สวัสดีค่าทุกคน จะมาเล่าต่อจากกระทู้ที่แล้วค่ะ ครั้งนี้เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางค่า
เรื่องราวของวันแรกอ่านได้ที่นี่ค่ะ
ทริป Hubei 11-20 Nov 2023 (Day 1: Wuhan) =>
https://ppantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area =>
https://ppantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42431317
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42437930
Day 5: Tangyang, Yichang, Enshi =>
https://ppantip.com/topic/42447690
Day 6: Yunlongdifeng และ Qīxīng Zhài Scenic Area =>
https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ =>
https://ppantip.com/topic/42623820
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 (Day 2) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
(๐^^)๐ วันที่สองของการเดินทาง เราจะไปเที่ยวกู่หลงจง Gulongzhong (古隆中) กันค่ะซึ่งเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างไกล ต้องนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งถึงจะถึงจุดหมาย เช้านี้เลยต้องทานข้าวกันแบบอิ่มๆจัดเต็ม เตรียมหลับยาวก่อนถึงสถานที่เพื่อเดินเที่ยว อิอิ (จริงๆก็ไม่ได้หลับหรอกค่ะ ดูวิวซะส่วนมาก ไหนๆมาทั้งทีเนอะ)
อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ดูจะถูกใจสมาชิกในคณะมากอยู่ (๑>◡<๑) มีทั้งแบบอเมริกันและแบบจีน สิ่งที่ทุกคนชอบน่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ที่มีเส้นให้เลือกสองแบบ คือแบบที่เป็นบะหมี่สีเหลืองๆ (面条 เมี่ยนเถียว) และแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวสีขาวๆ (米粉 หมีเฝิ่น) ซึ่งจะลวกให้สดๆพร้อมผัก แล้วเราก็มาตักเครื่องใส่เองว่าจะใส่อะไรบ้าง \(^o^)/ เครื่องที่ว่าก็มีไช้เท้าต้ม ไข่ต้มทอดหรือเต้าหู้แผ่นทอดแล้วเอามาใส่ในนำซุปรสเผ็ด หมูสับผัดในซอสเผ็ด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีก๋วยเตี๋ยวที่แนะนำจากทางโรงแรมว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวของมณฑลหูเป่ยอีก 3 แบบคือ
๐ 猪肉炸酱面 (จาเจี่ยงเมี่ยนหมูสับ บะหมี่แห้งใส่หมูสับคาดว่าเป็นสิ่งที่ที่เกาหลีเรียกว่าจาจ่างเหมี่ยน),
๐ 红烧牛肉面 (หงโซวหนิวโล่วเมี่ยว บะหมี่เนื้อตุ๋น อันนี้เป็นอันที่คนจีนส่วนใหญ่สั่งเลยค่ะ แต่ไม่ได้ลอง พอดีเป็นคนไม่ทานเนื้อวัว ), และ
๐ 武汉热干面 (บะหมี่แห้งใส่ซอสงาเผ็ดร้อนสไตล์อู่ฮั่น ที่เรียกว่า Rè gān miàn เหยื่อกานเมี่ยน อันนี้จริงๆตั้งใจอยากมาลอง =(^.^)= แต่ตื่นมาตอนเช้าก็อยากทานน้ำซุปร้อนๆสู้อากาศหนาวเลยไม่ได้สั่งอันนี้ค่ะ)
