ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 4)

Day 1: Wuhan => https://ppantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 1/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42419256
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): https://ppantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): https://ppantip.com/topic/42431317
Day 5: Tangyang, Yichang, Enshi => https://ppantip.com/topic/42447690
Day 6: Enshi => https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Enshi => https://ppantip.com/topic/42623820

เนื้อเรื่องและรูปในกระทู้นี้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับวัดวาอารามและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากจขกท.เขียนผิดหรือทำอะไรที่ดูไม่เหมาะสมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ไว้ก่อนนะค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ใดๆเพียงแค่อยากแชร์ปสก.ที่ได้รับมาค่ะ ขอบคุณค่ะ     (^人^)

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2566 (Day 4) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶ 

สำหรับวันนี้ highlight คงอยู่ที่จินติ่ง (วิหารทองคำ) ซึ่งเราจะนั่ง cable car ขึ้นไปก่อนค่ะ แล้วค่อยเดินขึ้นไปกันต่อ 

รูปถ่ายเมื่อเย็นเมื่อวาน หมอกเยอะอยู่
วันนี้แดดออกแล้ว อากาศอุ่นขึ้น (^_^)
เดินไปขึ้น cable car พร้อมกันค่ะ (๐^^)๐
นั่ง cable car เดี๋ยวเดียวก็ถึงสถานีบนเขาแล้ว ระหว่างทางทะเลหมอกสวยค่ะ เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน เรามาหยุดดูป้ายแล้วฟังอธิบายนิดหนึ่งค่ะ

จากรูปด้านบนจะเห็นเป็นรูปภูเขาลูกหนึ่งมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ด้านบน ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าภูเขาลูกนี้มีลักษณะเหมือนเต่า หัวเต่าอยู่มุมซ้ายด้านบน และภูเขาเป็นกระดองเต่า มีสิ่งปลูกสร้างดูคล้ายกำแพงสูงสร้างล้อมรอบไว้ จินตนาการว่าเป็นงู อีกครั้งกับสัญลักษณ์ที่สื่อถึงตั่วเหล่าเอี๊ย เต่าและงูค่ะ และถ้าจินติ่งที่ซึ่งประดิษฐานตั่วเหล่าเอี๊ยอยู่บนจุดสูงจุด ก็เหมือนตั่วเหล่าเอี๊ยท่านเหยียบงูและเต่าอยู่ จากป้ายบริเวณนี้จะเรียกว่า Taihe Palace ซึ่งมีจุดสูงที่สุดเป็นวิหารทองคำหรือ golden palace ค่ะ วิหารแห่งนี้สร้างโดยฮ่องเต้หย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิงเมื่อปีค.ศ. 1416 ประมาณ 600 ปีที่ผ่านมา คุณไกด์บอกว่าภาพถ่ายที่เห็นนี้ถ่ายโดยโดรนเมื่อประมาณปี 1990 นี้เอง ทำให้เห็นว่าภูเขามีลักษณะเป็นรูปเต่า แต่คนสมัยก่อนไม่มีโดรนแล้วเห็นได้ไงว่ามองจากด้านบนจะเป็นรูปเต่าแบบนี้ อืม....พอคิดแบบนี้แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าคนสมัยก่อนเก่งมว้ากกกกมากกๆเลยนะค่ะเนี่ย คือจะสร้างวิหารที ต้องหา location นานแค่ไหนกว่าจะเจอแบบนี้เนี่ย แล้วต้องสำรวจอย่างไรหนอให้รู้ว่าเขามีรูปร่างแบบนี้ (o^^o)
 
วิหารทองคำสร้างโดยกำลังคนประมาณ 300,000 คนและใช้เวลาสร้างทั้งหมด 14 ปี วัสดุหลักที่ใช้สร้างคือทองเหลือง 20 ตันและทองคำ 30 กิโลกรัมค่ะ โดยวัสดุทุกอย่างส่งตรงมาจากปักกิ่ง เอาหละค่ะถึงเวลาขึ้นบันไดกันอีกแล้ว วันนี้มีสูงวัย 4 ท่านบอกว่าขอตัวดีกว่า จะนั่งกระเช้าลงไปด้านล่างรอ แล้วเดินช้อปปิ้งแถวนั้นแทน เลยเหลือกันแค่ 6 คนปีนขึ้นจินติ่งค่ะ (^_^*)

ไม่ค่อยได้ถ่ายภาพระหว่างเดินขึ้นเลย บันไดเยอะอยู่ค่ะ เดินมาถึงจุดพักแรกเจอวิวทะเลหมอกสวยๆชื่นใจ หมอกกับทิวเขาสลับชั้นประหนึ่งบางฉากที่บรรยายไว้ในนิยายจีน

ถ่ายรูปกันแพร่บหนึ่งก็ออกเดินต่อ เพราะมันสูงอยู่ต้องค่อยๆเดินขึ้นกันค่ะ มีสูงวัยขึ้นมาด้วย 3 ท่านแข็งแรงมากๆ o(^-^)o

จุดแวะพักถ่ายรูปมาถึงอีกครั้ง ภาพที่ถ่ายมาอาจจะไม่ได้สวยมากเพราะจขกท.ถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง อยากให้ทุกคนมาเห็นวิวด้วยตาเนื้อของตัวเองมากๆเลยค่ะ สวยจริงๆนะค้า (๑˃̵ᴗ˂̵)

และเราก็เดินมาถึงบริเวณหัวเต่าค่ะ =(^.^)=
จากจุดนี้เดินไปต่อ (๐^^)๐ เราก็จะเจอกับวิหารจ่วนยุ่นเตี้ยน (轉運殿 Zhuǎnyùn diàn) ถ้าแปลเป็นไทยคือวิหารแก้ดวง มีความเชื่อว่าถ้าสามารถขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ดวงจะดี วิหารนี้มีมาก่อนที่หย่งเล่อฮ่องเต้จะมาสร้างจินติ่งอีกค่ะ คุณไกด์เล่าว่าวิหารนี้อาจมีอายุถึง 1,000 ปี เมื่อฮ่องเต้จะสร้างจินติ่งตอนมาสำรวจพื้นที่เห็นว่าวิหารนี้มีความเก่าแก่ ตั้งอยู่มาก่อน และมีเพื่อไว้สักการะตั่วเหล่าเอี๊ยด้วยจึงต้องการจะอนุรักษ์ไว้ ดังนั้นจึงสร้างวิหารอีกหลังครอบวิหารเดิมไว้ จึงเกิดพื้นที่เล็กๆ เป็นช่องแคบๆระหว่างวิหารที่สร้างใหม่และวิหารเก่า ซึ่งคนสามารถเดินผ่านได้ครั้งละ 1 คนและต้องเดินเป็นหน้ากระดานแบบปูด้วย เดินเข้าไปตรงๆไม่ได้  ( ・∇・)

คุณไกด์บอกว่าให้ขอพรก่อน จากนั้นเดินเข้าไปทางช่องขวาเพื่อมาออกทางช่องซ้ายค่ะ จขกท.ลองเดินเข้าไปก็แคบและมืดมากเลยค่ะ มองไม่เห็นอะไรเลย กลัวอยู่เหมือนกันแม้จะเป็นเวลาแค่เพียงอึดใจเดียว (>_<) คือถ้าอยากมาจุดนี้แนะนำให้พักบนเขาค่ะ เพราะตื่นเช้ามาก็ขึ้น cable car แล้วเดินขึ้นมาได้เลย ตอนที่มายังเช้าไม่มีคนค่ะ ขากลับสังเกตดูต้องต่อแถวยาวมากแล้วค่ะ
 
จากนั้นเราก็เดินต่อ (๐^^)๐ โดยมีจุดหมายคือจินติ่งจุดสูงสุดของยอดเขานี้ ระหว่างเดินมีอารามและวิหารให้ชมตลอดทาง ด้านในมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะ แต่เนื่องจากนักพรตที่ประจำอยู่ด้านในอารามหนึ่งบอกว่าห้ามถ่ายภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ตามวิหารเหล่านี้ จขกท.เลยหยุดการถ่ายภาพด้านในลง ต่อไปจะเป็นภาพที่เห็นด้านนอกระหว่างเดินขึ้นจินติ่งค่ะ

หากมองจากที่สูงจะเห็นเป็นกลุ่มอาคารหลังคาสีเขียวกำแพงสีแดงค่ะ ทางเดินปูด้วยหินและบันไดอาจจะขั้นเท่ากันไม่เท่ากันบ้าง และมีประตูหนึ่งที่พื้นหน้าทางเข้าประตูมีหินแกะลายปลาอยู่ เพราะปลาภาษาจีนอ่านว่าอวี๋ (เขียนแบบนี้ 鱼 ค่ะ) ไปพ้องเสียงกับคำอวยพร 年年有余 (เหนียนเหนียนโหย่วอวี๋) ซึ่งแปลว่าขอให้มีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ทุกปี ถือเป็นคำมงคลค่ะ เลยมีปลามาประดับอยู่ซะเลย (*^ω^*)

ออกจากอาคารนี้เราเดินขึ้นไปอีก (๐^^)๐ บันไดเริ่มชัน เมื่อไต่ระดับสูงไป เราเห็นหิมะกองน้อยอยู่ที่พื้น คุณไกด์บอกไม่กี่วันก่อนมีหิมะตก เราเลยยังเห็นหิมะค้างอยู่นิดหน่อย แต่ที่ประทับใจสุดๆเห็นจะเป็นวิวที่ยิ่งสูงยิ่งสวย และแดดออกพอดีแสงดีมากๆค่ะ

ยิ่งสูงบันไดยิ่งแคบและยิ่งชัน
หิมะกองน้อยที่ไม่ได้คาดว่าจะเห็นในทริปนี้
 
ทะเลหมอกสลับทิวเขา
เดินขึ้นมาถึงจุดหนึ่ง มองกลับไป โอ้โห.....สวยอ่า
 

และในที่สุดก็เดินถึงจินติ่ง วิหารทองคำที่รอคอย

เราไหว้ได้แค่ข้างนอกนะค่ะ เข้าไปด้านในไม่ได้ค่ะ มาถึงวิหารทองคำเรามาดูอะไรกันบ้างเอ่ย
1. โคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างหน้ารูปปั้นตั่วเหล่าเอี๊ยเป็นโคมไฟที่ไม่เคยดับเลย (เป็นตะเกียงแบบเติมน้ำมัน) เรามองเข้าไปจะเห็นเปลวไฟนิ่งๆอยู่ 1 เปลวค่ะ ในรูปคือต้องใช้กล้องซูมเข้าไป เปลวไฟนี้นิ่งมากๆค่ะ จุดมา 600 กว่าปีไม่เคยดับ 

2. ฐานของวิหารทองคำ ราวบันไดและบันไดที่ใช้เดินขึ้นไป (ตามรูปด้านล่าง) สร้างมาจากหินที่มีอายุกว่า 500 ล้านปี เป็นหินที่นำมาจากใต้ทะเลลึก ปัจจุบันหาไม่ได้แล้ว
3. ม้าน้ำ (ตุ๊กตาที่ประดับอยู่ที่มุมหลังคา) อันนี้จขกท.ดูไม่ออกว่าเป็นม้าน้ำแต่คุณไกด์เรียกแบบนี้ค่ะ คุณไกด์อธิบายว่าในวันที่อากาศไม่ดีจะมีไอน้ำออกมาจากตัวม้าน้ำค่ะ
4. ทางขาวมือของตัววิหารทองคำ หลังเสาต้นที่ 4 นับจากด้านหลัง จะมีทองคำฝังไว้อยู่ 2 กิโลกรัม เป็นทองที่เหลือจากการสร้างวิหาร ช่างที่สร้างวิหารเป็นคนซื่อสัตย์เมื่อสร้างเสร็จแล้วมีทองคำเหลือก็ไม่ได้เอากลับไปเป็นของตัวเอง แต่กลับฝังไว้ตรงนี้ทั้งหมด ถ้าเรามองเข้าไปจะเห็นสี่เหลี่ยมสีทองในเสาค่ะ
5. นกกระเรียนคู่ที่อยู่หน้าวิหารคือยานพาหนะของตั่วเหล่าเอี๊ยค่ะ 

