บทนำ https://ppantip.com/topic/38091648
อารัมภบท "รำลึกถึงเฉาโจว" https://ppantip.com/topic/38091648
เกริ่นนำ : ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางแทนนะคะ ส่วนบทสนทนาซึ่งควรจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว จะบรรยายแทนด้วยคำว่าพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น ,นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
หมายเหตุ : ชื่อของพระเอก จะอ่านตามเสียงภาษาจีนกลางว่า "หวงเฉิงเฟิง"
"บทที่ ๑ ซ่อนกายที่เฉาโจว"
ในราตรีที่พระจันทร์กระจ่าง ภายใต้ยามวิกาลที่เงียบสงัด
เสียงปืนที่ดังไล่หลังมาติดต่อหลายนัด ทำให้เด็กหนุ่มวัย ๑๔ ปี ต้องยกทั้งสองมือขึ้นปิดหู ใบหน้าซีดเซียว ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปดูต้นเสียง
‘จางคุน” คนสนิทของบิดาช่วยพาเขาหลบหนีจนพาขึ้นเรือมา เสียงตะโกนเรียกของคนพวกนั้นได้ค่อย ๆ เบาลงและเหมือนเสียงจะห่างไกลออกไปทุกที
จนในที่สุดทุกอย่างก็เงียบสงบเมื่อเรือลำนี้พาพวกเขาออกมาไกลจากฝั่ง
“อาคุน” เด็กหนุ่มกำลังเป็นไข้นอนซบกับท่อนแขนของผู้ที่ช่วยเหลือเขาไว้
“ตอนนี้พวกเราอยู่ไหนกัน”
“บนแม่น้ำหาน เรากำลังจะไปเมืองเฉาโจว ครับคุณชาย”
“ผมคิดถึงบ้าน ผมอยากจะกลับบ้านครับอา”
“ตอนนี้คงกลับไปไม่ได้แล้วละครับ” จางคุนตอบน้ำเสียงเบา
คำพูดที่ว่า“กลับไปไม่ได้” ทำให้เด็กหนุ่มได้แต่เหม่อมองออกไปด้านนอก เขารู้สึกเหมือนลำตัวกำลังโยกคลอนเพราะเรือที่โคลงเคลงขึ้นลงตามแรงกระเพื่อมของลำน้ำหาน บรรยากาศรอบบริเวณที่ดูมืด มองดูเงียบเหงา
ในค่ำคืนนี้มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่งประกายสะท้อนแวววาวบนผิวแม่น้ำ หากแต่ตอนนี้ตนเองก็ไม่มีแรง ได้แต่นอนซมเป็นไข้ อากาศก็เย็นจนรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว
”ทำไมพวกเขาต้องตามทำร้ายเรา” เด็กหนุ่มใบหน้าเศร้ายังคงเอ่ยถาม
จางคุน ชายวัย๓๔ ปี รูปร่างสัดทัน ผมตัดสั้น ผิวขาว เป็นคนสนิทของเศรษฐีหวงเหวินบิดาของเฉิงเฟิง จางคุนมองคุณชายเล็กแล้วรู้สึกสงสารจับใจ เขาถอดเสื้อตัวนอกออกมาสวมคลุมพร้อมทั้งกอดคุณชายเล็กไว้แน่นเพื่อให้ร่างกายของเด็กหนุ่มอบอุ่น
“คุณชายนอนพักก่อนเถอะครับ”
เฉิงเฟิงรู้สึกเปลือกตาของตนเองหนักเหลือเกิน พิษไข้กำลังเล่นงานเขาอยู่
เพียงไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองเฉาโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนทางตอนใต้
จางคุนแบกเด็กหนุ่มไว้บนหลัง แล้วเร่งฝีเท้าอย่างรีบร้อนเดินผ่านตรอกหนึ่งไปยังอีกตรอกหนึ่ง ผ่านมาสามสี่ตรอก เฉิงเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ช่างงดงามนัก แม้เขายังไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ใด มีเพียงแสงของดวงจันทร์คอยส่องนำทางให้กับพวกเขา เฉิงเฟิงซบหน้าที่ซีดเซียวลงบนไหล่ของจางคุน
“อดทนหน่อยนะครับ” คนพูดเหลียวหน้าไปบอก แล้วกระชับแขนรั้งตัวของเด็กหนุ่มที่เขาแบกอยู่ไว้ให้แน่นอีกครั้ง จางคุนยังคงเร่งฝีเท้าเพื่อรีบไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ไม่นานนัก เขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เสียงเคาะประตูดังติดต่อกันทำให้คนในบ้านต้องรีบออกมาประตูเปิด
