ปลายฟ้ากับปริศนาฆาตกรรม [Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์] - ตอนที่ 3 ศพและของหาย

สวัสดีครับทุกท่าน หลังจากผลเฉลยงานถุงมือนักเขียนออกมาแล้ว คงน่าจะรู้กันแล้วนะครับว่าผมถุงมืออะไร เอาล่ะ มันก็คงได้เวลาลงตอนใหม่ของซีรี่ส์ปลายฟ้าเรื่องยาวกันแล้ว ตอนนี้เริ่มเข้าคดีแล้วครับ ลองอ่านกันนะครับว่าเป็นอย่างไร บอกได้เน้อ

โปรดทราบก่อนอ่าน

******สำหรับคนที่ติดตามอ่านการสืบคดีของปลายฟ้าในระบบเรื่องสั้น [ปลายฟ้ากับคดีปริศนา] ที่ผมลงให้อ่านกันในถนนนักเขียนอยู่ตอนนี้  ต้องแจ้งก่อนว่าตัวเรื่องนี้เป็นเรื่องราวก่อนคดีที่ 1 ฆาตกรรมกลางทะเล ของชุดนั้นเลยแหละครับ  (และต่อจากชุด "ปลาย นักสืบจำเป็น" ที่เคยตีพิมพ์เมื่อนานมาแล้ว) โดยตัวเรื่องนี้มีลักษณะเป็นแบบนิยายเรื่องยาวหลายตอนจบอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเขียนเรื่องยาวๆเท่าไร ลองอ่านกันดูครับ ส่วนใครที่เคยอ่านแล้วก็ลองอ่านอีกรอบก็ได้นะครับ*******


ลิ้งตอนที่ผ่านมาครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 3 : ศพและของหาย


    “ครับ”

    ปลายฟ้าพยักหน้ารับ การกระทำเช่นนี้ของเขาไม่ได้ทำให้แก่ผู้ใดที่อยู่ที่นี่ เขาเดินมาเพียงคนเดียวและไม่มีใครอยู่ตรงหน้า แต่ที่ทำเช่นนี้เป็นเพราะความเคยชินในเวลาที่ทำบางอย่าง

    นั่นคือ การคุยโทรศัพท์

    และจะเป็นเฉพาะเมื่อปลายสายเป็น มีน สาวห้าวแฟนของตัวเองที่รักและคิดถึงเสมอ (จริงหรือ?)

    นักวิชาการหนุ่มเดินคุยโทรศัพท์กับมีนไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางมีทำท่ากุ๊กกิ๊กน่าหมั่นไส้ให้เห็นเป็นระยะ อาจมีบางคนที่รู้สึกขัดลูกตา แต่ก็ไม่มีผู้ใดว่ากล่าวอะไร

    เขาเดินมาถึงอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ หยุดนั่งลงที่เก้าอี้พักหน้าอาคาร

    “...แค่นี้ก่อนนะมีน” ปลายฟ้าบอกกับปลายสาย “...คิดถึงเสมอนะ”

    สักพักเขาก็วางสายลง นั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    แต่เหตุที่วางสาย ไม่ใช่ว่ายุ่งอยู่หรือต้องทำงาน เพราะถ้าเป็นเรื่องพวกนี้ เขาย่อมไม่ยิ้มขึ้นมาแน่ สิ่งที่ทำให้หนุ่มผมตั้งยอมวางสายและคลี่ยิ้มขึ้นมานั้นเป็นเพราะคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินตรงมา

    สิรินทร์!

    ด้วยเหตุนี้จึงต้องวางสายจากมีนและฉีกยิ้มขึ้นมานั่นเอง

    แต่ปลายฟ้านี่ก็เหลือเกิน พอเห็นสาวสวยเดินมาหน่อยกลับรีบวางสายโทรศัพท์แฟนตัวเองที่คุยอยู่ทันที ทำเหมือนกับว่าแฟนสำคัญน้อยกว่าเสียได้
แบบนี้อยากให้สาวห้าวมีนมาเห็นด้วยตาตัวเองจริง ๆ รับรองเห็นปุ๊บ ปลายฟ้าไม่มีโอกาสได้ทำอีกแน่

    สิรินทร์เดินจากที่จอดรถมายังอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เหตุที่เธอมาในวันนี้ไม่ใช่ว่าติดใจอะไรกับปลายฟ้าหรอก หากเป็นเพราะต้องมาตรวจดูพื้นที่ที่จะจัดสร้างนิทรรศการและต้องถ่ายรูปเก็บไว้ เนื่องจากเมื่อวานเธอไม่ได้เอากล้องมาด้วย

    จึงกลายเป็นโอกาสอันแสนงามของปลายฟ้าโดยทันที

    แต่ก่อนที่สิรินทร์จะเดินมาถึง ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นก่อน

