..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๑๖..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
       ขอบคุณ ปกสวย ๆ จาก คุณ ออม รัชต์สารินท์ ออกแบบ มาถูกใจมาก ๆ ครับ

                                                                                  ............( รักซ้อน ซ่อนพิษ )...........

       ตอนเดิมครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนที่ ๑๖

..........ผู้กองหนุ่ม และ เสือเลิศ มองไปทางท้ายแพ ทั้งสองไม่เห็น เชิด มีแต่ปืนที่เจ๊แตงให้มาตกอยู่ ผู้กอง มองหน้าหนุ่มใหญ่ แล้ววิ่งออกประตูไปด้านหลัง ก้มหน้าลงมองด้านล่าง น้ำตรงนั้นหมุนวนแรง เกิดจากการไหลปะทะตรงหัวแพ ก่อนกระจายออกด้านข้าง และหมุนเข้ามาตรงช่วงท้าย ผู้กองมองตามกระแสน้ำ ด้วยใจที่ร้อนรน ไม่มีร่างของชายหนุ่ม มีแต่น้ำสีโคลน ไหลเรื่อยไปไกลสุดตา

       เสียงเรือหางยาวแล่นใกล้เข้ามา ผู้กองหนุ่มก้าวยาว ๆ กลับมาที่เสือเลิศ แก้เชือกที่มัดมือทั้งสองข้างออก ดึงปืนของหนุ่มใหญ่ที่เหน็บเอวตัวเองไว้ส่งให้ เลิศ รับแล้วก้มลงวางที่พื้นข้างเท้า แก้เชือกที่มัดข้อเท้าตัวเองออกอย่างเร็ว

       เสียงเรือเข้ามาเทียบข้างแพด้านนอก พร้อม ๆ กับเสียงคนวิ่งลงบันไดมา เสือเลิศเป็นอิสระแล้ว คว้าปืนที่พื้นมาถือไว้ พยักหน้าให้ผู้กองหนุ่ม ที่ใช้มือขวาถือปืน มือซ้ายรองด้ามไว้อีกที เดินช้า ๆ ไปที่ประตูด้านหน้า ยกปืนนำไปด้วย หนุ่มใหญ่ก้าวเท้าไปด้านท้ายแพ ก้มลงเก็บปืนเจ๊แตงขึ้นมาเหน็บเอวไว้ เดินช้า ๆ ตาจ้องตรงไปที่ช่องประตู ยกปืนเตรียมพร้อมเช่นกัน

       “ผู้กอง คุณเชิด คนบนเรือ พวกเดียวกัน” เสียงเจ้าดำตะโกน ดังมาขณะสะพานไหวตามจังหวะก้าวเดิน ไม่ถึงอึดใจเจ้าดำก็โผล่หน้าเข้ามาทางประตู พร้อม ๆ ชายในชุดชาวนาคนหนึ่งที่เป็นญาติเจ้าดำ ก้าวขึ้นมาจากเรือที่ยึดมาได้ เลิศ และ ผู้กอง ต่างลดมือลงพร้อมกัน

       “คุณเชิด อ้าว.....” เจ้าดำเห็นลูกพี่ ดีใจพูดไม่ออก เดินเข้าไปหา กระโดดเข้ากอดแน่น เลิศโอบคอแล้วตบไหล่เจ้าดำเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นมา

       “หาเชิดก่อน ตกน้ำไปไม่รู้โดนยิงหรือเปล่า” เจ้าดำตกใจ เดินไปท้ายแพอย่างเร็ว ผ่านร่างของอาร์มไปอย่างไม่ใยดี

       “ไอ้เปี๊ยกกลับมาแล้วนะพี่เลิศ โดนเข้าไปซะแขนห้อย กำลังพาไปที่รถอยู่” เจ้าดำรายงาน ตามองสายน้ำที่ไหลลิ่ว ๆ อย่างกังวล นึกในใจ ถ้าเชิดยังมีสติอยู่ คงตามน้ำไปเรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ ประคองตัวเข้าฝั่ง แต่ถ้าเจ็บมาก คงลอยห่างจากตรงนี้เป็นกิโลเลยละกว่าจะขึ้นบกได้ เสียงไซเรน ดังแว่ว ๆ จากถนนใหญ่ ใครคงโทรแจ้งตำรวจ อย่างช้าที่สุด ไม่เกินสิบนาที เจ้าหน้าที่คงเข้ามาถึงบ้านหลังนี้

