Memory in Motion : บทสุดท้าย



เพลงประกอป
  คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ค่ำคืนนี้เป็นคืนพิเศษสำหรับกวิน

เขาเพิ่งเปิดนิทรรศการ “ภาพสะท้อนแห่งความทรงจำ” ที่หอศิลป์กลางเมือง ผลงานชุดนี้ประกอบด้วยภาพวาดขนาดใหญ่ 12 ชิ้น บอกเล่าเรื่องราวของการพบเจอและความผูกพันริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

ชิ้นแรกเป็นภาพม้านั่งไม้เก่าใต้ต้นไม้ใหญ่ในยามเย็น มีเงาของหญิงสาวนั่งอ่านหนังสืออยู่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นถูกวาดด้วยสีทองระยิบระยับ รับกับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ยามพลบค่ำ

ชิ้นที่สองเป็นภาพมือที่กำลังวาดรูปในสมุดสเก็ตช์ มีขนมคุกกี้วางอยู่ข้าง ๆ ราวกับส่งกลิ่นหอมกรุ่นทะลุผืนผ้าใบ

ชิ้นที่สามเป็นภาพสายฝนเทลงบนผืนน้ำ มีร่มสีชมพูที่ล้มอยู่ริมท่า เสมือนสื่อถึงการจากไปโดยไม่ทันได้เตรียมใจ

แต่ละภาพถูกวาดด้วยเทคนิคพิเศษที่กวินคิดค้นเอง เขาผสมผสานสีน้ำมันเข้ากับการปะติดเศษวัสดุจากความทรงจำ ใบไม้แห้งจากต้นไม้ริมน้ำ กระดาษจากสมุดวาดรูปเก่าของรินรดา และแม้กระทั่งเศษผ้าจากร่มสีชมพูที่เคยล้มอยู่ในสายฝนวันนั้น

โดยเฉพาะภาพสุดท้ายที่เป็นภาพม้านั่งว่างเปล่าใต้แสงจันทร์ แต่กลับมีเงาสะท้อนในน้ำเป็นภาพของหญิงสาวกำลังยิ้ม 

แทนที่จะอยู่ร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ
กวินกลับเลือกที่จะเดินออกมายามค่ำคืน มุ่งตรงสู่ สถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมด—ม้านั่งไม้เก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาเคยบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าจะนำข่าวดีมาเล่าให้ใครบางคนฟัง แม้จะรู้ดีว่านั่นเป็นความปรารถนาอันเลือนลางก็ตาม

สายลมยามค่ำพัดโชยอ่อน ๆ ผ่านต้นไม้ใหญ่ริมน้ำ เสียงใบไม้กระทบกันดังแผ่วเบา ราวกับบทเพลงธรรมชาติที่ขับกล่อมยามราตรี แสงไฟจากโคมประดับตามต้นไม้ส่องสว่างริบหรี่ สะท้อนบนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ กวินหย่อนกายนั่งลงบนม้านั่งไม้ตัวเดิม

ม้านั่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทั้งจุดเริ่มต้นของมิตรภาพและความทรงจำอันไม่อาจลืมเลือน

เสียงเพลงแผ่วเบาลอยมาตามสายลม จากร้านกาแฟที่เขารู้จักดี มันเป็นเพลงเก่า ๆ พูดถึงความรักและการพลัดพราก คล้ายสะท้อนกับเรื่องราวที่กวินเก็บไว้ในหัวใจ ความทรงจำมากมายแทรกตัวเข้ามา ทั้งภาพรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย และเสียงหัวเราะสดใสของหญิงสาวผู้จากไป ราวกับโซ่ตรวนที่ล่ามเขาไว้กับสถานที่แห่งนี้  ทุกค่ำคืนเขาจะกลับมา นั่งมองเงาสะท้อนของแม่น้ำด้วยความหวังลึก ๆ ว่า วันหนึ่ง... อาจจะได้เจอเธออีกครั้ง

ค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน กวินเงยหน้ามองแม่น้ำตรงหน้า ใจเขานึกถึงผลงาน “ภาพสะท้อนแห่งความทรงจำ” ที่เพิ่งประสบความสำเร็จ หากแต่ว่า “ความสำเร็จ” นี้ไม่อาจสมบูรณ์ได้เลย เมื่อคนที่เขาอยากแบ่งปันช่วงเวลานี้มากที่สุด ไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกต่อ รินรดาก็ “หายไปอย่างไร้ร่องรอย” โดยไม่บอกว่ากลับมาได้เมื่อไร หรือจะกลับมาจริงไหม   ทิ้งไว้เพียงสมุดสเก็ตช์และความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนไปจากหัวใจของกวิน

แฟลชแบ็ค - 5 ปีก่อน

ฤดูร้อนปีนั้น อากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ แต่ริมแม่น้ำเจ้าพระยากลับให้ความรู้สึกเย็นสบาย รินรดา หญิงสาวอายุ 18 ปี เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยใกล้กับริมแม่น้ำ เธอเป็นเด็กสาวร่าเริง มีรอยยิ้มสดใส และดวงตาที่เป็นประกายเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่เธอรัก ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป การอ่านหนังสือ หรือการนั่งฟังเสียงธรรมชาติริมน้ำ

วันนั้นเป็นวันแรกที่เธอค้นพบม้านั่งไม้ตัวนี้ หลังเลิกเรียน เธอเดินสำรวจบริเวณริมแม่น้ำและพบว่าที่นี่เป็นจุดที่สวยที่สุด ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา มองเห็นวิวแม่น้ำกว้างไกล แต่เมื่อเดินมาถึง เธอพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว

กวิน อาจารย์หนุ่มจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ กำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยสีหน้าสงบ แสงแดดยามเย็นส่องผ่านใบไม้ลงมากระทบใบหน้าของเขา สร้างเงาสวยงามบนหน้ากระดาษ

"ขอโทษนะคะ พี่..." เสียงใสของรินรดาดังขึ้น "รบกวนนั่งด้วยได้ไหมคะ?"

กวินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ดวงตาของเขาสบเข้ากับดวงตาใสซื่อของเธอ และในวินาทีนั้น เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย รอยยิ้มของเธอ... มันช่างบริสุทธิ์และงดงาม

"ได้สิครับ" เขาขยับตัวให้เธอนั่ง "น้องเป็นนักศึกษาใหม่เหรอครับ?"

"ค่ะ" เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม "หนูชื่อรินรดาค่ะ เพิ่งเข้าปีหนึ่งคณะศิลปกรรม"

"อ๋อ" กวินยิ้ม "พี่สอนอยู่คณะเดียวกันพอดีเลย"

นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่พิเศษ ทั้งสองเริ่มพบกันที่ม้านั่งตัวนี้บ่อยขึ้น บางครั้งก็นั่งเงียบ ๆ อ่านหนังสือด้วยกัน บางครั้งก็คุยกันเรื่องศิลปะ และบางครั้งก็แค่นั่งมองพระอาทิตย์ตกด้วยกัน

กลับมาปัจจุบัน 

กวินมักจะนึกถึงช่วงเวลานั้นอยู่เสมอ ช่วงเวลาที่เขาได้พบกับรินรดา เธอเปรียบเสมือนแสงสว่างที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเขาในวันที่หม่นหมอง รอยยิ้มของเธอ ดวงตาที่เปล่งประกาย และเสียงหัวเราะที่ดังสดใส ล้วนเป็นสิ่งที่เขาอยากจะรักษาไว้ตลอดไป
โลกไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาอยู่ด้วยกันนานอย่างที่เขาคิด ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้รู้จักและรักเธอกลายเป็นเหมือนความฝันที่เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริง

"พี่กวิน..." เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง กวินสะดุ้งและหันไปมอง เขาพบกับรินรดา เธอยืนอยู่ที่เดิม ในชุดกระโปรงสีขาวเรียบง่าย ใบหน้ายิ้มละมุน ดวงตาเปล่งประกายอย่างที่เขาจำได้

"ริน?" เขาเอ่ยด้วยความตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน "เป็นเธอจริง ๆ ใช่ไหม?"

เธอยิ้มและ  พูด "พี่ดูเศร้าจัง... ทำไมพี่ถึงไม่ยิ้มเหมือนเดิมล่ะคะ?"

กวินมองเธอ ใจเขาสั่นไหวทั้งด้วยความดีใจและความสับสน เขาไม่อาจบอกได้ว่าเหตุการณ์นี้คือความจริงหรือเพียงภาพหลอนที่หัวใจอันเหนื่อยล้าของเขาสร้างขึ้นมา

"พี่คิดถึงรินมาก..." เขาพูดเสียงเบา น้ำเสียงเจือความเจ็บปวด "หายไปไหนมาตั้งนาน?"

