ปลายฟ้ากับปริศนาฆาตกรรม [Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์] - ตอนที่ 18 เฉลยปริศนาห้องปิดตาย

สวัสดีครับทุกท่าน ตอนใหม่มาแล้วครับ ในที่สุดก็ช่วงสรุปคดีเฉลยปริศนาห้องปิดตายแล้วครับ มาอ่านกันว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร

ลิ้งตอนที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 18 : เฉลยปริศนาห้องปิดตาย


    รุ่งเช้ามีนรีบตรงไปยังสถานีตำรวจทันที เนื่องจากวันนี้เธอต้องช่วยผู้กำกับการสรวุทธไขคดีการตายของพิสิทธิ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย

    ตอนนี้ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนมาอยู่ที่สถานีตำรวจหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น วิชาญเพื่อนของพิสิทธิ์ อารี เจ้าหน้าที่ผู้แลห้องทดลอง อาจารย์วัชรา อาจารย์ประจำภาควิชา รวมทั้งแอล หนุ่มเงียบขรึม เพื่อนสนิทของมีนด้วย

    ทั้งหมดนั่งรวมอยู่ที่ห้องหนึ่งภายในสถานีตำรวจ

    สักพักรองผู้กำกับการสรวุทธกับมีนก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วเขาเอ่ยขึ้นกับผู้ที่นั่งอยู่ว่า

    “สวัสดีครับทุกท่าน ตอนนี้ทางเราได้ข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีนายพิสิทธิ์เพียงพอที่จะสรุปคดีแล้ว”

    พอนายตำรวจพูดจบ ทุกคนต่างเงียบและนิ่งรอฟังรองผู้กำกับการสรวุทธพูดต่อทันที

    “..หลังจากเราได้พยายามสืบหาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับคดีนี้ และรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของนายพิสิทธิ์หายไปในที่เกิดเหตุ เราได้ตามสืบหาโทรศัพท์มือนั่น เพราะคาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี โดยใช้ชื่อยี่ห้อ รุ่น และรหัสอีมี่ของเครื่องที่ได้มาจากกล่องมือถือที่อยู่ในห้องของผู้ตาย จนตอนนี้ทางเราพบมือถือของนายพิสิทธิ์แล้ว”

    อย่างที่รองผู้กับกับการสรวุทธบอก ทางตำรวจได้สืบจนหามือถือของพิสิทธิ์แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งพวกเขาไม่สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์ของพิสิทธ์ในการสืบหาได้ เพราะคนร้ายได้นำซิมการ์ดออกไปแล้ว ต้องติดตามจากยี่ห้อ รุ่น และรหัสอีมี่ของเครื่องมือแทน

    แล้วตำรวจนายหนึ่งก็นำโทรศัพท์มือถือเครื่องที่ว่านั้นมาให้รองผู้กำกับการสรวุทธ เพื่อแสดงให้ทุกคนดู มือถือของกลางตอนนี้อยู่ในซองพลาสติก

    “ใช่ รุ่นเดียวกับไอ้สิทธิ์จริง ๆ ด้วย” วิชาญพูดขึ้นเมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือในมือของนายตำรวจ

    “ขอยืนยันว่าโทรศัพท์มือเครื่องนี้เป็นของนายพิสิทธิ์จริง ๆ เพราะเราได้เทียบกับรหัสอีมี่ที่กล่องนี้แล้ว” รองผู้กำกับฯพูดต่อ พร้อมชี้มือไปยังกล่องมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ

    “แล้วมือถือนี่มันเกี่ยวอะไรกับคดีนี้ล่ะคะ?” อารีผู้ดูแลห้องทดลองถาม

    “นั่นก็เพราะในช่วงเวลาหกโมงเย็นของวันที่เกิดเหตุ วิชาญยังสามารถโทรคุยกับนายพิสิทธิ์ได้ แสดงว่าตอนนั้นนายพิสิทธิ์ยังพกมือถืออยู่ แต่ช่วงเวลาสองทุ่มครึ่งของวันเดียวกัน วิชาญได้ติดต่อเค้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับติดต่อไม่ได้ ซึ่งมันตรงกับข้อมูลจากการตรวจสอบศพของนายพิสิทธิ์ที่ผลบอกว่า นายพิสิทธิ์ถูกแทงเสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มของวันนั้น ทำให้คิดได้ว่าฆาตกรที่ฆ่าพิสิทธิ์น่าจะเป็นคนเอามือถือไป และอาจเป็นไปได้ว่าภายในมือถือนั้นต้องมีอะไรสำคัญมากถึงขนาดที่ฆาตกรต้องเอากลับไปด้วย” รองผู้กำกับการสรวุทธอธิบาย “แต่ว่ามือถือที่เราพบมีเพียงตัวเครื่อง ข้อมูลต่าง ๆ ถูกลบไปแล้ว จึงไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งสำคัญในมือถือนั้นคืออะไร”

