ปลายฟ้ากับปริศนาฆาตกรรม [Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์] - ตอนที่ 20 บทส่งท้ายอันน่าเศร้า (END Case 1)

สวัสดีครับทุกท่าน ในที่สุด Case 1 ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์ ก็ดำเนินเรื่องมาถึงตอนสุดท้ายแล้วครับ เรามาดูกันว่า บทสรุปปิดท้ายของคดีนี้จะเป็นอย่างไร ปลายฟ้าจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อะไร

ลิ้งตอนที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 20 : บทส่งท้ายอันน่าเศร้า

    
    เข็มที่หน้าปัดเรือนไมล์ของมอเตอร์ไซค์ที่นักวิชาการหนุ่มขับขี่อยู่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะทาง นาทีนี้เความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว

    หากปลายฟ้าขับมอเตอร์ไซค์ในลักษณะเช่นนี้ แสดงว่าเขาต้องมีความเร่งรีบอย่างมาก

    เขาต้องการไปยังที่แห่งหนึ่ง เพื่อพบเจอคน ๆ หนึ่ง

    ที่หมายของปลายฟ้าคือ มหาวิทยาลัยที่เขาเคยศึกษามาก่อน

    ปลายฟ้าใช้เวลาเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยไม่นาน หลังจากจอดรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเสร็จแล้ว ก็เดินมายังอาคารแห่งหนึ่งภายในมหาวิทยาลัย

    อาคารคณะวิทยาศาสตร์

    แน่นอนว่าหากปลายฟ้ามาที่นี่คงต้องการมาพบกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคณะวิทยาศาสตร์ ผู้ที่เขาต้องการพบคือ นักศึกษาปริญญาโทสาวผู้ใส่แว่นท่าทางห้าว ๆ ที่เรียนอยู่คณะนี้

    มีน แฟนสาวของเขานั่นเอง

    อย่างที่ทราบดี ปลายฟ้าได้โกหกมีน หนีไปสืบคดีและเที่ยวไปในตัวด้วย มีนรับรู้เรื่องนี้จากการที่เพื่อนของเธอพบเห็นปลายฟ้าอยู่ที่ผับพร้อมกับสาวสวยสิรินทร์ จึงได้โทรศัพท์มาเล่าให้เธอฟัง

    หากเป็นปกติแล้วมีนเองก็พอเข้าใจถึงนิสัยของแฟนหนุ่มของตัวเอง ทว่าปลายฟ้ากลับปลิ้นปล้อนโกหกมีนซ้ำอีก ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก และไม่ยอมรับโทรศัพท์อีกเลย

    ไม่รู้กี่สิบครั้งแล้วที่ปลายฟ้าโทรหา มีนไม่ยอมรับแม้แต่ครั้งเดียว

    ด้วยเหตุนี้ปลายฟ้าตัดสินใจมาหามีนที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง ถึงเขาจะไม่สามารถโทรหามีนได้ แต่นักสืบระดับเขาย่อมมีความสามารถและวิธีที่จะดักเจอมีนได้อยู่แล้ว

    ปลายฟ้าได้โทรหาแอล ให้ทางนั้นช่วยพามีนมาพบเจอกับเขาโดยไม่ต้องบอกเจ้าตัว

    หนุ่มผมตั้งนั่งอยู่ไม่สุขอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าอาคารคณะวิทยาศาสตร์ และไม่นานคนที่เขารอคอยก็มาถึง

    ทันทีที่มีนเห็นปลายฟ้าก็ชะงักไปจังหวะหนึ่ง หันหน้าหาแอลที่เดินอยู่ข้าง ๆ พร้อมพูดขึ้นว่า

    “นี่นายพาฉันมาเจอปลายหรือ?”

    แอลหนุ่มเงียบขรึมไม่ตอบคำ เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

    “ฉันไม่อยากคุยกับเค้า” เธอพูดขึ้นต่อ

    แอลมองมีน แต่ไม่ได้พูดตอบ เพราะตอนนี้ปลายฟ้าได้ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินมาหาเธอพร้อมพูดขึ้นว่า

    “มีน เราขอโทษ มีอะไรคุยกันเถอะนะ”

    เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมากทีเดียว

    สาวห้าวหันมองเขา ยังไม่พูดอะไร เดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่ปลายฟ้าเคยนั่งอยู่แทน

    “มีอะไรก็ว่ามา”

    น้ำเสียงของมีนค่อนข้างแข็ง

    ปลายฟ้ารีบไปนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามเธอทันที เขาจ้องมองหญิงสาว แต่เธอไม่ยอมสบตาด้วย โดยตอนนี้แอลได้เดินออกไปทางอื่นแล้ว เพราะรู้ว่าไม่มีบทของตน ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ สักพักปลายฟ้าก็พูดขึ้นว่า

    “มีน เราขอโทษ เรื่องวันนั้นไม่มีอะไรจริง ๆ”

    สาวห้าวยังไม่หันมองเขา หนุ่มผมตั้งก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า

    “เราขอโทษจริง ๆ ยกโทษให้เราเถอะนะมีน”