ทันทีที่บานประตูไม้ถูกเปิด หญิงสาวผู้อาศัยอยู่ในบ้านเช่าแห่งนี้ถึงกับ หน้าถอดสี เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเยือนยามวิกาลเป็นใคร จางคุนไม่พูดไม่จารีบก้าวเท้าเข้าไปด้านใน หญิงสาวมองซ้ายแลขวาแล้วรีบปิดประตูลงกลอนทันที
ภายในห้อง ตะเกียงดวงใหญ่ส่องแสงสว่าง ทำให้เห็นเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงนั้นใบหน้าแลดูซีดเซียวยิ่งนัก เธอเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะความร้อนที่แผ่ขึ้นมาจนรู้สึกได้
หญิงสาวรีบลุกขึ้น เดินหายเข้าไปด้านใน สักครู่ก็ออกมาพร้อมกับนำกะละมังมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วรีบนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับเด็กหนุ่มพร้อมกับหยิบผ้าห่มคลุมตัวให้ เมื่อเรียบร้อยเธอก็ดึงมือพี่ชายออกมาคุยด้านนอก
“พี่คุน เขาตัวร้อนมาก มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”
จางคุนหันไปมองหน้า “จางซูหลิน” น้องสาววัย ๒๗ ปีของเขา
ซูหลินเป็นหญิงหน้าตาดี รูปร่างอวบอิ่ม เธอหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วคีบบุหรี่ไว้ที่มือ
“พี่ไม่นึกว่าเรื่องที่พี่เคยคาดคิดไว้จะเกิดขึ้นเร็วเพียงนี้”
หลังจากได้ฟังเล่าเรื่องราวเพียงคร่าว ๆ จากพี่ชาย คนเป็นน้องสาวก็ถอนหายใจ
“พี่คุน..รายได้ทั้งปีเหลือแค่ไม่กี่หยวน ฉันไม่มีเงินที่จะเลี้ยงเขาหรอกนะ”
จางคุนถอนหายใจตาม รู้ว่าความเป็นอยู่ของน้องสาวยังค่อนข้างลำบาก
“พี่ไม่มีเวลาอธิบายมาก“ จางคุนพูดพร้อมกับหยิบจดหมายสองฉบับออกจากกระเป๋าเสื้อตัวในพร้อมกับถุงเงินใบใหญ่แล้วยื่นส่งให้น้องสาว
“เรื่องราวอยู่ในจดหมายฉบับแรก ส่วนจดหมายฉบับที่สองเมื่อเธอเห็นว่าถึงเวลาที่เขาควรจะได้รู้ ก็ค่อยมอบให้เขา พี่มีเงินกับเครื่องประดับพวกนี้ พอจะให้เธอเอาไว้ใช้สอยยามจำเป็น”
ซูหลินคาบบุหรี่แล้วมองจดหมายในมือ แต่เธอเลือกเปิดดูถุงเงินใบใหญ่ ดวงตาโตต้องเบิกกว้างเพราะของที่อยู่ในถุงหลายชิ้นน่าจะมีมูลค่าไม่น้อย
จางคุนยังหยิบป้ายหยกสีมรกตที่ถูกร้อยกับเชือกไหมสีแดงเป็นพู่ห้อยแลดูเป็นสิ่งล้ำค่า “ซูหลิน หยกชิ้นนี้เป็นของเขา เธอช่วยเก็บรักษาไว้ให้ดี”
ซูหลินเอื้อมอีกมือหนึ่งไปหยิบหยกชิ้นนั้นจากพี่ชาย เธอสัมผัสได้จากความเย็นของชิ้นหยกในมือ คาดคะเนว่าคงเป็นหยกเนื้อดีทีเดียว แล้วเพ่งตามองพร้อมกับอ่านอักษรสองตัวที่สลักอยู่ที่ป้ายหยก “เฉิงเฟิง”
จางคุนพยักหน้า แล้วมองไปด้านในห้อง ที่เด็กหนุ่มกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ท่าทางยังดูหนาวสั่นอยู่ ซูหลินดับบุหรี่แล้วรีบเดินกลับเข้าไปด้านในวางจดหมายและสิ่งของไว้บนโต๊ะ เดินไปหยิบผ้าห่มคลุมตัวให้เฉิงเฟิงอีกผืนหนึ่ง
“คุณอา..คุน” เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นมือออกมาจากผ้าห่ม ริมฝีปากซีดขาวปากสั่นจนได้ยินเสียงกระทบฟัน
“ครับ คุณชายเล็ก” จางคุนรีบรุดไปนั่งลงข้างเตียง เอื้อมไปจับมืออันเย็นเฉียบแล้วลูบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่แดงจัดเพราะพิษไข้