    “แล้วอย่างนี้มันจะมีประโยชน์อะไรหรือครับ?” วิชาญถามบ้าง

    “ต้องมีสิ ก็มือถือนี่ถูกนำไปขาย แม้ฆาตกรจะใช้วิธีขายให้คนอื่นไม่ได้ขายกับร้านโดยตรง เพื่อจะได้หาเจอได้ยากขึ้น แต่โชคร้ายที่คน ๆ นั้นนำไปขายต่อที่ร้านอีกที  ดังนั้น เมื่อเราสืบเจอก็สามารถซักทอดจากเจ้าของร้านไปยังผู้นำมาขายได้ แล้วยังซักทอดต่อไปยังฆาตกรได้อีก ถึงแม้จะใช้เวลาในการสืบนานก็ตาม”

    จากนั้นรองผู้กำกับการสรวุทธก็เรียกตัวเจ้าของร้านรับซื้อมือถือกับผู้นำมือถือไปขายเข้ามาในห้อง

    สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่สองชายผู้เข้ามา แล้วรองผู้กำกับการสรวุทธก็เอ่ยต่อว่า

    “สองคนนี้สามารถเป็นพยานและให้ข้อมูลได้ จากการสอบปากคำแล้วข้อมูลของที่ผู้นำมือถือไปขายให้นั้นตรงกับลักษณะของบุคคลคนหนึ่ง นั่นคือ... อาจารย์วัชรา!”

    “ไม่นะ! ไม่ใช่ฉัน!” อาจารย์วัชราปฏิเสธขึ้นทันที ทุกคนหันมองไปที่เธอเป็นตาเดียว

    “ใช่เธอหรือเปล่าที่นำมือถือเครื่องนั้นมาขายให้?” นายตำรวจหันไปถามหนึ่งในชายสองคนที่เข้ามา ยังไม่สนใจที่อาจารย์วัชราปฏิเสธสักเท่าไร ซึ่งคนผู้นั้นพยักหน้าตอบรับ

    จากนั้นรองผู้กำกับการสรวุทธก็หันไปจ้องอาจารย์สาว พร้อมพูดขึ้นว่า

    “คงไม่ผิดตัวหรอกครับคุณวัชรา พยานยืนยันขนาดนี้แล้ว”

    “ไม่ ไม่ใช่ฉันนะ” เธอยังคงปฏิเสธอยู่

    “ยอมรับมาดีกว่าว่าคุณคือคนฆ่านายพิสิทธิ์” นายตำรวจว่าต่อ

    “ไม่ ฉันไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่ฉันยอมรับว่าเป็นคนเอามือถือไปขาย มันก็ไม่เกี่ยวกันนี่ ฉันแค่เจอมือถือนั่นอยู่ที่ตึกตรงทางเดิน ไม่รู้ว่าเป็นมือถือของพิสิทธิ์ด้วย” เธอพยายามอธิบาย

    “ใช่หรือครับ” นายตำรวจเอ่ยขึ้นต่อ “คุณยอมรับมาดีกว่าว่าคุณเป็นคนฆ่านายพิสิทธิ์”

    “ไม่ใช่ฉัน” อาจารย์วัชรายังบอกคำเดิม “ทุกคนก็รู้นี่พิสิทธิ์ถูกฆ่าภายในห้องทดลองที่ถูกปิดไว้ทุกทาง ถ้าเป็นฉันจริง ฉันจะเข้าไปฆ่าเขาได้อย่างไร เขาอาจจะฆ่าตัวตายเองก็ได้”

    “ไม่เสมอไปหรอกครับ” รองผู้กำกับการสรวุทธบอก “ทุกคนคงเคยอ่านนิยายสืบสวนกันมาบ้างนะครับ เรื่องนี้ก็เป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายแบบในนิยายนั่นแหละครับ เพราะมันต้องมีวิธีหนึ่งที่สามารถเข้าไปฆ่าคนและออกมาโดยที่ห้องยังมีสภาพปิดตายได้”

    แล้วนายตำรวจก็หันไปหามีนสาวแว่นที่เงียบฟังมาตลอด ผายมือไปทางเธอ พูดขึ้นต่อว่า

    “ส่วนคำตอบของปริศนาห้องปิดตายนั้น มีนจะเป็นคนไขปริศนาให้ทุกคนทราบเองครับ”

    เมื่อนายตำรวจพูดจบ สาวห้าวก็ก้าวเดินออกมาด้านหน้าห้อง เพื่อเตรียมพร้อมอธิบายปริศนาห้องทดลองปิดตายให้ทุกคนฟัง


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย แต่งเรื่องสั้น นิยายออนไลน์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่