..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๘..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                                                 ..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )..........

    ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

       ตอนที่ ๘

..........หม้ายสาว กดวางสายทันที หันมองหน้าเชิด ว่าแล้วทำไมชื่อแรกที่คิดให้ชายหนุ่ม จึงเป็นชื่อนี้ เชิด เลิศ จิตใต้สำนึกนี่ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ แม้ในความคิดจะไม่มีชายคนนั้นอยู่ แต่แล้วเขายังคงติดอยู่ข้างในลึก ๆ ฝังแน่นอย่างไม่รู้ตัว

        ถ้าจะถามเธอว่า สิบปีที่ผ่านมาลืมเขาได้หรือไม่ คำตอบน่าจะเป็นคำถามย้อนกลับมา ว่า เขาผิดอะไร เขาทิ้งเธอไป นี่คือคำตอบ แค่นั้นเองหรือ ใช่ แค่นั้น แล้วถ้าก่อนหน้านี้เค้ามาขอคืนดีด้วย ถ้าวันนั้น เป็นเลิศ ไม่ใช่เชิดล่ะ หม้ายสาวกัดริมฝีปากล่างจนรู้สึกเจ็บ ไม่อยากคิดต่อไป ใช่ เจ็บ เพราะเจ็บ จึงต้องหนีให้ไกล แต่จะลบอย่างไร ในเมื่อ เขาคือรักแรกของเธอ

        เสียงเรียกเข้าดังอีกครั้ง เชิดมองเบอร์ที่ขึ้นโชว์ จำแม่นเป็นของอุ้ม หันมาพูดกับเจ๊แตงเสียงเครียด

       “เบอร์อุ้ม พี่แตง” ทั้งสองคนเริ่มเข้าใจบางอย่างทีละนิด แต่เชิดยังสงสัยอยู่ว่า คนคนนี้ เกี่ยวกับอุ้มได้อย่างไร

       “เชิดรู้จักผู้ชายคนนี้มั้ย” หม้ายสาวหันมองชายหนุ่ม เขาส่ายหน้าช้า ๆ

       “เขาชื่อพี่เลิศ เคยคบกับพี่ นานแล้ว” เชิดนิ่งไป ทำหน้ากังวลหนักกว่าเดิม

       “พี่เลิศ พี่เลิศ อุ้มเคยเล่าให้ฟังถึงแฟนเก่าชื่อเลิศเหมือนกันพี่ ไม่รู้ใช่คนเดียวกันหรือเปล่า” ชายหนุ่มคิดตามช้า ๆ

       หน้าจอคอมดับไปเพราะไม่ได้ใช้งาน นานตามที่ตั้งเวลาพักหน้าจอไว้ เจ๊แตงขยับเม้าส์ไปมา หน้าจอกลับมาติดเหมือนเดิม คลิกที่กลางจอครั้งหนึ่งภาพที่นั่งดูกันอยู่เมื่อครู่ก็กลับมา หม้ายสาวเลื่อนหารูปที่ต้องการ

       มีภาพสุดท้ายที่พอมองเห็น ชายสามคนหันมองมาทางกล้อง เจ๊แตงคุ้นตาคนที่สูงกว่าคนอื่น แต่งตัวดูดี หน้าตาเกลี้ยงเกลา ผิวขาว เธอค่อย ๆ กลิ้งเม้าส์ขยายขึ้นมาระดับหนึ่ง หยุดลงก่อนที่ภาพจะแตกจนเบลอ ถอยกลับนิดที่ความคมชัดเท่าที่ทำได้ ดวงตาที่มองมา เหมือนกับกำลังจ้องมองเธอ แม้จะไม่ชัดเจนเท่าไร แต่ก็ใช่เขา พี่เลิศ

       หม้ายสาวชี้ให้เชิดดู เขามองแล้วนิ่งไป อุ้ม เคยบอกว่า พี่เลิศ ไม่ชอบถ่ายรูป เลยไม่มีรูปคู่ด้วยกัน ได้แต่พยักหน้าเมื่อเลื่อนภาพไปมาจนเห็นทั้งสามคน ที่ต้องคุ้นเคยกัน จึงจะรู้จักหน้า อีกสองคนถึงจะไม่ชัด แต่เขาจำได้ไม่ลืม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากตัดไปเมื่อไม่มีคนรับ

       “ฮัลโหล แม่สาวน้อย ทำไมรับช้าจัง” เสียงอย่างคนอารมณ์ดี ดังทันที ที่เจ๊แตงเลื่อนหน้าจอรับสาย

