บทนำ https://ppantip.com/topic/38091648
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อารัมภบท "รำลึกถึงเฉาโจว" https://ppantip.com/topic/38091648
บทที่๑ "ซ่อนกายที่เฉาโจว"https://ppantip.com/topic/38163232
บทที่๒ "ชะตาชีวิต"https://ppantip.com/topic/38199618
บทที่๓ "พระจันทร์ขึ้นที่ซ่างไห่" https://ppantip.com/topic/38203543
บทที่๔ "ความรักที่เจ็บปวด" https://ppantip.com/topic/38213699
บทที่๕ "อินทรีหน้าบาก" https://ppantip.com/topic/38233678
บทที่ ๖ "แม่กุหลาบน้อย" https://ppantip.com/topic/38244845
บทที่ ๗. "ดวงใจอินทรี" https://ppantip.com/topic/38258177
บทที่ ๘. "ผู้หญิงของนายน้อยหวง" https://ppantip.com/topic/38267801
บทที่ ๙. "คำสัญญา" https://ppantip.com/topic/38282233
บทที่ ๑๐. "บททดสอบ" https://ppantip.com/topic/38304131
บทที่ ๑๑. "เรื่องของความรัก" https://ppantip.com/topic/38326384
บทที่ ๑๒. "มิตรภาพ" http://ppantip.com/topic/38346755
บทที่ ๑๓. "สัมพันธภาพ" http://ppantip.com/topic/38366155
บทที่ ๑๔. "ใจตรงกัน" http://ppantip.com/topic/38380649
บทที่ ๑๕. "ลิขิตแห่งรัก" http://ppantip.com/topic/38392223
บทที่ ๑๖. "ศัตรูที่อยู่ใกล้ตัว" https://ppantip.com/topic/38407198
บทที่ ๑๗. "ความในใจ" https://ppantip.com/topic/38454524
เกริ่นนำ : นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลักที่ซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางนะคะ ,นิยายเรื่องนี้และบางสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
"บทที่ ๑๘.การพบกันของสองบุรุษ "
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฉิงเฟิงเอื้อมมือไปรับสาย คนที่โทรมาคือผู้ช่วยคนสนิท อาเล่อรายงานให้เขาทราบสถานการณ์ที่ฝั่งผู่ตง
พวกเขาพูดคุยอยู่ไม่นานก็วางสายไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ปรึกษาฟู่เดินเข้ามาในห้องทำงาน เพื่อรายงานว่านายใหญ่หวงเฟยได้เดินทางมาถึงซ่างไห่แล้ว เฉิงเฟิงกล่าวขอบคุณแล้วเชิญให้ที่ปรึกษาฟู่นั่งลง
“ผมกำลังมีเรื่องอยากจะขอความเห็นที่ปรึกษาฟู่อยู่พอดี”
“นายน้อยหมายถึงเรื่องของหงซินใช่ไหม”
เฉิงเฟิงพยักหน้า “ผมอยากจะเชิญให้เขามาทำงานกับเรา”
ที่ปรึกษาฟู่ฟังแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “คงยังไม่เหมาะที่จะชวนเขามาร่วมงานตอนนี้”
“ยังไงหงซินก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนของหานเจิ้นตง ถ้าพวกเขายังไม่มีเรื่องถึงขั้นแตกหักกันคงจะยากที่หงซินจะแปรพรรค”
ที่ปรึกษาฟู่ลูบหนวดเคราแพะของตนแล้วใช้ความคิด
“เรื่องที่จะทำให้พวกเขาผิดใจจนหงซินไม่อาจจะอยู่กับเจิ้นตงได้อีก นายน้อยคงจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน” ที่ปรึกษาฟู่พูดพร้อมกับมองหน้าของหัวหน้าอินทรี