“คุณชายอยู่ที่นี่กับน้าซูหลิน น้องสาวของอา แล้วอาจะมารับคุณชายนะครับ”
เฉิงเฟิงมองใบหน้าของซูหลิน สลับกับมองใบหน้าของจางคุน
“อา..คุน อย่าทิ้งผมไป คุณอา.. “ เฉิงเฟิงจับมือของจางคุนไว้แน่น
เด็กหนุ่มพยายามยันตัวลุก แต่ก็อ่อนแรงเกินไปที่จะลุกขึ้นได้ จางคุนตัดใจปล่อยมือ พร้อมกับบอกลาคุณชายเล็กแล้วรีบเดินออกไป เฉิงเฟิงได้แต่นอนหมดแรง น้ำตาหยดใส ๆ ไหลรินที่ปลายตา
ซูหลินเดินตามพี่ชายของเธอแล้วหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นจุดสูบ พร้อมกับส่งให้พี่ชายมวนหนึ่ง จางคุนได้สูบบุหรี่แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้วนี่เขาพูดภาษาเราได้หรือ” ซูหลินเอ่ยถามกับพี่ชาย
จางคุนหันไปมองน้องสาว “คุณชายพูดได้สี่ภาษา”
“สี่ภาษา?” ซูหลินขมวดคิ้วเรียว “อายุเท่านี้เอง ทางบ้านคงฐานะดีมากสินะ มิน่าล่ะ” จางซูหลินพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าทำไมเด็กหนุ่มที่ชื่อเฉิงเฟิงถึงต้องถูกตามทำร้าย เธอพ่นควันบุหรี่ขึ้นสูง
“แต่ฉันไม่รับปากว่าจะเลี้ยงดูเขาให้ดีแค่ไหน มาอยู่กับฉันก็ต้องลำบากให้เป็น” จางซูหลินยืนเอามือข้างหนึ่งกอดอกแล้วพูดกับพี่ชาย
“เอาลูกเขามาเลี้ยง ดีก็ดีไป ไม่ดีก็อย่ามาโทษกันล่ะ”
“เธอก็สอนให้เขารู้จักลำบาก อนาคตเขาจะเป็นยังไง ก็อยู่ที่เธอด้วย”
ทั้งน้ำเสียงและคำพูดที่จริงจังของพี่ชายทำให้คนเป็นน้องสาวถึงกับเลิกคิ้วสูง เมื่อนึกถึงภาระที่ต้องมาช่วยรับผิดชอบ
“อะไรกันพี่คุน โยนมาให้ฉัน ลำพังฉันยังไม่รอด”
จางคุนอัดบุหรี่เข้าปอดลึกก่อนที่จะดับมันทิ้ง และพูดกำชับกับน้องสาว
“ซูหลิน มันสำคัญมาก”
คำพูดของพี่ชายยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อจางคุนเห็นได้เวลา เขาจึงบอกลาน้องสาวแล้วชะโงกหน้าไปดู คุณชายเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว
“คุณชายเล็กรักษาตัวนะครับ อาจะกลับมารับ” จางคุนพูดเสียงเบา น้ำตาคลอเบ้า การจากกันครั้งนี้ คงอีกยาวนานกว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหันหลังเดินออกจากบ้านไป โดยมีน้องสาวเดินตามไปส่ง
เมื่อจางซูหลินเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นเด็กหนุ่มนอนหลับตา แต่ปากพึมพำน้ำเสียงแผ่วเบา “แม่..ครับ “
เสียงละเมอเรียกหลายครั้งของเฉิงเฟิง ทำให้ซูหลินขยับตัวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะหน้าผากของเด็กหนุ่ม แม้ตัวจะร้อนน้อยลง แต่เธอก็รีบเช็ดตัวให้เขาอีกรอบ
เมื่อเห็นแน่ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหลับสนิทแล้ว ซูหลินได้แต่ส่ายหน้าไปมา เมื่อนึกขึ้นได้ก็เดินไปหยิบจดหมายฉบับแรกขึ้นมาเปิดดู อ่านไปก็เหลียวหน้ามองเด็กหนุ่มเฉิงเฟิงไป เมื่ออ่านข้อความจนจบ สีหน้าของซูหลินก็ฉายแวววิตกกังวล ไม่สู้สบายใจนัก แต่เมื่อพี่ชายกำชับเธอก็ต้องทำตามหน้าที่…
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่เปลือกตาเล็กขยับ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงเล็กดังแว่วอยู่ใกล้
“ยาย...เขาตื่นแล้ว..”
