บทนำ https://ppantip.com/topic/38091648
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อารัมภบท "รำลึกถึงเฉาโจว" https://ppantip.com/topic/38091648
บทที่๑ "ซ่อนกายที่เฉาโจว"https://ppantip.com/topic/38163232
บทที่๒ "ชะตาชีวิต"https://ppantip.com/topic/38199618
บทที่๓ "พระจันทร์ขึ้นที่ซ่างไห่" https://ppantip.com/topic/38203543
บทที่๔ "ความรักที่เจ็บปวด" https://ppantip.com/topic/38213699
บทที่๕ "อินทรีหน้าบาก" https://ppantip.com/topic/38233678
บทที่ ๖ "แม่กุหลาบน้อย" https://ppantip.com/topic/38244845
บทที่ ๗. "ดวงใจอินทรี" https://ppantip.com/topic/38258177
บทที่ ๘. "ผู้หญิงของนายน้อยหวง" https://ppantip.com/topic/38267801
เกริ่นนำ : ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางแทนนะคะ ส่วนบทสนทนาซึ่งควรจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว จะบรรยายแทนด้วยคำว่าพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น ,นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
"บทที่ ๙.คำสัญญา "
เมื่อม่านอี้กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลซุน เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมาน้องชายของเธอก็กลับมาถึง
“พี่ม่านอี้” จินฮ่านวิ่งเข้าไปหาพี่สาว “ผมนึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่แล้ว”
ทั้งสองคนพี่น้องต่างก็ร้องไห้ดีใจที่ได้พบกันอีก ม่านอี้กอดปลอบน้องชาย
“พี่จะทิ้งนายไปได้ยังไง ดีใจที่นายปลอดภัยกลับมา”
จินฮ่านจึงสอบถามกับพี่สาวเรื่องที่คนของแก๊งอินทรีไปช่วยเขา ม่านอี้เพียงแต่เล่าให้น้องชายฟังคร่าว ๆ โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องเงื่อนไขที่เธอขอความช่วยเหลือกับหัวหน้าสำนักอินทรี ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขาอย่างไร…
ในค่ำคืนของวันนี้ ทันทีที่ชายชาวต่างชาติร่างสูงเดินออกมาจากไนต์คลับหรู
มิสเตอร์เจมส์ยังอยู่ในอาการมึนเมาเล็กน้อย โดยไม่ได้เฉลียวใจว่ามีใครกำลังคอยติดตามเขาอยู่ เพียงแค่เดินเลี้ยวเข้ามาที่ถนนอีกเส้นหนึ่ง ไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถยนต์สีดำที่จอดอยู่ ชายสองคนบนรถต่างหันไปพยักหน้าให้กันแล้วทั้งคู่ก็รีบเปิดประตูลงมา เข้าไปลากตัวมิสเตอร์เจมส์ขึ้นรถไปทันที
พวกนั้นลงมือรวดเร็วราวกับมืออาชีพ เพียงแค่พริบตามิสเตอร์เจมส์ก็สิ้นอิสรภาพ ทั้งมือและปากของเขาถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา เท้าถูกมัดด้วยเงื่อนพิเศษ แล้วถูกคลุมศีรษะด้วยถุงผ้า รถยนต์คันนั้นแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในรถไม่มีเสียงสนทนา คนถูกควบคุมเหมือนอยู่ในโลกแห่งความมืด ถุงผ้าที่คลุมศีรษะเขาไว้ทำให้รู้สึกเพียงแค่ว่ารถยนต์คันที่เขานั่งอยู่นี้กำลังวิ่งวนไปทางซ้าย แล้วเลี้ยวไปทางขวา ผ่านไปอีกหลายเลี้ยว ทางวกไปมารู้สึกสับสนไปหมด เจมส์รู้สึกปั่นป่วนท้องจนนึกอยากจะอาเจียน