เฉิงเฟิงมองหน้าของที่ปรึกษาแล้วยิ้มกว้าง “นับว่าที่ปรึกษาฟู่ รู้ใจผมดี”
“ที่ซ่างไห่ โอกาสและความได้เปรียบเป็นสิ่งสำคัญ วิถีสุภาพบุรุษอาจจะใช้ได้สำหรับคนบางคน แต่หากสำหรับพวกแก๊งตงเปาแล้ว
ก็คงไม่ต้องเกรงใจกัน” เฉิงเฟิงพูดเพราะเข้าใจดี ก่อนที่ถอนหายใจเมื่อนึกถึงพี่ใหญ่ของสำนักอีกคน
“พี่ห้าวเหลียงสุขภาพไม่สู้ดีเท่าไรเลย”
ที่ปรึกษาฟู่โน้มตัวไปด้านหน้าแล้วพูดเสียงคล้ายกระซิบ “นายน้อย.. ฉันได้คุยกับหัวหน้าใหญ่แล้ว เขาคิดอยากจะยกตำแหน่งหัวหน้าอินทรีทองให้กับนายน้อย”
เฉิงเฟิงมองหน้าของที่ปรึกษา “นั่นเป็นเรื่องที่ผมกังวล”
“โอกาสเช่นนี้ นายน้อยไม่ควรจะรีบปฏิเสธ”
“ผมเองก็ไม่อาจจะรับปาก เรื่องสำคัญเช่นนี้ คงต้องรอคุยกับพ่อบุญธรรมก่อน”
ระหว่างที่พูดคุยปรึกษากันอยู่ ลูกน้องคนหนึ่งก็เคาะประตูเป็นสัญญาณ ทำให้ทั้งสองต้องเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมกัน ลูกน้องคนนั้นค้อมศีรษะให้เฉิงเฟิงและที่ปรึกษาพร้อมกับกล่าวขอโทษที่ขัดจังหวะพูดคุย แล้วรีบรายงานเรื่องด่วนทันที
“สารวัตรเกาเทียนฉีมาขอพบนายน้อยครับ เขามาเพียงคนเดียว”
ที่ปรึกษาฟู่หันมามองหน้ากับเฉิงเฟิง หัวหน้าอินทรีเลิกคิ้ว แม้พอจะรู้ว่ายังไงสักวันก็ต้องได้พบกับสารวัตรผู้นี้ แต่อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
เพราะเกาเทียนฉีนั้นขึ้นชื่อว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีและมักไม่ไปพบใคร หากไม่มีความจำเป็น
“จะให้ผมไปบอกเขาว่านายน้อยไม่อยู่หรือไม่ครับ”
เฉิงเฟิงยิ้มแล้วโบกมือห้ามลูกน้องของตน “ทำเช่นนั้นเป็นการเสียมารยาท”
หัวหน้าอินทรีหันไปเห็นสีหน้าของที่ปรึกษาแล้วยิ้มกว้าง
“แค่พบกันเท่านั้น เดี๋ยวผมจะออกไปต้อนรับเขาเอง” เฉิงเฟิงลุกขึ้นขยับมือจัดชุดฉางซานที่สวมใิส่ให้ดูเรียบร้อย แล้วรีบเดินออกไปด้านนอก
เมื่อมาถึงหน้าห้องโถง เฉิงเฟิงก็เห็นชายหนุ่มผู้มาเยือน ยืนมือไพล่หลังกำลังมองภาพวาดบนผนัง
ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา สารวัตรเกาเทียนฉีก็หันไปมองบุรุษในชุดฉางซานที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้า แม้ใบหน้าด้านขวานั้นจะมีรอยแผลเป็นพาดเป็นทาง หนวดบนใบหน้าคมคายนั้นรั้งขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้างที่เปี่ยมด้วยความเป็นมิตร ดูแล้วนับเป็นบุรุษผู้มีรูปร่างผึ่งผาย สง่างาม นัยน์ตาประกายวาวประดุจอินทรี
“ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้ผมเกาเทียนฉีจึงถือโอกาสแวะมาเยือน”
หัวหน้าสำนักอินทรีรีบเดินเข้ามาแล้วยื่นไปจับมือกับแขกคนสำคัญ ในขณะเดียวกันเฉิงเฟิงก็สังเกตแขกผู้มาเยือนที่ไม่ได้อยู่ในชุดเครื่องแบบแต่กลับแต่งกายเรียบร้อยด้วยชุดจงซานสีเข้ม