    “โห...ปลาย นัดสาวมาอีกแล้วนะ”

    ปลายฟ้าได้ยินรีบหันขวับไปทางต้นเสียง

    ที่มาของเสียงนี้มาจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์

    เธอมีชื่อว่า กนกวรรณ หญิงสาวหน้าตาน่ารัก หุ่นดี รุ่นราวคราวเดียวกับปลายฟ้า โดยที่เคาน์เตอร์นี้ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว ยังมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อีกคนหนึ่งคือ วิลาวัลย์ สาวแว่นอายุประมาณสามสิบกว่า ผู้มีความเคร่งครัดต่อกฎระเบียบสูงเกินปกติ

    ปลายฟ้าหันไปยิ้มให้กนกวรรณ พร้อมบอกว่า

    “พอดีเรื่องงานน่ะ”

    “อือ... สวยนี่” กนกวรรณมองไปยังสิรินทร์ “ไปเจอที่ไหนเนี่ย..”

    “เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่มาทำนิทรรศการ”

        คำตอบนี้ปลายฟ้าไม่ได้เป็นคนบอก หากเป็นวิลาวัลย์ที่พูดขึ้นมาแทน

        “จริงหรือพี่วิ” กนกวรรณหันไปถามเพื่อนร่วมงาน

    “ตามที่พี่วิลาวัลย์บอกแหละ” คราวนี้ปลายฟ้าบอกแทนบ้าง “เมื่อวานไม่เห็นเธอเหรอปุ้ย.. ฉันก็พามาที่ตึกนี้นะ”

    “เหรอ..” กนกวรรณหรือปุ้ยทำท่าคล้ายกำลังทวนความคิด เธอค่อนข้างสนิทกับปลายฟ้าดี จึงเรียกชื่อเล่นกันได้ “เมื่อวานมาตอนไหนน่ะ ...ไม่เห็นเจอ”

    “เอ่อ..” ปลายฟ้ากำลังจะตอบ

    แต่ว่าวิลาวัลย์กลับพูดขึ้นมาก่อน “ตอนเที่ยงน่ะปุ้ย ตอนเธอไปทานข้าวนั่นแหละ”

    “อ้อ.. ค่ะ ตอนนั้นเอง เค้าชื่ออะไรเหรอ?”

    “ริน” หนุ่มผมตั้งตอบ

    “รินเหรอ... ชื่อจริงหรือชื่อเล่นล่ะ?” หญิงสาวยังถามต่อ

    “ชื่อเล่น ชื่อจริงชื่อว่า สิรินทร์”

    “แหม.. รู้จักชื่อเล่นชื่อจริงด้วย สนิทกันเร็วจังนะ” เจ้าหน้าประชาสัมพันธ์สาวแซว

    “เอ่อ..” ปลายฟ้านิ่งไปวูบหนึ่ง “พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เลยสนิทเร็วขึ้น”

    “อืม ๆ” กนกวรรณมองหน้าเพื่อนหนุ่ม คลี่ยิ้มอย่างกวน ๆ

    ปลายฟ้าพอรู้ตัวว่าหากมัวพูดคุยต่อไป เพื่อนสาวประชาสัมพันธ์คงต้องพูดถึงเรื่องนี้และแซวอีกต่อไปแน่ ต้องรีบขอตัวแล้ว

    “ปุ้ยเดี๋ยวเราขอตัวก่อนนะ ต้องพาเค้าไปดูพื้นที่”

    “ตามใจนายละกัน เจอคนสวยไม่ได้เลยนะ”

    “เหอ ๆ ทำไงได้ แพ้คนสวยนี่”

    “หายาแก้แพ้กินบ้างเถอะ” หญิงสาวตอบ แถมลากเสียงยาวตรงคำว่า ‘เถอะ’ อีกด้วย

     จากนั้นกนกวรรณก็หันกลับไปทำงานของตนเหมือนเดิม ส่วนวิลาวัลย์ไม่ได้สนใจการกระทำของปลายฟ้ามาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพียงแค่พูดขึ้นมาบ้างเท่านั้น

    สิรินทร์เดินใกล้ถึงแล้ว ปลายฟ้าออกจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก้าวเดินไปหาเธอ

    “สวัสดีครับริน” เขายิ้มทักทาย

    “เช่นกันค่ะปลาย” สิรินทร์ยิ้มตอบ “ต้องรบกวนปลายอีกแล้ว พอดีเมื่อวานรินลืมถ่ายรูปพื้นที่นิทรรศการที่จะทำน่ะค่ะ”

    “ไม่เป็นไรครับ ยินดีเสมอ” ปลายฟ้าบอก “เราก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”

    “รินก็เพิ่งโทรบอกเมื่อเช้าแหละ”

    “ครับ แต่ว่ารินโทรเข้าเบอร์พิพิธภัณฑ์หรือ?”