เธอยิ้มบาง ๆ "หนูไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ หนูยังอยู่ที่นี่...กับพี่เสมอ"

คำพูดของเธอทำให้หัวใจของกวินกระตุก เขาพยายามเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในตอนนี้ เขาเพียงแค่รู้สึกดีใจที่ได้เห็นเธออีกครั้ง แม้จะไม่มีคำอธิบายใด ๆ ก็ตาม

แฟลชแบ็ค: 4 ปีก่อน

รินรดาและกวินนั่งอยู่ด้วยกันที่ริมแม่น้ำในวันฟ้าสดใส เธอถือสมุดสเก็ตช์เล่มโปรดและวาดภาพต้นไม้ใหญ่ ขณะที่เขานั่งอ่านหนังสือเคียงข้างเธอ
"พี่กวิน... ชอบภาพนี้ไหมคะ?" เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มสดใส ยื่นสมุดให้เขาดู
กวินมองภาพวาดต้นไม้ใหญ่และม้านั่งไม้ในสมุดนั้น ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่ชอบมากเลย น้องรินวาดเก่งจริง ๆ"
เธอยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย "จริงเหรอคะ หนูว่าตรงกิ่งไม้นี่มันยังดูแปลก ๆ ไปหน่อย พี่คิดว่าไงคะ?"
กวินขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อดูภาพในสมุดของเธอ "พี่ว่า...มันก็สวยดีนะ แต่ถ้าน้องรินอยากให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้น ลองเพิ่มเงาตรงนี้หน่อยไหม?" เขาชี้ไปที่มุมภาพ
เธอพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ขอบคุณค่ะพี่ หนูจะลองแก้ดูนะ" เธอเริ่มลงเส้นในสมุดอีกครั้ง ขณะที่กวินนั่งมองเธอด้วยรอยยิ้ม
"น้องรินดูตั้งใจจัง" เขาพูดขึ้น
เธอหันมามองพร้อมหัวเราะเบา ๆ "ก็หนูอยากให้พี่กวินชอบภาพของหนูนี่คะ"
กวินหัวเราะตอบ "พี่ชอบทุกอย่างที่น้องรินทำอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลหรอก"
เธอหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง "แล้วพี่กวินล่ะคะ กำลังอ่านอะไรอยู่?"
กวินยกหนังสือที่เขาถืออยู่ขึ้นมาให้เธอดู "เป็นบทกวีครับ พี่ชอบอ่านเวลามีสมาธิ มันช่วยให้พี่คิดอะไรได้เยอะขึ้น"
รินรดายิ้ม "หนูก็ชอบบทกวีค่ะ แต่หนูไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้งเหมือนพี่หรอก"
กวินส่ายหน้าเบา ๆ "บทกวีไม่ได้ต้องการให้ใครเข้าใจหรอกนะ มันแค่ต้องการให้เรารู้สึก พี่ว่ารินรดารู้สึกถึงมันอยู่แล้วล่ะ"
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเปล่งประกายด้วยความซาบซึ้ง "พี่กวินพูดแบบนี้ หนูเริ่มอยากอ่านบทกวีเพิ่มแล้วล่ะค่ะ"
เขายิ้ม "งั้นครั้งหน้าพี่จะเอาบทกวีที่พี่ชอบมาให้น้องรินอ่านดีไหม?"
เธอพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "ดีสิคะ  หนูอยากรู้ว่าพี่กวินชอบบทไหน"

ทั้งสองนั่งพูดคุยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น รินรดาเริ่มเล่าเรื่องราวในชีวิตของเธอเกี่ยวกับความฝันและเป้าหมายในอนาคต ขณะที่กวินนั่งฟังอย่างตั้งใจ

"พี่กวินเคยคิดไหมคะ ว่าถ้าเราได้ทำในสิ่งที่รักจริง ๆ ทุกวันมันจะเป็นยังไง?" 