เฉิงเฟิงพอจะได้ข่าวของสารวัตรหนุ่มผู้นี้มาบ้าง เกาเทียนฉีผู้นี้อายุ ๒๘ ปี ประเมินด้วยสายตาแล้ว สารวัตรผู้นี้มีบุคลิกลักษณะดี ท่าทีองอาจ ผิวเข้ม ใบหน้ากร้านแดด ดวงตาคมประกายกล้า
“ยินดีต้อนรับสารวัตรเกา ที่นี่อาจจะคับแคบไปสักหน่อย” เฉิงเฟิงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพและผายมือเชิญให้แขกไปนั่ง
ที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือ “เชิญนั่ง”
เทียนฉีเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตามคำเชื้อเชิญของผู้เป็นหัวหน้าสำนักอินทรี
เฉิงเฟิงขยับชายเสื้อแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวกลาง เทียนฉีมองไปรอบห้อง ๆ โถงแห่งนี้ ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เรียบง่าย บนผนังแขวน
ป้ายอักษรหลายภาพ อักษรข่ายสู้ตัวใหญ่ที่ดูโดดเด่น ไม่มีเครื่องใช้ที่ดูหรูหราอย่างที่เขาเคยนึกภาพเอาไว้
สักครู่คนรับใช้ได้ยกน้ำชามาวางให้ เฉิงเฟิงหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบแล้วจึงเชิญให้แขกของเขาดื่มก่อน คนรับใช้ยื่นบุหรี่ให้แขก
เทียนฉีจุดบุหรี่สูบแล้วใช้นิ้วคีบไว้ ใบหน้ากร้านแดดมีรอยยิ้มแล้วยกถ้วยน้ำชาเปิดฝาให้คลายร้อนแล้วค่อย ๆ ยกดื่ม
รู้สึกรสชาติของใบชาทำให้ชุ่มคอ
“คุณหวงนิยมงานของท่านกวีซูซื่อด้วยหรือ” เทียนฉีเอ่ยถามแล้ววางถ้วยชาบนโต๊ะ
เฉิงเฟิงมองไปที่ภาพอักษรซึ่งถูกเขียนโดยคัดบางส่วนจากบทกวี “ฉื่อปี้”ของกวีซูตงพอ ทั้งยังเป็นขุนนางในสมัยราชวงศ์ซ่ง
ชายหนุ่มอ่านทวนตัวอักษรเหล่านั้นอีกครั้ง น้ำเสียงกังวานราวกับได้ร่ำสุราร่ายกวีไปด้วย
“ มิมีสิ่งใดจักคงอยู่ได้ชั่วฟ้าดิน
สรรพสิ่งล้วนแปรไม่จบสิ้น
สรรพสิ่งจะเป็นของเรา ก็เป็นของเราเพียงชั่วครู่ยามเท่านั้น
แม้แต่เส้นขนสักเส้นก็ยังนำไปไม่ได้ “
“สารวัตรเกาเห็นด้วยไหม” เฉิงเฟิงเอ่ยถาม เกาเทียนฉีมองบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยมาดของบัณฑิตที่นั่งอยู่กลางห้องแล้วเริ่มรู้สึกว่า
ภาพลักษณ์ของอินทรีหน้าบากตัวจริงที่ได้พบในวันนี้ ช่างต่างจากผู้มีอิทธิพลที่เคยนึกภาพเอาไว้ สารวัตรหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ภาพวาดโคลงบทนั้น อาจารย์ที่ผมเคารพเป็นผู้มอบให้”เฉิงเฟิงบอกโดยไม่ได้เอ่ยชื่อโจวซุ่นผู้เป็นอาจารย์ของเขา
เทียนฉีสูบบุหรี่แล้วถอนหายใจ “หากมีบุคคลรับราชการแล้วเป็นอย่างท่านซูซื่อคงจะดีไม่น้อย” สารวัตรหนุ่มหันไปยิ้มให้เฉิงเฟิงแล้วพูดขึ้น
“ทำให้ผมนึกถึงบ้านเกิดขึ้นมาทันที”
“สารวัตรเกาเป็นชาวซื่อชวน ผมเองก็มีเพื่อนชาวซื่อชวนอยู่อีกหลายคน”
สารวัตรหนุ่มสูบบุหรี่ ปล่อยควันขาวลอยล่อง ก่อนที่จะยิ้มแล้วเริ่มพูดธุระกับเฉิงเฟิง
“ได้ข่าวว่าคุณหวงเป็นคนกว้างขวาง ไม่ทราบว่าพอจะรู้จักคนชื่อหงซินหรือไม่”
เฉิงเฟิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม รอยยิ้มระบายบนใบหน้า ก่อนที่จะวางน้ำชาบนโต๊ะ
“ย่อมต้องรู้จัก หงซินเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณหานเจิ้นตง” เฉิงเฟิงตอบตามตรงแล้วจ้องมองไปที่คู่สนทนา
“ไม่ทราบว่าเขามีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ”
“เมื่อหลายวันก่อน เกิดการทำร้ายกันที่ตรอกหนานลู่ มีคนเห็นว่าเขาถูกผู้ชายสองคนพาตัวไป”
เฉิงเฟิงขมวดคิ้วแล้วแสร้งถามกลับไป “แล้วพวกเขาเป็นใครกันล่ะ”
เกาเทียนฉีจ้องมองหน้าของเฉิงเฟิงเช่นกัน “คุณหวงพอจะทราบรถยนต์ลักษณะนี้ไหม” สารวัตรหนุ่มล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อหยิบรูปภาพใบหนึ่งออกมา “ผมอยากฟังความเห็นแนะนำจากคุณหวงสักหน่อย”
ลูกน้องของเฉิงเฟิงเดินไปรับภาพใบนั้นมาแล้วส่งมอบให้กับเจ้านาย
เฉิงเฟิงดับบุหรี่ลงบนจานรองแล้วนั่งเอนตัวพิงพนักพร้อมกับหยิบภาพนั้นขึ้นดู
“ที่ซ่างไห่มีรถยนต์รุ่นนี้เพียงไม่กี่คัน” เฉิงเฟิงพูดไปก็มองพิจารณาภาพไป
“รถยนต์แปดสูบแบบนี้ ความเร็วคงไม่แพ้รถยนต์ของสันติบาลเลยสินะ”
“คุณหวงเองก็มีรถยนต์รุ่นนี้ด้วยใช่ไหมครับ” สารวัตรหนุ่มถามเลียบเคียง
เฉิงเฟิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ “แล้วเห็นทะเบียนรถยนต์คันนั้นด้วยหรือไม่ล่ะ”
เกาเทียนฉียิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา เฉิงเฟิงจึงหัวเราะขึ้น “สารวัตรเกาอุตส่าห์ให้เกียรติมาขอคำแนะนำถึงที่นี่” เฉิงเฟิงขยับตัวโน้มมาด้านหน้า
“อยากจะเยี่ยมชมสำนักอินทรีของผมสักหน่อยไหม เดี๋ยวผมจะคุณพาไป”
เกาเทียนฉีได้ยินดังนั้นก็รับข้อเสนอ “หากคุณหวงสะดวก ก็ดีเหมือนกัน”
หัวหน้าอินทรีลุกขึ้นพร้อมกับผายมือเชิญแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้าไปก่อน สารวัตรหนุ่มนอกเครื่องแบบจึงเร่งฝีเท้าเดินตามไปด้านใน
อีกด้านหนึ่งลูกน้องรีบวิ่งมารายงานให้ที่ปรึกษาฟู่ทราบ คนฟังลูบเคราแพะของตนเองแล้วปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่านายน้อยหวงจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร
黃成風 ยอดบุรุษซ่อนคมพยัคฆ์ : ภาคหวงเฉิงเฟิง บทที่ ๑๘. การพบกันของสองบุรุษ
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกริ่นนำ : นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลักที่ซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางนะคะ ,นิยายเรื่องนี้และบางสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฉิงเฟิงเอื้อมมือไปรับสาย คนที่โทรมาคือผู้ช่วยคนสนิท อาเล่อรายงานให้เขาทราบสถานการณ์ที่ฝั่งผู่ตง
พวกเขาพูดคุยอยู่ไม่นานก็วางสายไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ปรึกษาฟู่เดินเข้ามาในห้องทำงาน เพื่อรายงานว่านายใหญ่หวงเฟยได้เดินทางมาถึงซ่างไห่แล้ว เฉิงเฟิงกล่าวขอบคุณแล้วเชิญให้ที่ปรึกษาฟู่นั่งลง
