..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๕..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา


                                                                              ..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )...........

       ตอนเดิมครับ

      
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

       ตอนที่ ๕

.................“ไง นังเล็กมีข่าวอะไรใหม่”

       เสียงนังดวงแจ้วมาพร้อมรถมอเตอร์ไซค์หยุดสนิทพอดีเป๊ะ นังเล็กกำลังจะอ้าปาก เสียงแปร๋นจากนังแอ๋วตามมาติด ๆ

       “ถามก็ไม่บอกนังนี่ ต้องมาเองอีก ไลน์กลุ่มก็มี” นังแอ๋วดับเครื่องรถจอดคู่กับคันแรก นังนุชซ้อนท้ายมาด้วยลงเดินฉับ ๆ ๆ มาที่ม้ายาวตัวเก่งใต้ต้นฉำฉา กลุ่มนี้นอกจากสามสาวที่โตมาด้วยกันแล้ว ยังมีอีกสี่ห้าคนที่สนิทกัน แต่ไปทำงานกันไกล ๆ นาน ๆ จึงจะได้เข้าก๊วนสักที ยกเว้นนังดาแม่ลูกอ่อนเจ้าบ้าน ที่ไปไหนไม่ได้กับเค้า วัน ๆ นอกจากเลี้ยงลูกก็จัดเตรียมสถานที่ไว้รอขาเม้าทั้งหลาย ซึ่งก็ได้ดีกับตัวเองตรงที่ไม่เหงา เวลาพรรคพวกมารวมตัวกัน

       “ถ้าไม่เวิร์คนะแก” นังนุชพูดแค่นั้นนั่งลงข้างนังเล็ก มองหน้ารอคำตอบจากเพื่อนสาว แล้วสายตาทุกคู่ก็มองมายังจุดเดียวกัน

       “เออน่า แล้วจะอึ้ง” นังเล็กพูดพลางยกโทรศัพท์ที่เปิดหน้าจอไว้ หันไปทางเพื่อน ๆ แล้วเลื่อนแขนจากซ้ายไปขวาช้า ๆ ให้ได้เห็นภาพในนั้นครบทุกคน

       “เฮ้ย พี่เชิด” นังนุชเสียงดังกว่าใคร เพราะตัวเองคุ้นหน้าชายที่อยู่หน้าจอขณะนี้อย่างดี คนอื่น ๆ ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ๆ นังดวงดึงมือที่ถือโทรศัพท์ไว้เข้าไปหาตัว อ้าปากค้าง ตาโต

       “จริงด้วยเว้ย เฮ้ย คนเดียวกันเป๊ะเลย” ก่อนหน้านั้นนังดวงไม่ค่อยได้เข้าไปซื้อของร้านเจ๊แตง ส่วนใหญ่จะรวม ๆ กันแล้วให้นังนุชไป ตัวเองก็นั่งเม้ารอ มีอยู่ครั้งสองครั้ง ตามนังนุชไปด้วย ดูสิว่าเค้าลือกันหล่อนักหล่อหนา เห็นแล้วก็งั้น ๆ พวกตามมาจีบนังดวงหน้าตาดีกว่านี้ตั้งเยอะ ที่เฉียดเข้าไปเพราะอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาให้พวกกรี๊ดสักที

       เสียงฮือฮาดังไม่ได้ศัพท์ นังเล็กผู้เพิ่งได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาหมาด ๆ นั่งอมยิ้มปล่อยให้พวกคุยกันให้พอใจ

       “ไง เวิร์คมั้ยแก” เย้ยเบา ๆ ก่อนดึงโทรศัพท์กลับมา วางหงายไว้บนโต๊ะ ตรงหน้านังดา ซึ่งได้เห็นชัดก็คราวนี้ ลำพังตัวเองวัน ๆ ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว เลยรู้เรื่องทีหลังเค้าตลอด

       “เค้าไม่ได้ชื่อ เชิดเว้ย เค้าชื่อ วสันต์” นังดาเลื่อนหน้าจออ่านรายละเอียดปากมุบมิบเสียงพอได้ยินทั่วทั้งวง

