..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๖..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา




                                                                           ................( รักซ้อน ซ่อนพิษ )...............

       ตอนเดิมครับ

      
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

       ตอนที่ ๖

................เมื่อรัตติยาถามเกี่ยวกับวสันต์ เจ้านุชก็เจอกับทางตัน เพราะตอนนี้ เชิดไม่ได้อยู่กับเจ๊แตง และไม่ได้บอกไว้ด้วยว่าจะไปไหน นังนุชเลยอ้ำอึ้งไม่มีคำตอบให้ หลังจากตั้งสติอยู่อึดใจหนึ่ง เจ้านุชจึงบอกอุ้มไปว่า เคยเจอพี่คนนี้ผ่านตา แต่เพื่อให้แน่ใจขอไปดูอีกครั้ง ได้เรื่องยังไงแล้วจะโทรบอก ความหวังเกิดขึ้นกับแม่ลูกสองอย่างเต็มเปี่ยม เธอขอบคุณเจ้านุชหลายครั้งก่อนวางสายไป

       เดาจากการพูดคุยของทั้งสองฝ่าย หม้ายสาวคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำใจ ไม่โทษใครเรื่องเจ็บทั้งสองคราว รักครั้งแรกนานเกือบสิบปีมาแล้ว ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่มาก แต่ชายคนแรกเข้าใกล้เธอได้ เพราะนิสัยคล้ายกัน ตัดสินใจเร็ว ทำอะไรไม่รีรอ พูดจาไม่อ้อมค้อม แต่วาจาสุภาพ เธอชอบเขา เพราะมองว่าเป็นคนเปิดเผย ไม่มีอะไรปิดบัง ชอบบอกชอบ ไม่ชอบก็บอกตรง ๆ

       สองปีแรกที่อยู่ด้วยกัน ทุกอย่างราบรื่นดี กำไรจากการค้าขายของชำ ทำให้พอมีเงินใช้จ่าย มีเวลาใกล้ชิดกันอย่างอบอุ่น ยามว่าง เขาสอนเธอหลายอย่าง ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ขับรถยนต์ ขี่ม้า และที่เธอโปรดปรานที่สุด คือ ยิงปืน เขาพาเธอไปแข่งอยู่สองครั้ง ไม่ได้รางวัลอะไรมาหรอก แต่ได้ประสบการณ์ และได้ซ้อมใจให้นิ่ง ในสถานการณ์ที่กดดัน

       หลังจากนั้นไม่ได้ไปอีก เธอเสียดายเงินที่ต้องใช้จ่ายหลายอย่าง ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่ากระสุน แต่ละครั้งมากพอดู เลยเลิกไปแข่ง เปลี่ยนเป็นซ้อมมือนาน ๆ ครั้ง ในสนามยิงปืนใกล้ ๆ แทน ด้วยปืน .38 สเปเชียล ขนาดกะทัดรัด ที่เธอเก็บไว้ป้องกันตัว พร้อมใบ ป.4 อนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน

       เวลาผ่านไปใจคนเปลี่ยน เขาเริ่มใช้เงินเปลือง ติดเหล้า ติดการพนัน กลับบ้านดึกทุกคืน ลิ้นกับฟันเริ่มกระทบกันบ่อยขึ้น แต่ยังพอทนได้ระยะหนึ่ง จนเขามีผู้หญิงอื่น เธอจึงรู้สึกตัวว่าถูกทิ้งเสียแล้ว

       เขาไปโดยไม่บอกลา ปล่อยเด็กสาวอย่างเธอตามชะตากรรม ช่วงแรกข่าวมีให้ได้ยินไม่ขาด ว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ก็วนเวียนอยู่กับสาวในบ่อน คนกลางคืน ทั้งร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่าง ๆ ตอนหลังได้ยินว่าเขามีรายได้ จากสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งจะเป็นอะไรเธอเดาไม่ออก และ ไม่อยากคิดถึง เรื่องเกี่ยวกับคนที่อยากลืม

       ในเมื่อที่อยู่เดิม มองแล้วปวดใจ เธอจึงย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้ ด้วยเงินเก็บที่พอมีอยู่ หม้ายสาวซื้อที่แปลงเล็ก ๆ ปลูกบ้านชั้นเดียวหลังไม่โตนัก ขายของชำเล็กน้อย พอได้กินได้เก็บมาเรื่อย ๆ จนร้านขยายขึ้นพอควร และหลายคนต่างยอมรับเธอ ตรงที่เธอสู้มาถึงทุกวันนี้ได้ ด้วยตัวคนเดียว

       หวนคิดถึงเรื่องเชิด จะว่าชายหนุ่มทิ้งเธอก็ไม่ถูก แต่จะให้อยู่กันต่อไป ในเมื่อเขามีคนประกาศตัวเป็นเจ้าของอย่างนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถ้าคนทางบ้านเขารู้เข้า จะเสียใจขนาดไหน คิดถึงตอนนี้ เธอถอนใจยาว นี่เรา เป็นชู้กับแฟนชาวบ้านหรือนี่

       นังนุชลากลับไปได้พักนึงแล้ว คงไปเข้ากลุ่มเม้ากันตามเคย แต่สงสัยอยู่อย่าง จะมีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเขาหรือเปล่านะ เรื่องแบบนี้ น่าจะลือกันไปก่อนแล้วละ ไอ้การที่คนเราไม่พูดออกมาตรง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิด และถึงเขาจะคิดหรือไม่คิด เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามอยู่ดี

       เธออยู่ไหนแล้วเชิด คิดแล้วเกิดสงสัยขึ้นมา คนชื่ออุ้มโทรมาตอนบ่ายโมงกว่า ๆ เชิดขึ้นรถตอนเช้า รถเที่ยวแรกน่าจะออกไม่เกินแปดโมงครึ่ง หกชั่วโมง ไม่น่านานขนาดนั้นถ้าเขาเป็นคนแถวภาคกลาง หรือทางเหนือ เพราะดูจากหน้าตาและสำเนียงพูดน่าจะอยู่โซนนี้แหละ ความจริงน่าจะเจอกันไปแล้ว คิดพลางยกโทรศัพท์ขึ้น โทรเข้าเครื่องที่ให้ชายหนุ่มไป ทันที

       สัญญาณไม่ว่างดังทุกครั้งที่หม้ายสาวโทรออกไป ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้าก็เหมือนเดิม เธอกดเบอร์นังนุชทันใด ใจเริ่มไม่สบาย

       “ฮัลโหลเจ๊” นังนุชเสียงแจ๋ว ได้ยินเสียงเพื่อนในกลุ่มคุยกันแซ่ด น่าจะอยู่ครบเซ็ต

       “เออ นุช เบอร์คนชื่ออุ้มยังอยู่หรือเปล่า” เจ๊แตงพูดรัว นังนุชตอบทันใจ

       “อยู่สิเจ๊ พี่เชิดกลับมาแล้วเหรอ” ลดโทรศัพท์ลง ทำสัญญาณให้พวกเบาเสียง กลัวพลาดเรื่องเด็ด

       “เปล่า โทรถามเค้าซิ เชิดถึงบ้านหรือยัง ชั้นติดต่อเค้าไม่ได้” น้ำเสียงเจ๊แตงเริ่มเครียด

       “อ้าว แล้วเจ๊จะให้ชั้นบอกว่า ก่อนหน้านี้ชั้นเจอพี่เชิดที่ไหนล่ะ” นังนุชกังวล เพราะแบ่งรับแบ่งสู้กับทางโน้นไว้ ไม่ได้คุยให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ว่าเรื่องมันเป็นยังไง

       “แกก็บอกความจริงเค้าไปให้หมดเลย ชั้นไม่มีอะไรต้องปิดบังนี่” ความเป็นห่วงชายหนุ่ม สำคัญกว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้นแล้ว ตอนนี้

       “จ้ะเจ๊ เดี๋ยวชั้นจัดการให้” รับคำเสร็จ วางสายจากเจ๊แตง นังนุชโทรหาอุ้ม รัตติยาทันที พรรคพวกนั่งมองตาไม่วาง ลุ้นตามไม่ต่างกับนั่งดูละคร

       เสียงนังนุชคุยโต้ตอบกับแม่ลูกสองอยู่นานพอควร เล่าเหตุการณ์เท่าที่เห็นมาตั้งแต่ต้น จนถึงวันนี้ที่ชายหนุ่มออกไปตั้งแต่เช้า โดยไม่มีใครรู้จุดหมาย ต่างก็เดากันว่า เขาไปบ้านเขาเอง

       เจ้านุชรับคำเสียง ค่ะ ค่ะ ทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนลดมือลง เสียงร้องไห้ดังลอดมาจากอีกฝั่ง ก่อนสายจะตัดไป เจ้ารุ่นน้องยกโทรศัพท์โทรหาเจ๊แตง เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา แต่ยังเดาไม่ออกว่าเป็นอะไร

       “ว่าไง” เสียงตื้ดแรกยังไม่สุดเสียงตอนเจ๊ กดรับ

       “เค้าบอกว่า พี่เชิดไม่ได้ไปบ้าน” มือหม้ายสาวเย็นเฉียบ ใจเต้นรัว หน้าชาไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ วูบหนึ่งนึกโกรธตัวเอง ไม่น่าปล่อยเขาไปเลย เจ็บใจคิดช้าไปหน่อย ชายหนุ่มหายดีหรือยังก็ไม่รู้ ความที่เห็นใจว่าเขาคิดถึงบ้าน เลยลืมคิดเรื่องนี้ไป

       “แล้วบ้านคนชื่ออุ้มเค้าอยู่ไหนน่ะ” เจ๊ถามเผื่อได้อะไรมารวมเป็นเรื่องราว

       “บ้านเค้าเหรอเจ๊ เค้าบอกอยู่สุโขทัย”

       เจ๊แตงขอบใจรุ่นน้องก่อนกดวางสาย แล้วโทรหาเชิดอีกครั้ง สัญญาณไม่ว่าง ดังขึ้นเหมือนเดิม..........

      มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่