ไม่นานนัก รถยนต์คันนี้ก็จอดสนิท เจมส์ถูกพาลงมาจากรถ เขาสามารถก้าวเท้าได้เพียงระยะสั้น ๆ ด้วยความยากลำบากราวกับนักโทษ แล้วถูกควบคุมตัวให้เดินเข้าไปในสถานที่แห่งไหนเขาเองก็ไม่รู้ มีคนตรวจค้นหาอาวุธจากตัวของเขาทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ในที่ลับ
คนพวกนั้นได้อาวุธของเขาไป ไม่มีแม้กระทั่งเสียงพูดคุยกัน เจมส์ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ทุกอย่างเงียบเชียบราวกับไร้สิ่งมีชีวิต
เขาถูกควบคุมตัวพาเดินลงบันไดมาอีกหลายขั้น เดินคดเคี้ยวไปอีกสองเลี้ยวลงบันไดอีกรอบจนขาแทบจะหมดแรง ในที่สุดตนเองถูกเหวี่ยงให้ลงมากองอยู่กับพื้น เริ่มรู้สึกว่าตัวเจ็บระบม แล้วผ้าที่คลุมศีรษะของเขาก็ถูกกระชากออกไปอย่างแรง
ครั้นมิสเตอร์เจมส์เพ่งตามองก็ให้รู้สึกแสบตาทันทีที่นัยน์ตากระทบเข้ากับลำแสงสว่างจ้า ซึ่งแสงนั้นส่องตรงมาที่ใบหน้าของเขาจนรู้สึกถึงพลังความร้อนที่แผ่ออกมาราวไฟแผดเผา
เจมส์พยายามหรี่ตามอง แล้วเห็นเพียงเงาของใครบางคนที่อยู่เบื้องหลังแสงไฟดวงนั้น เขาต้องสลัดศีรษะเพื่อไล่ความงุนงง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จำได้คือน้ำเสียงของชายที่อยู่ในมุมมืด
“ยินดีต้อนรับสู่สโมสรสุขสันต์ มิสเตอร์เจมส์”
คราวนี้เจมส์หายเมาเป็นปลิดทิ้ง เพราะพอจะจำน้ำเสียงของชายที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งได้ เมื่อโคมไฟดวงใหญ่นั้นถูกปิด ไฟบนเพดานกลับสว่างขึ้นแทน เจมส์เริ่มเห็นชัดเจนว่าบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าของเขาคือ หวงเฉิงเฟิง!
หัวหน้าสำนักอินทรีมีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อย ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยเสื้อกั๊กและสวมถุงมือ นั่งเอนตัวที่โซฟาตัวใหญ่อย่างสบายอารมณ์
เขาหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องจับตัวมิสเตอร์เจมส์ให้นั่งลงบนเก้าอี้ อีกฝ่ายทั้งมือและเท้ายังถูกมัดอยู่ ลูกน้องคนหนึ่งเข้าไปแกะผ้ามัดปาก ทันทีที่ผ้าคาดปากถูกปลดออก เจมส์ก็ตะโกนลั่น
“เฉิงเฟิง ทำบ้าอะไรของคุณ!”
เจ้าของสถานที่ยังคงนั่งเฉย มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากจนหนวดรั้ง
“ผมเป็นคนช่างระแวง” เฉิงเฟิงแม้จะมีรอยยิ้มแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว “อาจจะต้องให้คุณเจมส์นั่งแบบนี้ไปสักพักหนึ่ง”
เจมส์ถึงกับกัดฟันกรอดแล้วขยับตัวดิ้นไปมา แต่แขนและขาก็ถูกพันธนาการเสียแน่นหนา