เธอถามพลางมองแม่น้ำ กวินยิ้มบาง ๆ "พี่ว่ามันคงเหมือนตอนนี้ล่ะ ได้อยู่กับคนที่ทำให้เรามีความสุข มันก็คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว"
รินรดาหันมามองเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "หนูก็คิดเหมือนกันค่ะ พี่กวินทำให้หนูรู้สึกว่าทุกวันที่ได้อยู่ตรงนี้มันมีค่ามากจริง ๆ"

กลับมาปัจจุบัน 

เธอกำลังเดินกึ่งวิ่งมาหาเขาเหมือนที่เคยทำในอดีต ผมยาวสลวยของเธอปลิวไสวตามลม ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มสดใส ดวงตาเปล่งประกายราวกับวันวาน
"พี่กวิน! หนูมาช้าไปหรือเปล่าคะ?" เธอพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ

กวินหันมองเธอ ราวกับว่าหัวใจที่เคยเหน็บหนาวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง "
น้องริน... พี่ไม่ได้สนหรอกว่ารินจะมาช้าหรือไม่ แค่ได้เห็นรินพี่ก็ดีใจมากแล้ว"

เธอนั่งลงข้างเขา  
"พี่พูดแบบนี้ หนูเขินนะคะ พี่กวินนี่...ยังอบอุ่นเหมือนเดิมเลยค่ะ"

เขายิ้มบาง ๆ มองดูเธอใกล้ ๆ 
"แล้วรินล่ะ เป็นยังไงบ้างช่วงที่ผ่านมา? พี่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอรินอีก..."

รินรดาหัวเราะเบา ๆ แต่แฝงไว้ด้วยแววตาที่ดูสับสนเล็กน้อย 
"พี่กวิน... หนูรู้สึกเหมือนหนูอยู่ที่นี่เสมอเลยค่ะ ราวกับว่า...ไม่เคยจากพี่ไปไหน"

กวินมองเธอ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "พี่เองก็คิดถึงรินเสมอ ทุกครั้งที่พี่มาที่นี่ พี่ก็หวังว่าจะได้เจอรินอีกครั้ง และวันนี้มันก็เป็นจริง..."

รินรดายิ้มเศร้าเล็กน้อย "พี่กวิน... หนูรู้สึกแปลก ๆ เหมือนบางอย่างมันพร่าเลือน แต่หนูจำไม่ได้ว่ามันคืออะไร... หนูไม่เข้าใจค่ะ"

กวินเอื้อมมือไปจับมือเธอ แต่กลับพบว่ามือของเขาสัมผัสเพียงอากาศว่างเปล่า เขานิ่งไปด้วยความเจ็บปวด แต่พยายามเก็บมันไว้ในใจ 

"ไม่เป็นไรหรอกน้องริน... แค่ ริน มาอยู่ตรงนี้ พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"

เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง 

"พี่กวิน... หนูดีใจจริง ๆ นะคะที่ได้อยู่กับพี่อีกครั้ง พี่ทำให้หนูรู้สึกเหมือนโลกนี้ยังสวยงามเหมือนเดิมเลยค่ะ"

กวินยิ้มพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตา เขาหลบตามองลงไปที่เงาสะท้อนในแม่น้ำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง

"พี่ก็เหมือนกันน้องริน... พี่ดีใจที่ได้รินอยู่ในชีวิตของพี่ ถึงแม้ว่า..."

เขาหยุดคำพูดไว้ในใจ ไม่กล้าพูดความจริงที่กำลังทิ่มแทงใจของเขาออกมา เธอเอียงศีรษะมองเขาเหมือนอยากถาม แต่สุดท้ายก็เพียงแค่ยิ้มให้เขาอีกครั้ง

"พี่กวิน..." เธอพูดขึ้นเบา ๆ "

หนูจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เรานั่งคุยกันใต้ต้นไม้นั้น หนูอยากเล่าอะไรให้พี่ฟังมาก ๆ แต่หนูกลับจำไม่ได้ว่ามันคืออะไร"

กวินยิ้มเศร้า ๆ "ไม่เป็นไรหรอกน้องริน บางทีความทรงจำที่พร่าเลือนก็อาจไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่เรามีให้กันตอนนี้"

เธอหัวเราะเบา ๆ "พี่พูดเหมือนบทกวีที่พี่อ่านให้หนูฟังเลยค่ะ จำได้ไหมคะ บทที่พูดถึงความรักที่อยู่เหนือกาลเวลา?"

กวินพยักหน้า "พี่จำได้ บทนั้นรินชอบมาก พี่เองก็จำได้ว่ามันเป็นบทที่เรานั่งอ่านด้วยกันครั้งสุดท้าย"

รินรดายิ้ม ดวงตาเริ่มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา "พี่กวิน... หนูอยากให้เวลานี้คงอยู่ตลอดไปจังเลยค่ะ"

เขามองเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 "ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ความทรงจำของพี่ที่มีต่อรินจะไม่มีวันเลือนหายไป"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่