“ผมกำลังมีเรื่องอยากจะขอความเห็นที่ปรึกษาฟู่อยู่พอดี”
“นายน้อยหมายถึงเรื่องของหงซินใช่ไหม”
เฉิงเฟิงพยักหน้า “ผมอยากจะเชิญให้เขามาทำงานกับเรา”
ที่ปรึกษาฟู่ฟังแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “คงยังไม่เหมาะที่จะชวนเขามาร่วมงานตอนนี้”
“ยังไงหงซินก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนของหานเจิ้นตง ถ้าพวกเขายังไม่มีเรื่องถึงขั้นแตกหักกันคงจะยากที่หงซินจะแปรพรรค”
ที่ปรึกษาฟู่ลูบหนวดเคราแพะของตนแล้วใช้ความคิด
“เรื่องที่จะทำให้พวกเขาผิดใจจนหงซินไม่อาจจะอยู่กับเจิ้นตงได้อีก นายน้อยคงจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน” ที่ปรึกษาฟู่พูดพร้อมกับมองหน้าของหัวหน้าอินทรี
เฉิงเฟิงมองหน้าของที่ปรึกษาแล้วยิ้มกว้าง “นับว่าที่ปรึกษาฟู่ รู้ใจผมดี”
“ที่ซ่างไห่ โอกาสและความได้เปรียบเป็นสิ่งสำคัญ วิถีสุภาพบุรุษอาจจะใช้ได้สำหรับคนบางคน แต่หากสำหรับพวกแก๊งตงเปาแล้ว
ก็คงไม่ต้องเกรงใจกัน” เฉิงเฟิงพูดเพราะเข้าใจดี ก่อนที่ถอนหายใจเมื่อนึกถึงพี่ใหญ่ของสำนักอีกคน
“พี่ห้าวเหลียงสุขภาพไม่สู้ดีเท่าไรเลย”
ที่ปรึกษาฟู่โน้มตัวไปด้านหน้าแล้วพูดเสียงคล้ายกระซิบ “นายน้อย.. ฉันได้คุยกับหัวหน้าใหญ่แล้ว เขาคิดอยากจะยกตำแหน่งหัวหน้าอินทรีทองให้กับนายน้อย”
เฉิงเฟิงมองหน้าของที่ปรึกษา “นั่นเป็นเรื่องที่ผมกังวล”
“โอกาสเช่นนี้ นายน้อยไม่ควรจะรีบปฏิเสธ”
“ผมเองก็ไม่อาจจะรับปาก เรื่องสำคัญเช่นนี้ คงต้องรอคุยกับพ่อบุญธรรมก่อน”
ระหว่างที่พูดคุยปรึกษากันอยู่ ลูกน้องคนหนึ่งก็เคาะประตูเป็นสัญญาณ ทำให้ทั้งสองต้องเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมกัน ลูกน้องคนนั้นค้อมศีรษะให้เฉิงเฟิงและที่ปรึกษาพร้อมกับกล่าวขอโทษที่ขัดจังหวะพูดคุย แล้วรีบรายงานเรื่องด่วนทันที
“สารวัตรเกาเทียนฉีมาขอพบนายน้อยครับ เขามาเพียงคนเดียว”
ที่ปรึกษาฟู่หันมามองหน้ากับเฉิงเฟิง หัวหน้าอินทรีเลิกคิ้ว แม้พอจะรู้ว่ายังไงสักวันก็ต้องได้พบกับสารวัตรผู้นี้ แต่อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
เพราะเกาเทียนฉีนั้นขึ้นชื่อว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีและมักไม่ไปพบใคร หากไม่มีความจำเป็น
“จะให้ผมไปบอกเขาว่านายน้อยไม่อยู่หรือไม่ครับ”
เฉิงเฟิงยิ้มแล้วโบกมือห้ามลูกน้องของตน “ทำเช่นนั้นเป็นการเสียมารยาท”
หัวหน้าอินทรีหันไปเห็นสีหน้าของที่ปรึกษาแล้วยิ้มกว้าง
“แค่พบกันเท่านั้น เดี๋ยวผมจะออกไปต้อนรับเขาเอง” เฉิงเฟิงลุกขึ้นขยับมือจัดชุดฉางซานที่สวมใิส่ให้ดูเรียบร้อย แล้วรีบเดินออกไปด้านนอก
เมื่อมาถึงหน้าห้องโถง เฉิงเฟิงก็เห็นชายหนุ่มผู้มาเยือน ยืนมือไพล่หลังกำลังมองภาพวาดบนผนัง
ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา สารวัตรเกาเทียนฉีก็หันไปมองบุรุษในชุดฉางซานที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้า แม้ใบหน้าด้านขวานั้นจะมีรอยแผลเป็นพาดเป็นทาง หนวดบนใบหน้าคมคายนั้นรั้งขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้างที่เปี่ยมด้วยความเป็นมิตร ดูแล้วนับเป็นบุรุษผู้มีรูปร่างผึ่งผาย สง่างาม นัยน์ตาประกายวาวประดุจอินทรี
“ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้ผมเกาเทียนฉีจึงถือโอกาสแวะมาเยือน”
หัวหน้าสำนักอินทรีรีบเดินเข้ามาแล้วยื่นไปจับมือกับแขกคนสำคัญ ในขณะเดียวกันเฉิงเฟิงก็สังเกตแขกผู้มาเยือนที่ไม่ได้อยู่ในชุดเครื่องแบบแต่กลับแต่งกายเรียบร้อยด้วยชุดจงซานสีเข้ม
เฉิงเฟิงพอจะได้ข่าวของสารวัตรหนุ่มผู้นี้มาบ้าง เกาเทียนฉีผู้นี้อายุ ๒๘ ปี ประเมินด้วยสายตาแล้ว สารวัตรผู้นี้มีบุคลิกลักษณะดี ท่าทีองอาจ ผิวเข้ม ใบหน้ากร้านแดด ดวงตาคมประกายกล้า
“ยินดีต้อนรับสารวัตรเกา ที่นี่อาจจะคับแคบไปสักหน่อย” เฉิงเฟิงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพและผายมือเชิญให้แขกไปนั่ง
ที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือ “เชิญนั่ง”
เทียนฉีเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตามคำเชื้อเชิญของผู้เป็นหัวหน้าสำนักอินทรี
เฉิงเฟิงขยับชายเสื้อแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวกลาง เทียนฉีมองไปรอบห้อง ๆ โถงแห่งนี้ ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เรียบง่าย บนผนังแขวน
ป้ายอักษรหลายภาพ อักษรข่ายสู้ตัวใหญ่ที่ดูโดดเด่น ไม่มีเครื่องใช้ที่ดูหรูหราอย่างที่เขาเคยนึกภาพเอาไว้
สักครู่คนรับใช้ได้ยกน้ำชามาวางให้ เฉิงเฟิงหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบแล้วจึงเชิญให้แขกของเขาดื่มก่อน คนรับใช้ยื่นบุหรี่ให้แขก
เทียนฉีจุดบุหรี่สูบแล้วใช้นิ้วคีบไว้ ใบหน้ากร้านแดดมีรอยยิ้มแล้วยกถ้วยน้ำชาเปิดฝาให้คลายร้อนแล้วค่อย ๆ ยกดื่ม
รู้สึกรสชาติของใบชาทำให้ชุ่มคอ
“คุณหวงนิยมงานของท่านกวีซูซื่อด้วยหรือ” เทียนฉีเอ่ยถามแล้ววางถ้วยชาบนโต๊ะ
เฉิงเฟิงมองไปที่ภาพอักษรซึ่งถูกเขียนโดยคัดบางส่วนจากบทกวี “ฉื่อปี้”ของกวีซูตงพอ ทั้งยังเป็นขุนนางในสมัยราชวงศ์ซ่ง
ชายหนุ่มอ่านทวนตัวอักษรเหล่านั้นอีกครั้ง น้ำเสียงกังวานราวกับได้ร่ำสุราร่ายกวีไปด้วย
“ มิมีสิ่งใดจักคงอยู่ได้ชั่วฟ้าดิน
สรรพสิ่งล้วนแปรไม่จบสิ้น
สรรพสิ่งจะเป็นของเรา ก็เป็นของเราเพียงชั่วครู่ยามเท่านั้น
แม้แต่เส้นขนสักเส้นก็ยังนำไปไม่ได้ “
“สารวัตรเกาเห็นด้วยไหม” เฉิงเฟิงเอ่ยถาม เกาเทียนฉีมองบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยมาดของบัณฑิตที่นั่งอยู่กลางห้องแล้วเริ่มรู้สึกว่า