“จับตัวฉันมาแบบนี้ พวกนายต้องติดคุกนานแน่” เจมส์หน้าแดงก่ำ น้ำเสียงโกรธขึง
หัวหน้าอินทรีกลับยักไหล่ ท่าทีราวกลับไม่ได้แยแสในคำพูดของเจมส์เลยแม้แต่น้อย
“เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมรู้สึกสนใจงานอดิเรกของคุณเจมส์” เฉิงเฟิงพูดพร้อมกับหยิบซิการ์ออกมาจากกล่อง ลูกน้องอีกคนเข้ามาช่วยตัดปลายและเตรียมจุดให้ ส่วนอาเล่อผู้ช่วยคนสนิทก็นำซองเอกสารส่งมาให้ถึงมือเจ้านาย
มิสเตอร์เจมส์ได้แต่นั่งมอง ลูกน้องของเฉิงเฟิงที่กำลังง่วนกับการทำงานอยู่ตรงหน้า
เฉิงเฟิงเปิดซองเอกสารเพื่อหยิบรูปภาพออกมา นัยน์ตาประกายวาวมองรูปภาพเหล่านั้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า เขาทำเสียงจุ๊ปากอยู่หลายครั้ง จนทำให้อีกฝ่ายที่ได้แต่นั่งมองอยู่ชักจะนั่งไม่ติดเก้าอี้
“คุณเจมส์คงต้องทำผลงานหนักมากสิ ถึงต้องหาข้อมูลแบบ..ล้วงลึกขนาดนี้”
คนถูกควบคุมตัวเริ่มมีท่าทีกระสับกระส่าย ใบหน้ายังคงแดงก่ำ พยายามชะเง้อคอมอง
“ไม่นึกว่างานอดิเรกของคุณเจมส์..มันจะน่าเร้าใจขนาดนี้”
เจมส์ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าภาพที่อยู่ในมือของเฉิงเฟิงนั้นเป็นอะไร
“คงอยากรู้แล้วสิ ใช่ไหม”
เฉิงเฟิงเอ่ยถามพร้อมกับสูบซิการ์ กลิ่นฉุนแรงของซิการ์ชั้นดีกระจายรอบบริเวณ แล้วคาบซิการ์ไว้ในปาก ก่อนที่จะส่งภาพยื่นให้ลูกน้องเพื่อเอาไปให้มิสเตอร์เจมส์
ทันทีที่ได้เห็น เจมส์ถึงกับตาเบิกโพลง เพราะภาพเหล่านี้คือภาพของเขากับผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาของพ่อค้าที่เขาได้ทำความรู้จัก ในภาพนั้นเขากำลังหาความสำราญตามประสากับพวกเธอ
เฉิงเฟิงมองอีกภาพในมือแล้วแสร้งทำท่าทีนึกอยู่สักครู่ “ภาพนี้คุ้น ๆ ใช่ภรรยาเถ้าแก่เฝิ่งหรือเปล่า” เขายื่นภาพต่อไปให้ลูกน้องเพื่อส่งต่อให้อีกฝ่ายดู
“โอ้!” เฉิงเฟิงอุทานพร้อมกับผิวปากวี้ดวิ้ว “ภาพนี้ยิ่งน่าสนใจ คุณเจมส์มีรสนิยมดีทีเดียว”
มิสเตอร์เจมส์มองดูภาพที่ถูกยื่นส่งต่อมาตรงหน้า มันเป็นภาพที่เขากำลังคลอเคลียอยู่กับผู้หญิงชนิดเนื้อแนบเนื้อ พวกเธอล้วนเป็นภรรยาสาวของพ่อค้าชาวจีน ซึ่งในภาพนั้นเห็นใบหน้าของเขากับพวกเธออย่างชัดเจน จนไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เขา เจมส์ได้แต่มองดูภาพที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับเหงื่อที่เริ่มไหลลงมาหยดข้างแก้มและรู้สึกร้อนราวกับเหงื่อผุดทั่วใบหน้า
“ยังมีอีกหลายภาพ คุณอยากจะดูไหม” เฉิงเฟิงสูบซิการ์แล้วพ่นควันอย่างสบายใจ แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกว่าลำคอตนเองแห้งผาด จนต้องเค้นเสียงพูดออกมาแทน “คุณต้องการอะไร”
เฉิงเฟิงมีเพียงรอยยิ้มที่มุมปาก เมื่อรับรู้ว่าคู่สนทนาเริ่มมีท่าทีที่อ่อนลง
“ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก มิสเตอร์เจมส์ แค่เชิญคุณมาทำความเข้าใจ เป็นข้อตกลงทางธุรกิจนิดหน่อย”
เฉิงเฟิงจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย สายตาเข้มดุนั้นราวกับสยบฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเสียเปรียบ นี่เป็นครั้งแรกที่เจมส์ได้สัมผัสถึงความน่าเกรงขามของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า คนที่เขาเคยนึกปรามาสว่าเป็นแค่นักเลงรุ่นเล็ก
“ถึงผมไม่ใช่คนดีนัก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” หัวหน้าอินทรีพูดพร้อมกับเริ่มขยับนั่งตัวตรง
“คุณกล้าฟาดพวกเธอเรียบ เกือบจะทั้งเขตหลูวาน” เฉิงเฟิงพูดพร้อมตาจ้องมองเขม็ง
“จะพูดให้ถูกก็เรียกว่าหลอกใช้พวกเธอให้ส่งข่าวมากกว่า”
เฉิงเฟิงส่ายหน้าไปมา แล้วสูบซิการ์อีกครั้ง กลิ่นซิการ์ฉุนกระจายไปรอบห้อง
“ดูแล้วเรื่องของผมคงจะซ้ำซากจนน่าเบื่อและหาได้ไม่ยากในซ่างไห่ แต่เรื่องของคุณเจมส์นี่สิ ดูน่าสนใจมากกว่า” ชายหนุ่มแสร้งครุ่นคิดก่อนที่จะหันไปพูดกับมิสเตอร์เจมส์ “มันอาจจะเพิ่มยอดขายให้หนังสือพิมพ์จนทะลุเป้าเลยก็ได้”
เฉิงเฟิงนั่งเอนตัวกลับมาพิงพนักเก้าอี้ ยื่นมือที่ถือภาพออกไปจนสุดแขนพร้อมกับเพ่งมองที่ภาพนั้น “ควรจะเขียนหัวข้อข่าวว่ายังไงดี”
“ภรรยาสาวแสนสวยคนล่าสุดของเถ้าแก่เฝิ่งกับหนุ่มต่างชาตินักธุรกิจอนาคตไกล”
เจมส์ได้แต่กลืนน้ำลาย พูดไม่ออก เพราะภาพทั้งหมดเป็นหลักฐานที่มัดตัวเขาแน่นหนา
“จริงอยู่เจ้านายคุณอาจจะไม่สนใจพฤติกรรมเหล่านี้ ตราบเท่าที่คุณยังสามารถทำงานให้พวกเขาได้อยู่ แต่ว่าถ้าข่าวพวกนี้สร้างผลกระทบให้กับองค์กรที่คุณสังกัดเมื่อไร คุณคิดว่าพวกเขายังคงจะออกหน้ามาช่วยปกป้องคุณอีกหรือเปล่า” เฉิงเฟิงเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจจะรู้สึกชิงชังการกระทำของจารชนที่แฝงตัวเหล่านี้ และไม่พอใจที่คนพวกนี้ที่ปฏิบัติราวกับไม่ให้เกียรติกัน
“ยังไม่นับบรรดาพ่อค้าผู้ทำงานตัวเป็นเกลียวและเป็นสามีที่เลี้ยงดูพวกเธออย่างดี ถ้าหากรู้ว่าถูกคนไว้ใจแอบตีท้ายครัว ผมยังไม่อยากนึกภาพ อันที่จริงคุณน่าจะนึกภาพออกมากกว่าผม”
มิสเตอร์เจมส์ถึงกับหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจ “คุณมีข้อตกลงอะไรก็ว่ามาเลย”
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เฉิงเฟิงมีรอยยิ้มกว้างขึ้น
“ถ้าหากว่าคุณไม่มาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว เรื่องธุรกิจของผมและเพื่อนของผม” เฉิงเฟิงสูบซิการ์แล้วพ่นควันออกจากปาก “ผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคุณ”
“แต่ถ้าคุณเจมส์ยังคงดึงดัน ภาพพวกนี้ก็ถูกส่งไปให้พวกพ่อค้าผู้เป็นสามีของสาวสวยที่คุณคั่วอยู่ หรือหลังจากนั้นสำนักหนังสือพิมพ์ก็จะได้รับภาพเหล่านี้ด้วย เพียงแค่พริบตากระจายไปทั่วทั้งซ่างไห่ภายใน ๒๔ ชั่วโมง”
