Day 1: Wuhan =>
https://ppantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 1/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area =>
https://ppantip.com/topic/42419256
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area =>
https://ppantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42431317
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan =>
https://ppantip.com/topic/42437930
Day 6: Yunlongdifeng รอยแยกหยุนหลง และ Qīxīng Zhài Scenic Area =>
https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ =>
https://ppantip.com/topic/42623820
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 (Day 5) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
วันที่ 5 ของการเดินทางแล้ว (๐^^)๐ วันนี้ตื่นเช้ามากนัดทานข้าวเช้ากันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะวันนี้บ่ายจะต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่เมืองเอินซือ (恩施 Enshi) โปรแกรมวันนี้เลยต้องเริ่มแต่เช้าตรู่ อาหารเช้าที่โรงแรมเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีผัดผักแบบต่างๆ พืชตระกูลหัวนึ่ง ซาลาเปา ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ และผลไม้เป็นต้น ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาค่ะ มี 1 รูปที่ตักมาทานเอง
เสร็จจากอาหารเช้าวันนี้สถานที่แรกที่จะไปคือสุสานท่านกวนอู หรือกวนหลิน (關陵Guanlin) (^。^) คำว่ากวนก็มาจากชื่อท่านกวนอู หลินคือหลินมู่ที่แปลว่าสุสาน ส่วนตัวจขกท.ไม่ค่อยสันทัดเรื่องสามก๊กจึงฟังตามคุณไกด์เล่าคร่าวๆ หากฟังมาผิดหรืออย่างไรบอกให้แก้ไขได้นะค่ะ (^_^*) ท่านกวนอูโดนซุนกวนปลิดชีพ เมื่อตายแล้วโดนตัดศีรษะเพื่อนำส่งไปให้โจโฉที่เมืองลั่วหยาง ดังนั้นร่างกายของท่านจึงถูกแบ่งเป็นสองส่วนและฝังไว้คนละที่ โดยส่วนศีรษะฝังไว้ที่ลั่วหยาง และร่างของท่านนั้นฝังไว้ที่ตางหยาง (Dangyang 当阳) ที่ที่เรากำลังจะเข้าไปดูกันค่ะ
รูปหมู่หน้าทางเข้าค่ะ ( ◠‿◠ )
เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเจอกับโถงแรก ฝั่งขวามือมีรูปปั้นม้าเหงื่อโลหิตตั้งอยู่ ม้าเหงื่อโลหิตเป็นม้าประจำกายท่านกวนอู ม้าตัวนี้เป็นม้า赤兔马 (แต้จิ๋วอ่าน เชียะโถ้วแบ้ จีนกลางคือชื่อทู่หม่า Chì tù mǎ) มีลักษณะเด่นคือทั้งตัวมีสีแดง และหัวดูคล้ายกระต่าย (ไม่รู้ว่าเหมือนยังไงนะค่ะ เพราะรูปปั้นดูเป็นม้ามาก อิอิ แต่ในชื่ออักษร 兔 แปลว่ากระต่ายอะค่ะ) สามารถวิ่งได้วันละพันลี้ ม้าตัวนี้โจโฉมอบให้ท่านกวนอู เพื่อซื้อใจอยากให้ท่านกวนอูเปลี่ยนใจจากเล่าปี่มาเป็นพวกตน แต่ก็ไม่สำเร็จหรอกค่ะ แต่ยังไงเสียม้าตัวนี้ก็มาอยู่กับท่านกวนอูแล้ว ตอนที่ท่านมาออกรบที่ตางหยางจนเสียชีวิตลง ม้าตัวนี้ก็ไม่ยอมกินอะไร น้ำก็ไม่แตะ จนในที่สุดก็ตายตามท่านกวนอูไป เป็นม้าที่ผูกพันกับท่านมากๆ ฝั่งซ้ายมือมีรูปปั้นม้าอีกตัวชื่อแปะแบ้ เป็นม้าของกวนผิง
ม้าเหงื่อโลหิตค่ะ รูปปั้นข้างม้าคือคนเลี้ยงม้านะค่ะไม่ใช่ท่านกวนอู
จากโถงนี้เราเดินต่อไปจะเจอโถงที่ 2 ซึ่งมีรูปปั้นท่านกวนอูอยู่ค่ะ เราก็เข้าไปกราบไหว้ (^人^)ทางซ้ายมือมีตัวอักษร 4 ตัวเขียนไว้ว่า 忠義兩全 Zhōngyì liǎng quán จงอี้เหลี่ยงฉวน แปลว่าซื่อตรงและคุณธรรม เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของท่านกวนอูค่ะ
(๐^^)๐ เมื่อเดินออกมาจากโถงที่ 2 จะเจอกับต้นแปะก้วยคู่หนึ่งใบกำลังเป็นสีเหลืองพอดีเชียว ได้ดูใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนิดหนึ่ง ดีใจจัง (^^) เดินตรงไปจะเจอโถงที่ 3 ซึ่งตรงประตูทางเข้ามีป้ายซึ่งมีอักษรจีน 4 ตัว 夏華震威 Xià huá zhèn wēi เซี่ยฮวาเจิ้นเว่ย ป้ายนี้ฮ่องเต้สมัยราชวงศ์ชิงเป็นผู้มอบไว้ให้เพื่อสดุดีท่านกวนอูว่าท่านคุ้มครองคนได้ทั่วประเทศจีน เดินเข้าไปจะเจอรูปปั้นท่านกวนอูพร้อมมือซ้ายและมือขวาของท่านคือโจวฉางและกวนผิงค่ะ
(๐^^)๐ เดินออกมาจากโถงที่ 3 จะเจอต้นกุ้ยฮัว (ต้นหอมหมื่นลี้) จำนวนหนึ่งส่งกลิ่นหอมมากๆ (๑>◡<๑) ทางขวามือมีหินก้อนหนึ่งลักษณะเหมือนเต่า มีความเชื่อว่าเป็นเหมือนเต่ามาสักการะท่านกวนอูเลยมีการล้อมรั้วเต่าตัวนี้ไว้ให้ดูค่ะ เข้ามาในโถงที่ 4 ก็จะเจอกับรูปปั้นท่านกวนอูปางบุ๋น (เหมือนในมือท่านจะถือหนังสือไว้ ถ้าจำไม่ผิดพอดีถ่ายรูปมาไม่ค่อยชัด)
(๐^^)๐ เมื่อเดินออกมาจากโถงที่ 4 เราก็จะเจอกับหลุมฝังศพของท่านกวนอูค่ะ น้อมไหว้สักการะกันแล้วก็พากันเดินวน 1 รอบซึ่งด้านหลังหลุมศพท่านมีต้นไม้ปลูกไว้ คุณไกด์เล่าว่าต้นไม้ที่มีอายุเกินกว่า 58 ปีที่ปลูกไว้บริเวณนี้ตามยอดจะไม่แตกใบแล้ว แล้วไปตรงกับที่ท่านกวนอูเสียชีวิตตอนอายุ 58 ปีพอดีค่ะ เหมือนกับพอครบ 58 ปีต้นไม่จะไม่โตต่อประมาณนี้ (คหสต.คิดว่าอันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ เพราะตอนที่ไปดูก็สังเกตไม่ออกว่าต้นไหนไม่ค่อยมีใบด้านบนบ้าง)
เสร็จจากการชมสุสานท่านกวนอูเราจะนั่งรถยาวจากตางหยางไปอี๋ชาง (Yichang 宜昌) เพื่อไปเที่ยวเขื่อนซันเสียต้าป้า 三峡大坝 เป็นเขื่อนที่กั้นแม่น้ำแยงซีเกียง สร้างโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเขื่อนชาวจีนถึง 412 คน ใช้แรงงานในการสร้างทั้งหมดประมาณ 40,000 คน ตอนสร้างต้องอพยพชาวบ้านในพื้นที่ออกเป็นล้านคน ซึ่งทางรัฐบาลมีการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้านพร้อมสร้างที่อยู่ใหม่ให้ค่ะ ประตูเขื่อนมี 5 ชั้นซึ่งจะเปิดให้เรือขนาดต่างกันผ่านไปได้ เรือขนาดใหญ่ถึง 6,000 ตันก็ยังผ่านไปได้ค่ะ โดยเรือแต่ละขนาดก็ใช้เวลาในการผ่านประตูต่างกัน ยิ่งขนาดใหญ่ก็ต้องรอนานขึ้น เพราะการจะเปิดปิดประตูต้องใช้การผันน้ำซึ่งกินเวลาต่างกัน แต่เหมือนถ้าเป็นเรือขนาดเล็กมากๆ เค้าจะมีลิฟท์สำหรับเรือนะค่ะ อันนี้จขกท.ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร อิอิ เล่าตามที่จำได้จากการฟังคุณไกด์ค่ะ
พอมาถึงเขื่อนจะต้องเปลี่ยนไปนั่งรถของอุทยานก่อน แล้วเราก็ขึ้นไปชมวิวโดยการขึ้นบันไดเลื่อนที่สูงมากๆค่ะ จากรูปด้านล่างคือต้องขึ้นบันไดเลื่อนแบบนี้ 3 ครั้งค่ะ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนจะเจอกับหินก้อนหนึ่งที่โชว์อยู่เป็นหินแกรนิตสีดำเข้มรูปทรงสามเหลี่ยม คุณไกด์อธิบายว่าหินขนาดใหญ่นี้ตัดมาเพื่อใช้สร้างฝายกั้นน้ำเพื่อให้น้ำไม่เข้ามาตอนสร้างเขื่อนค่ะ ต้องมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมเพื่อใช้ปักลงไปในดินก้นแม่น้ำที่ลึกมาก เดินไปอีกนิดจะเจอจุดชมวิวจุดสูงสุดที่สร้างขึ้นมาลักษณะเป็นไหใส่น้ำ (ในรูปด้านล่างเห็นไม่ชัดเนื่องจากต้นไม้บัง) จุดนี้สูงสุดจากพื้นดินที่ 196 เมตร
เมื่อขึ้นไปบนไห เราจะเห็นวิวนี้ค่ะ เขื่อนที่มีประตูกั้นน้ำ 5 ชั้น (*^o^*)
จากนั้นเราก็เดินกันไประยะหนึ่งเลยค่ะ เพื่อไปขึ้นรถแบตเตอรี่เพื่อไปชมประตูเขื่อนแบบใกล้ๆ
ประตูเขื่อนกว้าง 2 กิโลกว่าๆ และสูง 185 เมตร คุณไกด์อธิบายเพื่อมว่าเขื่อนนี้สร้างมาเพื่อใช้งาน 500 ปีสามารถรับแรงกระแทกจากแผ่นดินไหวได้ และรัฐบาลใช้เวลาถึง 25 ปีในการหา location เพื่อสร้างเขื่อนนี้ขึ้นมา ในกรณีที่เขื่อนนี้แตก เมืองจีนจะเกิดน้ำท่วมทั่วประเทศเลยค่ะ ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเขื่อนนี้ยิ่งใหญ่มากๆเลยค่ะ \(^O^)/
เสร็จจากการชมเขื่อนได้เวลาข้าวเที่ยงแล้ว อาหารมื้อนี้เหมือนไม่ค่อยถูกปากสมาชิกเพราะเน้นรสเค็มนำ ส่วนใหญ่สูงวัยนิยมอาหารรสไม่จัดค่ะ หุหุ ลืมถ่ายรูปร้านไว้ด้วย
1. เป็ดปักกิ่ง ของที่เมืองจีนเป็ดปักกิ่งจะทานทั้งหนังทั้งเนื้อค่ะ
2. ฮ่วยซัวผัดถั่วหวานเห็ดหูหนูดำและแครอท
3. ดอกกะหล่ำผัดแฮมยูนนาน
4. เต้าหูผัด
5. ซุปรากบัวกระดูกหมู ทุกคนชอบรากบัวที่จีน เนื้อสัมผัสจะเป็นแป้งๆมากกว่าเป็นใยๆแบบที่กินที่ไทย
6. ปลาตาเดียวนึ่งซีอิ๊ว จานนี้ทุกคนชอบมากบอกอร่อยและปลาสด
7. กุ้งพริกเกลือ
8. หมูสามชั้นตุ๋น
9. ผัดผักคะน้า
เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ออกเดินทางไปสถานีรถไฟกันค่ะ เราจะนั่งรถไฟความเร็วสูงไปเมืองเอินซือ (๐^^)๐ ถ้าจำไม่ผิดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ที่สถานีรถไฟคนบางตาเมื่อเทียบกับสถานีอื่นๆที่จขกท.เคยไปมา อาจเป็นเพราะเมืองอี๋ชางไม่ใช่เมืองหลักที่นักท่องเที่ยวจะมากัน ตอนรอเข้าชานชาลาแทบไม่ต้องต่อแถว สบายสูงวัยเลยไม่ต้องยืนนาน โบกี้ที่คณะนั่งโล่งมากๆค่ะ เหมือนมีแค่พวกเราเลย วิวระหว่างทางผ่านเมืองบ้างผ่านเขาบ้าง แต่ที่เห็นเนืองๆคือหมอกค่ะ บรรยากาศดีมากๆ ( ◠‿◠ )
เมืองเอินซือนับเป็นเมืองที่จขกท.รอคอยเพื่อจะไปเยือน =(^.^)= request คุณไกด์ว่าถ้าไปมณฑลหูเป่ยต้องขอให้มีเมืองเอินซือในโปรแกรม เพราะเป็นเมืองที่ธรรมชาติสวยโดดเด่น มีที่เที่ยวทางธรรมชาติระดับ 5A หลายที่เลยค่ะ (^o^) แต่อันนี้อย่างหนึ่งเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของจขกท. T__T เพราะหลายแห่งสูงวัยเดินไม่ไหวค่ะ แต่ถ้าถามว่าสถานที่สวยไหม คำตอบคือสวยคุ้มค่าที่จะไปถ้าเดินไหว
เมื่อถึงเมืองเอินซือ ฟ้ามืดหมดแล้วและฝนปรอยเล็กน้อยเป็นละอองๆ อากาศหนาวต้องรีบวิ่งขึ้นรถ ค่ำแล้วเราตรงไปยังร้านอาหารอีกครั้ง ค่ำนี้คุณไกด์บอกว่าร้านที่จะไปเป็นร้านเล็กๆ เหมือนเชฟเอาบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร เราลงรถแล้วต้องเดินกันเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล คนจากร้านต้องมารับที่ประตูทางเข้า เราเดินผ่านพื้นที่ส่วนกลาง เห็นคนเล่นบาสกันอยู่ แล้วก็มาถึงร้านค่ะ
ด้านล่างทำเป็นร้านน้ำชา ด้านบนเป็นร้านอาหาร มีเพียง 3 โต๊ะ แต่ละโต๊ะจะทานกันในห้องส่วนตัว บนโต๊ะมีส้มจิ๋วและของทานเล่นวางไว้ให้กินเรียกน้ำย่อย ซึ่งประกอบไปด้วยไช้เท้าดอง เต้าหู้แผ่นปรุงรส และสาหร่ายปรุงรสค่ะ อย่างแรกที่มาเสิร์ฟคือรังนกต้มแบบหวานใส่อั่งจ้อมาแบบอุ่นๆ ซึ่งผู้ใหญ่ให้ความเห็นว่าเป็นรังนกปลอม จขกท.ไม่ทราบหรอกค่ะว่าปลอมหรือจริงทานได้หมด o(^-^)o อร่อยดีค่ะ อิอิ จากนั้นอาหารอื่นๆที่เสิร์ฟก็ตามนี้เลยค่ะ
1. หมูผัดพริกหนุ่ม
2. ผัดสาหร่ายชนิดหนึ่ง ที่เห็นเป็นสีดำๆขดๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นหนอนหรืออะไร จริงๆคือสาหร่ายอย่างหนึ่ง อันนี้ไม่เคยทาน เนื้อสัมผัสมันแปลกๆอะค่ะ ไม่ติดใจ
3. กุ้งลวก
4. ผัดผักกาดฮ่องเต้ในน้ำนม อันนี้แปลกใหม่เพิ่งเคยลองครั้งแรก อร่อยดีค่ะ
5. ซุปไก่ใส่ตังกุย เสิร์ฟบนเตารอเดือด ซดร้อนๆเพิ่มความอุ่นได้ดีจริง
ไปต่อกันใน comment นะค่ะ
ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 5)
Day 2 (Part 1/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42419256
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42431317
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://ppantip.com/topic/42437930
Day 6: Yunlongdifeng รอยแยกหยุนหลง และ Qīxīng Zhài Scenic Area => https://ppantip.com/topic/42622113
Day 7: Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area และ Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area เมืองเอินซือ => https://ppantip.com/topic/42623820
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 (Day 5) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
วันที่ 5 ของการเดินทางแล้ว (๐^^)๐ วันนี้ตื่นเช้ามากนัดทานข้าวเช้ากันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะวันนี้บ่ายจะต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงไปที่เมืองเอินซือ (恩施 Enshi) โปรแกรมวันนี้เลยต้องเริ่มแต่เช้าตรู่ อาหารเช้าที่โรงแรมเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีผัดผักแบบต่างๆ พืชตระกูลหัวนึ่ง ซาลาเปา ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ และผลไม้เป็นต้น ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาค่ะ มี 1 รูปที่ตักมาทานเอง
เสร็จจากอาหารเช้าวันนี้สถานที่แรกที่จะไปคือสุสานท่านกวนอู หรือกวนหลิน (關陵Guanlin) (^。^) คำว่ากวนก็มาจากชื่อท่านกวนอู หลินคือหลินมู่ที่แปลว่าสุสาน ส่วนตัวจขกท.ไม่ค่อยสันทัดเรื่องสามก๊กจึงฟังตามคุณไกด์เล่าคร่าวๆ หากฟังมาผิดหรืออย่างไรบอกให้แก้ไขได้นะค่ะ (^_^*) ท่านกวนอูโดนซุนกวนปลิดชีพ เมื่อตายแล้วโดนตัดศีรษะเพื่อนำส่งไปให้โจโฉที่เมืองลั่วหยาง ดังนั้นร่างกายของท่านจึงถูกแบ่งเป็นสองส่วนและฝังไว้คนละที่ โดยส่วนศีรษะฝังไว้ที่ลั่วหยาง และร่างของท่านนั้นฝังไว้ที่ตางหยาง (Dangyang 当阳) ที่ที่เรากำลังจะเข้าไปดูกันค่ะ
(๐^^)๐ เมื่อเดินออกมาจากโถงที่ 2 จะเจอกับต้นแปะก้วยคู่หนึ่งใบกำลังเป็นสีเหลืองพอดีเชียว ได้ดูใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนิดหนึ่ง ดีใจจัง (^^) เดินตรงไปจะเจอโถงที่ 3 ซึ่งตรงประตูทางเข้ามีป้ายซึ่งมีอักษรจีน 4 ตัว 夏華震威 Xià huá zhèn wēi เซี่ยฮวาเจิ้นเว่ย ป้ายนี้ฮ่องเต้สมัยราชวงศ์ชิงเป็นผู้มอบไว้ให้เพื่อสดุดีท่านกวนอูว่าท่านคุ้มครองคนได้ทั่วประเทศจีน เดินเข้าไปจะเจอรูปปั้นท่านกวนอูพร้อมมือซ้ายและมือขวาของท่านคือโจวฉางและกวนผิงค่ะ
(๐^^)๐ เดินออกมาจากโถงที่ 3 จะเจอต้นกุ้ยฮัว (ต้นหอมหมื่นลี้) จำนวนหนึ่งส่งกลิ่นหอมมากๆ (๑>◡<๑) ทางขวามือมีหินก้อนหนึ่งลักษณะเหมือนเต่า มีความเชื่อว่าเป็นเหมือนเต่ามาสักการะท่านกวนอูเลยมีการล้อมรั้วเต่าตัวนี้ไว้ให้ดูค่ะ เข้ามาในโถงที่ 4 ก็จะเจอกับรูปปั้นท่านกวนอูปางบุ๋น (เหมือนในมือท่านจะถือหนังสือไว้ ถ้าจำไม่ผิดพอดีถ่ายรูปมาไม่ค่อยชัด)
(๐^^)๐ เมื่อเดินออกมาจากโถงที่ 4 เราก็จะเจอกับหลุมฝังศพของท่านกวนอูค่ะ น้อมไหว้สักการะกันแล้วก็พากันเดินวน 1 รอบซึ่งด้านหลังหลุมศพท่านมีต้นไม้ปลูกไว้ คุณไกด์เล่าว่าต้นไม้ที่มีอายุเกินกว่า 58 ปีที่ปลูกไว้บริเวณนี้ตามยอดจะไม่แตกใบแล้ว แล้วไปตรงกับที่ท่านกวนอูเสียชีวิตตอนอายุ 58 ปีพอดีค่ะ เหมือนกับพอครบ 58 ปีต้นไม่จะไม่โตต่อประมาณนี้ (คหสต.คิดว่าอันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ เพราะตอนที่ไปดูก็สังเกตไม่ออกว่าต้นไหนไม่ค่อยมีใบด้านบนบ้าง)
เสร็จจากการชมสุสานท่านกวนอูเราจะนั่งรถยาวจากตางหยางไปอี๋ชาง (Yichang 宜昌) เพื่อไปเที่ยวเขื่อนซันเสียต้าป้า 三峡大坝 เป็นเขื่อนที่กั้นแม่น้ำแยงซีเกียง สร้างโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเขื่อนชาวจีนถึง 412 คน ใช้แรงงานในการสร้างทั้งหมดประมาณ 40,000 คน ตอนสร้างต้องอพยพชาวบ้านในพื้นที่ออกเป็นล้านคน ซึ่งทางรัฐบาลมีการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้านพร้อมสร้างที่อยู่ใหม่ให้ค่ะ ประตูเขื่อนมี 5 ชั้นซึ่งจะเปิดให้เรือขนาดต่างกันผ่านไปได้ เรือขนาดใหญ่ถึง 6,000 ตันก็ยังผ่านไปได้ค่ะ โดยเรือแต่ละขนาดก็ใช้เวลาในการผ่านประตูต่างกัน ยิ่งขนาดใหญ่ก็ต้องรอนานขึ้น เพราะการจะเปิดปิดประตูต้องใช้การผันน้ำซึ่งกินเวลาต่างกัน แต่เหมือนถ้าเป็นเรือขนาดเล็กมากๆ เค้าจะมีลิฟท์สำหรับเรือนะค่ะ อันนี้จขกท.ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร อิอิ เล่าตามที่จำได้จากการฟังคุณไกด์ค่ะ
พอมาถึงเขื่อนจะต้องเปลี่ยนไปนั่งรถของอุทยานก่อน แล้วเราก็ขึ้นไปชมวิวโดยการขึ้นบันไดเลื่อนที่สูงมากๆค่ะ จากรูปด้านล่างคือต้องขึ้นบันไดเลื่อนแบบนี้ 3 ครั้งค่ะ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนจะเจอกับหินก้อนหนึ่งที่โชว์อยู่เป็นหินแกรนิตสีดำเข้มรูปทรงสามเหลี่ยม คุณไกด์อธิบายว่าหินขนาดใหญ่นี้ตัดมาเพื่อใช้สร้างฝายกั้นน้ำเพื่อให้น้ำไม่เข้ามาตอนสร้างเขื่อนค่ะ ต้องมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมเพื่อใช้ปักลงไปในดินก้นแม่น้ำที่ลึกมาก เดินไปอีกนิดจะเจอจุดชมวิวจุดสูงสุดที่สร้างขึ้นมาลักษณะเป็นไหใส่น้ำ (ในรูปด้านล่างเห็นไม่ชัดเนื่องจากต้นไม้บัง) จุดนี้สูงสุดจากพื้นดินที่ 196 เมตร
ประตูเขื่อนกว้าง 2 กิโลกว่าๆ และสูง 185 เมตร คุณไกด์อธิบายเพื่อมว่าเขื่อนนี้สร้างมาเพื่อใช้งาน 500 ปีสามารถรับแรงกระแทกจากแผ่นดินไหวได้ และรัฐบาลใช้เวลาถึง 25 ปีในการหา location เพื่อสร้างเขื่อนนี้ขึ้นมา ในกรณีที่เขื่อนนี้แตก เมืองจีนจะเกิดน้ำท่วมทั่วประเทศเลยค่ะ ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเขื่อนนี้ยิ่งใหญ่มากๆเลยค่ะ \(^O^)/
เสร็จจากการชมเขื่อนได้เวลาข้าวเที่ยงแล้ว อาหารมื้อนี้เหมือนไม่ค่อยถูกปากสมาชิกเพราะเน้นรสเค็มนำ ส่วนใหญ่สูงวัยนิยมอาหารรสไม่จัดค่ะ หุหุ ลืมถ่ายรูปร้านไว้ด้วย
1. เป็ดปักกิ่ง ของที่เมืองจีนเป็ดปักกิ่งจะทานทั้งหนังทั้งเนื้อค่ะ
2. ฮ่วยซัวผัดถั่วหวานเห็ดหูหนูดำและแครอท
3. ดอกกะหล่ำผัดแฮมยูนนาน
4. เต้าหูผัด
5. ซุปรากบัวกระดูกหมู ทุกคนชอบรากบัวที่จีน เนื้อสัมผัสจะเป็นแป้งๆมากกว่าเป็นใยๆแบบที่กินที่ไทย
6. ปลาตาเดียวนึ่งซีอิ๊ว จานนี้ทุกคนชอบมากบอกอร่อยและปลาสด
7. กุ้งพริกเกลือ
8. หมูสามชั้นตุ๋น
9. ผัดผักคะน้า
เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ออกเดินทางไปสถานีรถไฟกันค่ะ เราจะนั่งรถไฟความเร็วสูงไปเมืองเอินซือ (๐^^)๐ ถ้าจำไม่ผิดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ที่สถานีรถไฟคนบางตาเมื่อเทียบกับสถานีอื่นๆที่จขกท.เคยไปมา อาจเป็นเพราะเมืองอี๋ชางไม่ใช่เมืองหลักที่นักท่องเที่ยวจะมากัน ตอนรอเข้าชานชาลาแทบไม่ต้องต่อแถว สบายสูงวัยเลยไม่ต้องยืนนาน โบกี้ที่คณะนั่งโล่งมากๆค่ะ เหมือนมีแค่พวกเราเลย วิวระหว่างทางผ่านเมืองบ้างผ่านเขาบ้าง แต่ที่เห็นเนืองๆคือหมอกค่ะ บรรยากาศดีมากๆ ( ◠‿◠ )
เมื่อถึงเมืองเอินซือ ฟ้ามืดหมดแล้วและฝนปรอยเล็กน้อยเป็นละอองๆ อากาศหนาวต้องรีบวิ่งขึ้นรถ ค่ำแล้วเราตรงไปยังร้านอาหารอีกครั้ง ค่ำนี้คุณไกด์บอกว่าร้านที่จะไปเป็นร้านเล็กๆ เหมือนเชฟเอาบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร เราลงรถแล้วต้องเดินกันเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล คนจากร้านต้องมารับที่ประตูทางเข้า เราเดินผ่านพื้นที่ส่วนกลาง เห็นคนเล่นบาสกันอยู่ แล้วก็มาถึงร้านค่ะ
2. ผัดสาหร่ายชนิดหนึ่ง ที่เห็นเป็นสีดำๆขดๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นหนอนหรืออะไร จริงๆคือสาหร่ายอย่างหนึ่ง อันนี้ไม่เคยทาน เนื้อสัมผัสมันแปลกๆอะค่ะ ไม่ติดใจ
3. กุ้งลวก
4. ผัดผักกาดฮ่องเต้ในน้ำนม อันนี้แปลกใหม่เพิ่งเคยลองครั้งแรก อร่อยดีค่ะ
5. ซุปไก่ใส่ตังกุย เสิร์ฟบนเตารอเดือด ซดร้อนๆเพิ่มความอุ่นได้ดีจริง
ไปต่อกันใน comment นะค่ะ