ปลายฟ้ากับปริศนาฆาตกรรม [Case 1 : ฆาตกรรมที่พิพิธภัณฑ์] - ตอนที่ 11 ร้าน E.T.

สวัสดีครับทุกท่าน มีเวลาก็มาลงตอนใหม่ของปลายฟ้าให้อ่านกันครับ คราวนี้ปลายฟ้าของเรา ยกพวกไปสืบกันที่ผับเลย แต่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ลองอ่านกันดูครับ

โปรดทราบก่อนอ่าน

******สำหรับคนที่ติดตามอ่านการสืบคดีของปลายฟ้าในระบบเรื่องสั้น [ปลายฟ้ากับคดีปริศนา] ที่ผมลงให้อ่านกันในถนนนักเขียนอยู่ตอนนี้  ต้องแจ้งก่อนว่าตัวเรื่องนี้เป็นเรื่องราวก่อนคดีที่ 1 ฆาตกรรมกลางทะเล ของชุดนั้นเลยแหละครับ  (และต่อจากชุด "ปลาย นักสืบจำเป็น" ที่เคยตีพิมพ์เมื่อนานมาแล้ว) โดยตัวเรื่องนี้มีลักษณะเป็นแบบนิยายเรื่องยาวหลายตอนจบอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเขียนเรื่องยาวๆเท่าไร ลองอ่านกันดูครับ ส่วนใครที่เคยอ่านแล้วก็ลองอ่านอีกรอบก็ได้นะครับ*******


ลิ้งตอนที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 11 : ร้าน E.T.

    ปลายฟ้าออกไปเที่ยวจริง ๆ เขารีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งย่านรัชดา

    รัชดาขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่มีการสัญจรติดขัดย่านหนึ่ง ยิ่งเป็นเวลากลางคืนด้วยแล้ว การสัญจรแทบนิ่งเฉย เคลื่อนตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    เหตุเพราะบนถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยสถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ที่เหล่านักเที่ยวราตรีนิยมมาหาความสำราญกัน

    ยังดีที่ปลายฟ้าเดินทางมาถึงย่านนี้ได้โดยไม่ติดขัด ราวกับว่าฟ้าเป็นใจพาไปเที่ยวเลยทีเดียว

    หนุ่มผมตั้งยืนอยู่หน้าปากซอยหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมของสถานที่เที่ยวกลางคืนที่จะเที่ยวในวันนี้

    แน่นอนว่าปลายฟ้าไม่ได้ฉายเดี่ยวมาคนเดียว เขาได้ชักชวนเพื่อนสองคนมาร่วมตะลุยราตรีกับเขาในครั้งนี้ด้วย

    “ไม่ได้เจอกันนานนะพี่” หนุ่มร่างเล็ก หน้าตาซุกซนเอ่ยพูดกับปลายฟ้า

    “อืม..” ปลายฟ้าพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่ได้หันไปพูดอะไรคนผู้นี้

    แต่เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ดีจัง ที่พี่ปลายชวนผมไปเที่ยว ผมกับไอ้เอเบื่องานที่โรงงานอยู่พอดี”

    “เออ.. รู้แล้วว่ะเจ” ปลายฟ้าหันไปบอกบ้าง “เห็นแกว่าง ๆ อยู่ เลยชวนมาเป็นเพื่อน”

    “พี่ปลายครับ ที่มาเที่ยวกันเนี่ย บอกมีนหรือยังครับ?” ชายหนุ่มอีกคนถามขึ้นมา

    “ไม่ได้บอกว่ะเอ” นักวิชาการในคราบนักเที่ยวส่ายหน้า “จะให้บอกได้ไงว่าไปเที่ยวกลางคืน มีนรู้ ..สงสัยก็คงตามมาด้วย เผลอ ๆ จะไม่ให้ไปด้วย”

    “ครับ” หนุ่มผู้นี้มองหน้าปลายฟ้า เขารูปร่างสูงกว่าอีกคนเล็กน้อย หน้าตาเฉย ๆ ดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