       “ชายในรูปหายออกจากบ้านไปสามวันแล้ว เฮ้ย คนเดียวกันเหรอ เค้าบอกสามวัน” นังดาจับผิดเพื่อน ในใจว่าใช่หรือเปล่าไม่รู้ เพราะตัวเองไม่เคยเห็นตัวจริง

       “แกดูวันที่ดี ๆ เค้าลงมากี่วันแล้ว” นังเล็กไม่ยอม กว่าจะเรียกรวมตัวกัน อ่านไปสิบกว่ารอบแล้ว ไม่พลาดแน่

       “เออ จริง ถ้านับถึงวันนี้ก็แปดวัน แล้วแกเจอได้ไง” ถามแล้วมองหน้ารอคำตอบกันเป็นแถว นังเล็ก อมยื้ม ทำท่าเบ่ง แต่พอได้ยินเสียงถอนหายใจแรง ๆ เลยรีบพูดเร็วปรื๋อ

       “ชั้นก็คอยดูอย่างพวกแกบอกนั่นแหละ หายังไงก็ไม่เจอ คิดไปคิดมา เอ ลองเลื่อนกลับไปวันเก่า ๆ ซิ เจอเว้ยโพสตกไปอยู่นู่น”  ประกาศมากมายในแต่ละวัน ทำโพสตกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องด่วน เรื่องไม่ด่วน ไม่รวมพวกที่ขายของ และรับสมัครคนมาทำงานทางอินเตอร์เน็ต รายได้วันละสามพัน นังเล็กเจอประกาศตามหาชายหนุ่มได้นี่ แสดงว่าวันนึงไม่วางโทรศัพท์เลยละ

       “ดูต่อซิ เค้ามีเบอร์ติดต่อด้วยแก” นังดาตื่นเต้นหลังจากนั่งเหงามาหลายวัน

       “ก็ต้องมีสินังนี่” เพื่อนเบรกเข้าให้อีก แต่นางไม่ถือเพราะโดนจนชินแล้ว

       “ชายในรูปชื่อ วสันต์ เป็นช่างภาพอิสระ ติดต่อกลับมาครั้งสุดท้าย บอกอยู่ที่เชียงราย” ทั้งวงฟังนิ่ง เดาว่าใครเป็นคนลงโพสนี้ เพราะไม่ได้บอกมา ดูชื่อ ดูรูปโปรไฟล์ เดี๋ยวนี้ก็เชื่อยาก เลยได้แต่คิดกันไป

       “มีโรคประจำตัว คือ ลมชัก ติดต่อกลับที่เบอร์........หรือหน้าเฟซนี้ได้เลย” นังดาอ่านจบ นังดวงหันมาหาเพื่อน ๆ ตาจ้องเจ้านุช

       “แกว่า เค้าตกเขาเพราะเป็นลมหรือเปล่า” ทุกคนไม่ตอบ แต่พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงคิดตาม

       “น่าเป็นไปได้ พี่ชายชั้นเคยวูบทีนึง ตอนขับรถไปงานบวชญาติ เกือบพากันลงเขาทั้งคัน ดีคนนั่งข้างจับพวงมาลัยรถประคองเข้าข้างทางได้ทัน” นังแอ๋วเล่าประสบการณ์ขวัญผวา ทำท่าขนลุกทั้งที่ผ่านมานานแล้ว

       “เค้าว่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน อยู่ดี ๆ ก็จะวูบไปเลย” นังดวงต่ออีกหน่อย

       “แล้วเราจะเอาไงต่อ” นังดาไกวเปลพลางถามพวก ชักอยากเห็นหน้าเจ๊แตงแล้วตอนนี้

       “ก็โทรไปสิ” นังดวงตอบ “บอกเค้าไปว่า พี่เชิด เอ๊ย คุณ วสันต์อยู่ที่ไหน”

       “มันจะดีเหรอ แล้วเจ๊แตงล่ะ” นังแอ๋วท้วงขึ้นมา

       “อ้าว จะเป็นไรล่ะ ก็เจ๊เค้ายืนยันตั้งแต่วันนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเค้ากับพี่เชิด ไม่ได้เป็นอะไรกัน” นังดวงคิดถึงคนที่รออยู่ทางบ้านชายหนุ่ม ผ่านมาหลายวันคงพากันกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความเป็นห่วง