อาหารจีนอื่นๆก็มีให้เลือกมากมาย\(^-^)/ทั้งข้าวต้มที่มีให้เลือก 5 แบบ ทั้งข้าวล้วนๆ ข้าวต้มพร้อมธัญพืชต่างๆ หรือข้าวต้มปลาก็มี พร้อมผักดอง เต้าหู้ยี้ กานาฉ่ายให้ทานเคียงด้วยกัน หรืออาหารจีนอื่นๆเช่นผัดผัก หมูเส้นผัดพริกหวาน ไข่ผัดมะเขือเทศ เป็นต้น และแน่นอนมีปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ซาลาเปา หมั่นโถว ข้าวโพด มัน เผือกนึ่งค่ะ แล้วยังมีเห็นหูหนูขาวต้มหวานด้วย ( ◠‿◠ )
อาหารฝรั่งก็ตามมาตราฐาน ไข่แบบต่างๆแล้วแต่สั่ง ไส้กรอก เบคอน โยเกิร์ต ผลไม้สด และ pastry แบบต่างๆ (^。^)
ท้องอิ่มตึงมาก พร้อมออกเดินทางค่ะ (๐^^)๐ อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วว่าวันนี้จะไปกู่หลงจง กู่หลงจงคืออะไร คือสถานที่ที่ขงเบ้งเคยใช้เป็นที่อยู่ก่อนจะไปอยู่กับเล่าปี่ค่ะ เล่าปี่มาเชิญขงเบ้งไปอยู่ด้วยตั้งสามครั้งกว่าขงเบ้งจะยอมติดตามเล่าปี่ไป (´∀`*) วันนี้ก็ถือว่าได้ไปตามรอยสามก๊กแบบนิดหน่อย 😊 เนื่องจากนั่งรถนานก็ต้องมีแวะพักระหว่างทางให้เข้าห้องน้ำ และให้คนขับได้พักบ้างนะค่ะ ที่จุดพักรถมีร้านขายขนมและมีร้านขายเป็ดชื่อดังของอู่ฮั่นชื่อ 周黑鸭 โจเฮยยาค่ะ สมาชิกเลยแวะพักพร้อมปาร์ตี้ลิ้นเป็ดกัน \(^o^)/ เราเลือกทั้งแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย เสียดายมันไม่ค่อยร้อน แต่รสชาติดีอยู่ค่ะ นอกจากนี้ จขกท.ซื้อ Lay รสแตงกวามากินด้วย มาเมืองจีนจะกินทุกที อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว หุหุ
ออกเดินทางกันต่อ (๐^^)๐ ยังไม่ถึงกู่หลงจงเลย ก็เที่ยงซะก่อนแล้ว แน่นอนทานข้าวก่อนค่ะ เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวคณะสูงวัย ไม่ควรปล่อยให้ท่านทั้งหลายท้องหิวนะค่ะ 😊 เที่ยงนี้เราทานกันที่ร้าน 欢喜小院 ฮ่วนสีเสี่ยวย่วนค่ะ เป็นร้านเล็กๆที่น่ารักและอาหารอร่อยค่ะ
มาดูกันค่าว่าทานอะไรกันบ้าง (*^o^*)
1. ปลานึ่ง ร้านนี้ดีแล่เนื้อมาให้เรียบร้อยไม่ต้องกลัวก้าง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าอาหารทุกมื้อจะมีปลา และเน้นผักเยอะ อันนี้คุณไกด์จัดให้ดูจากวัยสมาชิกในคณะที่รักสุขภาพทุกคน
2. หมูผัดพริกหวาน ทานกับข้าวร้อนๆนี่ฟินนะค่ะ
3. ซี่โครงหมูทอด จานนี้ปะป๊าชมว่าทอดดีมากข้างนอกกรอบและเนื้อข้างในยังนุ่มฉ่ำๆ (juicy) ไม่กระด้าง
4. ซุปเห็ด เยื่อไผ่ ดอกถังเช่า และอั่งจ้อ แน่นอนว่าเกลี้ยงค่ะ เพราะอากาศหนาว ทุกคนต้องการซุปร้อนๆ และมันอร่อยด้วย
5. กุ้งฝอยทอด เห็นรูปก็อร่อยแล้วหละค่ะ ทอดมากรอบๆเคี้ยวเพลินกันทั้งโต๊ะ