    ปลายฟ้ามองหน้าทั้งสอง พูดต่อว่า “พวกแกอย่าไปบอกมีนละกันว่ามาเที่ยวกับฉัน รวมถึงบอกแอลด้วย”

    “รับทราบครับ” ทั้งสองรับปากอย่างพร้อมเพรียง

    ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองนี้คือ เจ และเอ สองในสามสมุนคนสนิทของปลายฟ้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

    เหตุที่ทั้งสองมักเรียกปลายฟ้าว่าพี่ทุกคำ ทั้งที่เรียนรุ่นเดียวกัน อายุก็ไม่ห่างกัน ก็เพราะว่าพวกเขายังนับถือปลายฟ้าและยึดถือว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มเช่นเดียวสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย และยังเคยชินที่ต้องเรียกแบบนี้

    โดยตอนนี้ทั้งคู่ทำงานอยู่ที่โรงงานแปรรูปอาหารทะเลแห่งเดียวกัน ประจวบเหมาะที่วันนี้และพรุ่งนี้พวกเขาหยุดงานพอดี ปลายฟ้าจึงชักชวนออกมาเที่ยวได้อย่างไม่มีปัญหา

    “งานที่โรงงานเป็นไงบ้างล่ะเจ?” ปลายฟ้าถาม

    หนุ่มร่างเล็กทำหน้าเครียดทันทีเมื่อได้ยินเรื่องงาน เขาพูดตอบกลับว่า “งานหนักมากเลยพี่ งานโรงงานมันทำงานเป็นกะน่ะครับ ตีหนึ่งตีสองบางวันยังต้องทำงานเลย”

    “เหรอ... แกเลยบ่นได้ทั้งวันเลยสิ”

    “มันไม่กล้าบ่นหรอกครับ” เอพูดแทรกขึ้น “ขืนบ่น เค้าก็ไล่ออก”

    “เออ ก็จริงเนอะ” ปลายฟ้ามอง เจ หนุ่มร่างเล็กและแย้มยิ้มให้ “นึกว่าจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งแบบตอนทำโปรเจกต์อีก”

    “น่าน แซวเลยนะพี่” เจทำหน้ากวน ๆ

    “แล้วพี่ปลายจะเข้าร้านไหนล่ะครับ?” เอถาม

    “กำลังมองหาอยู่” ปลายฟ้าตอบ เขามองดูผับแถวนี้ เนื่องจากบริเวณนี้ถูกจัดโซนนิ่งไว้ หลากหลายผับจึงอยู่ใกล้เคียงกัน

    ปลายฟ้าก้าวเดินพร้อมมองหาร้านที่ต้องการ  มีหลายครั้งที่สายตาเปลี่ยนไปมองหญิงสาวที่เข้ามาในระยะโฟกัสบ้าง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเอและเจสองสมุนที่อยู่ข้างกาย ทั้งคู่มองสาวอย่างออกอาการเลยทีเดียว ราวกับว่าตัวเองเพิ่งมีโอกาสได้พบเจอโลกภายนอก

    “ร้านนี้แหละ” ปลายฟ้าหยุดอยู่หน้าร้านหนึ่ง

    “ร้านนี้เหรอ” เจพูดขึ้น “ก็ดีนะพี่ เห็นสาวแจ่ม ๆ ในร้านหลายคนเลย”

    ร้านที่ว่ามีชื่อว่า E.T.

    “แต่ทำไมเค้าตั้งชื่อร้านว่า E.T. ล่ะพี่?” เจถาม

    “ไม่รู้สิ ฉันไม่ใช่เจ้าของร้าน ..สงสัยเค้าเป็นมนุษย์ต่างดาวมั้ง ถึงได้ตั้งชื่อนี้” ปลายฟ้าตอบหน้าตาย “เอาเถอะ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

    แล้วทั้งสามก็เข้าไปในร้าน E.T. ก่อนเข้าร้านจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรประจำตัวประชาชน เพราะผู้ที่จะเที่ยวที่นี่ได้ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น

    แน่นอนว่าทั้งสามอายุเกินเกณฑ์กันหมดแล้ว เข้าไปอย่างไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาเลือกนั่งที่โต๊ะหนึ่งทางมุมขวาของร้าน