เสียงพูดที่เฉิงเฟิงได้ยินเป็นภาษาจีนท้องถิ่น เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็มองเห็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนกับใบหน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“คุณ..” ป้าอูเกือบลืมไปว่าซูหลินกำชับไม่ให้เรียกเฉิงเฟิงว่า..คุณชาย
“อาเฟิง ค่อย ๆ ขยับตัวนะ”
“คุณน้าซูหลินเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายเป็นภาษาจีนท้องถิ่นเช่นกัน
“ไม่ใช่จ้ะ ป้าแซ่หลิว ชื่ออู เป็นเพื่อนข้างบ้าน ซูหลินไปทำงานแล้ว”
เฉิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น เมื่อคืนเขาเผลอหลับไป ได้เห็นใบหน้าของน้าซูหลินแต่ไม่ชัดเจนนัก
“อรุณสวัสดิ์ครับ ป้าอู” เฉิงเฟิงกล่าวทักทาย น้ำเสียงสุภาพ
ป้าอูยิ้มพูดอรุณสวัสดิ์ตอบแล้วช่วยประคองตัวให้เฉิงเฟิงลุกขึ้นนั่ง
黃成風 ยอดบุรุษซ่อนคมพยัคฆ์ : หวงเฉิงเฟิง (เตชินท์) บทที่๑ .ซ่อนกายที่เฉาโจว
อารัมภบท "รำลึกถึงเฉาโจว" https://ppantip.com/topic/38091648
เกริ่นนำ : ภาษาที่ใช้เรียกขานชื่อตัวละครและสถานที่ทั้งหมดจะเรียกเป็นภาษาจีนกลางแทนนะคะ ส่วนบทสนทนาซึ่งควรจะเป็นภาษาแต้จิ๋ว จะบรรยายแทนด้วยคำว่าพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่น ,นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
คำเตือน : บุหรี่และสุราเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ
หมายเหตุ : ชื่อของพระเอก จะอ่านตามเสียงภาษาจีนกลางว่า "หวงเฉิงเฟิง"
ในราตรีที่พระจันทร์กระจ่าง ภายใต้ยามวิกาลที่เงียบสงัด
เสียงปืนที่ดังไล่หลังมาติดต่อหลายนัด ทำให้เด็กหนุ่มวัย ๑๔ ปี ต้องยกทั้งสองมือขึ้นปิดหู ใบหน้าซีดเซียว ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปดูต้นเสียง
‘จางคุน” คนสนิทของบิดาช่วยพาเขาหลบหนีจนพาขึ้นเรือมา เสียงตะโกนเรียกของคนพวกนั้นได้ค่อย ๆ เบาลงและเหมือนเสียงจะห่างไกลออกไปทุกที
จนในที่สุดทุกอย่างก็เงียบสงบเมื่อเรือลำนี้พาพวกเขาออกมาไกลจากฝั่ง
“อาคุน” เด็กหนุ่มกำลังเป็นไข้นอนซบกับท่อนแขนของผู้ที่ช่วยเหลือเขาไว้
“ตอนนี้พวกเราอยู่ไหนกัน”
“บนแม่น้ำหาน เรากำลังจะไปเมืองเฉาโจว ครับคุณชาย”
“ผมคิดถึงบ้าน ผมอยากจะกลับบ้านครับอา”
“ตอนนี้คงกลับไปไม่ได้แล้วละครับ” จางคุนตอบน้ำเสียงเบา
คำพูดที่ว่า“กลับไปไม่ได้” ทำให้เด็กหนุ่มได้แต่เหม่อมองออกไปด้านนอก เขารู้สึกเหมือนลำตัวกำลังโยกคลอนเพราะเรือที่โคลงเคลงขึ้นลงตามแรงกระเพื่อมของลำน้ำหาน บรรยากาศรอบบริเวณที่ดูมืด มองดูเงียบเหงา
ในค่ำคืนนี้มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่งประกายสะท้อนแวววาวบนผิวแม่น้ำ หากแต่ตอนนี้ตนเองก็ไม่มีแรง ได้แต่นอนซมเป็นไข้ อากาศก็เย็นจนรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว
”ทำไมพวกเขาต้องตามทำร้ายเรา” เด็กหนุ่มใบหน้าเศร้ายังคงเอ่ยถาม
จางคุน ชายวัย๓๔ ปี รูปร่างสัดทัน ผมตัดสั้น ผิวขาว เป็นคนสนิทของเศรษฐีหวงเหวินบิดาของเฉิงเฟิง จางคุนมองคุณชายเล็กแล้วรู้สึกสงสารจับใจ เขาถอดเสื้อตัวนอกออกมาสวมคลุมพร้อมทั้งกอดคุณชายเล็กไว้แน่นเพื่อให้ร่างกายของเด็กหนุ่มอบอุ่น
“คุณชายนอนพักก่อนเถอะครับ”
เฉิงเฟิงรู้สึกเปลือกตาของตนเองหนักเหลือเกิน พิษไข้กำลังเล่นงานเขาอยู่
เพียงไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองเฉาโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนทางตอนใต้
จางคุนแบกเด็กหนุ่มไว้บนหลัง แล้วเร่งฝีเท้าอย่างรีบร้อนเดินผ่านตรอกหนึ่งไปยังอีกตรอกหนึ่ง ผ่านมาสามสี่ตรอก เฉิงเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ช่างงดงามนัก แม้เขายังไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ใด มีเพียงแสงของดวงจันทร์คอยส่องนำทางให้กับพวกเขา เฉิงเฟิงซบหน้าที่ซีดเซียวลงบนไหล่ของจางคุน
“อดทนหน่อยนะครับ” คนพูดเหลียวหน้าไปบอก แล้วกระชับแขนรั้งตัวของเด็กหนุ่มที่เขาแบกอยู่ไว้ให้แน่นอีกครั้ง จางคุนยังคงเร่งฝีเท้าเพื่อรีบไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ไม่นานนัก เขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เสียงเคาะประตูดังติดต่อกันทำให้คนในบ้านต้องรีบออกมาประตูเปิด
ทันทีที่บานประตูไม้ถูกเปิด หญิงสาวผู้อาศัยอยู่ในบ้านเช่าแห่งนี้ถึงกับ หน้าถอดสี เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเยือนยามวิกาลเป็นใคร จางคุนไม่พูดไม่จารีบก้าวเท้าเข้าไปด้านใน หญิงสาวมองซ้ายแลขวาแล้วรีบปิดประตูลงกลอนทันที
ภายในห้อง ตะเกียงดวงใหญ่ส่องแสงสว่าง ทำให้เห็นเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงนั้นใบหน้าแลดูซีดเซียวยิ่งนัก เธอเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะความร้อนที่แผ่ขึ้นมาจนรู้สึกได้
หญิงสาวรีบลุกขึ้น เดินหายเข้าไปด้านใน สักครู่ก็ออกมาพร้อมกับนำกะละมังมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วรีบนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับเด็กหนุ่มพร้อมกับหยิบผ้าห่มคลุมตัวให้ เมื่อเรียบร้อยเธอก็ดึงมือพี่ชายออกมาคุยด้านนอก
“พี่คุน เขาตัวร้อนมาก มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”
จางคุนหันไปมองหน้า “จางซูหลิน” น้องสาววัย ๒๗ ปีของเขา
ซูหลินเป็นหญิงหน้าตาดี รูปร่างอวบอิ่ม เธอหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วคีบบุหรี่ไว้ที่มือ
“พี่ไม่นึกว่าเรื่องที่พี่เคยคาดคิดไว้จะเกิดขึ้นเร็วเพียงนี้”
หลังจากได้ฟังเล่าเรื่องราวเพียงคร่าว ๆ จากพี่ชาย คนเป็นน้องสาวก็ถอนหายใจ
“พี่คุน..รายได้ทั้งปีเหลือแค่ไม่กี่หยวน ฉันไม่มีเงินที่จะเลี้ยงเขาหรอกนะ”