    “อื้อ...” สิรินทร์พยักหน้า “ทำไมเหรอ?”

    “เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก” ปลายฟ้ายิ้ม “แต่ถ้ามีอะไรอีกก็โทรหาเราได้เลยนะ เราเป็นคนดูแลโปรเจกต์นี้”

    พูดเสร็จเขาก็ยื่นนามบัตรส่งให้สิรินทร์

    “อ่ะ ..ค่ะ” สิรินทร์รับนามบัตร ก้มดูเล็กน้อยแล้วเก็บลงกระเป๋าถือของตัวเอง

    ดูเหมือนว่าพอมีจังหวะหน่อย ต่อมหลีสาวของปลายฟ้าเริ่มทำงานทันที ในคราวนี้เขาให้เบอร์โทรศัพท์แก่สิรินทร์ไปด้วย

    แต่ถึงสาวสวยจะได้เบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ก็ใช่ว่าปลายฟ้าจะรู้เบอร์โทรศัพท์ของสิรินทร์ เพราะหากเธอไม่ยอมโทรหายังไงก็ไม่มีทางรู้

    คงต้องไปลุ้นเอาอีกที

    เรื่องนี้ขอพักไว้ก่อน ทั้งคู่คุยกันได้สักพัก ปลายฟ้าก็พาสิรินทร์เข้าไปในอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เป็นครั้งที่สองต่อจากเมื่อวาน

    แน่นอนว่านิทรรศการแรกที่พวกเขาจะต้องเจอคือ นิทรรศการวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์ ที่สุภาพ ชายหนุ่มมารยาทดีดูแลอยู่

    “สวัสดีครับอาจารย์ปลายฟ้า มาแต่เช้าเนี่ย มีเรื่องอะไรหรือครับ?”    

    นักวิชาการหนุ่มยกมือรับไหว้การไหว้ของชายตรงหน้า

    “วันนี้จะมาดูพื้นที่ที่จะสร้างนิทรรศการใหม่น่ะ”

    “ครับ” สุภาพผงกศีรษะ “เชิญตามสบายเลยครับ”

     ปลายฟ้ายิ้มรับ กวาดตามองดูนิทรรศการวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์วูบหนึ่ง แล้วค่อยหันมองสุภาพ

    “สุภาพ... นายนี่ขยันอย่างที่เค้าบอกกันจริง ๆ ขนาดยังไม่เก้าโมง ก็เปิดนิทรรศการได้เรียบร้อยครบถ้วน ใช้ได้จริง ๆ”

    “ขอบคุณครับ” เขาคลี่ยิ้มรับคำชมของปลายฟ้าทันที

    ปลายฟ้าพูดคุยกับสุภาพอีกเล็กน้อยก็พาสิรินทร์เดินผ่านโซนนิทรรศการนี้ ไม่ได้เข้าไปชมนิทรรศการอย่างเช่นเมื่อวาน

    เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ก็ไม่ได้ไปชมนิทรรศการระบบสุริยะทางฝั่งตรงข้ามที่สาธิตเป็นผู้ดูแลอยู่ด้วย พื้นที่ที่พวกเขามาตรวจและถ่ายรูปนั้นเป็นส่วนที่อยู่ตรงข้ามกับนิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยี

    แต่ขณะที่ทั้งสองเดินผ่านนิทรรศการระบบสุริยะและวิทยาศาสตร์มหัศจรรย์ไปแล้ว ปลายฟ้าก็พบเห็นความผิดปกติบางอย่าง

    นิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยียังไม่ได้เปิด

    ปกติแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเปิดนิทรรศการ แต่เหตุใดนิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยียังไม่ได้เปิด

    ปลายฟ้าเองเพียงมองดูนิทรรศการที่ยังไม่เปิดนั้นวูบหนึ่ง ภายในห้องยังคงปิดไฟจนมองไม่เห็นข้างใน แล้วเขาก็เดินไปทางพื้นที่ด้านตรงข้ามกับนิทรรศการเปิดโลกเทคโนโลยี

    สิรินทร์เดินตามมายังพื้นที่ดังกล่าว แล้วพูดขึ้นว่า

    “ตรงนี้สินะ เมื่อวานรินลืมดูไปเลย ไม่งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลามาอีก”

    “ครับ” ปลายฟ้าพยักหน้ารับคล้ายเห็นด้วย แต่ใจจริงแล้วน่าจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะถ้าเมื่อวานสิรินทร์ได้ดูพื้นที่และถ่ายรูปไว้แล้ว วันนี้คงไม่มีโอกาสได้เจอเธอแน่
    

(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่