6. ผักคอสผัดปลาเต๋าซี่กระป๋อง เมนูนี้สมาชิกบางคนชอบ ถึงกับเอามาทำตอนกลับไทยมาแล้ว
7. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) ผัดผักดอง แน่นอนว่ากับข้าวสวยมันดีมากค่ะ
8. ไข่ผัดผักเซียงชุน 香春 ซึ่งคุณไกด์บอกว่าผักนี้มีคุณสมบัติบำรุงสายตา อร่อยดีค่ะ เพิ่งเคยทานครั้งแรก
9. ผัดผักผัดกาดขาว
มื้อนี้ทั้งหมด 9 จานเกลี้ยงหมดค่ะ
และในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Xiangyang Gulongzhong Scenic Area (*≧∀≦*) แค่ลงมาจากรถสมาชิกก็ต้องเอาเสื้อหนาวมาใส่เพิ่มค่ะ เพราะออกมานอกเมืองแล้วยิ่งหนาว (>_<) และที่เที่ยวเป็นหุบเขาด้วยเลยมีอุณหภูมิที่ลดลง คุณไกด์ไปซื้อตั๋ว สมาชิกไปเข้าห้องน้ำ เตรียมพร้อมค่ะ \(^o^)/ ที่เที่ยวที่เมืองจีนส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว้างขวางมาก คุณไกด์จัดทุกสิ่งอำนวยความสะดวกให้เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่สูงวัยแล้ว เราเริ่มกันที่นั่งรถบัสของอุทยานเข้าไปก่อนค่ะ ถึงจุดแรก ซุ้มประตูนี้ รูปหมู่ต้องมา 😊
ซุ้มประตูหินนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง สูง 6 เมตรกว้าง 10 เมตร มี 4 เสาและมองออกมาเห็นเป็น 3 ประตูค่ะ ประตูตรงกลางมีอักษรจีน 3 ตัวสลักไว้ว่า 古隆中 กู่หลงจง ซึ่งเป็นชื่อสถานที่ที่มีภูเขาหนึ่งลูกงอกขึ้นมาท่ามกลางหุบเขาอื่นๆ เป็นสถานที่ที่ท่านขงเบ้งมาปลีกวิเวก ศึกษาหาความรู้ ทำไร่ทำสวนค่ะ ส่วนอักษรที่อยู่บนประตูอีก 2 ประตูด้านข้างเป็นคำสอนที่ท่านขงเบ้งเขียนไว้ให้ลูกชายค่ะ ทางขวาคือ 澹泊明志 Dànbó míngzhì ต้านปั๋วหมิงจื้อ และทางซ้ายคือ 甯静致逺Níngjìng zhìyuǎn นิ่งจิ้งจวื้อหย่วน ที่เขียนในกระทู้นี้จะเป็นการอ่านจากซ้ายไปขวานะค่ะ แต่อักษรที่สลักบนประตูคือต้องอ่านจากขวาไปซ้ายซึ่งเป็นวิธีอ่านภาษาจีนค่ะ ความหมายของสองประโยคนี้คือสอนว่าการเป็นคนไม่ควรไปยึดติดว่าต้องได้ชื่อเสียงหรือโชคลาภ แต่ควรมีอุดมคติและเป้าหมายของชีวิต และคนเราควรทำงานด้วยหัวใจและจิตวิญญาณเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ p(^_^)q เห็นคุณไกด์บอกว่าอักษรที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ 甯静致逺 เป็นอักษรที่เขียนยากและไม่ได้มีใช้อยู่ในชีวิตจริง แต่เขียนไว้แค่ที่นี่ค่ะ เหมือนท่านขงเบ้งจะเป็นคนคิดอักษรเอง
เมื่อถ่ายรูปและฟังคำอธิบายเรียบร้อยก็ไปกันต่อค่ะ คราวนี้เราขึ้นรถแบตเตอรี่บ้าง ทางทำดีมากค่ะ สองข้างทางก็ร่มรื่น โชคดีได้นั่งข้างหน้า (^-^)v ได้ถ่ายรูปบรรยากาศมาค่ะ นั่งข้างหน้ามีเงาสะท้อนกระจกนิดหนึ่ง (>_<)