       “พี่เลิศจะเอาอะไร แล้วพี่ได้เบอร์แตงมาจากไหน” หม้ายสาวถามเสียงห้วน ถ้าแสดงทีท่าว่ากลัว หรืออ่อนข้อให้ คนคนนี้จะรุกหนัก

       “โถ โถ โถ ดุจังนะน้องแตง พี่แค่อยากได้ของที่อยู่กับเจ้าหนุ่มนั่น ก็เท่านั้น” หนุ่มใหญ่พูดอย่างใจเย็น หม้ายสาวคิดหนัก เสียงแบบนี้ ถ้าพี่เลิศไม่มีไพ่เหนือกว่า ก็แกล้งอำแล้วละ

       “ใคร พี่เลิศหมายถึงใคร แตงไม่รู้จัก” เจ๊แตงลองหยั่งเชิงไปก่อน

       “น่า อย่าทำไก๋สิน้อง วสันต์น่ะ เค้าแฟนอุ้ม ส่วนอุ้มกับพี่ เราไม่มีอะไรปิดบังกันอยู่แล้ว แต่เจ้าหนุ่มนั่น เค้ากำลังปกปิดอะไรแตงหรือเปล่า”

       เชิดขยับปากจะพูด เจ๊แตงยกมือห้ามไว้ การทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธ เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธ มือเปล่า หรือด้วยวาจา หม้ายสาวรู้ดีถึงชั้นเชิงการยุแหย่ให้เสียสมาธิ และเมื่อคนเราทำอะไรโดยใช้อารมณ์เป็นใหญ่ โอกาสพลาดก็มีสูง

       “ชั้นจะบอกเค้าให้เอง ว่าพี่โทรมา แค่นี้นะ” ทำท่าจะวางสาย กับพี่เลิศ เราต้องเหนือกว่าไว้ หม้ายสาวคิด

       “จุ๊ จุ๊ จุ๊ วางเลยก็ได้นะสาวน้อย แต่ฝากถามเจ้าหนุ่มนั่นหน่อย ว่าผู้หญิงสองคน อยู่คนละที่กัน เค้าจะช่วยใครก่อน”

       “เฮ้ย......” เชิดไม่สนใจอะไรแล้ว ตัวเขาคนเดียว จะทำให้เจ๊แตง กับอุ้มเดือดร้อนได้ยังไง แต่เลิศวางสายไปก่อน และปิดโทรศัพท์ เพราะเจ๊แตงลองโทรกลับ กี่ครั้งก็ไม่มีสัญญาณ

       หม้ายสาวใคร่ครวญช้า ๆ ถ้าจะมีจุดอ่อนตรงไหนที่พี่เลิศจะได้เปรียบ ก็คงเป็นเชิดนี่แหละ เพราะเขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง เห็นอกเห็นใจคน และยอมลำบาก เพื่อคนอื่นมีความสุข ไม่มีทางยอมให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเอง

       “ผมจะไปหาเค้าเอง” เชิดดึงเมมโมรี่การ์ดออก เก็บใส่กล่องพลาสติก ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ลุกขึ้นยืน

       “มันอันตรายนะเชิด พี่เลิศเค้าไม่เหมือนคนอื่น” หม้ายสาวเตือน มองชายหนุ่มด้วยความกังวล กับตัวเองเธอไม่ห่วงหรอก เพราะรู้ดีว่า ตอนนี้พี่เลิศยังพุ่งเป้าไปที่เชิดอยู่ ตราบใดที่เธอยังไม่จี้ตรงจุด จนเขาเก็บอาการไม่อยู่ หนุ่มใหญ่ จะยังไม่ยุ่งกับเธอ

       “เรื่องมันเกิดที่ผม แล้วพี่เลิศเค้าต้องการผมคนเดียว ผมคิดว่าน่าจะคุยกันได้ไม่ยาก” ภาพที่ได้มาเห็นชัดแค่ตัวรถ คนทั้งหมดถ้าไม่คุ้นหน้ากันก็มองไม่ออก เป็นเพราะความรีบร้อน ทำให้เขาลืมว่าปรับโฟกัสให้ไปชัดที่ฉากหลัง เพื่อถ่ายภูเขาลูกที่อยู่ถัดไปไม่ไกล ส่วนเรื่องราวในภาพ ไม่น่าจะปะติดปะต่อได้ เพราะไม่ได้เป็นภาพเคลื่อนไหว และไม่มีเสียงประกอบ ถ้าชายชื่อเลิศ เห็นรูปทั้งหมดก็น่าจะเบาใจ และเรื่องทั้งหมด คงจบลงอย่างไม่ยากเย็น