“คิดว่าข้อตกลงง่ายเท่านี้ น่าจะทำได้ไม่ยากใช่ไหม คุณคงไม่อยากเสี่ยงต้องเสียชื่อเสียงและเครดิตที่สร้างไว้กับกระทรวงที่คุณสังกัด”
เฉิงเฟิงจ้องมองหน้าของอีกฝ่าย ทำให้มิสเตอร์เจมส์ได้แต่ยอมรับข้อตกลงแต่โดยดี
黃成風 ยอดบุรุษซ่อนคมพยัคฆ์ : ภาคหวงเฉิงเฟิง บทที่ ๙. คำสัญญา
บททั้งหมดก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกริ่นนำ : ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางแทนนะคะ ส่วนบทสนทนาซึ่งควรจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว จะบรรยายแทนด้วยคำว่าพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น ,นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
เมื่อม่านอี้กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลซุน เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมาน้องชายของเธอก็กลับมาถึง
“พี่ม่านอี้” จินฮ่านวิ่งเข้าไปหาพี่สาว “ผมนึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่แล้ว”
ทั้งสองคนพี่น้องต่างก็ร้องไห้ดีใจที่ได้พบกันอีก ม่านอี้กอดปลอบน้องชาย
“พี่จะทิ้งนายไปได้ยังไง ดีใจที่นายปลอดภัยกลับมา”
จินฮ่านจึงสอบถามกับพี่สาวเรื่องที่คนของแก๊งอินทรีไปช่วยเขา ม่านอี้เพียงแต่เล่าให้น้องชายฟังคร่าว ๆ โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องเงื่อนไขที่เธอขอความช่วยเหลือกับหัวหน้าสำนักอินทรี ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเขาอย่างไร…
ในค่ำคืนของวันนี้ ทันทีที่ชายชาวต่างชาติร่างสูงเดินออกมาจากไนต์คลับหรู
มิสเตอร์เจมส์ยังอยู่ในอาการมึนเมาเล็กน้อย โดยไม่ได้เฉลียวใจว่ามีใครกำลังคอยติดตามเขาอยู่ เพียงแค่เดินเลี้ยวเข้ามาที่ถนนอีกเส้นหนึ่ง ไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถยนต์สีดำที่จอดอยู่ ชายสองคนบนรถต่างหันไปพยักหน้าให้กันแล้วทั้งคู่ก็รีบเปิดประตูลงมา เข้าไปลากตัวมิสเตอร์เจมส์ขึ้นรถไปทันที
พวกนั้นลงมือรวดเร็วราวกับมืออาชีพ เพียงแค่พริบตามิสเตอร์เจมส์ก็สิ้นอิสรภาพ ทั้งมือและปากของเขาถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา เท้าถูกมัดด้วยเงื่อนพิเศษ แล้วถูกคลุมศีรษะด้วยถุงผ้า รถยนต์คันนั้นแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในรถไม่มีเสียงสนทนา คนถูกควบคุมเหมือนอยู่ในโลกแห่งความมืด ถุงผ้าที่คลุมศีรษะเขาไว้ทำให้รู้สึกเพียงแค่ว่ารถยนต์คันที่เขานั่งอยู่นี้กำลังวิ่งวนไปทางซ้าย แล้วเลี้ยวไปทางขวา ผ่านไปอีกหลายเลี้ยว ทางวกไปมารู้สึกสับสนไปหมด เจมส์รู้สึกปั่นป่วนท้องจนนึกอยากจะอาเจียน