จางคุนถอนหายใจตาม รู้ว่าความเป็นอยู่ของน้องสาวยังค่อนข้างลำบาก
“พี่ไม่มีเวลาอธิบายมาก“ จางคุนพูดพร้อมกับหยิบจดหมายสองฉบับออกจากกระเป๋าเสื้อตัวในพร้อมกับถุงเงินใบใหญ่แล้วยื่นส่งให้น้องสาว
“เรื่องราวอยู่ในจดหมายฉบับแรก ส่วนจดหมายฉบับที่สองเมื่อเธอเห็นว่าถึงเวลาที่เขาควรจะได้รู้ ก็ค่อยมอบให้เขา พี่มีเงินกับเครื่องประดับพวกนี้ พอจะให้เธอเอาไว้ใช้สอยยามจำเป็น”
ซูหลินคาบบุหรี่แล้วมองจดหมายในมือ แต่เธอเลือกเปิดดูถุงเงินใบใหญ่ ดวงตาโตต้องเบิกกว้างเพราะของที่อยู่ในถุงหลายชิ้นน่าจะมีมูลค่าไม่น้อย
จางคุนยังหยิบป้ายหยกสีมรกตที่ถูกร้อยกับเชือกไหมสีแดงเป็นพู่ห้อยแลดูเป็นสิ่งล้ำค่า “ซูหลิน หยกชิ้นนี้เป็นของเขา เธอช่วยเก็บรักษาไว้ให้ดี”
ซูหลินเอื้อมอีกมือหนึ่งไปหยิบหยกชิ้นนั้นจากพี่ชาย เธอสัมผัสได้จากความเย็นของชิ้นหยกในมือ คาดคะเนว่าคงเป็นหยกเนื้อดีทีเดียว แล้วเพ่งตามองพร้อมกับอ่านอักษรสองตัวที่สลักอยู่ที่ป้ายหยก “เฉิงเฟิง”
จางคุนพยักหน้า แล้วมองไปด้านในห้อง ที่เด็กหนุ่มกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ท่าทางยังดูหนาวสั่นอยู่ ซูหลินดับบุหรี่แล้วรีบเดินกลับเข้าไปด้านในวางจดหมายและสิ่งของไว้บนโต๊ะ เดินไปหยิบผ้าห่มคลุมตัวให้เฉิงเฟิงอีกผืนหนึ่ง
“คุณอา..คุน” เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นมือออกมาจากผ้าห่ม ริมฝีปากซีดขาวปากสั่นจนได้ยินเสียงกระทบฟัน
“ครับ คุณชายเล็ก” จางคุนรีบรุดไปนั่งลงข้างเตียง เอื้อมไปจับมืออันเย็นเฉียบแล้วลูบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่แดงจัดเพราะพิษไข้
“คุณชายอยู่ที่นี่กับน้าซูหลิน น้องสาวของอา แล้วอาจะมารับคุณชายนะครับ”
เฉิงเฟิงมองใบหน้าของซูหลิน สลับกับมองใบหน้าของจางคุน
“อา..คุน อย่าทิ้งผมไป คุณอา.. “ เฉิงเฟิงจับมือของจางคุนไว้แน่น
เด็กหนุ่มพยายามยันตัวลุก แต่ก็อ่อนแรงเกินไปที่จะลุกขึ้นได้ จางคุนตัดใจปล่อยมือ พร้อมกับบอกลาคุณชายเล็กแล้วรีบเดินออกไป เฉิงเฟิงได้แต่นอนหมดแรง น้ำตาหยดใส ๆ ไหลรินที่ปลายตา
ซูหลินเดินตามพี่ชายของเธอแล้วหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นจุดสูบ พร้อมกับส่งให้พี่ชายมวนหนึ่ง จางคุนได้สูบบุหรี่แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้วนี่เขาพูดภาษาเราได้หรือ” ซูหลินเอ่ยถามกับพี่ชาย
จางคุนหันไปมองน้องสาว “คุณชายพูดได้สี่ภาษา”
“สี่ภาษา?” ซูหลินขมวดคิ้วเรียว “อายุเท่านี้เอง ทางบ้านคงฐานะดีมากสินะ มิน่าล่ะ” จางซูหลินพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าทำไมเด็กหนุ่มที่ชื่อเฉิงเฟิงถึงต้องถูกตามทำร้าย เธอพ่นควันบุหรี่ขึ้นสูง
“แต่ฉันไม่รับปากว่าจะเลี้ยงดูเขาให้ดีแค่ไหน มาอยู่กับฉันก็ต้องลำบากให้เป็น” จางซูหลินยืนเอามือข้างหนึ่งกอดอกแล้วพูดกับพี่ชาย