    ผู้คนในร้านมีพอสมควร แม้จะไม่แน่นร้านนัก แต่มีอยู่หลายสิบคน คาดว่าอีกไม่นานคงมีนักเที่ยวทยอยมาเพิ่มเติมอีก เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาพีคของร้าน

    “เอาไรครับพี่?” เด็กเสิร์ฟที่เดินตามพวกเขามาตั้งแต่เข้าร้านถาม

    เอและเจหันมองปลายฟ้าเป็นการบ่งบอกว่าให้ลูกพี่ของตนเป็นคนสั่ง

    “เปิดเหล้าละกัน มิกซ์โซดา น้ำนะ” ปลายฟ้าบอก

    “ครับ” เด็กเสิร์ฟรับทราบ เดินไปทำหน้าที่ของตน

    ระหว่างรอเครื่องดื่ม ทั้งสามสแกนดูสาวภายในร้านรอบ ๆ ซึ่งก็มีเข้าท่า สวยน่ารักอยู่หลายคน

    “พอได้มาเที่ยวเนี่ย... รู้สึกพวกแกลิงโลดเหลือเกินนะ” ปลายฟ้าพูดกับสองหนุ่ม สายตาก็มองดูสาวเช่นกัน

    “แน่นอนพี่  ได้ออกมาจากโรงงานสักที” เจตอบทันที

    “อ้าว.. แล้วแถวโรงงานไม่มีสาวดูหรือไง?”

    “มีน่ะมันมีพี่ แต่ว่ามันดูไม่ได้”

    “ทำไมล่ะ?” หนุ่มผมตั้งสงสัย

    “ที่โรงงานมันต้องเปลี่ยนชุดเวลาทำงาน ต้องใส่หมวก ใส่ผ้าปิดปาก เลยดูไม่ออกว่าใครเป็นใครเลยพี่” หนุ่มร่างเล็กตอบ

    “ใช่ครับ เห็นแค่ลูกกะตาอย่างเดียว ที่เหลือต้องจินตนาการเอง” เอช่วยเสริม

    “อืม.. ถือเป็นคราวเคราะห์ของพวกแกละกัน เผื่อจะได้สงบบ้าง”

    “ไม่มีทาง!” ทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียง

    แล้วเด็กเสิร์ฟก็เอาเหล้าและมิกเซอร์มาส่ง จัดแจงชงให้ทุกคน สักพักปลายฟ้าก็หันไปถามเด็กเสิร์ฟคนนั้นว่า

    “น้องทำงานที่นี่นานรึยัง?”

    เด็กเสิร์ฟมองหน้า ค่อยตอบ “ก็สามปีแล้วนะพี่”

    “แล้วรู้จัก มี่ ที่เคยทำงานที่นี่หรือเปล่า?” หนุ่มผมตั้งถามต่อ

    “มี่เหรอ... ไม่มีคนชื่อนี้เลยนะครับ”

    “งั้นเหรอ...” ปลายฟ้านิ่งคิด แล้วเด็กเสิร์ฟก็เดินออกไปทำหน้าที่อื่นต่อ

    “ถามหาใครหรือพี่?” เจเอ่ยถามทันที

    “เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง”

    “อ่ะฮ้า! กิ๊กใหม่รึเปล่าพี่ปลาย” เจแซวต่อเลย

    “บ้าเปล่า! ไม่ใช่โว้ย!” ลูกพี่ว่าสวนกลับไป

    “แล้วเป็นใครล่ะพี่ บอกผมหน่อยนะ ผมไม่บอกมีนหรอก” หนุ่มร่างเล็กรีบออกตัวและคะยั้นคะยอเต็มที่

    “ใช่เด็กผู้หญิงที่ตายที่พิพิธภัณฑ์หรือเปล่าครับ?” เอถามขึ้นบ้าง

    “ใช่ เด็กคนนั้นแหละ” ปลายฟ้าพยักหน้ารับ

    “เฮ้ย! เอ แกรู้ได้ไง?” เจว่า

    “ฉันคิดว่าที่พี่ปลายชวนเรามาเที่ยวครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่เที่ยวดูหญิงอย่างเดียวหรอก อย่างพี่ปลายต้องมีเรื่องอื่นด้วยแน่ แล้วยิ่งพิพิธภัณฑ์ที่ทำงานมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นมา พี่ปลายก็น่าจะมาสืบอะไรจากเรื่องนั้นแน่” เออธิบาย