       “ดำ ตำรวจมาแล้วเน้อ” เสียงคนข้างบนตะโกนลงมา ขณะพากันถอนกำลัง แล้วทยอยกลับไปที่รถ เจ้าดำมองหน้าลูกพี่ เสือเลิศพยักหน้าให้
 
       “ไปก่อนเลยดำ จะไปรอที่ไร่ก่อนก็ได้ พี่จะลองหาเชิดดู” หนุ่มใหญ่พูดเสียงเนือย ๆ เจ้าดำตอบรับ ขยับตัวออกประตูเตรียมก้าวขึ้นสะพาน พวกข้างบนวิ่งลงบันไดมาคนหนึ่ง เจ้าดำเงยหน้ามอง สายตาเลยไปบนทางเดิน พรรคพวกเดินต่อแถวตามกัน ไปทางที่รถจอดอยู่ เจ้าเปี๊ยกอยู่ตรงกลาง ญาติเจ้าดำคนหนึ่งประคองไป

       “ไม่มีใครในบ้านเลยว่ะดำ” ชายชุดชาวนาหนึ่งในทีมรายงาน

       “แม่เลี้ยงล่ะ” เจ้าดำสงสัย ตั้งแต่เข้ามา จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาไม่เห็นเธอแม้แต่เงา

       “ไม่มีใครสักคน ข้าดูหมดแล้ว รอบบ้าน ในบ้านชั้นล่างโล่งตลอด ชั้นบนมีห้องนอนสองห้อง ไม่มีใครอยู่เลย” เจ้าดำทำหน้าสงสัย นิ่งนึกอยู่นิดนึง ก่อนพูดออกไป

       “พวกเอ็งพาไอ้เปี๊ยกไปที่ไร่ก่อน ให้มันบอกทางไป ใครมีงานทางโน้นจะกลับก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยคุยกันวันหลัง ข้าจะช่วยพี่เลิศดูทางนี้สักเดี๋ยว”

       พรรคพวกพยักหน้ารับรู้ แล้ววิ่งกลับขึ้นไปบอกต่อคนข้างบน ผู้กองหนุ่ม กับ เลิศ ได้ยินทุกคำสนทนา โดยเฉพาะที่ว่าไม่เจอตัวแม่เลี้ยง ต่างหันมามองหน้ากัน หนุ่มใหญ่นึกอะไรได้อย่างหนึ่ง

       “เด็ก ๆ” พอเอ่ยออกมาแล้ว หนุ่มใหญ่เม้มปากแน่น แม่เลี้ยงตามหาสมุดบัญชี ที่คาดคั้นเอากับเขาตั้งแต่เมื่อคืน และตอนนี้ เธอน่าจะมุ่งไปที่เด็กทั้งสอง

       “พี่ดวงต้องไปบ้านริมคลองแน่เลย ผมไปก่อนละ ฝากทางนี้ด้วยผู้กอง” เลิศมองผู้กองหนุ่ม ก่อนเหน็บปืนเข้าเอวด้านหลัง แล้วก้าวเท้าออกประตู เดินอย่างเร็วรี่ ก้าวเท้าสามก้าวก็พ้นสะพาน วิ่งลิ่วขึ้นบันได พอถึงบนตลิ่ง ก็ตรงเข้าไปทางบ้านแม่เลี้ยง

       ผู้กองหนุ่มหันซ้ายหันขวา มองหน้าเจ้าดำ

       “พี่ดำ ช่วยหาเชิดด้วย เรื่องตำรวจเดี๋ยวผมเอง” ผู้กองพูดเสร็จวิ่งขึ้นตลิ่งไป เจ้าดำพยักหน้า หันมาทางญาติ ขยับหมวกเข้าที่ พากันก้าวขึ้นเรือ ยังไม่ติดเครื่อง ญาติเจ้าดำใช้พายพุ้ยน้ำช้า ๆ ให้เรือลอยนิ่งไม่โคลงเคลง ส่วนเจ้าดำยกแหมาคลี่พาดบ่ายืนตั้งท่าเตรียมหว่าน ตามองออกไปจากใต้ปีกหมวกเก่า ๆ ที่สวมอยู่ สอดส่ายหาชายหนุ่ม ภาพชาวบ้านลอยเรือหาปลา จึง ค่อย ๆ ลอยห่างเรือนแพ ล่องตามน้ำ อย่างช้า ๆ ตามจังหวะพาย ที่คอยคัดท้ายซ้ายขวาไปเบา ๆ ....