       “แต่น่าจะบอกเจ๊เค้าหน่อยนะ” นังนุชแทรก “ยังไงเรากับเจ๊แตงก็ไม่ใช่ใคร หรือพวกแกว่าไง” ถามความเห็นซึ่งทุกคนต่างพยักหน้าพร้อมกัน

       “แต่เมื่อกลางวัน ชั้นผ่านร้านเห็นปิดอยู่นะ” นังแอ๋วบอกเพื่อน

       “ใช่ ชั้นไปหาตั้งแต่เช้าก็ไม่เจอแล้วละ” นังนุชพูดเบา ๆ คิดอยู่เหมือนกันว่าเจ๊ไปไหน

       “อ้าว งั้นแกลองโทรหาซิ ชั้นไม่ค่อยได้ไปซื้อของ ไม่รู้เรื่องกับเค้าเลย” นังดวงสั่ง เจ้านุชยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์เจ๊แตงแล้วยกขึ้นแนบหู สักครู่พูดขึ้นมา

       “สายไม่ว่างแฮะ หรือสัญญาณไม่มีก็ไม่รู้” ลองเรียกซ้ำอีกทีคราวนี้เปิดลำโพงให้ได้ยินทุกคน เสียง ตู๊ด ๆ ๆ ๆ ถี่ ๆ ดังสามสี่ครั้งก่อนเงียบไป ทุกคนนั่งนิ่งมองกันไปมา ครู่นึงนังดวงก็พูดขึ้น

       “ลองโทรไปเบอร์ที่เค้าลงไว้ซิ” หมายถึงประกาศหาวสันต์ นังนุชลังเล มองทีละคนแบบขอความเห็น เมื่อทุกคนนิ่งจึงเลื่อนโทรศัพท์นังเล็กมาใกล้ ๆ มองดูเบอร์ แล้วกดตามนั้น เมื่อกดโทรออกยกโทรศัพท์แนบหูนิ่งอยู่สักครู่จึงมองหน้าเพื่อนซึ่งจ้องกันอยู่ก่อนแล้ว พูดขึ้นว่า “ไม่ว่าง เหมือนกันเลยแฮะ”..........

..........ต้อย กับอุ้ม ตัดสินใจยกเลิกการตามหาวสันต์ เพราะมองแล้วไม่มีจุดให้เริ่มตรงไหนอีก จึงตกลงกันว่าจะไปตั้งหลักที่บ้าน และอีกอย่าง น้องปิ่นไม่ยอมหยุดงอแง คงยากที่จะไปต่อเพราะอาการของเด็กน้อย ทำให้สองสาวไม่สบายใจอย่างมาก ทั้งคู่ย้อนมาพักที่โรงแรมเตรียมตัวออกเดินทางในตอนเช้า เพราะถ้าเดินทางตอนนี้ ไปได้ครึ่งทางก็มืดแล้ว มีเด็กมาด้วยขับรถกลางวันจะปลอดภัยกว่ากัน

       หม้ายสาว และชายหนุ่ม กลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่มพอดี จากตอนแรกว่าจะค้างกันสักคืน เพื่อวันรุ่งขึ้นหนุ่มเชิดจะเดินดูรอบอุทยานอีกครั้ง หลังจากออกมาสักพักเขาบอกกับเธอว่า เริ่มนึกอะไรออกบ้างแล้ว จึงชวนกันกลับ

       ระหว่างทางเธอไม่ได้ซักอะไรเขา ได้แต่ชวนกันคุยแก้ง่วงไปเรื่อยเปื่อย เชิดเป็นคนคุยสนุกหลังจากอาการดีขึ้นอย่างมาก ทำให้หม้ายสาวรู้สึกว่า ระยะทางจากเชียงราย ถึงพิษณุโลกนั้นใกล้นิดเดียว