ภาพลักษณ์ของอินทรีหน้าบากตัวจริงที่ได้พบในวันนี้ ช่างต่างจากผู้มีอิทธิพลที่เคยนึกภาพเอาไว้ สารวัตรหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ภาพวาดโคลงบทนั้น อาจารย์ที่ผมเคารพเป็นผู้มอบให้”เฉิงเฟิงบอกโดยไม่ได้เอ่ยชื่อโจวซุ่นผู้เป็นอาจารย์ของเขา
เทียนฉีสูบบุหรี่แล้วถอนหายใจ “หากมีบุคคลรับราชการแล้วเป็นอย่างท่านซูซื่อคงจะดีไม่น้อย” สารวัตรหนุ่มหันไปยิ้มให้เฉิงเฟิงแล้วพูดขึ้น
“ทำให้ผมนึกถึงบ้านเกิดขึ้นมาทันที”
“สารวัตรเกาเป็นชาวซื่อชวน ผมเองก็มีเพื่อนชาวซื่อชวนอยู่อีกหลายคน”
สารวัตรหนุ่มสูบบุหรี่ ปล่อยควันขาวลอยล่อง ก่อนที่จะยิ้มแล้วเริ่มพูดธุระกับเฉิงเฟิง
“ได้ข่าวว่าคุณหวงเป็นคนกว้างขวาง ไม่ทราบว่าพอจะรู้จักคนชื่อหงซินหรือไม่”
เฉิงเฟิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม รอยยิ้มระบายบนใบหน้า ก่อนที่จะวางน้ำชาบนโต๊ะ
“ย่อมต้องรู้จัก หงซินเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณหานเจิ้นตง” เฉิงเฟิงตอบตามตรงแล้วจ้องมองไปที่คู่สนทนา
“ไม่ทราบว่าเขามีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ”
“เมื่อหลายวันก่อน เกิดการทำร้ายกันที่ตรอกหนานลู่ มีคนเห็นว่าเขาถูกผู้ชายสองคนพาตัวไป”
เฉิงเฟิงขมวดคิ้วแล้วแสร้งถามกลับไป “แล้วพวกเขาเป็นใครกันล่ะ”
เกาเทียนฉีจ้องมองหน้าของเฉิงเฟิงเช่นกัน “คุณหวงพอจะทราบรถยนต์ลักษณะนี้ไหม” สารวัตรหนุ่มล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อหยิบรูปภาพใบหนึ่งออกมา “ผมอยากฟังความเห็นแนะนำจากคุณหวงสักหน่อย”
ลูกน้องของเฉิงเฟิงเดินไปรับภาพใบนั้นมาแล้วส่งมอบให้กับเจ้านาย
เฉิงเฟิงดับบุหรี่ลงบนจานรองแล้วนั่งเอนตัวพิงพนักพร้อมกับหยิบภาพนั้นขึ้นดู
“ที่ซ่างไห่มีรถยนต์รุ่นนี้เพียงไม่กี่คัน” เฉิงเฟิงพูดไปก็มองพิจารณาภาพไป
“รถยนต์แปดสูบแบบนี้ ความเร็วคงไม่แพ้รถยนต์ของสันติบาลเลยสินะ”
“คุณหวงเองก็มีรถยนต์รุ่นนี้ด้วยใช่ไหมครับ” สารวัตรหนุ่มถามเลียบเคียง
เฉิงเฟิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ “แล้วเห็นทะเบียนรถยนต์คันนั้นด้วยหรือไม่ล่ะ”
เกาเทียนฉียิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา เฉิงเฟิงจึงหัวเราะขึ้น “สารวัตรเกาอุตส่าห์ให้เกียรติมาขอคำแนะนำถึงที่นี่” เฉิงเฟิงขยับตัวโน้มมาด้านหน้า
“อยากจะเยี่ยมชมสำนักอินทรีของผมสักหน่อยไหม เดี๋ยวผมจะคุณพาไป”
เกาเทียนฉีได้ยินดังนั้นก็รับข้อเสนอ “หากคุณหวงสะดวก ก็ดีเหมือนกัน”
หัวหน้าอินทรีลุกขึ้นพร้อมกับผายมือเชิญแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้าไปก่อน สารวัตรหนุ่มนอกเครื่องแบบจึงเร่งฝีเท้าเดินตามไปด้านใน
อีกด้านหนึ่งลูกน้องรีบวิ่งมารายงานให้ที่ปรึกษาฟู่ทราบ คนฟังลูบเคราแพะของตนเองแล้วปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า
เขาพอจะเข้าใจแล้วว่านายน้อยหวงจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร