ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 3) Part 3/3

Day 1: Wuhan => https://ppantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 1/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42419256
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42429563
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42437930
Day 5: Tangyang, Yichang, Enshi => https://ppantip.com/topic/42447690
Day 6: Yunlongdifeng รอยแยกหยุนหลง และ Qīxīng Zhài Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ => https://ppantip.com/topic/42623820

เนื้อเรื่องและรูปในกระทู้นี้ส่วนใหญ่เกี่ยวกับวัดวาอารามและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากจขกท.เขียนผิดหรือทำอะไรที่ดูไม่เหมาะสมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ไว้ก่อนนะค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ใดๆเพียงแค่อยากแชร์ปสก.ที่ได้รับมาค่ะ ขอบคุณค่ะ     (^人^)

หลังจากไหว้พระในวิหารเรียบร้อยแล้วเราเดินต่อไป (๐^^)๐ ก็จะมองเห็นกระถางธูปหัวมังกรในระยะไกลแล้ว เห็นกันไหมคะว่าตรงไหนคือกระถางธูปหัวมังกร แล้วสังเกตไหมคะว่าตัวอาคารไม้ที่เป็นวัดนั้นสร้างออกมาจากหน้าผา หรือจะเรียกเป็นวัดแขวนอยู่บนหน้าผาก็ได้ อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าบูรณะครั้งล่าสุดคือปีค.ศ. 1412 นี่มันก็ 600 กว่าปีมาแล้ว โอ้โห งานเค้าดีแข็งแรงจริงๆค่ะ (*^o^*) แล้วทำไมต้องมาสร้างวัดตรงนี้ด้วยดูสร้างยากมาก คำตอบคือเป็นเรื่องของความเชื่อของฮ่องเต้นะค่ะ ที่ว่าถ้าเจอว่าที่ทางตรงไหนฮวงจุ้ยดี ก็จะมาสร้างวัดเพื่อให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองค่ะ

ตรงจุดนี้จะมีอักษร 4 ตัวอ่านได้ว่าโซ่ว ฝู คัง หนิง (อ่านจากขวาไปซ้าย) 壽福康寧 shou fu kang ning เป็นพร 4 อย่างคืออายุยืนยาว มีวาสนาดี สุขภาพแข็งแรง และชีวิตมีแต่ความสงบสุขค่ะ ƪ(˘⌣˘)ʃ    

 
ฝั่งตรงข้ามอักษรเป็นหน้าผา มองไปเป็นทิวเขาและหมอก หน้าผาตรงจุดนี้มีเรื่องเล่านะค่ะ คุณไกด์เล่าว่าสมัยที่องค์รัชทายาทมาฝึกตนที่เขาบู๊ตึ๊งมีผู้หญิงคนหนึ่งมาตอแยท่าน ท่านก็พูดตัดรอนจนผู้หญิงคนนี้เสียใจและกระโดดหน้าผาตรงนี้ตาย TT_TT พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นท่านรู้สึกผิดว่าคำพูดของท่านทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตาย ท่านเลยคิดว่าต้องตายแทนหญิงผู้นี้ก็เลยกระโดดหน้าผาลงไปด้วย (0_0) แต่แท้จริงแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นอาจารย์ของท่านแปลงกายมาทดสอบท่านว่าท่านมีจิตใจสำเร็จในทางธรรมหรือยัง สรุปว่าจริงๆท่านฝึกสำเร็จแล้ว ƪ(˘⌣˘)ʃ  ดังนั้นตอนท่านกระโดดลงไปก็มีมังกร 5 ตัวมาอุ้มท่านขึ้นเมฆแล้วขึ้นไปบนสวรรค์ ซึ่งก็คือขึ้นไปที่ยอดเขาจินติ่ง (วิหารทองคำ) ที่พรุ่งนี้ชาวคณะจะไปชมกันค่ะ

ข้างหน้าเป็นกระถางธูปหัวมังกรแล้ว ชาวคณะเห็นก็เลยขอไปถ่ายรูปประหนึ่งว่าถือกระถางธูปหน่อย (*^ω^*)

กระถางธูปหัวมังกรนี้กว้างเพียง 30 เซนติเมตร พอแค่เท้าสองเท้าวาง และยาวยื่นออกมา 2.9 เมตรหันหน้าไปทางจินติ่ง ที่ทำแบบนี้เพื่อให้ผู้ปักธูปรู้สึกเหมือนได้แสดงความเคารพต่อตั่วเหล่าเอี๊ยที่ประทับอยู่ที่จินติ่งแบบใกล้ที่สุด (о´∀`о) ในสมัยก่อนจะมีคนมาปักธูปแล้วตกลงไปตายเรื่อยๆ เมื่อมาถึงปลายราชวงศ์ชิงทางรัฐบาลจึงสั่งปิดไม่ให้เข้าไปปักธูปค่ะ จากรูปด้านบน ช่องขวาบนคือภาพที่แสดงไว้ให้เห็นว่าแต่ก่อนออกไปไหว้และปักธูปกันแบบไหนค่ะ

รูปนี้เอาโทรศัพท์ยื่นออกไปนอกซี่ประตูไม้ที่ทำกั้นไว้แล้วถ่ายรูปมาค่ะ จะเห็นว่าที่พื้นมีเหรียญตกอยู่ อันนี้คือเหรียญที่นักท่องเที่ยวพยายามจะโยนให้เข้ากระถางธูปค่ะ คณะเราก็มีคนลอง แต่ได้แค่เฉียดแต่ไม่เข้ากระถางธูปค่ะ แหะๆ (^_^*)

ระหว่างเดินผ่านกระถางธูปหัวมังกรทางซ้ายมือจะเห็นโครงสร้างที่แบ่งเป็นห้องๆ ข้างในประดิษฐานรูปแกะสลักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำจากไม้ มีตั่วเหล่าเอี๊ยและพ่อแม่ของท่าน เป็นต้น

ส่วนทางขวามือจะเป็นภาพทิวเขาสวยงาม (๑>◡<๑) คุณไกด์บอกว่าด้านล่างจริงๆมีป้ายเขียนว่า บ่วงซัวเฉี่ยวไป่ (ภาษาแต้จิ๋ว) ซึ่งแปลว่า ภูเขากว่า 10,000 ลูกล้วนน้อมไหว้ตั่วเหล่าเอี๊ย ยอดเขาที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดมีด้วยกัน 72 ยอด ซึ่งยอดเขาส่วนมากจะหันไปทางยอดเขาจินติ่ง (ยอดเขาวิหารทองคำ) สื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตั่วเหล่าเอี๊ยว่าทำให้น้ำ ดิน เขา ทั้งหมดต้องกราบไหว้ท่าน ƪ(˘⌣˘)ʃ

(๐^^)๐ จากนั้นเราเดินต่อไปจนสุดระเบียงแล้วเงยหน้าออกไป มองขึ้นไปทางหน้าผาด้านบนเราจะเจอกับดาบไม้เล่มหนึ่งและแผ่นกลมๆหลายแผ่น คุณไกด์อธิบายว่าดาบเล่มนี้มีชื่อว่า เจิ้นซันเถามู่เจี้ยน (镇山桃木剑 Zhèn shān táomù jiàn) ภาษาแต้จิ๋วคือติ๊งซัวถ่อบั่กเกี่ยม ดาบทำมาจากไม้ของต้นท้อ ซึ่งคนจีนมีความเชื่อว่าไม้จากต้นท้อสามารถขจัดภัยและสิ่งชั่วร้ายได้ เหมือนเป็นยันต์ป้องกันภัยแบบหนึ่ง ส่วนแผ่นกลมๆหลายแผ่นตามตำนานเชื่อว่าเป็นเบี้ยหมากรุกจีนของท่านเซียนลฺหวี่ ต้งปิน (1 ใน 8 เซียนที่ได้ไปกราบสักการะที่วิหารเมฆม่วงในช่วงเช้า) เรื่องมีอยู่ว่าระหว่างที่ท่านเล่นหมากรุกอยู่กับเพื่อนเกิดแผ่นดินไหว ดาบของท่านและเบี้ยหมากรุกจึงตกลงมาอยู่ที่หน้าผานี้ค่ะ หรืออีกเรื่องเล่าคือของทั้งสองอย่างเป็นของปรมาจารย์จางซันเฟิง ท่านฝึกวิชามาแกร่งกล้าจึงสามารถปีนผาเอาของสองอย่างนี้มาวางไว้เพื่อทำฮวงจุ้ยขจัดสิ่งชั่วร้ายไม่ให้สามารถเข้ามาในทิวเขาบู๊ตึ๊งได้ ไม่รู้ว่าเรื่องเล่าไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือของทั้งสองอย่างนี้อยู่ในที่แห่งนี้ที่เดิมมา 700 ปีแล้วผ่านลม ฝน หิมะ ฟ้าผ่ามาทุกอย่าง แต่ก็ยังอยู่แบบนี้ ตัวดาบอาจดูผุบ้างแต่ก็ยังคงรูปเป็นดาบอยู่ ก็นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์นะค่ะเนี่ย ( ◠‿◠ )

(๐^^)๐ เสร็จจากจุดนี้เราเดินไปดูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แกะสลักด้วยไม้ในห้องต่างๆอีกเล็กน้อย แล้วก็เดินกลับไปที่จุดขึ้นรถอุทยานโดยต้องเดินย้อนทางเดิมออกไปค่ะ 

ลงมาจากหนานเหยียนกงเพื่อมา check in ที่โรงแรมบนเขาก็เป็นบ่ายแก่ๆแล้ว อากาศเย็นลงตอนพูดมีควันออกปากแล้วค่ะ หลัง check in เราจะพักกันในห้องสักครู่แล้วค่อยทานข้าวเย็นกัน วันนี้เราพักกันที่โรงแรม QiongTai  Hotel Wudangshan ค่ะ ห้องหับก็สะอาดดีแต่บางห้องก็มีกลิ่นบุหรี่ และบางห้องมุ้งลวดมีรูทำให้มีแมลงเข้ามาค่ะ แต่คุณไกด์เรียกพนักงานของโรงแรมมาแก้ไขให้ค่ะ แบบเฉพาะหน้าเช่นฉีดสเปรย์ดับกลิ่น แล้วก็เอาเทปกาวมาแปะมุ้งลวดพร้อมช่วยไล่แมลงออกไป 

ประมาณห้าโมงครึ่งเรานัดเจอกันที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นร้านของโรงแรมแต่อยู่คนละตึกกับห้องพัก ต้องเดินข้ามมาอีกฝั่ง ข้างนอกเริ่มมืดแล้วและหนาวมาก แพร่บเดียวอาหารก็มาเสริฟ เหมือนเราจะมาเป็นโต๊ะแรก ร้านยังโล่งอยู่ ต้องกินไปสักพักถึงมีลูกค้าคนอื่นๆเข้ามา อาหารบนภูเขาเน้นรสเค็มมากค่ะ เค็มมาก จนต้องให้คุณไกด์บอกเค้าให้ลดเค็มเยอะๆ มาดูกันค่ะว่าทานอะไรกันไปบ้าง

1.      น้ำแกงผักกาดขาวเต้าหู้หมูสับ
2.      หน่อไม้ผัดแฮมยูนนานและกุยช่าย
3.      ผัดบรอกโคลี
4.      ผัดมันฝรั่ง
5.      ผัดถั่วแขก
 
6.      ปลานึ่งซีอิ๊ว
7.      เต้าหู้ทอด (ด้านบนโรยผงปรุงรสอะไรไม่รู้เค็มมาก แต่ตอนนั้นหิวมันเค็มๆทานกับข้าวก็รู้สึกอร่อยดีค่ะ)
8.      ซี่โครงหมูทอด จานนี้ทานหมดกันด้วย
9.      ผัดเห็ด
10.  ซุปสองสี ทำจากไข่ขาวและผักค่ะ

หลังอาหารเย็นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่เนื่องจากจขกท.รู้สึกอิ่มมาก =(^.^)= สามีเลยชวนออกมาเดินย่อยค่ะ อากาศก็หนาวแต่ก็เดินค่ะ เดินๆไปก็หนาวน้อยละ ร้านค้ายังเปิดอยู่บ้าง มีทั้งขายขนมและของฝาก แล้วก็ร้านอาหารด้วย ระหว่างเดินเจอไฟที่ติดไว้ตรงริมขอบถนนน่ารักดีค่ะ ท่ารำไท่เก๊ก

แล้วตามต้นไม้ก็จะเปิดไฟสาดใส่สวยงามไปอีกแบบ

จบการเที่ยววันที่ 3 ค่ะ เป็นวันที่เดินเยอะมากๆของสูงวัยรุ่น 67-75 ปี พรุ่งนี้หลังอาหารเช้าเราจะขึ้นกระเช้าไปเที่ยววิหารทองคำกันค่ะ สนุกไม่แพ้วันนี้เลยทีเดียว ฝากติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะค่ะ คาดว่าคงหลังปีใหม่เลย จขกท.ขอใช้พื้นที่เล็กๆตรงนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงจบวันที่ 3 ค่ะ (^人^) และขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า มีความสุขกายสุขใจตลอดทั้งปี 2567 ที่จะมาถึงและตลอดไปค่ะ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมปรารถนานะค่ะ   \(*^o^*)/

ฝาก IG: janjourneyjournal ด้วยค่ะ
อ่าน Day 4 ต่อได้ที่ => https://ppantip.com/topic/42437930
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่