เราลงรถกันที่วัดหวู่โหว 武侯祠 เป็นวัดที่สร้างอุทิศให้กับท่านขงเบ้งค่ะ (จริงๆภาษาจีนกลางชื่อท่านขงเบ้งอ่านว่าจูเก่อเลี่ยงแต่คนไทยเรียกจูกัดเหลียงกันค่ะ) เราจะเจอกับประตูทางเข้าที่มีเสาสีแดง ประตูนี้สร้างให้เสาลอยไม่ติดดินเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านขงเบ้งเป็นเซียนค่ะ ╰(*´︶`*)╯
ฝั่งขวามือมีรูปปั้นลิงตัวเล็กๆตั้งอยู่ ลิงนั้นภาษาจีนกลางเรียกว่าโหวจื่อ ซึ่งท่านขงเบ้งมีตำแหน่งเป็นโหว เลยมีรูปปั้นลิงตั้งไว้เป็นการเล่นคำพ้องเสียงค่ะ มะม้าขอถ่ายรูปกับลิงหน่อยเกิดปีลิงเหมือนกัน =(^.^)=
(๐^^)๐ เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเจอกับรูปปั้นทองเหลืองของท่านขงเบ้งที่ลูกหลานของท่านสร้างไว้ให้ในปี 2002 ซึ่งคนจีนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าที่มือของท่านขงเบ้งที่ถือพัดและตัวพัดขนนกเองจะเป็นเงาขึ้นมา เกิดจากการมีคนมาลูบบ่อยเพราะเชื่อว่าถ้าลูบมือท่านจะทำให้โชคดีร่ำรวยและถ้าลูบพัดขนนกของท่านจะทำให้มีสติปัญญาดีค่ะ สมาชิกก็ไม่พลาดนะค่ะลูบกันถ้วนหน้า ʅ(◞‿◟)ʃ
(๐^^)๐ เมื่อเดินต่อเข้าไปในโถงถัดไปจะเจอกับรูปปั้นของคนสามรุ่น (3 generations) ของท่านขงเบ้งค่ะ โดยตรงกลางคือท่านขงเบ้ง (จูกัดเหลียง) ฝั่งขวาคือลูกชายของท่านขงเบ้งชื่อจูกัดเจี๋ยม และฝั่งซ้ายคือหลานชายของท่านชื่อจูกัดสง ทั้งสามคนรับใช้เล่าปี่และลูกของเล่าปี่แบบต่อเนื่องกันจาก generation สู่ generation โดยจูกัดเจี๋ยมตายในสนามรบตอนอายุ 37 ปี และจูกัดสงก็ตายในสนามรบเช่นกันอายุเพียง 18 ปีเท่านั้นเองค่ะ ท่านขงเบ้งเป็นกุนซือที่เก่งและมีความซื่อสัตย์มากๆนะค่ะ ป้ายด้านบนรูปปั้นของท่านนั้นเขียนไว้ว่าเก่งที่สุดในใต้หล้าซึ่งเป็นคำที่สุมาอี้ใช้ยกย่องท่านขงเบ้งค่ะ รูปถ่ายมาไม่ค่อยชัดเลยเพราะมีกระจกสะท้อน
จบโถงนี้ ไปดูโถงอื่นกันบ้าง (๐^^)๐ เข้ามาอีกโถงจะเจอกับรูปปั้นภรรยาของท่านขงเบ้งค่ะ ซึ่งภรรยาท่านเป็นลูกสาวของอาจารย์ท่านนะค่ะ คุณไกด์เล่าว่าอาจารย์ทดสอบท่านขงเบ้งโดยถามว่า อาจารย์มีลูกสาว ไม่ใช่คนสวยแต่เป็นคนเก่ง มีปัญญาดี สนใจไหม ท่านขงเบ้งตอบกลับมาว่า ไม่ได้สนใจที่หน้าตา หากแต่สนใจคนที่มีความรู้ พูดคุยกันรู้เรื่อง คือท่านต้องการคู่คิดว่างั้น สรุปคือได้แต่งงานเลยค่ะ (=´∀`)人(´∀`=)
นี่ค่ะรูปปั้นภรรยาท่านขงเบ้ง
และนี่คือรูปที่วาดเพื่อแสดงว่าภรรยาของท่านมีความเก่ง (^-^)v โดยมุมบนด้านซ้ายคือภาพที่ไถดินแบบมีกลไกเปิดปิดได้ที่ภรรยาท่านเป็นคนประดิษฐ์ นอกจากนี้ยังเป็นคนประดิษฐ์เครื่องโม่แป้งที่แสดงไว้ในภาพหลังหน้าต่างที่มีม่านสีเหลืองๆค่ะ
