ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 2) Part 2/2

Day 1: Wuhan => https://ppantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 1/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42419256
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42431317
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42437930
Day 5: Tangyang, Yichang, Enshi => https://ppantip.com/topic/42447690
Day 6: Yunlongdifeng รอยแยกหยุนหลง และ Qīxīng Zhài Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ => https://ppantip.com/topic/42623820

มาต่อกันค่ะ

เดินต่อไป (๐^^)๐ จะเจอโถงที่มีรูปปั้นเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยค่ะ ทั้งสามท่านสาบานเป็นพี่น้องกัน มีเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นพี่รอง และเตียวหุยเป็นน้องเล็ก คุณไกด์เล่าว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนไม่ได้เก่งมากแต่เป็นคนเจ้าบทบาทดราม่าเก่ง มักร้องไห้ (T_T) ให้คนอื่นเห็นใจ และยอมมาช่วยเหลือตน กวนอูเป็นคนซื่อสัตย์ซื่อตรงมากๆ เพราะฉะนั้นคนทำการค้าส่วนใหญ่นิยมบูชาท่านกวนอู ส่วนเตียวหุยนั้นลักษณะเด่นคือเป็นคนมุทะลุ แล้วทำไมถึงมีรูปปั้นทั้งสามท่านอยู่ที่กู่หลงจงที่ที่ท่านขงเบ้งเคยอยู่หละคะ คำตอบคือเพราะเล่าปี่อยากได้ท่านขงเบ้งไปเป็นกุนซือ ทั้งสามพี่น้องเลยมาเชิญท่านขงเบ้งกันที่นี่ มากันตั้ง 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกโดนคนรับใช้ของท่านขงเบ้งไล่ไป ท่านขงเบ้งพยายามทดสอบความจริงใจของสามพี่น้อง แต่ในครั้งที่ 3 ทั้งสามคนยืนรอท่ามกลางหิมะที่ตกไม่ขาดสาย หนาวเหน็บมากๆโดยยืนรออยู่เป็นวัน จนท่านขงเบ้งเห็นใจ และยอมให้พบ และในที่สุดก็ไปเป็นกุนซือให้เล่าปี่ค่ะ 

เมื่อชมโถงนี้เสร็จเดินออกมาก็เจอการแสดงเล็กๆที่แสดงเรื่องราวตอน 3 พี่น้องมาขอพบท่านขงเบ้งค่า ^__^  ขออภัยภาพไม่ชัดพอดีจริงๆ cap หน้าจอจากคลิปที่ถ่ายมาค่ะ >_<

(๐^^)๐ จากนั้นก็เดินไปชมบ้านที่ทำจำลองไว้ว่าเป็นบ้านที่ท่านขงเบ้งเคยอยู่ที่นี่ค่ะ ระหว่างทางเดินผ่านบ่อน้ำทรงหกเหลี่ยมลึก 15 เมตรที่มีมาตั้งแต่ 1,800 ปีก่อนซึ่งบ่อนี้เข้าใจว่าอยู่หน้าบ้านจริงๆของท่านขงเบ้งค่ะ ท่านขงเบ้งจะตักน้ำขึ้นมาใช้จากบ่อนี้

คำถามที่ตามมาคือแล้วบ้านจริงๆไปอยู่ไหนแล้ว (・・?) ทำไมมีแต่บ้านจำลอง คุณไกด์เล่าว่า มีคนอยู่คนหนึ่งเค้าเห็นว่าที่ดินผืนนี้เป็นที่ที่มีลักษณะฮวงจุ้ยดี ภายหลังได้ซื้อที่ผืนนี้ขึ้นมา โดยหมายมั่นว่าจะเอามาเป็นสุสานของตน σ(^_^;) พอซื้อที่มาแล้วก็ลื้อบ้านท่านขงเบ้งออก ผ่านไปเพียง 2 ปี คนคนนี้ก็ตายเค้าก็ได้มาฝังที่นี่จริงๆ ปราสาทมืด แต่ว่าตอนหลังสุสานเค้าก็โดนคนอื่นมาขุดออกไปเช่นกันค่ะ (บางทีทำสิ่งที่ไม่ควรทำก็อาจจะตายเร็วได้นะค่ะ ที่ดินทำเลดีแค่ไหนได้ฝังแล้วก็ยังมีคนมาขุดไป อันนี้คหสต.ของจขกท.ค่า แหะๆ) สำหรับบ้านจำลองไม่ได้ถ่ายรูปมา