    “เหรอ.. ทำไมฉันไม่รู้เรื่องฆาตกรรมอะไรนั่นเลย” เจถามเอ

    “อ้าว.. ก็แกกลับถึงห้องทีไรก็นอน ตื่นมาก็ไปทำงานเลย ไม่ยอมอัพเดทข่าวสารบ้านเมืองเองนี่”

    เจมองหน้าผู้เป็นเพื่อน มันก็จริงอย่างเอว่า เขาไม่เถียงอะไร พูดเพียงว่า “เออ มันผิดที่ฉันเอง”

    แล้วเอก็หันไปพูดกับปลายฟ้าต่อว่า “แต่เมื่อกี้เด็กเสิร์ฟบอกว่าไม่มีคนชื่อ มี่ นี่ครับ”

    “อืม” ปลายฟ้าผงกศีรษะ “ก็กำลังคิดอยู่ว่าทำไมไม่มี เพราะข้อมูลที่ฉันได้มาจากตำรวจก็บอกว่า เธอชื่อเล่นว่า มี่”

    “แล้วพี่ไม่ลองถามชื่อจริงบ้างล่ะ?” เจออกความเห็นบ้าง

    “ก็ว่าจะถามอยู่ รอเด็กเสิร์ฟกลับมาก่อน” ปลายฟ้าพูดต่อ พลางมองสาวสวยนักเที่ยวราตรีที่เข้าร้านมาเพิ่มเติม “ตอนนี้กินเหล้า ดูหญิงรอไปก่อนดีกว่า”

    นักเที่ยวราตรีทยอยเข้ามาเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ ดนตรีบรรเลงกระหึ่มตอบรับ สายตาของทั้งสามหนุ่มเริ่มอยู่ไม่สุข ต้องเปลี่ยนจากมองผ่าน ๆ กลายเป็นกวาดสายตามองสาวเจ้าที่เข้ามาอย่างตั้งใจ คล้ายกับลืมประเด็นที่ตั้งใจมาไปเสียแล้ว

    แต่สำหรับปลายฟ้าคงไม่ เพราะเมื่อเด็กเสิร์ฟเดินผ่านมา เขาก็กวักมือเรียกทันที

    “นี่น้อง ขอถามอะไรหน่อย?”

    เด็กเสิร์ฟทำท่ายุ่ง ๆ คล้ายไม่อยากอยู่คุยด้วย “มีอะไรหรือพี่ ผมต้องทำงานนะ”

    ปลายฟ้ามองหน้าเขา ควักแบงค์ยี่สิบออกมาสองใบ “คราวนี้ถามได้หรือเปล่า?”

    เด็กเสิร์ฟรีบเดินมาหาและรับเงิน ค่อยพูดขึ้นว่า “มีอะไรครับพี่?”

    “ที่นี่เคยมีเด็กเสิร์ฟที่ชื่อ พรประภา ละสุดตา หรือเปล่า?”

    “เอ่อ...” เขานิ่งคิด “ไม่รู้สิพี่ ถ้าเป็นชื่อจริงผมไม่รู้หรอก”

    “แล้วทำไงถึงจะรู้ได้ล่ะ?”

    “อย่างงั้นคงต้องไปถามผู้จัดการร้านครับ” เด็กเสิร์ฟตอบ

    “เขาอยู่ไหน?”

    “เดี๋ยวนะพี่” เด็กเสิร์ฟมองหาผู้จัดการร้านที่ว่า “เอ่อ นั่นไง ที่ใส่หมวกสวมเสื้อดำ นั่งอยู่ใกล้ ๆ เคาน์เตอร์” เขาชี้มือประกอบด้วย

    “อืม... ขอบใจนะ ไปทำงานต่อเถอะ”


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่