..........แม่เลี้ยงดวงใจ ออกจากตัวบ้านขับรถเลาะริมตลิ่ง ล่องขนานไปตามแม่น้ำได้เกือบร้อยเมตร ทางก็เริ่มโค้งออกซ้ายห่างจากแม่น้ำออกมา แนวต้นยูคาเห็นอยู่ทางซ้ายมือเป็นแถว เสียงปืนยังคงดังมาเป็นระยะ ยิงกันสนั่นลั่นโลกอย่างนั้น ไม่นานคงมีใครโทรไปโรงพักแน่นอน เดี๋ยวอีกไม่นานตำรวจต้องแห่กันมา เธอขับรถไปได้สักครู่ก็ถึงถนนเล็ก ๆ เส้นหนึ่งทอดยาวอยู่ตรงหน้า เลี้ยวซ้ายไปผ่านหน้าบ้านเธอ และลดเลี้ยวไปจนถึงสามแยก แม่เลี้ยงส่ายหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ หมุนพวงมาลัยเลี้ยวขวาไปอีกทาง ต้องอ้อมไกลไปกว่าเดิมไม่น้อยเหมือนกัน กว่าจะถึงบ้านริมคลอง

     แม่เลี้ยงนึกถึง หนุ่มใหญ่ ที่ไม่ยอมเอ่ยปากอะไรออกมา เรื่องบัญชีล่องหน ถึงแม้ลูกน้องของเธอจะซ้อมเข้าไปขนาดไหน เสือเลิศ ยังคงยิ้มกริ่ม และหัวเราะเบา ๆ ออกมาเป็นบางครั้ง เมื่อตอนสาย เธอกำลังลังเล ว่าจะให้อาร์มยิง เลิศ แล้วโยนลงน้ำไป พอดีกับมีคนบุกเข้ามาโจมตีอย่างหนัก ทำให้เธอคิดว่า น่าจะมีวิธีอื่น ที่จะหาสมุดบัญชีเล่มนั้นให้เจอ เลยตัดสินใจให้ อาร์ม คุมลูกน้อง คอยดูแลทางนี้ และให้เก็บ เสือเลิศโดยเร็ว

       ตอนแม่เลี้ยงเดินมาขึ้นรถ มองเห็นคนในบริเวณบ้านสักยี่สิบน่าจะได้ เธอจึงบอกจุดหมายที่จะไป ให้ลูกน้องอีกคนรับรู้ แล้วแยกกันไปคนละคัน ทางนี้ มีคนขนาดนั้น อาร์ม น่าจะเอาอยู่ เพราะถ้าผ่านครั้งนี้ไป เธอตั้งใจให้เขารับช่วงต่อเลย เธอเหนื่อยที่จะวิ่งตาม วิวัฒนาการของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ที่ขยันเปลี่ยนแปลงแทบทุกชั่วโมง ของแบบนี้ต้องให้คนรุ่นใหม่อย่าง อาร์ม เป็นคนเข้ามาดูแล ลำพังตัวเธอ แค่เงินมรดก จากเฮียอ๋า กับส่วนที่เก็บมาตลอดสิบปีก็เกินพอ แต่ ถ้าได้อีกบัญชีหนึ่งมา มันจะยิ่งทวีคูณ เรื่องอะไรจะปล่อยให้ใครได้ไป เธอคิดในใจ ก่อนเหยียบคันเร่งลึกลงมากกว่าเดิม.....