ขอไปต่อใน ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 2) Part 2/2 =>
https://ppantip.com/topic/42420886
ฝาก IG: janjourneyjournal ด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ =(^.^)=
ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 2) Part 1/2
เรื่องราวของวันแรกอ่านได้ที่นี่ค่ะ
ทริป Hubei 11-20 Nov 2023 (Day 1: Wuhan) => https://ppantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42431317
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42437930
Day 5: Tangyang, Yichang, Enshi => https://ppantip.com/topic/42447690
Day 6: Yunlongdifeng และ Qīxīng Zhài Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ => https://ppantip.com/topic/42623820
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 (Day 2) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
(๐^^)๐ วันที่สองของการเดินทาง เราจะไปเที่ยวกู่หลงจง Gulongzhong (古隆中) กันค่ะซึ่งเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างไกล ต้องนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งถึงจะถึงจุดหมาย เช้านี้เลยต้องทานข้าวกันแบบอิ่มๆจัดเต็ม เตรียมหลับยาวก่อนถึงสถานที่เพื่อเดินเที่ยว อิอิ (จริงๆก็ไม่ได้หลับหรอกค่ะ ดูวิวซะส่วนมาก ไหนๆมาทั้งทีเนอะ)
อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ดูจะถูกใจสมาชิกในคณะมากอยู่ (๑>◡<๑) มีทั้งแบบอเมริกันและแบบจีน สิ่งที่ทุกคนชอบน่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ที่มีเส้นให้เลือกสองแบบ คือแบบที่เป็นบะหมี่สีเหลืองๆ (面条 เมี่ยนเถียว) และแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวสีขาวๆ (米粉 หมีเฝิ่น) ซึ่งจะลวกให้สดๆพร้อมผัก แล้วเราก็มาตักเครื่องใส่เองว่าจะใส่อะไรบ้าง \(^o^)/ เครื่องที่ว่าก็มีไช้เท้าต้ม ไข่ต้มทอดหรือเต้าหู้แผ่นทอดแล้วเอามาใส่ในนำซุปรสเผ็ด หมูสับผัดในซอสเผ็ด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีก๋วยเตี๋ยวที่แนะนำจากทางโรงแรมว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวของมณฑลหูเป่ยอีก 3 แบบคือ
๐ 猪肉炸酱面 (จาเจี่ยงเมี่ยนหมูสับ บะหมี่แห้งใส่หมูสับคาดว่าเป็นสิ่งที่ที่เกาหลีเรียกว่าจาจ่างเหมี่ยน),
๐ 红烧牛肉面 (หงโซวหนิวโล่วเมี่ยว บะหมี่เนื้อตุ๋น อันนี้เป็นอันที่คนจีนส่วนใหญ่สั่งเลยค่ะ แต่ไม่ได้ลอง พอดีเป็นคนไม่ทานเนื้อวัว ), และ