การสร้างวิหารใช้การเข้าลิ่มทั้งหมดแม้เป็นทองเหลืองทั้งหลัง ทองคำส่วนมากจะอยู่ที่หลังคา วัสดุในการก่อสร้างทั้งหมดส่งมาจากปักกิ่งทางเรือ โดยต้องมีการขุดแม่น้ำสายใหม่ขึ้นมาเพื่อลำเลียงของจากนานจิงมาถึงอู่ฮั่น แล้วจากอู่ฮั่นก็ลำเลียงมาทางแม่น้ำแยงซีเกียงจนถึงที่เขาบู๊ตึ๊งนี้ ฮ่องเต้ทรงมีราชโองการว่าเรือทุกลำที่ลำเลียงวัสดุเหล่านี้ห้ามทำอาหารในเรือ ถ้าอากาศไม่ดีห้ามออกเดินทาง ต้องทำความสะอาดในเรือทุกวัน ทั้งนี้เป็นการให้ความสำคัญกับวัสดุที่จะนำมาสร้างเป็นวิหารเพื่อใช้ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัสดุทั้งหมดต้องไม่แปดเปื้อนสิ่งสกปรกและกลิ่นคาวใดๆ

เสร็จจากตรงนี้ก็เดินลงเขากันค่ะ นั่งกระเช้าไปเจอกับกลุ่มสูงวัย 4 ท่านที่รออยู่ที่โรงแรม จากนั้นเราก็นั่งรถอุทยานลงเขากันเพื่อไปทานข้าวเที่ยงค่ะ มื้อนี้มีความคาดหวังกันอยู่ว่าหลังลงเขาแล้วอาหารน่าจะอร่อยขึ้น ไปดูกันค่ะว่าเราอะไรกันบ้าง
 
1. หมูผัดพริกหนุ่ม เสิร์ฟมาจานแรก ทานกับข้าวร้อนๆฟินมากค่ะ
2. ยำ radish อร่อย สดชื่นมาก สมาชิกทุกคนชอบ
3. ยำไก่ฉีกใส่พริกหมาล่า อันนี้ก็อร่อยค่ะ 
4. ผัด celery กับกุ้ง ดูเหมือนจืดชืด แต่อร่อยกว่าภาพที่เห็นนะค่ะ
5. สลัดผัก น้ำสลัดปรุงมาดีทีเดียว

6. ยำแมงกระพรุนกับก้านผักกาดขาว ที่นี่ใช้ส่วนหัวของแมงกะพรุนมายำ เนื้อสัมผัสจะแข็งกว่ากินที่เมืองไทย
7. ขาหมูทอด อร่อยตามภาพ
8. ผัดถั่วปากอ้า (มั้งนะค่ะ) ถั่วเหมือนจะแข็งแต่กัดไปก็ไม่แข็งแฮะ
9. ผัดผักคะน้า แน่นอนหมดเกลี้ยงค่ะ เพราะเป็นผักที่ทุกคนกิน
10. เต้าหู้หม้อร้อน อร่อยๆๆ

11. ซุป 2 สี จืดมาก ของร้านนี้ใส่ปลาเงินด้วย ทานลงไปก็อุ่นๆดีค่ะ
12. หมูสามชั้นตุ๋นเต้าหู้ยี้และเครื่องเทศ ยังคงไม่อร่อยเหมือนเดิม จานนี้กินร้านไหนๆก็ไม่ผ่าน แหะๆ
13. ผัดผัก ง่ายๆ แต่อร่อย หมดเกลี้ยง
14. ปลานึ่ง ร้านนี้ปลาดี อร่อย ก้างน้อย
15. แป้งโรตีใส่ต้นหอมอบ กรอบนอกนุ่มใน อร่อยค่ะ

มื้อนี้ทานไปตั้ง 15 จานแหนะ เหมือนคุณไกด์จัดอาหารมาชดเชยความไม่อร่อยบนภูเขาเลย ทุกคนอิ่มแปล้ค่ะ หลังอาหารกลางวันเราต้องนั่งรถยาวๆประมาณ 3 ชั่วโมงไปเมืองตังหยาง คืนนี้เราจะไปพักกันที่ตังหยางค่ะ ไปต่อใน comment ละกันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่