    เขาพยายามเอื้อมมือไปโอบมือของมีนที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่มีนสะบัดมือหลบ หันมาพูดด้วยสีหน้าเข้มว่า

    “เราคบกันมากี่ปีแล้ว”

    “สามปี ..จะสี่ปีแล้ว” ปลายฟ้าตอบ

    “อืม” มีนผงกศีรษะเล็ก ๆ เงียบไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “คบมาก็หลายปี นายยังไม่รู้อีกหรือว่าทำไมฉันถึงโกรธนาย”

    “เรื่องที่เราโกหกมีนใช่ไหม?” ปลายฟ้าตอบทันควัน

    มีนพยักหน้ารับ “เออ ก็รู้นี่ ไอ้เรื่องที่นายไปสืบหาข้อมูลน่ะฉันรู้แล้ว โทรถามเจกับเอแล้ว แต่ตอนฉันโทรคุยกับนาย นายดันโกหกฉันอีก ตกลงเห็นฉันเป็นอะไรกัน ไม่ใช่แฟนกันหรือ มีอะไรก็บอกกันตรง ๆ สิ อย่ามาโกหกกันแบบนี้”

    ปลายฟ้านิ่งเงียบ หวนนึกถึงคำพูดของกนกวรรณที่เคยพูดไว้

    ...ผู้หญิงไม่ชอบคนอยู่แบบหนึ่ง
    ...คนโกหก


    แล้วมีนก็พูดต่อว่า “ฉันไม่ชอบหรอกนะไอ้พวกโกหก มีอะไรก็พูดกันมาตรง ๆ เราคบกันมาหลายปีแล้วนะ ยังจะมาโกหกกันอีกเหรอ แล้วต่อไปฉันจะเชื่อถือนายได้อย่างไร”

    ปลายฟ้านิ่งฟังที่มีนว่า สีหน้าของเขาสลดลงตอบรับผลกรรมที่ทำไว้ แล้วพูดตอบด้วยเสียงอ่อย ๆ ว่า “มีน เราขอโทษ ต่อไปเราจะไม่โกหกอีกแล้ว ยกโทษให้เราเถอะ”

    “เหอะ” มีนสะบัดหน้าใส่ “คงไม่ล่ะ นายโกหกซ้ำซ้อนตั้งกี่ครั้ง ต่อไปฉันจะไปเชื่ออะไรนายได้ ตอนนี้นายอาจจะกำลังโกหกฉันอีกก็ได้”

    “ไม่นะมีน เราพูดจริง ต่อไปจะไม่โกหกมีนอีกแล้ว มีอะไรจะบอกทั้งหมด” ปลายฟ้าพยายามอ้อนวอน

    มีนยังนิ่งไม่ไหวติง ปลายฟ้ายังพยายามขอร้องอีกหลายครั้ง แต่ว่ามันไม่เป็นผล ดูท่าครั้งนี้มีนจะโกรธปลายฟ้ามากทีเดียว

    เธอมองหน้าหนุ่มผมตั้งอยู่วูบหนึ่ง พูดสวนกลับไปโดยไม่สนใจสิ่งที่ปลายฟ้าพูดว่า

    “ปลาย หลังจากวันนี้ เราห่าง ๆ กันนะ ต่างคนต่างอยู่”

    “ทำไมล่ะมีน? เราไม่เลิกกันนะ” เขาถามสวนทันที

    “เลิกไม่เลิกไม่รู้ แต่ต่อไปฉันคงต้องห่างกับนายหน่อย อาจไม่ค่อยได้เจอกัน ช่วงนี้งานทีสิสก็เยอะด้วย” มีนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    แต่ปลายฟ้าพยายามพูดอีกว่า “ไม่เอานะมีน เราคบกันเหมือนเดิม เจอกันเหมือนเดิมเถอะนะ”

    มีนส่ายหน้า “ไม่ เอาตามนี้แหละ แค่นี้ก่อนนะปลาย ฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว”

    พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อเดินออกไป

    แต่ปลายฟ้าก็รีบลุกขึ้นแล้วคว้าแขนเธอเอาไว้

    ในจังหวะนี้ ทำให้ทั้งสองหันมาจ้องหน้ากัน

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งคู่สบตากัน ทวนนึกถึงสิ่งที่พูดออกไป สักพักมีนก็สะบัดมือจนหลุด แล้วเดินหนีไป

    ดูเหมือนปลายฟ้าจะเป็นคนยอมปล่อยเธอเองด้วย เพราะหากเขาตั้งใจจะจับมีนไว้ มันก็สามารถทำได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

    หนุ่มผมตั้งทำท่าคล้ายจะออกวิ่งตามเธอ แต่ก็หยุดลง ตัดสินใจไม่ทำ ยืนนิ่งมองสาวห้าวจนเธอเดินลับสายตาไป

    และถึงเธอจะเดินออกไปแล้ว ปลายฟ้ายังยืนเฉยอยู่จุดเดิม คล้ายนิ่งทบทวนอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ผ่านไปสักพักเขาก็ก้าวเดินออกไปจากที่นี่ด้วยสีหน้าหม่นหมองประคองอารมณ์


............................................END Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่