๐ 武汉热干面 (บะหมี่แห้งใส่ซอสงาเผ็ดร้อนสไตล์อู่ฮั่น ที่เรียกว่า Rè gān miàn เหยื่อกานเมี่ยน อันนี้จริงๆตั้งใจอยากมาลอง =(^.^)= แต่ตื่นมาตอนเช้าก็อยากทานน้ำซุปร้อนๆสู้อากาศหนาวเลยไม่ได้สั่งอันนี้ค่ะ)
อาหารจีนอื่นๆก็มีให้เลือกมากมาย\(^-^)/ทั้งข้าวต้มที่มีให้เลือก 5 แบบ ทั้งข้าวล้วนๆ ข้าวต้มพร้อมธัญพืชต่างๆ หรือข้าวต้มปลาก็มี พร้อมผักดอง เต้าหู้ยี้ กานาฉ่ายให้ทานเคียงด้วยกัน หรืออาหารจีนอื่นๆเช่นผัดผัก หมูเส้นผัดพริกหวาน ไข่ผัดมะเขือเทศ เป็นต้น และแน่นอนมีปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ซาลาเปา หมั่นโถว ข้าวโพด มัน เผือกนึ่งค่ะ แล้วยังมีเห็นหูหนูขาวต้มหวานด้วย ( ◠‿◠ )
อาหารฝรั่งก็ตามมาตราฐาน ไข่แบบต่างๆแล้วแต่สั่ง ไส้กรอก เบคอน โยเกิร์ต ผลไม้สด และ pastry แบบต่างๆ (^。^)
ท้องอิ่มตึงมาก พร้อมออกเดินทางค่ะ (๐^^)๐ อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วว่าวันนี้จะไปกู่หลงจง กู่หลงจงคืออะไร คือสถานที่ที่ขงเบ้งเคยใช้เป็นที่อยู่ก่อนจะไปอยู่กับเล่าปี่ค่ะ เล่าปี่มาเชิญขงเบ้งไปอยู่ด้วยตั้งสามครั้งกว่าขงเบ้งจะยอมติดตามเล่าปี่ไป (´∀`*) วันนี้ก็ถือว่าได้ไปตามรอยสามก๊กแบบนิดหน่อย 😊 เนื่องจากนั่งรถนานก็ต้องมีแวะพักระหว่างทางให้เข้าห้องน้ำ และให้คนขับได้พักบ้างนะค่ะ ที่จุดพักรถมีร้านขายขนมและมีร้านขายเป็ดชื่อดังของอู่ฮั่นชื่อ 周黑鸭 โจเฮยยาค่ะ สมาชิกเลยแวะพักพร้อมปาร์ตี้ลิ้นเป็ดกัน \(^o^)/ เราเลือกทั้งแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย เสียดายมันไม่ค่อยร้อน แต่รสชาติดีอยู่ค่ะ นอกจากนี้ จขกท.ซื้อ Lay รสแตงกวามากินด้วย มาเมืองจีนจะกินทุกที อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว หุหุ
ออกเดินทางกันต่อ (๐^^)๐ ยังไม่ถึงกู่หลงจงเลย ก็เที่ยงซะก่อนแล้ว แน่นอนทานข้าวก่อนค่ะ เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวคณะสูงวัย ไม่ควรปล่อยให้ท่านทั้งหลายท้องหิวนะค่ะ 😊 เที่ยงนี้เราทานกันที่ร้าน 欢喜小院 ฮ่วนสีเสี่ยวย่วนค่ะ เป็นร้านเล็กๆที่น่ารักและอาหารอร่อยค่ะ
มาดูกันค่าว่าทานอะไรกันบ้าง (*^o^*)
1. ปลานึ่ง ร้านนี้ดีแล่เนื้อมาให้เรียบร้อยไม่ต้องกลัวก้าง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าอาหารทุกมื้อจะมีปลา และเน้นผักเยอะ อันนี้คุณไกด์จัดให้ดูจากวัยสมาชิกในคณะที่รักสุขภาพทุกคน
2. หมูผัดพริกหวาน ทานกับข้าวร้อนๆนี่ฟินนะค่ะ
3. ซี่โครงหมูทอด จานนี้ปะป๊าชมว่าทอดดีมากข้างนอกกรอบและเนื้อข้างในยังนุ่มฉ่ำๆ (juicy) ไม่กระด้าง