เสร็จจากการเยี่ยมชมบ้าน ก็เหลือบไปเห็นป้ายว่ามีรถเลื่อน Toboggan ให้เล่น \(^o^)/ จำกัดอายุไว้ไม่เกิน 65 ปี งานนี้เลยขอสูงวัยว่าจะไปเล่นเสียหน่อย คุณแม่ซึ่งเกิน 65 มาแล้วก็บอกว่าขอไปด้วย เอาค่ะคุณแม่ขอก็จัดไป (`_´)ゞ (อันนี้ต้องดูสุขภาพของสูงวัยแต่ละคนด้วยค่ะว่าพร้อมไหม ที่สำคัญต้องไม่มีโรคหัวใจเพราะเครื่องเล่นมีความหวาดเสียวอยู่ค่ะ พอดีคุณแม่เป็นคนฟิตมากๆเจ้าหน้าที่อนุญาต ^^ ) ตอนขึ้นช้าๆค่อยๆไต่ระดับความสูงแต่ตอนลงก็เร็วและโค้งเยอะ สนุกดีค่ะ ขึ้นไปด้านบนวิวสวยดีนะค่ะ แต่เวลาจำกัดได้แค่ถ่ายภาพ ไม่ได้เดินไปที่เจดีย์ที่เห็นในภาพค่ะ

เสร็จจากตรงนี้เราก็นั่งรถแบตเตอรี่กลับไปตรงจุดขึ้นรถบัส (๐^^)๐ แล้วขึ้นรถบัสไปตรงจุดซื้อตั๋วแล้วก็ไปขึ้นรถทัวร์ของคณะเรา มุ่งหน้าไปที่เชิงเขาบู๊ตึ๊งค่ะ นั่งรถยาว 2 ชั่วโมงเลย คืนนี้เราก็จะนอนกันที่เชิงเขาบู๊ตึ๊งนะค่ะ เพราะพรุ่งนี้จะได้เริ่มเที่ยวเขาบู๊ตึ๊งกันตั้งแต่เช้าเลยค่ะ โรงแรมที่มาพักชื่อ Narada Wudangshan Hubei ค่ะ ซึ่งเราก็จะทานข้าวเย็นกันที่นี่ด้วย ซึ่งคุณไกด์พูดเกริ่นไว้ก่อนแล้วว่าอาหารตรงเชิงเขาจะไม่อร่อยเหมือนมื้ออื่นๆที่ทานผ่านมา เพราะนี่เราออกมาแถบชนบท แล้วยิ่งถ้าขึ้นไปบนเขาอาหารก็จะไม่ค่อยอร่อยไปอีก เอาค่ะมาดูกันว่ามีอะไรให้หม่ำบ้างเย็นนี้

ก่อนเริ่มมื้อเย็นทางร้านเสริฟน้ำเก๋อเกิน 葛根 แบบร้อน เก๋อเกินเป็นสมุนไพรจีนมีคุณสมบัติบำรุงม้ามช่วยไล่ความเย็นในร่างกาย เนื่องจากช่วงนี้อากาศหนาวร้านเลยเสริฟค่ะ ร่างกายจะได้อุ่น p(^_^)q น้ำที่เสริฟมีลักษณะขุ่น ข้น หนืดๆหน่อย รสชาติ บรรยายไม่ได้ค่ะ แต่คิดว่าไม่อร่อยเลย (@_@) กร้ากๆ ดื่มๆไปให้หมดเพราะเค้าบอกทำให้อุ่น ส่วนสมาชิกบางคนจิบคำเดียวแล้วก็ไม่แตะอีก ( ̄∀ ̄)

