[url=https://ppantip.com/topic/42431317]
[/url]
Day 6: Yunlongdifeng รอยแยกหยุนหลง และ Qīxīng Zhài Scenic Area =>
https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ =>
https://ppantip.com/topic/42623820
สวัสดีค่ะทุกคน อ่านกระทู้ในพันทิปมาหลายกระทู้ เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวบ้างค่ะ
หวังว่าจะเป็นกระทู้ที่สร้างความสนุกในการอ่านให้คนอ่านได้บ้างนะค่ะ เขียนครั้งแรกค่า หากมีข้อผิดพลาดยินดีรับคำติชมค่ะ ^__^
ทริป Hubei 11-20 Nov 2023
ทริปนี้เกิดจากผู้ใหญ่ในครอบครัวอยากไปเที่ยวพร้อมกันหลังจากเกิดโควิดมา 3 ปีแล้วไม่ได้ไปต่างประเทศมานาน ตกลงกันว่าอยากไปเมืองจีนโดยเป็นเมืองที่ทุกคนยังไม่เคยไป ยากเลยเพราะมีด้วยกันตั้ง 10 คน พวกเมืองเด่นๆคนโน้นเคยไปมาบ้างคนนี้เคยไปมาบ้าง เลยมาจบที่มณฑลหูเป่ยที่มีเมืองหลวงชื่ออู่ฮั่น เมืองต้นกำเนิดของโควิด 19 ที่มีสมาชิกในกลุ่มจำนวน 9 คนยังไม่เคยไป มีแต่ปะป๊าเคยไปแล้ว แต่เมืองอื่นๆในมณฑลหูเป่ยป๊ายังไม่เคยไป เลยสรุปกันว่าจะมาที่นี่ (^๐^)
วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 (Day 1) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
ทุกคนตื่นกันตั้งแต่ตี 3 เพราะจอง flight รอบ 7:05 น.เอาไว้ ประมาณตี 5 ก็พร้อมกันที่สนามบินแล้วนั่งเครื่องเพียงประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงอู่ฮั่นแล้ว อู่ฮั่นเป็นเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ดีใจจังได้กลับมาเที่ยวเมืองจีนในรอบหลายปี หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยและรับกระเป๋า เราก็ได้พบกับคุณไกด์ท้องถิ่นที่ติดต่อไว้ (*^๐^*) มีการแนะนำตัวสั้นๆ จากนั้นคุณไกด์พาไปขึ้นรถ เวลาประมาณเที่ยงสิ่งแรกที่ทำคือไปทานข้าวเที่ยง ทุกคนค่อนข้างรอคอยเพราะอาหารที่สั่งไว้บนเครื่องบินไม่ค่อยถูกปากนัก ทริปนี้เราให้ local ทัวร์จัดให้ค่ะ ไม่ได้ไปกันเองเนื่องจากมีผู้ใหญ่อายุเกิน 65 ปีถึง 7 คน การเดินทางส่วนมากเดินทางด้วยรถบัส มีนั่งรถไฟเร็วตอนเปลี่ยนเมืองบ้างซึ่งบริษัททัวร์ของจีนจัดการให้ทุกอย่าง