........เสือเลิศ เดินก้าวยาว ๆ ไปยังบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์จอดอยู่หลายคัน เขาเลือกคันที่ขับออกง่ายสุด แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง มองเห็นกุญแจคาอยู่ หนุ่มใหญ่จับแล้วบิดสตาร์ทเครื่องยนต์ เคลื่อนรถออกไปทันที

       เลิศ คิดว่า พี่ดวงน่าจะไปทางถนนเล็ก ทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทางเส้นเดียวที่ไปออกถนนใหญ่ได้ เพราะตอนนั้นออกไปด้านหน้าไม่ได้แน่นอน ส่วนด้านที่พวกเจ้าดำกำลังเดินไปนั้น เป็นทางเล็ก ๆ มีหญ้ารก และต้องเดินไปสักพัก กว่าจะเจอถนนเลาะริมน้ำที่ไม่ค่อยมีใครใช้กัน

       เมื่อ หนุ่มใหญ่ ขับออกมาถึงถนนเส้นเล็กที่ทอดขวางอยู่ เขาตัดสินใจเลี้ยวซ้าย เร่งอย่างเร็วผ่านบ้านหลังใหญ่ ตาชำเลืองมองกองอะไหล่เกะกะตรงลานกว้างแวบหนึ่ง ก่อนหันมาดูทางข้างหน้า รถตำรวจแล่นสวนมาสามคัน ก่อนผ่านไป เสือเลิศ มองดูทางกระจกส่องหลัง ทั้งหมดเลี้ยวเข้าไปในบ้านต้นเหตุ ทีละคัน จนลับตา

       เมื่อถึงปากทาง หนุ่มใหญ่ชะลอความเร็วลง ด้านขวามือเป็นสามแยก รถฉุกเฉิน และรถตรวจการณ์ วิ่งตามกันมาหลายคัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านเขาไป เสือเลิศ มองดูทั้งสองด้าน เมื่อไม่มีรถวิ่งไปมา จึงหมุนพวงมาลัยเลี้ยวขวา แล้วเร่งเครื่องออกไปอย่างเร็ว....

.......ส่วนในแม่น้ำ เรือเจ้าดำ ลอยตามน้ำห่างไปจนมองเห็นลิบ ๆ พักใหญ่จึงติดเครื่องแล้วแล่นทวนน้ำย้อนขึ้นมาช้า ๆ ชิดชายฝั่งอยู่ตรงข้ามบ้านหลังใหญ่ เสียงเครื่องยนต์สะท้อนก้องฟังชัด น้ำด้านท้ายแหวกเป็นทาง ขณะแล่นผ่านเรือนแพ ระลอกคลื่นแผ่กว้างกระทบทุ่นลอยทำแพโยนไปมา

       ผู้กองหนุ่ม เดินตามสารวัตรใหญ่ ออกมาจากหลังบ้านแม่เลี้ยง ก้าวลงบันไดที่ทอดไปยังเรือนแพ เจ้าหน้าที่ขวักไขว่ทั่วบริเวณ เสียงวิทยุสื่อสารโต้ตอบกันไม่ขาดระยะ ประโยคหนึ่งฟังได้ความว่า ท่านผู้กำกับ กำลังเดินทางมาที่นี่ ด้วยไม่ใช่คดีธรรมดา ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ทางการตามตัวมานานหลายปี และการถล่มกันแหลกลาญ จนศพระเกะระกะเกลื่อนพื้น ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนักในแถบนี้

       เสียงเรือหางยาวในแม่น้ำดังกระหึ่ม ผู้กองชะงักอยู่บนขั้นบันไดจ้องมองอย่างกังวล ไปยังเรือที่เจ้าดำนั่งเป็นคนหาปลา กำลังแล่นผ่านหน้ามาคนละฝั่ง เจ้าดำนั่งอยู่หัวเรือ เสื้อเก่า ๆ และหมวกซอมซ่อ แบบเดียวกับอีกคนที่บังคับหางเสืออยู่ด้านท้าย บนท้องเรือ มีกะละมังบุบบู้บี้วางอยู่หนึ่งใบ ในนั้นมีแหปากหนึ่งกองอยู่ ข้าง ๆ ไม้พายชุ่มน้ำตะแคงอยู่ตรงนั้น ผู้กองหนุ่มกวาดสายตาไล่ตลอดลำเรือทั่วทั้งหมดก่อนที่เรือจะแล่นเลยผ่านหน้าไป มีแค่สองคนเท่านั้นที่นั่งมา ผู้กองเห็นแล้วรู้สึกจุกขึ้นมาที่คอหอย พูดอะไรไม่ออก หูอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง จนกระทั่ง สารวัตรใหญ่ ต้องถามคำถามเดิม ซ้ำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง....

       ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่