ชนแก้วกันด้วยน้ำเก๋อเกิน เนื่องจากไม่มีสมาชิกดื่มแอลค่ะ
คืนนี้มีอาหาร 12 อย่างค่ะ ส่วนมากเน้นไปทางผัก และเห็ด เรียกได้ว่ามีเห็ดหลายจานกินเสร็จเป็นมาริโอ้ได้เลย (^○^)

1.      ไก่นึ่งจิ้มพริก 
2.      กระดูกหมูห่อข้าวเหนียวนึ่ง มีความคล้ายเจินจูหวันจื่อที่ทานเมื่อวานตอนเที่ยง แต่รสชาติสู้ไม่ได้ เมื่อวานเป็นหมูสับด้านในอร่อยกว่า
3.      ซุปกระดูกหมูต้มเห็ด อากาศหนาวๆได้ซุปร้อนๆก็ดีค่ะ ( ◠‿◠ )
4.      เห็ด Three tree mushroom ผัดเซเลอรี จานนี้ผู้ใหญ่ชอบกันค่ะ
5.      ปลาทอด จานนี้รสแปลกๆ มีทั้งคนที่ชอบและบอกว่าไม่อร่อยเลย
6.      ถั่วหวานผัดฮ่วยซัวกับวอลนัท (ฮ่วยซัว อ่านในวิกิพีเดียบอกว่าประเทศไทยเรียกกลอยจีนหรือมันแกวจีน ส่วนใหญ่จะเจอในน้ำแกงที่ตุ๋นยาจีนอะค่ะในไทย)

7.      เห็ดผัดกับเนื้อหมู
8.      เห็ดหอมตุ๋นเม็ดบัว เม็ดบัวถือเป็นของขึ้นชื่อมณฑลหูเป่ยนะค่ะ อร่อยดีค่ะ
9.      วุ้นเส้นผัดไข่ใส่กุ้ง จานนี้เป็นจานที่ทุกคนชอบมากที่สุด หมดไวเลย
10.    ผัดผักกวางตุ้ง
11.    กระเจี๊ยบผัดหอมแดงใหญ่ใส่แฮมยูนนาน อันนี้ก็ดีค่ะ
12.    ข้าวผัดไข่ อันนี้เหมือนทำมาให้ตอนหลัง เพราะตอนเสริฟอาหารเค้าไม่เสริฟข้าวสวยให้ ร้านบอกว่าเรามาเลทมากข้าวสวยหมดแล้ว เค้าเลยเอาข้าวผัดมาเสริฟ เราก็เที่ยวกันจนค่ำมากจริงๆวันนั้น แต่ว่าในเมื่อมีข้าวผัดทำไมไม่มีข้าวสวยก็ไม่รู้ 555

จบไปอีก 1 มื้อ และเที่ยวหมดไปอีก 1 วันแล้ว เตรียมเข้านอนกัน ห้องพักสะอาดสะอ้านกว้างขวาง ห้องน้ำมีแยกส่วนเปียกแห้ง โรงแรมโอเคเลยแหละ 😊



การเที่ยวในวันถัดไปเป็นการเที่ยวบนเขาบู๊ตึ๊งซึ่งจะเที่ยวบนเขาประมาณ 1 วันครึ่ง ต้องค้างบนเขา 1 คืน สูงวัย 7 ท่านคืนนี้ยังไม่รู้ตัวว่ารุ่งขึ้นจะเจอการเดินขึ้นลงบันไดแบบทรหดอดทน ( ´Д`)y━・~~  เลยยังไร้ซึ่งความกังวล มาติดตามกันนะค่ะว่าสมาชิกในทริปจะฝ่าฟันบันไดกันไปได้ยังไงบ้าง

ฝาก IG: janjourneyjournal ด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ =(^.^)=
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่