4. ซุปเห็ด เยื่อไผ่ ดอกถังเช่า และอั่งจ้อ แน่นอนว่าเกลี้ยงค่ะ เพราะอากาศหนาว ทุกคนต้องการซุปร้อนๆ และมันอร่อยด้วย
5. กุ้งฝอยทอด เห็นรูปก็อร่อยแล้วหละค่ะ ทอดมากรอบๆเคี้ยวเพลินกันทั้งโต๊ะ
6. ผักคอสผัดปลาเต๋าซี่กระป๋อง เมนูนี้สมาชิกบางคนชอบ ถึงกับเอามาทำตอนกลับไทยมาแล้ว
7. หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) ผัดผักดอง แน่นอนว่ากับข้าวสวยมันดีมากค่ะ
8. ไข่ผัดผักเซียงชุน 香春 ซึ่งคุณไกด์บอกว่าผักนี้มีคุณสมบัติบำรุงสายตา อร่อยดีค่ะ เพิ่งเคยทานครั้งแรก
9. ผัดผักผัดกาดขาว
มื้อนี้ทั้งหมด 9 จานเกลี้ยงหมดค่ะ
และในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Xiangyang Gulongzhong Scenic Area (*≧∀≦*) แค่ลงมาจากรถสมาชิกก็ต้องเอาเสื้อหนาวมาใส่เพิ่มค่ะ เพราะออกมานอกเมืองแล้วยิ่งหนาว (>_<) และที่เที่ยวเป็นหุบเขาด้วยเลยมีอุณหภูมิที่ลดลง คุณไกด์ไปซื้อตั๋ว สมาชิกไปเข้าห้องน้ำ เตรียมพร้อมค่ะ \(^o^)/ ที่เที่ยวที่เมืองจีนส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว้างขวางมาก คุณไกด์จัดทุกสิ่งอำนวยความสะดวกให้เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่สูงวัยแล้ว เราเริ่มกันที่นั่งรถบัสของอุทยานเข้าไปก่อนค่ะ ถึงจุดแรก ซุ้มประตูนี้ รูปหมู่ต้องมา 😊
ซุ้มประตูหินนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง สูง 6 เมตรกว้าง 10 เมตร มี 4 เสาและมองออกมาเห็นเป็น 3 ประตูค่ะ ประตูตรงกลางมีอักษรจีน 3 ตัวสลักไว้ว่า 古隆中 กู่หลงจง ซึ่งเป็นชื่อสถานที่ที่มีภูเขาหนึ่งลูกงอกขึ้นมาท่ามกลางหุบเขาอื่นๆ เป็นสถานที่ที่ท่านขงเบ้งมาปลีกวิเวก ศึกษาหาความรู้ ทำไร่ทำสวนค่ะ ส่วนอักษรที่อยู่บนประตูอีก 2 ประตูด้านข้างเป็นคำสอนที่ท่านขงเบ้งเขียนไว้ให้ลูกชายค่ะ ทางขวาคือ 澹泊明志 Dànbó míngzhì ต้านปั๋วหมิงจื้อ และทางซ้ายคือ 甯静致逺Níngjìng zhìyuǎn นิ่งจิ้งจวื้อหย่วน ที่เขียนในกระทู้นี้จะเป็นการอ่านจากซ้ายไปขวานะค่ะ แต่อักษรที่สลักบนประตูคือต้องอ่านจากขวาไปซ้ายซึ่งเป็นวิธีอ่านภาษาจีนค่ะ ความหมายของสองประโยคนี้คือสอนว่าการเป็นคนไม่ควรไปยึดติดว่าต้องได้ชื่อเสียงหรือโชคลาภ แต่ควรมีอุดมคติและเป้าหมายของชีวิต และคนเราควรทำงานด้วยหัวใจและจิตวิญญาณเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ p(^_^)q เห็นคุณไกด์บอกว่าอักษรที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ 甯静致逺 เป็นอักษรที่เขียนยากและไม่ได้มีใช้อยู่ในชีวิตจริง แต่เขียนไว้แค่ที่นี่ค่ะ เหมือนท่านขงเบ้งจะเป็นคนคิดอักษรเอง