“เอาลูกเขามาเลี้ยง ดีก็ดีไป ไม่ดีก็อย่ามาโทษกันล่ะ”
“เธอก็สอนให้เขารู้จักลำบาก อนาคตเขาจะเป็นยังไง ก็อยู่ที่เธอด้วย”
ทั้งน้ำเสียงและคำพูดที่จริงจังของพี่ชายทำให้คนเป็นน้องสาวถึงกับเลิกคิ้วสูง เมื่อนึกถึงภาระที่ต้องมาช่วยรับผิดชอบ
“อะไรกันพี่คุน โยนมาให้ฉัน ลำพังฉันยังไม่รอด”
จางคุนอัดบุหรี่เข้าปอดลึกก่อนที่จะดับมันทิ้ง และพูดกำชับกับน้องสาว
“ซูหลิน มันสำคัญมาก”
คำพูดของพี่ชายยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อจางคุนเห็นได้เวลา เขาจึงบอกลาน้องสาวแล้วชะโงกหน้าไปดู คุณชายเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว
“คุณชายเล็กรักษาตัวนะครับ อาจะกลับมารับ” จางคุนพูดเสียงเบา น้ำตาคลอเบ้า การจากกันครั้งนี้ คงอีกยาวนานกว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหันหลังเดินออกจากบ้านไป โดยมีน้องสาวเดินตามไปส่ง
เมื่อจางซูหลินเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นเด็กหนุ่มนอนหลับตา แต่ปากพึมพำน้ำเสียงแผ่วเบา “แม่..ครับ “
เสียงละเมอเรียกหลายครั้งของเฉิงเฟิง ทำให้ซูหลินขยับตัวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะหน้าผากของเด็กหนุ่ม แม้ตัวจะร้อนน้อยลง แต่เธอก็รีบเช็ดตัวให้เขาอีกรอบ
เมื่อเห็นแน่ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหลับสนิทแล้ว ซูหลินได้แต่ส่ายหน้าไปมา เมื่อนึกขึ้นได้ก็เดินไปหยิบจดหมายฉบับแรกขึ้นมาเปิดดู อ่านไปก็เหลียวหน้ามองเด็กหนุ่มเฉิงเฟิงไป เมื่ออ่านข้อความจนจบ สีหน้าของซูหลินก็ฉายแวววิตกกังวล ไม่สู้สบายใจนัก แต่เมื่อพี่ชายกำชับเธอก็ต้องทำตามหน้าที่…
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่เปลือกตาเล็กขยับ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงเล็กดังแว่วอยู่ใกล้
“ยาย...เขาตื่นแล้ว..”
เสียงพูดที่เฉิงเฟิงได้ยินเป็นภาษาจีนท้องถิ่น เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็มองเห็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนกับใบหน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“คุณ..” ป้าอูเกือบลืมไปว่าซูหลินกำชับไม่ให้เรียกเฉิงเฟิงว่า..คุณชาย
“อาเฟิง ค่อย ๆ ขยับตัวนะ”
“คุณน้าซูหลินเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายเป็นภาษาจีนท้องถิ่นเช่นกัน
“ไม่ใช่จ้ะ ป้าแซ่หลิว ชื่ออู เป็นเพื่อนข้างบ้าน ซูหลินไปทำงานแล้ว”
เฉิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น เมื่อคืนเขาเผลอหลับไป ได้เห็นใบหน้าของน้าซูหลินแต่ไม่ชัดเจนนัก
“อรุณสวัสดิ์ครับ ป้าอู” เฉิงเฟิงกล่าวทักทาย น้ำเสียงสุภาพ
ป้าอูยิ้มพูดอรุณสวัสดิ์ตอบแล้วช่วยประคองตัวให้เฉิงเฟิงลุกขึ้นนั่ง