       “ไปดูอุ้มก่อนดีมั้ย” เจ๊แตงพูดขึ้นมา เลิศน่าจะไปบ้านอุ้มมาแล้ว ส่วนแม่ลูกสองตอนนี้จะเป็นยังไง ยังไม่มีใครรู้ เชิดมองเจ๊แตงนิ่ง แต่เวลานี้ ยังไม่เหมาะที่จะคุยอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะ ความในใจ

       พูดถึงอุ้ม ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าหญิงสาวด้วยความเห็นใจ ความรู้สึกแรก จากวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าไม่รวมถึง เจ๊แตง ที่ความรู้สึกนั้นต่างกันออกไป

       อุ้มเป็นคนเรียบ ๆ ไม่จุกจิก การเป็นอยู่ง่าย ๆ งานบ้านงานครัว ถ้าไม่ติดลูกน้อยที่คอยพัวพัน นับว่าอยู่ในขั้นดี ใครที่ชอบชีวิตแบบเรียบง่าย จะรู้สึกว่าอยู่ใกล้ ๆ แล้วมีความสุข ถ้าใครชอบชีวิตติดหรู หรือชอบสังคมสังสรรค์ จะรู้สึกว่าอุ้มเป็นคนจืดชืด

       แต่เธอเป็นคนรักครอบครัว รักลูก และไม่เจ้าชู้ ข้อนี้สำคัญ เพราะเขาเองตอนไปทำงาน ต้องห่างบ้านครั้งละหลายวัน ถ้าคนที่บ้านไว้ใจไม่ได้ คงอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข ถ้าถามว่ารักอุ้มแค่ไหน คงบอกได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา อยู่กันด้วยความเข้าใจ และเห็นใจมากกว่า

       ทางด้านเจ๊แตง เขามั่นใจว่า ถ้าในยามปกติ ได้มาพบกันด้วยเหตุใดก็ตาม หม้ายสาวคงไม่มองคนอย่างเขาแน่นอน เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะรัก หรือสนใจใครง่าย ๆ และไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าชู้ ที่เห็นผู้ชายเป็นขนม จะด้วยความหลังที่เจ็บปวด ทำให้ปิดกั้นใจไว้ หรือความเป็นคนคล่องตัว ไปไหนมาไหนไม่มีพิธีรีตอง ทำอะไรด้วยตัวเองได้ทุกอย่าง ค้าขาย งานบ้าน งานครัว ดังนั้น คนอย่างเจ๊แตงไม่ต้องมีใคร ก็อยู่ด้วยตัวเองได้อย่างสบาย

       ที่เขาเข้าใกล้หม้ายสาวได้ขนาดนี้ เป็นเพราะอุบัติเหตุที่ผ่านมาอย่างไม่ต้องสงสัย การช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่มีทิศทางที่จะไป นั่นทำให้เจ๊แตง ซึ่งเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว ยอมให้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วย และความใกล้ชิด ผสมกับความเห็นใจอีกนั่นแหละ ที่ทำให้เรื่องราวระหว่างเขา กับหม้ายสาวพัวพันกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ถามว่า รักเจ๊แตงไหม จะเรียกว่าอะไรดี ความรู้สึกในใจที่มีให้กับหม้ายสาวในเวลานี้ ถ้าจะให้อธิบายออกมาเป็นคำพูด เชิด ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

       ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ แก้ไปทีละเรื่องก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้ไปดูอุ้ม แล้วไปหาพี่เลิศ ถึงตอนนี้เขายังมั่นใจ ยังไงเรื่องพี่เลิศไม่น่ายาก เพราะในรูปไม่น่าจะมีอะไรโยงไปถึงพี่เค้าได้ ถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ที่หม้ายสาวให้ไป ขึ้นมากดเปิดเครื่อง เขามัวยุ่งกับเรื่องอื่น ๆ ทั้งวัน เลยไม่ได้สนใจ

       หันไปมองเจ้าเต้ ซึ่งทำท่าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ใจห่วงเจ๊แตง แต่คิดภาพที่เธอยิงไล่เลิศและพวกไป ก็เบาใจ อีกอย่างเขากำลังจะไปหาเลิศอยู่แล้ว หนุ่มใหญ่จะมาที่นี่ทำไม

       คิดแล้วขยับตัวพยักหน้าให้เจ้าเต้ตามมา เจ๊แตงลุกยืนขึ้น จะเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มก็ลังเล ตอนนี้ไม่น่าจะเหมาะ เชิดยิ้มจับมือสองข้างของหม้ายสาวไว้ มองสบตาที่เหมือนไร้ความรู้สึก แต่ลึก ๆ เขาค้นไม่ถึงข้างใน