เมื่อถ่ายรูปและฟังคำอธิบายเรียบร้อยก็ไปกันต่อค่ะ คราวนี้เราขึ้นรถแบตเตอรี่บ้าง ทางทำดีมากค่ะ สองข้างทางก็ร่มรื่น โชคดีได้นั่งข้างหน้า (^-^)v ได้ถ่ายรูปบรรยากาศมาค่ะ นั่งข้างหน้ามีเงาสะท้อนกระจกนิดหนึ่ง (>_<)
เราลงรถกันที่วัดหวู่โหว 武侯祠 เป็นวัดที่สร้างอุทิศให้กับท่านขงเบ้งค่ะ (จริงๆภาษาจีนกลางชื่อท่านขงเบ้งอ่านว่าจูเก่อเลี่ยงแต่คนไทยเรียกจูกัดเหลียงกันค่ะ) เราจะเจอกับประตูทางเข้าที่มีเสาสีแดง ประตูนี้สร้างให้เสาลอยไม่ติดดินเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านขงเบ้งเป็นเซียนค่ะ ╰(*´︶`*)╯
ฝั่งขวามือมีรูปปั้นลิงตัวเล็กๆตั้งอยู่ ลิงนั้นภาษาจีนกลางเรียกว่าโหวจื่อ ซึ่งท่านขงเบ้งมีตำแหน่งเป็นโหว เลยมีรูปปั้นลิงตั้งไว้เป็นการเล่นคำพ้องเสียงค่ะ มะม้าขอถ่ายรูปกับลิงหน่อยเกิดปีลิงเหมือนกัน =(^.^)=
(๐^^)๐ เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเจอกับรูปปั้นทองเหลืองของท่านขงเบ้งที่ลูกหลานของท่านสร้างไว้ให้ในปี 2002 ซึ่งคนจีนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าที่มือของท่านขงเบ้งที่ถือพัดและตัวพัดขนนกเองจะเป็นเงาขึ้นมา เกิดจากการมีคนมาลูบบ่อยเพราะเชื่อว่าถ้าลูบมือท่านจะทำให้โชคดีร่ำรวยและถ้าลูบพัดขนนกของท่านจะทำให้มีสติปัญญาดีค่ะ สมาชิกก็ไม่พลาดนะค่ะลูบกันถ้วนหน้า ʅ(◞‿◟)ʃ
(๐^^)๐ เมื่อเดินต่อเข้าไปในโถงถัดไปจะเจอกับรูปปั้นของคนสามรุ่น (3 generations) ของท่านขงเบ้งค่ะ โดยตรงกลางคือท่านขงเบ้ง (จูกัดเหลียง) ฝั่งขวาคือลูกชายของท่านขงเบ้งชื่อจูกัดเจี๋ยม และฝั่งซ้ายคือหลานชายของท่านชื่อจูกัดสง ทั้งสามคนรับใช้เล่าปี่และลูกของเล่าปี่แบบต่อเนื่องกันจาก generation สู่ generation โดยจูกัดเจี๋ยมตายในสนามรบตอนอายุ 37 ปี และจูกัดสงก็ตายในสนามรบเช่นกันอายุเพียง 18 ปีเท่านั้นเองค่ะ ท่านขงเบ้งเป็นกุนซือที่เก่งและมีความซื่อสัตย์มากๆนะค่ะ ป้ายด้านบนรูปปั้นของท่านนั้นเขียนไว้ว่าเก่งที่สุดในใต้หล้าซึ่งเป็นคำที่สุมาอี้ใช้ยกย่องท่านขงเบ้งค่ะ รูปถ่ายมาไม่ค่อยชัดเลยเพราะมีกระจกสะท้อน
จบโถงนี้ ไปดูโถงอื่นกันบ้าง (๐^^)๐ เข้ามาอีกโถงจะเจอกับรูปปั้นภรรยาของท่านขงเบ้งค่ะ ซึ่งภรรยาท่านเป็นลูกสาวของอาจารย์ท่านนะค่ะ คุณไกด์เล่าว่าอาจารย์ทดสอบท่านขงเบ้งโดยถามว่า อาจารย์มีลูกสาว ไม่ใช่คนสวยแต่เป็นคนเก่ง มีปัญญาดี สนใจไหม ท่านขงเบ้งตอบกลับมาว่า ไม่ได้สนใจที่หน้าตา หากแต่สนใจคนที่มีความรู้ พูดคุยกันรู้เรื่อง คือท่านต้องการคู่คิดว่างั้น สรุปคือได้แต่งงานเลยค่ะ (=´∀`)人(´∀`=)
ฝาก IG: janjourneyjournal ด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ =(^.^)=