(๐^^)๐ แค่ก้าวเท้าออกมาด้านนอกสนามบินก็สัมผัสถึงความหนาว (°▽°) ลมปะทะหน้าเย็นจับใจ ฝนตกเล็กน้อยด้วย คุณไกด์บอกว่าอุณหภูมิเพิ่งลดลงมาขนาดนี้เพราะมวลอากาศเย็นเพิ่งเข้ามาเมื่อไม่กี่วันมานี้ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 8 องศาเอง นั่งรถกันได้ไม่นานก็ถึงร้านอาหาร ชื่อร้านเยี่ยนหยางเทียน 艳阳天 (Sunny Sky) คุณไกด์จองห้องส่วนตัวไว้ให้ บนโต๊ะมีผลไม้วางไว้ก่อน คุณไกด์อธิบายว่าคนที่นี่จะทานผลไม้เพื่อล้างปากก่อนทานข้าว ที่นี่เสิร์ฟเป็นแตงฮามิกัวหรือแตงทิเบตหวานกรอบ พร้อมแตงโมทานแล้วสดชื่น มีอาหารทั้งหมด 9 จาน ขนม 1 จาน
1. อาหารจานแรกคือปลากุ้ยฮัวนึ่งซีอิ๊ว เป็นปลาน้ำจืดเนื้อนุ่มไม่คาว ซีอิ๊วอร่อย
2. จานต่อมาคือกุ้งลวก สด ดี เนื้อเด้ง
3. เต้าหู้ต้มเห็ด ที่ผู้ใหญ่บอกว่าเต้าหู้ที่จีนอร่อยกว่าที่ไทย
4. ผักกวางตุ้งลวกราดซีอิ๊ว
5. ซุปรากบัวต้มกระดูกหมู อาหารขึ้นชื่อของอู่ฮั่น รากบัวที่นี่จะมีความเป็นแป้งมากกว่าที่ไทย ให้รสสัมผัสที่แตกต่าง หั่นชิ้นหนาต้มกับกระดูกหมู ซดร้อนๆทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น =(^.^)=
6. หมูสามชั้นผัดมากับอั่งจ้อ (พุทราจีน)
7. เจินจูหวันจื่อ (珍珠丸子) แปลไทยคือลูกชิ้นไข่มุก เป็นอีกจานที่เป็นอาหารขึ้นชื่อประจำถิ่นของอู่ฮั่น ข้างนอกเป็นข้าวเหนียวมีไส้เป็นหมูสับปรุงรสแล้วนึ่งจนสุก อันนี้อร่อยมาก เหนียวนุ่มอยากทานอีก (*≧∀≦*)
8. เป็ดผัด รสชาติดีแต่เนื้อเป็ดเหนียวมาก
9. ไข่ตุ๋นกุ้ง อันนี้ก็อร่อยดีค่ะ เนื้อละเอียดลื่นคอ
10. ขนมเป็นแป้งใส่ลูกเกดแล้วเอามาทอด ไม่เคยทานแต่ทานแล้วก็ไม่โดนใจ
หลังจากทานข้าวเสร็จช่วงบ่ายฝนยังคงตก เราไปเที่ยวหวงเฮ่อโหลว (黄鹤楼) หรือหอนกกระเรียนเหลือง ดูภายนอกมี 5 ชั้นแต่จริงๆข้างในมี 9 ชั้น เมื่อมาถึงเพื่อเป็นการประหยัดเวลาเราจึงนั่งรถแบตเตอรี่เพื่อไปยังตัวหอกันค่ะ ระหว่างเดินไปขึ้นรถแบตเตอรี่ดอกไม้สวยมากเลยค่ะ ^___^
คุณไกด์เล่าให้ฟังว่าหอนี้ผู้ที่เริ่มสร้างคือซุนกวน สร้างไว้เพื่อใช้เป็น watch tower เวลามีศัตรูบุกมาจะได้เห็นแต่ไกล
ข้างหน้าหอนกกระเรียนต้องมีรูปปั้นนกกระเรียนคู่
นอกจากนี้ยังมีนิทานเล่าไว้อีกเรื่องเกี่ยวกับหอนี้ ว่ากันว่ามีนักพรตเต๋าท่านหนึ่งมาดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยมที่เป็นที่ตั้งของหอนกกระเรียนเหลืองในปัจจุบัน ท่านนักพรตมาดื่มกินโดยไม่ได้จ่ายเงินให้เจ้าของร้าน ( ̄∀ ̄) เจ้าของร้านก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมีศรัทธาต่อท่านนักพรต ( ◠‿◠ ) ท่านนักพรตกินดื่มเช่นนี้เป็นเวลา 6 