       “เสร็จเรื่องแล้วผมจะรีบกลับมาพี่ ถ้าเค้าโทรมา ถามเค้าว่าจะให้ผมไปเจอที่ไหน” หม้ายสาวพยักหน้า ยิ้มให้ชายหนุ่ม คิดในใจ ว่าเรื่องใด ที่จะเป็นเหตุทำให้เขาไม่ได้กลับมา ระหว่าง อุ้ม กับ เลิศ สองด่านที่ชายหนุ่มต้องเผชิญ มองด้วยสายตาแล้ว ไม่มีด่านไหนง่ายเลย

       “บันทึกเบอร์กันไว้ เผื่อนึกอะไรออก เต้เอาโทรศัพท์มามั้ย” เจ๊หันไปถามเจ้าหนุ่มซึ่งพยักหน้า แล้วนำโทรศัพท์ออกมา ต่างคนต่างบันทึกเบอร์คนที่เกี่ยวข้องไว้ในเครื่องของตัวเอง

       “อัอ” ชายหนุ่มนึกอะไรออก “บอกเค้าด้วยว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องระหว่างผม กับเค้า เท่านั้น อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยว” อย่างน้อยก็เบาใจ เด็กสองคนคงปลอดภัย เพราะเป็นสายเลือดของเลิศ ห่วงก็แต่อุ้ม ที่ไม่รู้เรื่องอะไร จะต้องเดือดร้อนกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นมา

       เจ๊แตงเดินไปไขกุญแจเปิดประตูให้เชิด กับ เจ้าเต้ ลำพังถ้าเป็นเรื่องพี่เลิศอย่างเดียวเธอจะไปด้วย แต่นี่มีอุ้มเข้ามาเกี่ยว ทั้งที่ห่วงแสนห่วงก็ต้องปล่อยเขาไป และเริ่มทำใจ หลังดึงประตูปิดใส่กุญแจ ว่าอาจได้เห็นหน้าเขา แค่ครั้งนี้ เท่านั้นเอง

       เสียงมอเตอร์ไซค์คู่ใจดังขึ้น เวลาล่วงไปค่อนคืน สองหนุ่มสองวัย นั่งซ้อนกันไปท่ามกลางความมืดมิด ไฟหน้าดวงเล็ก ๆ ส่องได้ไม่ไกล แมลงบินวนมาตอมแล้วผ่านไปอย่างเร็ว ลูกเขียดน้อยกระโดดออกจากข้างทางเมื่อเห็นแสงไฟ ถนนไม่กว้างมาก มันโดดสองทีก็หายไปในป่าหญ้าข้างทาง

       ฟ้าไร้ดาว ความมืดล้อมอยู่รอบด้าน ลมเย็นผ่านหน้าหอมสดชื่น ฟ้าแลบไกล ๆ แบบไม่มีเสียง ฝนน่าจะตกอีกไม่นาน เมฆครึ้มดำเห็นชัดเมื่อสายฟ้าสว่างเป็นทาง กลิ่นไอชื้นคุ้นเคย ลอยอยู่ข้างกาย

       คืนนี้น่าจะได้นอนบนที่นอนนุ่ม ๆ ไปแล้วนะ ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นมา แปลกใจ ทำไมเขาไม่ไปหาอุ้มก่อน มองตามเหตุและผล เขาก็ไม่คิดว่าอุ้มจะมาเกี่ยวด้วย แต่ถ้ามองลึก ๆ ในใจ ความรู้สึกแรกที่เขาตื่นขึ้นมาที่บ้านลุงเขียว คนแรกที่เขาคิดถึง คือ เจ๊แตง แล้วถ้าเขาต้องกลับไปอยู่กับอุ้มล่ะ ซึ่งความจริงมันต้องเป็นอย่างนั้น แล้วถ้าถึงตอนนั้น เรื่องของเขา กับเจ๊แตง จะทำอย่างไร

       ชายหนุ่มถอนใจออกมา มองข้ามไหล่เจ้าเต้ไปข้างหน้า ไฟรถส่องสว่างบนถนนดิน เงาดำของป่าหญ้าด้านข้างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดในใจ ผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน คิดแล้วปล่อยใจลอยไปตามเสียงลมที่พัดผ่านหู ผสมกับเสียงท่อไอเสียที่ดังก้องสองข้างทาง.........

       มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่