคนในที่นี้ได้รับรู้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะมีการจัดการเรื่องระเบียบและกฏของสมาคมเสียใหม่ โดยฉันจะให้ห้าวเหลียงเป็นคนดำเนินการ และหากว่าใครคิดทำร้ายหวงเฉิงเฟิง ให้เขาได้รับบาดเจ็บแม้เพียงปลายนิ้ว ฉันจะลงโทษเด็ดขาดโดยไม่ละเว้น”
คำพูดเสมือนกับคำสั่งประกาศิตของหวงเฟย ทำให้ทุกคนต้องค้อมศีรษะพร้อมกับขานรับคำสั่ง จากนั้นหวงเฟยจึงให้ลูกน้องทุกคนออกไปจากห้องประชุม ยกเว้นระดับหัวหน้าทั้งสองคน
“ตงลู่ เมื่อสักครู่นายจะพูดอะไร” หวงเฟยหันไปถามกับหลิวตงลู่ผู้เป็นหัวหน้าแก๊งอินทรีเงินซึ่งได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองหวงเฟยอีกครั้ง
“พี่เฟย ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมต่อหลิวสุน เขาเป็นถึงหัวหน้าแก๊งอินทรี มาถูกเจ้าหนุ่มคนนั้นลอบสังหาร แต่พี่เฟยกลับไปถือท้ายคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนั้น เกรงว่าจะสร้างคำครหาได้”
หวงเฟยยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของหลิวตงลู่ “เป็นคำพูดที่น่าสนใจ” แล้วชี้นิ้วไปที่ตงลู่ “ทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า หลิวสุนเป็นคนที่นายให้การประกันว่าเขาจะทำหน้าที่ได้ดีสมกับตำแหน่งหัวหน้าอินทรี..ยังจำได้ใช่ไหม”
คำถามของหวงเฟยทำให้เฉิงตงลู่เริ่มรู้ว่าตนเองก้าวพลาดเสียแล้ว ราวกับมีชนักติดหลัง
“ปีที่ผ่านมาเพียงแค่ฉันไม่ค่อยได้อยู่ที่ซ่างไห่ แล้วปล่อยให้นายบริหารดูแล รู้ไหมว่าฉันได้รับรายงานร้องเรียนมากเท่าไร นายปล่อยให้หลิวสุนใช้อำนาจกระทำตามใจ ฉุดคร่าลูกสาวชาวบ้าน ทำร้ายชีวิตคนบริสุทธิ์ พฤติกรรมเยี่ยงนักเลงปลายแถวเช่นนั้น ยังมีหน้ามาอ้างว่าเป็นถึงหัวหน้าแก๊งอินทรีอีกหรือ” หวงเฟยเริ่มพูดขึ้นเสียงดัง สีหน้าทวีความไม่พอใจต่อลูกน้องในสังกัดตน
หลิวห้าวเหลียงผู้เป็นหัวหน้าอินทรีทองเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงต้องรีบพูดขอร้องหวงเฟยอภัยให้กับตงลู่ แล้วหันไปบอกให้ตงลู่รีบกล่าวขอโทษ ฝ่ายเฉินตงลู่แม้ในใจยังนึกค้านแต่ภายนอกก็แสดงท่ายินยอมปฏิบัติตาม กล่าวขอโทษกับหวงเฟยว่าตนได้กล่าวผิดไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าหวงเฟยพอจะคลายโกรธลงบ้าง หลิวห้าวเหลียงจึงเอ่ยถาม
“ตำแหน่งของหัวหน้าอินทรีที่ว่างอยู่ ไม่ทราบว่าพี่เฟยมีความเห็นอย่างไร”
หวงเฟยบอกกับหลิวห้าวเหลียงว่าจะเป็นคนคัดเลือกผู้ที่มารับตำแหน่งคนใหม่ด้วยตนเอง จากนั้นหวงเฟยจึงบอกให้หัวหน้าทั้งสองคนแยกย้ายกันกลับไปได้ เมื่อทั้งสองคนกล่าวคำอำลาและเดินออกจากห้องโถงไปแล้ว หวงเฟยถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากเขาไม่รีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม มันอาจจะส่งผลกระทบต่องานใหญ่ของเขาในอนาคต..
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หวงเฟยก็เห็นเฉิงเฟิง หน้าตาหนวดเคราครึ้ม ชายหนุ่มเหมือนเตรียมพร้อมจะออกเดินทาง แม้ว่าหวงเฟยพยายามเกลี่ยกล่อมเท่าไร ก็ไม่ยอมรับข้อเสนอของหวงเฟยที่จะให้เขาอยู่ทำงาน เฉิงเฟิงหยิบแหวนหยกในกระเป๋าออกมาส่งคืนให้หวงเฟยแล้วพูดยืนยันว่าจะไปตามทางเดินของตนเอง
หวงเฟยก็ต้องจำใจปล่อยให้เฉิงเฟิงไป แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้แล้วสั่งกำชับกับลูกน้องคนสนิทให้คอยติดตาม หากมีคนคิดทำร้ายเฉิงเฟิงก็ให้ฟู่หรงจัดการคนผู้นั้นได้เลย…
อีกด้านหนึ่ง รถยนต์คันหรูที่กำลังแล่นอยู่บนถนน หานเจิ้นตง ชายร่างท้วมในวัย ๕๐ ปี สวมแว่นตา นั่งมากับหงซินชายหนุ่มวัย ๔๐ ปี ผู้ช่วยคนสำคัญ
“คนอย่างหลิวสุนไม่ช้าก็เร็วต้องพบจุดจบเป็นแบบนี้ เป็นถึงหัวหน้าแก๊งอินทรีเรื่องเงียบราวกับเป็นสุนัขข้างถนนเช่นนั้น” หานเจิ้นตงสูบซิการ์พลางดูหนังสือพิมพ์ไปด้วย
“ดูสิไม่มีแม้แต่ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ หวงเฟยคงน่าจะจัดการทุกอย่าง”
หงซินผู้ช่วยก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ให้คนติดตามข่าวจนรู้ชื่อแซ่ของชายหนุ่มผู้นั้น
”ผมคิดว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคนสำคัญ มีรายงานว่าออกจากบ้านหวงเฟยแล้ว”
ในขณะที่หงซินมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขาก็เห็นชายร่างสูงที่มีหนวดเคราครึ้มคนหนึ่ง แล้วหันไปบอกกับเจ้านาย “น่าจะเป็นเขา ผมจะลองไปติดต่อเจ้าหนุ่มคนนั้นให้มาช่วยงานพวกเรา”