ไม่นานนัก รถยนต์คันนี้ก็จอดสนิท เจมส์ถูกพาลงมาจากรถ เขาสามารถก้าวเท้าได้เพียงระยะสั้น ๆ ด้วยความยากลำบากราวกับนักโทษ แล้วถูกควบคุมตัวให้เดินเข้าไปในสถานที่แห่งไหนเขาเองก็ไม่รู้ มีคนตรวจค้นหาอาวุธจากตัวของเขาทุกซอกทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ในที่ลับ
คนพวกนั้นได้อาวุธของเขาไป ไม่มีแม้กระทั่งเสียงพูดคุยกัน เจมส์ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ทุกอย่างเงียบเชียบราวกับไร้สิ่งมีชีวิต
เขาถูกควบคุมตัวพาเดินลงบันไดมาอีกหลายขั้น เดินคดเคี้ยวไปอีกสองเลี้ยวลงบันไดอีกรอบจนขาแทบจะหมดแรง ในที่สุดตนเองถูกเหวี่ยงให้ลงมากองอยู่กับพื้น เริ่มรู้สึกว่าตัวเจ็บระบม แล้วผ้าที่คลุมศีรษะของเขาก็ถูกกระชากออกไปอย่างแรง
ครั้นมิสเตอร์เจมส์เพ่งตามองก็ให้รู้สึกแสบตาทันทีที่นัยน์ตากระทบเข้ากับลำแสงสว่างจ้า ซึ่งแสงนั้นส่องตรงมาที่ใบหน้าของเขาจนรู้สึกถึงพลังความร้อนที่แผ่ออกมาราวไฟแผดเผา
เจมส์พยายามหรี่ตามอง แล้วเห็นเพียงเงาของใครบางคนที่อยู่เบื้องหลังแสงไฟดวงนั้น เขาต้องสลัดศีรษะเพื่อไล่ความงุนงง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จำได้คือน้ำเสียงของชายที่อยู่ในมุมมืด
“ยินดีต้อนรับสู่สโมสรสุขสันต์ มิสเตอร์เจมส์”
คราวนี้เจมส์หายเมาเป็นปลิดทิ้ง เพราะพอจะจำน้ำเสียงของชายที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งได้ เมื่อโคมไฟดวงใหญ่นั้นถูกปิด ไฟบนเพดานกลับสว่างขึ้นแทน เจมส์เริ่มเห็นชัดเจนว่าบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าของเขาคือ หวงเฉิงเฟิง!
หัวหน้าสำนักอินทรีมีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อย ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยเสื้อกั๊กและสวมถุงมือ นั่งเอนตัวที่โซฟาตัวใหญ่อย่างสบายอารมณ์
เขาหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องจับตัวมิสเตอร์เจมส์ให้นั่งลงบนเก้าอี้ อีกฝ่ายทั้งมือและเท้ายังถูกมัดอยู่ ลูกน้องคนหนึ่งเข้าไปแกะผ้ามัดปาก ทันทีที่ผ้าคาดปากถูกปลดออก เจมส์ก็ตะโกนลั่น
“เฉิงเฟิง ทำบ้าอะไรของคุณ!”
เจ้าของสถานที่ยังคงนั่งเฉย มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากจนหนวดรั้ง
“ผมเป็นคนช่างระแวง” เฉิงเฟิงแม้จะมีรอยยิ้มแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว “อาจจะต้องให้คุณเจมส์นั่งแบบนี้ไปสักพักหนึ่ง”
เจมส์ถึงกับกัดฟันกรอดแล้วขยับตัวดิ้นไปมา แต่แขนและขาก็ถูกพันธนาการเสียแน่นหนา
“จับตัวฉันมาแบบนี้ พวกนายต้องติดคุกนานแน่” เจมส์หน้าแดงก่ำ น้ำเสียงโกรธขึง
หัวหน้าอินทรีกลับยักไหล่ ท่าทีราวกลับไม่ได้แยแสในคำพูดของเจมส์เลยแม้แต่น้อย
“เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมรู้สึกสนใจงานอดิเรกของคุณเจมส์” เฉิงเฟิงพูดพร้อมกับหยิบซิการ์ออกมาจากกล่อง ลูกน้องอีกคนเข้ามาช่วยตัดปลายและเตรียมจุดให้ ส่วนอาเล่อผู้ช่วยคนสนิทก็นำซองเอกสารส่งมาให้ถึงมือเจ้านาย
มิสเตอร์เจมส์ได้แต่นั่งมอง ลูกน้องของเฉิงเฟิงที่กำลังง่วนกับการทำงานอยู่ตรงหน้า
เฉิงเฟิงเปิดซองเอกสารเพื่อหยิบรูปภาพออกมา นัยน์ตาประกายวาวมองรูปภาพเหล่านั้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า เขาทำเสียงจุ๊ปากอยู่หลายครั้ง จนทำให้อีกฝ่ายที่ได้แต่นั่งมองอยู่ชักจะนั่งไม่ติดเก้าอี้
“คุณเจมส์คงต้องทำผลงานหนักมากสิ ถึงต้องหาข้อมูลแบบ..ล้วงลึกขนาดนี้”
คนถูกควบคุมตัวเริ่มมีท่าทีกระสับกระส่าย ใบหน้ายังคงแดงก่ำ พยายามชะเง้อคอมอง
“ไม่นึกว่างานอดิเรกของคุณเจมส์..มันจะน่าเร้าใจขนาดนี้”
เจมส์ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าภาพที่อยู่ในมือของเฉิงเฟิงนั้นเป็นอะไร
“คงอยากรู้แล้วสิ ใช่ไหม”
เฉิงเฟิงเอ่ยถามพร้อมกับสูบซิการ์ กลิ่นฉุนแรงของซิการ์ชั้นดีกระจายรอบบริเวณ แล้วคาบซิการ์ไว้ในปาก ก่อนที่จะส่งภาพยื่นให้ลูกน้องเพื่อเอาไปให้มิสเตอร์เจมส์
ทันทีที่ได้เห็น เจมส์ถึงกับตาเบิกโพลง เพราะภาพเหล่านี้คือภาพของเขากับผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาของพ่อค้าที่เขาได้ทำความรู้จัก ในภาพนั้นเขากำลังหาความสำราญตามประสากับพวกเธอ
เฉิงเฟิงมองอีกภาพในมือแล้วแสร้งทำท่าทีนึกอยู่สักครู่ “ภาพนี้คุ้น ๆ ใช่ภรรยาเถ้าแก่เฝิ่งหรือเปล่า” เขายื่นภาพต่อไปให้ลูกน้องเพื่อส่งต่อให้อีกฝ่ายดู
“โอ้!” เฉิงเฟิงอุทานพร้อมกับผิวปากวี้ดวิ้ว “ภาพนี้ยิ่งน่าสนใจ คุณเจมส์มีรสนิยมดีทีเดียว”
มิสเตอร์เจมส์มองดูภาพที่ถูกยื่นส่งต่อมาตรงหน้า มันเป็นภาพที่เขากำลังคลอเคลียอยู่กับผู้หญิงชนิดเนื้อแนบเนื้อ พวกเธอล้วนเป็นภรรยาสาวของพ่อค้าชาวจีน ซึ่งในภาพนั้นเห็นใบหน้าของเขากับพวกเธออย่างชัดเจน จนไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เขา เจมส์ได้แต่มองดูภาพที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับเหงื่อที่เริ่มไหลลงมาหยดข้างแก้มและรู้สึกร้อนราวกับเหงื่อผุดทั่วใบหน้า
“ยังมีอีกหลายภาพ คุณอยากจะดูไหม” เฉิงเฟิงสูบซิการ์แล้วพ่นควันอย่างสบายใจ แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกว่าลำคอตนเองแห้งผาด จนต้องเค้นเสียงพูดออกมาแทน “คุณต้องการอะไร”
เฉิงเฟิงมีเพียงรอยยิ้มที่มุมปาก เมื่อรับรู้ว่าคู่สนทนาเริ่มมีท่าทีที่อ่อนลง
“ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก มิสเตอร์เจมส์ แค่เชิญคุณมาทำความเข้าใจ เป็นข้อตกลงทางธุรกิจนิดหน่อย”
เฉิงเฟิงจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย สายตาเข้มดุนั้นราวกับสยบฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเสียเปรียบ นี่เป็นครั้งแรกที่เจมส์ได้สัมผัสถึงความน่าเกรงขามของบุรุษที่อยู่ตรงหน้า คนที่เขาเคยนึกปรามาสว่าเป็นแค่นักเลงรุ่นเล็ก