เดือนก็บอกเจ้าของร้านว่าเพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับเหล้าและอาหารในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราจะวาดภาพนกกระเรียนไว้ให้ที่กำแพงซึ่งท่านจะเรียกนกกระเรียนให้ออกมาเต้นรำให้ดูได้ตามความต้องการ ซึ่งนกก็สามารถออกมาเต้นรำได้จริง ทำให้ผู้คนแห่กันมาดูและกิจการของเจ้าของร้านดีขายดิบขายดีจนร่ำรวย (*^o^*) ผ่านไป 1 ปี ท่านนักพรตก็กลับมาหาเจ้าของร้านและบอกว่า ภาพวาดนี้น่าจะสามารถตอบแทนท่านได้ครบกับที่ข้าได้ดื่มเหล้าและกินอาหารของท่านมา 6 เดือนแล้ว ข้าจะขอนกกระเรียนนี้คืน พอพูดเสร็จนกกระเรียนก็บินออกมาแล้วท่านนักพรตก็ขึ้นไปนั่งบนหลังนกกระเรียนและบินขึ้นฟ้าไป คล้ายเทพที่มาโปรดสัตว์แล้วกลับสวรรค์ ด้วยศรัทธาแรงกล้าเจ้าของร้านจึงเริ่มสร้างหอนกกระเรียนเหลืองนี้ขึ้นมา เป็นที่มาของหอนี้ อันนี้ก็เป็นอีกตำนานที่ฟังแล้วสนุกดี =(^.^)=
เมื่อเข้ามาในหอจะชั้นล่าง เราจะเห็นภาพวาดบนแผ่นกระเบื้อง เป็นท่านนักพรตนั่งอยู่บนหลังนกกระเรียนที่กำลังบินจากไปเป็นจุดที่ทุกคนมาถ่ายรูปกัน หลังจากนั้นเราขึ้นด้านบนเพื่อชมวิวจากที่สูง เห็นหอระฆังที่ด้านหลังเป็นภูเขาซึ่งคนจีนเชื่อว่าเขานี้มีลักษณะเหมือนงู ^^
(๐^^)๐ เมื่อเดินเข้ามาข้างในจะมีภาพวาดบนแผ่นกระเบื้องวาดถึงกวีชื่อดังของจีนในยุคต่างๆว่ามาที่หอนกกระเรียนเหลืองแล้วแต่งบทกลอน ซึ่งในจำนวนกวีดังๆเหล่านี้มีทั้งชุ้ยฮ่าวและหลี่ไป๋ (คอนิยายจีนต้องเคยอ่านชื่อหลีไป๋เจอบ้างแหละ) ที่แต่งกลอนเกี่ยวกับหอนกกระเรียนเหลืองนี้ไว้ ซึ่งกลอนของทั้งสองท่านยังเป็นบทเรียนที่เด็กนักเรียนจีนต้องท่องทุกคนอีกด้วย (╹◡╹)
ภาพด้านล่างคือกลอนที่เด็กๆนักเรียนต้องท่องจำ ฝั่งซ้ายคือหลี่ไป๋และฝั่งขวาคือชุ้ยฮ่าว
ในชั้นอื่นๆจัดแสดงแบบจำลองของหอนกกระเรียนเหลืองในยุคต่างๆไม่ว่าจะเป็นของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ซึ่งหอนกกระเรียนเหลือนผ่านการบูรณะมาหลายรอบแล้ว โดยครั้งล่าสุดบูรณะในปี 1981 การตกแต่งในหอบางชั้นเป็นการตกแต่งแบบราชวงศ์ชิงที่ยังคงความสวยงามอยู่ ( ◠‿◠ )
(๐^^)๐ เมื่อชมข้างในเสร็จทั้งคณะก็เดินลงมาถ่ายรูปกับหอนกกระเรียนซึ่งคุณไกด์แนะนำว่าต้องถ่ายทางด้านหน้าเพื่อให้เห็นตัวนกกระเรียนที่ทำไว้เป็นสัญลักษณ์ด้วย
เที่ยวเสร็จจากหอนกกระเรียนก็ได้เวลาหม่ำข้าวเย็นแล้ว (*≧∀≦*) วันนี้เป็นวันเสาร์การจราจรก็ยังคับคั่งแต่น้อยกว่าวันธรรมดา ถึงร้านอาหารก็ฟ้ามืดแล้ว ร้านนี้ชื่อ 因味有你 อิงเว่ยโหย่วหนี่ ร้านนี้ก็เหมือนกันมีผลไม้ล้างปากมาเสริฟก่อนต่างจากกลางวันแค่มีส้มจิ๋วเพิ่มมา และมีถาดน้ำตาลให้ทานเล่นด้วย ถาดน้ำตาลมีน้ำตาลเป็นรูปหมีแพนด้า น่ารักเชียว =(^.^)=