       ฝนพรำ ๆ ต่างกับแรงลมที่กระโชกอย่างแรง กลิ่นดินชื้นอบอวลแม้ในห้องนอน ไอเย็นชุ่มฉ่ำทำบรรยากาศในบ้านสบาย ชายหนุ่มนอนตะแคงบนที่นอนหนานุ่มมองหม้ายสาวที่เพิ่งอาบน้ำเข้ามา นั่งอยู่หน้ากระจกเตรียมแปรงผม เธอหันมองเขาเอียงคอขมวดคิ้วถามเบา ๆ

       “อ้าว ไม่อาบน้ำเหรอเชิด” ชายหนุ่มยิ้มพลางขยับขึ้นใช้มือค้ำศีรษะ ศอกยันที่นอนไว้ก่อนตอบเธอ

       “เดี๋ยวอาบพี่ พักแป๊บนึง” เธอมองหน้าเขา แปลกใจในน้ำเสียงที่เรียบ ๆ

       “มีไรหรือเปล่าเชิด” ถามแล้วหันมองกระจก มือถือแปรงค่อย ๆ วางลงบนเส้นผม ลากลงเบา ๆ ตามองเงาสะท้อนชายหนุ่ม ที่ลุกขึ้นนั่งมือท้าวที่นอนห้อยเท้าลงยันพื้น

       “ผมคิดว่าผมรู้แล้ว ว่าจะเริ่มที่ไหน” มือเธอหยุดนิ่งทันที วางแปรงลง หันกลับมามองชายหนุ่มที่มองอยู่ก่อนแล้ว

       “แล้วยังไง” เธอถามพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดแต่ยังไม่ดีพอ

       “ผมจะไปดูให้แน่ใจ ว่าผมทำอะไรได้มั่ง”

       “พี่ต้องไปด้วยมั้ย” เสียงหายสั่นแล้วแต่ยังฟังห้วนอยู่ เธอยิ้มกลบเกลื่อนทำสีหน้าให้แช่มชื่น มองดูแล้วเขาไม่ดีใจสักนิด ที่ตัวเองเริ่มนึกอะไรออก ทำให้เธอนึกหวั่นใจว่า อะไร ที่ทำให้เขาไม่สบายใจ

       “ไม่ต้องหรอกพี่ ผมไปไม่นานก็กลับ” หม้ายสาวหันกลับมาทางกระจกหยิบแปรงขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมองไม่เห็นเงาตัวเองรู้สึกตาพร่ามัว ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้ามาโอบไหล่เธอจากด้านหลัง พลางก้มลง แนบแก้มกับใบหน้าหม้ายสาว รู้สึกถึงน้ำใส ๆ ที่ชุ่มแก้มนั้น ยกมือเช็ดเบา ๆ พลางปลอบใจว่า

       “ไม่ต้องกังวลไปหรอกพี่ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง กลับมาผมจะเล่าให้ฟังหมดเลย” เธอพยักหน้าเบา ๆ ลุกขึ้นเดินไปเอนตัวลงบนที่นอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหน้าอก พลิกตัวหันเข้าผนังหายใจเข้าลึกยาวพูดเบา ๆ

       “เงินในลิ้นชักเอาติดตัวไปให้พอนะเชิด ไม่ต้องหามาคืนพี่หรอก โทรศัพท์เครื่องขาวเอาไปด้วยเผื่อได้ใช้” เขาตอบรับเบา ๆ จับแขนเธอไว้ เมื่อเห็นว่าไม่มีการโต้ตอบจากเธอ ก็ปล่อยมือ แล้วล้มตัวลงนอน

       เสียงอึ่งอ่างดังกังวานอยู่ในบึงเล็กถัดไปไม่ไกล เขียดประสานเสียงฟังวังเวง ฝนหยุดตกแล้ว ทิ้งความชุ่มชื้นไว้บนพื้นดิน จิ้งหรีดเริงร่า กรีดปีกดังเข้าจังหวะรับกันระงม หม้ายสาวนอนนิ่งข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา นึกถึงสีหน้า ที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงตัวน้อย ตอนอยู่หน้าอุทยาน................

       มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่