“ถึงผมไม่ใช่คนดีนัก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” หัวหน้าอินทรีพูดพร้อมกับเริ่มขยับนั่งตัวตรง
“คุณกล้าฟาดพวกเธอเรียบ เกือบจะทั้งเขตหลูวาน” เฉิงเฟิงพูดพร้อมตาจ้องมองเขม็ง
“จะพูดให้ถูกก็เรียกว่าหลอกใช้พวกเธอให้ส่งข่าวมากกว่า”
เฉิงเฟิงส่ายหน้าไปมา แล้วสูบซิการ์อีกครั้ง กลิ่นซิการ์ฉุนกระจายไปรอบห้อง
“ดูแล้วเรื่องของผมคงจะซ้ำซากจนน่าเบื่อและหาได้ไม่ยากในซ่างไห่ แต่เรื่องของคุณเจมส์นี่สิ ดูน่าสนใจมากกว่า” ชายหนุ่มแสร้งครุ่นคิดก่อนที่จะหันไปพูดกับมิสเตอร์เจมส์ “มันอาจจะเพิ่มยอดขายให้หนังสือพิมพ์จนทะลุเป้าเลยก็ได้”
เฉิงเฟิงนั่งเอนตัวกลับมาพิงพนักเก้าอี้ ยื่นมือที่ถือภาพออกไปจนสุดแขนพร้อมกับเพ่งมองที่ภาพนั้น “ควรจะเขียนหัวข้อข่าวว่ายังไงดี”
“ภรรยาสาวแสนสวยคนล่าสุดของเถ้าแก่เฝิ่งกับหนุ่มต่างชาตินักธุรกิจอนาคตไกล”
เจมส์ได้แต่กลืนน้ำลาย พูดไม่ออก เพราะภาพทั้งหมดเป็นหลักฐานที่มัดตัวเขาแน่นหนา
“จริงอยู่เจ้านายคุณอาจจะไม่สนใจพฤติกรรมเหล่านี้ ตราบเท่าที่คุณยังสามารถทำงานให้พวกเขาได้อยู่ แต่ว่าถ้าข่าวพวกนี้สร้างผลกระทบให้กับองค์กรที่คุณสังกัดเมื่อไร คุณคิดว่าพวกเขายังคงจะออกหน้ามาช่วยปกป้องคุณอีกหรือเปล่า” เฉิงเฟิงเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจจะรู้สึกชิงชังการกระทำของจารชนที่แฝงตัวเหล่านี้ และไม่พอใจที่คนพวกนี้ที่ปฏิบัติราวกับไม่ให้เกียรติกัน
“ยังไม่นับบรรดาพ่อค้าผู้ทำงานตัวเป็นเกลียวและเป็นสามีที่เลี้ยงดูพวกเธออย่างดี ถ้าหากรู้ว่าถูกคนไว้ใจแอบตีท้ายครัว ผมยังไม่อยากนึกภาพ อันที่จริงคุณน่าจะนึกภาพออกมากกว่าผม”
มิสเตอร์เจมส์ถึงกับหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจ “คุณมีข้อตกลงอะไรก็ว่ามาเลย”
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เฉิงเฟิงมีรอยยิ้มกว้างขึ้น
“ถ้าหากว่าคุณไม่มาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว เรื่องธุรกิจของผมและเพื่อนของผม” เฉิงเฟิงสูบซิการ์แล้วพ่นควันออกจากปาก “ผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคุณ”
“แต่ถ้าคุณเจมส์ยังคงดึงดัน ภาพพวกนี้ก็ถูกส่งไปให้พวกพ่อค้าผู้เป็นสามีของสาวสวยที่คุณคั่วอยู่ หรือหลังจากนั้นสำนักหนังสือพิมพ์ก็จะได้รับภาพเหล่านี้ด้วย เพียงแค่พริบตากระจายไปทั่วทั้งซ่างไห่ภายใน ๒๔ ชั่วโมง”
“คิดว่าข้อตกลงง่ายเท่านี้ น่าจะทำได้ไม่ยากใช่ไหม คุณคงไม่อยากเสี่ยงต้องเสียชื่อเสียงและเครดิตที่สร้างไว้กับกระทรวงที่คุณสังกัด”
เฉิงเฟิงจ้องมองหน้าของอีกฝ่าย ทำให้มิสเตอร์เจมส์ได้แต่ยอมรับข้อตกลงแต่โดยดี