มีอาหาร 9 จานและของหวาน 1 จาน
1. กุ้งนึ่งกระเทียมและเห็ดเข็มทอง อันนี้ไม่ได้ทานเพราะเกิดการแพ้กุ้งจากมื้อเที่ยงเลยกลัวค่ะ (//∇//)
2. เป่าฮื้อนึ่งวุ้นเส้นกระเทียม อร่อยมากๆ (๑>◡<๑)
3. ซุปไก่ตุ๋นเยื่อไผ่ใส่ดอกถังเช่า ซดร้อนๆคือดีมากๆ
4. ผัดผักผักโต้วเหมี่ยว (ต้นอ่อนของถั่วลันเตา) ในภาพคือยังไม่สุก เค้ามาให้ผัดเองบนโต๊ะเลยค่ะ
5. ขาหมูตุ๋นถั่วเหลือง จานนี้ชิมแต่ถั่วเหลืองอร่อยดีค่ะ พอดีไม่ทานขาหมู
6. กระดูกหมูตุ๋นเม็ดบัว เม็ดบัวถือว่าเป็นผลผลิตขึ้นชื่อของทางอู่ฮั่นเช่นกัน อร่อยค่ะ (*^o^*)
7. ไก่ต้มเหล้าเหลือง อันนี้ก็แปลกๆดี เหมือนจะไม่ค่อยถูกปาก ด้วยมีกลิ่นเหล้าที่ไม่คุ้นเคย
8. ปลานึ่งซีอิ๊ว ข้างล้างเป็นฟักซอยบางๆ
9. เต้าหู้นึ่ง อร่อยมากๆ ( ◠‿◠ ) เนื้อสัมผัสของเต้าหู้ละเอียดมากๆคล้ายทานขนมหม้อแกงของไทย
10. ของหวานเป็นขนมแป้งทอดราดถั่วบด ตัวแป้งทอดมาร้อนๆข้างนอกกรอบข้างในเหนียวนุ่มมีรสหวาน อร่อยดีแต่หนักท้องไปนิดสำหรับมื้อเย็น
หลังมื้อเย็นเราก็เข้า check in ที่โรงแรมกันค่ะ สำหรับคืนนี้เราพักกันที่ Wuhan Marriott Hotel Hankou ห้องพักสะอาดสะอ้านกว้างขวาง แต่เนื่องจากเป็นหน้าหนาวโรงแรมไม่ให้เปิดแอร์แล้วมีแต่ Heater บางคนอาจร้อน แก้ไขได้ด้วยการไม่ปิด heater แล้วให้พนักงานมาเปิดหน้าต่างให้ค่ะ ก็ไม่ค่อยอึดอัดแล้วนอนได้เลย จบวันแรกแล้วค่ะ
ถ้าไงฝากตาม IG: janjourneyjournal ด้วยนะค้า ขอบคุณค่า
ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 1)
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ => https://ppantip.com/topic/42623820
สวัสดีค่ะทุกคน อ่านกระทู้ในพันทิปมาหลายกระทู้ เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวบ้างค่ะ หวังว่าจะเป็นกระทู้ที่สร้างความสนุกในการอ่านให้คนอ่านได้บ้างนะค่ะ เขียนครั้งแรกค่า หากมีข้อผิดพลาดยินดีรับคำติชมค่ะ ^__^
ทริป Hubei 11-20 Nov 2023
ทริปนี้เกิดจากผู้ใหญ่ในครอบครัวอยากไปเที่ยวพร้อมกันหลังจากเกิดโควิดมา 3 ปีแล้วไม่ได้ไปต่างประเทศมานาน ตกลงกันว่าอยากไปเมืองจีนโดยเป็นเมืองที่ทุกคนยังไม่เคยไป ยากเลยเพราะมีด้วยกันตั้ง 10 คน พวกเมืองเด่นๆคนโน้นเคยไปมาบ้างคนนี้เคยไปมาบ้าง เลยมาจบที่มณฑลหูเป่ยที่มีเมืองหลวงชื่ออู่ฮั่น เมืองต้นกำเนิดของโควิด 19 ที่มีสมาชิกในกลุ่มจำนวน 9 คนยังไม่เคยไป มีแต่ปะป๊าเคยไปแล้ว แต่เมืองอื่นๆในมณฑลหูเป่ยป๊ายังไม่เคยไป เลยสรุปกันว่าจะมาที่นี่ (^๐^)
วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 (Day 1) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
ทุกคนตื่นกันตั้งแต่ตี 3 เพราะจอง flight รอบ 7:05 น.เอาไว้ ประมาณตี 5 ก็พร้อมกันที่สนามบินแล้วนั่งเครื่องเพียงประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงอู่ฮั่นแล้ว อู่ฮั่นเป็นเมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ดีใจจังได้กลับมาเที่ยวเมืองจีนในรอบหลายปี หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยและรับกระเป๋า เราก็ได้พบกับคุณไกด์ท้องถิ่นที่ติดต่อไว้ (*^๐^*) มีการแนะนำตัวสั้นๆ จากนั้นคุณไกด์พาไปขึ้นรถ เวลาประมาณเที่ยงสิ่งแรกที่ทำคือไปทานข้าวเที่ยง ทุกคนค่อนข้างรอคอยเพราะอาหารที่สั่งไว้บนเครื่องบินไม่ค่อยถูกปากนัก ทริปนี้เราให้ local ทัวร์จัดให้ค่ะ ไม่ได้ไปกันเองเนื่องจากมีผู้ใหญ่อายุเกิน 65 ปีถึง 7 คน การเดินทางส่วนมากเดินทางด้วยรถบัส มีนั่งรถไฟเร็วตอนเปลี่ยนเมืองบ้างซึ่งบริษัททัวร์ของจีนจัดการให้ทุกอย่าง
(๐^^)๐ แค่ก้าวเท้าออกมาด้านนอกสนามบินก็สัมผัสถึงความหนาว (°▽°) ลมปะทะหน้าเย็นจับใจ ฝนตกเล็กน้อยด้วย คุณไกด์บอกว่าอุณหภูมิเพิ่งลดลงมาขนาดนี้เพราะมวลอากาศเย็นเพิ่งเข้ามาเมื่อไม่กี่วันมานี้ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 8 องศาเอง นั่งรถกันได้ไม่นานก็ถึงร้านอาหาร ชื่อร้านเยี่ยนหยางเทียน 艳阳天 (Sunny Sky) คุณไกด์จองห้องส่วนตัวไว้ให้ บนโต๊ะมีผลไม้วางไว้ก่อน คุณไกด์อธิบายว่าคนที่นี่จะทานผลไม้เพื่อล้างปากก่อนทานข้าว ที่นี่เสิร์ฟเป็นแตงฮามิกัวหรือแตงทิเบตหวานกรอบ พร้อมแตงโมทานแล้วสดชื่น มีอาหารทั้งหมด 9 จาน ขนม 1 จาน
2. จานต่อมาคือกุ้งลวก สด ดี เนื้อเด้ง
3. เต้าหู้ต้มเห็ด ที่ผู้ใหญ่บอกว่าเต้าหู้ที่จีนอร่อยกว่าที่ไทย
4. ผักกวางตุ้งลวกราดซีอิ๊ว
5. ซุปรากบัวต้มกระดูกหมู อาหารขึ้นชื่อของอู่ฮั่น รากบัวที่นี่จะมีความเป็นแป้งมากกว่าที่ไทย ให้รสสัมผัสที่แตกต่าง หั่นชิ้นหนาต้มกับกระดูกหมู ซดร้อนๆทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น =(^.^)=
7. เจินจูหวันจื่อ (珍珠丸子) แปลไทยคือลูกชิ้นไข่มุก เป็นอีกจานที่เป็นอาหารขึ้นชื่อประจำถิ่นของอู่ฮั่น ข้างนอกเป็นข้าวเหนียวมีไส้เป็นหมูสับปรุงรสแล้วนึ่งจนสุก อันนี้อร่อยมาก เหนียวนุ่มอยากทานอีก (*≧∀≦*)
8. เป็ดผัด รสชาติดีแต่เนื้อเป็ดเหนียวมาก
9. ไข่ตุ๋นกุ้ง อันนี้ก็อร่อยดีค่ะ เนื้อละเอียดลื่นคอ
10. ขนมเป็นแป้งใส่ลูกเกดแล้วเอามาทอด ไม่เคยทานแต่ทานแล้วก็ไม่โดนใจ
หลังจากทานข้าวเสร็จช่วงบ่ายฝนยังคงตก เราไปเที่ยวหวงเฮ่อโหลว (黄鹤楼) หรือหอนกกระเรียนเหลือง ดูภายนอกมี 5 ชั้นแต่จริงๆข้างในมี 9 ชั้น เมื่อมาถึงเพื่อเป็นการประหยัดเวลาเราจึงนั่งรถแบตเตอรี่เพื่อไปยังตัวหอกันค่ะ ระหว่างเดินไปขึ้นรถแบตเตอรี่ดอกไม้สวยมากเลยค่ะ ^___^
คุณไกด์เล่าให้ฟังว่าหอนี้ผู้ที่เริ่มสร้างคือซุนกวน สร้างไว้เพื่อใช้เป็น watch tower เวลามีศัตรูบุกมาจะได้เห็นแต่ไกล
เที่ยวเสร็จจากหอนกกระเรียนก็ได้เวลาหม่ำข้าวเย็นแล้ว (*≧∀≦*) วันนี้เป็นวันเสาร์การจราจรก็ยังคับคั่งแต่น้อยกว่าวันธรรมดา ถึงร้านอาหารก็ฟ้ามืดแล้ว ร้านนี้ชื่อ 因味有你 อิงเว่ยโหย่วหนี่ ร้านนี้ก็เหมือนกันมีผลไม้ล้างปากมาเสริฟก่อนต่างจากกลางวันแค่มีส้มจิ๋วเพิ่มมา และมีถาดน้ำตาลให้ทานเล่นด้วย ถาดน้ำตาลมีน้ำตาลเป็นรูปหมีแพนด้า น่ารักเชียว =(^.^)=
2. เป่าฮื้อนึ่งวุ้นเส้นกระเทียม อร่อยมากๆ (๑>◡<๑)
3. ซุปไก่ตุ๋นเยื่อไผ่ใส่ดอกถังเช่า ซดร้อนๆคือดีมากๆ
4. ผัดผักผักโต้วเหมี่ยว (ต้นอ่อนของถั่วลันเตา) ในภาพคือยังไม่สุก เค้ามาให้ผัดเองบนโต๊ะเลยค่ะ
5. ขาหมูตุ๋นถั่วเหลือง จานนี้ชิมแต่ถั่วเหลืองอร่อยดีค่ะ พอดีไม่ทานขาหมู
7. ไก่ต้มเหล้าเหลือง อันนี้ก็แปลกๆดี เหมือนจะไม่ค่อยถูกปาก ด้วยมีกลิ่นเหล้าที่ไม่คุ้นเคย
8. ปลานึ่งซีอิ๊ว ข้างล้างเป็นฟักซอยบางๆ
9. เต้าหู้นึ่ง อร่อยมากๆ ( ◠‿◠ ) เนื้อสัมผัสของเต้าหู้ละเอียดมากๆคล้ายทานขนมหม้อแกงของไทย
10. ของหวานเป็นขนมแป้งทอดราดถั่วบด ตัวแป้งทอดมาร้อนๆข้างนอกกรอบข้างในเหนียวนุ่มมีรสหวาน อร่อยดีแต่หนักท้องไปนิดสำหรับมื้อเย็น
หลังมื้อเย็นเราก็เข้า check in ที่โรงแรมกันค่ะ สำหรับคืนนี้เราพักกันที่ Wuhan Marriott Hotel Hankou ห้องพักสะอาดสะอ้านกว้างขวาง แต่เนื่องจากเป็นหน้าหนาวโรงแรมไม่ให้เปิดแอร์แล้วมีแต่ Heater บางคนอาจร้อน แก้ไขได้ด้วยการไม่ปิด heater แล้วให้พนักงานมาเปิดหน้าต่างให้ค่ะ ก็ไม่ค่อยอึดอัดแล้วนอนได้เลย จบวันแรกแล้วค่ะ
ถ้าไงฝากตาม IG: janjourneyjournal ด้วยนะค้า ขอบคุณค่า