..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๙..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา


                                                                                      ..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )...........

       ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนที่ ๙

..........ฟ้าสว่างพอดีกับที่เจ้าเต้เลี้ยวรถเข้าจอดหน้าบ้านต้อย เนื่องจากเป็นทางผ่านก่อนถึงบ้านริมคลอง เป็นไปตามความคาดหมายอุ้มและเด็ก ๆ อยู่นี่จริง ๆ ทันทีที่เห็นวสันต์ อุ้มโผเข้ากอดแน่น พูดอะไรไม่ออกเนื่องจากกลั้นสะอื้นและน้ำตาไว้

       เด็กสองคนยังไม่ตื่น ต้อยคอยดูอยู่ข้าง ๆ หนุ่มสาวจูงมือกันมาที่โต๊ะหน้าบ้าน เจ้าเต้นั่งอมยิ้มมองน้องสองคน คิดถึงน้องตัวเองอยู่กับแม่ที่กรุงเทพ อุ้มมองหน้าชายหนุ่มด้วยความดีใจ เหมือนฝันมากกว่าเป็นจริง เมื่อคืน หลังเกิดเรื่องนอนแทบไม่หลับ โทรศัพท์อยู่กับพี่เลิศ จะติดต่อใครก็ไม่รู้เบอร์

       ไลน์ไม่ได้ลงทะเบียนอีเมลไว้ ถ้าจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงต้องแก้ที่เครื่องอย่างเดียว เพราะจะทำอะไรต้องป้อนรหัสตามที่ส่งเข้าไปในเครื่อง เพื่อยืนยันตัวตน นอกจากรอตอนสายไปแจ้งซิมหายที่ศูนย์ แล้วขอซิมใหม่ ไลน์ในเครื่องเดิมจึงจะถูกระงับใช้ ดึกดื่นแล้วจะทำอะไรได้ นอนคิดเรื่องนี้ด้วย ว่าพี่เลิศเอาไปใช้อะไรมั่ง กังวลไปทุกอย่าง

       ฟัง วสันต์เล่าเรื่องราวที่เชียงราย โยงมาถึงบ้านเจ๊แตงเมื่อคืนที่ผ่านมา อุ้มนั่งซึม อันตรายของโทรศัพท์เวลาอยู่ในมือคนอื่นนี่น่ากลัวจริง ๆ จะว่าเจ้านุชผิดก็ไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โดยเฉพาะคนอย่างพี่เลิศ ที่ไม่มีใครรู้ว่า เขาสามารถทำอะไรก็ได้ เพื่อบรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการ

       “แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะ วสันต์” อุ้มกอดชายหนุ่มไว้ ซบลงกับ อก อยากอยู่อย่างนี้ให้นานเท่านาน อยากให้เรื่องทั้งหมดจบลง โดยยอมแลกกับอะไรก็ได้ ขอให้ภาพครอบครัวที่อบอุ่น อยู่กันครบ พ่อ แม่ ลูก กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

       “ผมจะไปคุยกับเค้า คิดว่าถ้าพี่เลิศได้เม็มการ์ดไปแล้วคงเลิกยุ่งกับเรา” หันไปมองเจ้าเต้ ตอนนี้นอนยาวข้างน้องไปแล้ว ต้อยยิ้มให้ โบกมือเป็นทีว่าปล่อยให้นอนไป

       “มันจะง่ายอย่างนั้นหรือ วสันต์ พี่เลิศเค้าจะปล่อยเราง่าย ๆ เหรอ” อุ้มกังวล ภาพตำรวจบุกค้นบ้าน เลิศที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย และความตายของพ่อเธอ ทำให้เธอกังวลว่า ตอนนี้ครอบครัวเธอกำลังเผชิญกับคน ที่ไม่ธรรมดา

       “ในรูป ไม่มีอะไรหรอกอุ้ม ถ้าพี่เลิศเห็นคงเข้าใจ แต่ยังไงเราต้องมีแผนสำรอง ผมคิดออกแล้ว” วสันต์ พูดต่อกันทีเดียวแสดงว่าความคิดผุดขึ้นมาอย่างเร็ว

       “ไปที่บ้านกันเถอะอุ้ม” ชายหนุ่ม ฝากเด็กสองคน และเจ้าเต้ ไว้กับต้อย บอกว่าถ้าต้อยจะไปทำงาน ให้ปลุกเจ้าหนุ่มช่วยดูน้องสักครึ่งวัน เสร็จธุระแล้วเขาจะรีบกลับมา ต้อยรับปาก บอกไม่ต้องเป็นห่วง เขาจึงพาอุ้มขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เจ้าเต้ ขี่ไปบ้านริมคลอง ซึ่งอยู่เลยไปข้างหน้าไม่ไกล

       ครู่เดียวก็ถึงบ้านหลังน้อยที่เคยเป็นวิมานของหนุ่มสาว ทั้งสองจูงมือกันเข้าไปในบ้าน อุ้มกอดชายหนุ่มแน่น อยากให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ อยากให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยที่ไม่พลัดพรากจากกันอีกเลย เขากอดตอบ ตบไหล่เธอเบา ๆ นึกถึงชีวิตอาภัพของหญิงสาว เกิดมาไม่เคยพบความสุขแท้จริงแม้แต่ครั้งเดียว

       วสันต์ จับไหล่อุ้มดันออกเบา ๆ ยังมีงานต้องทำอีกมาก เพราะไม่รู้ว่า ความอดทนของพี่เลิศมีมากน้อยแค่ไหน คิดยังไม่ทันจบดี เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น วสันต์ ปล่อยมือจากอุ้มล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา กดรับ เสียงเจ๊แตงฟังชัด อุ้มมองหน้าชายหนุ่ม คิดถึงบ้านที่เขาไปอยู่หลายวันที่ผ่านมา อดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปไกล ทั้งที่เจ้านุชบอกมาว่า วสันต์ กับเจ๊แตง อยู่กันคนละห้อง แต่ในใจอุ้มยังคงหวั่นวิตก ถามว่าหวงเขามั้ย เอาเป็นว่า ไม่อยากเสียเค้าไปดีกว่า

       “เชิด อยู่ไหนแล้ว” ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะคอม ยกมือกดปุ่มหน้าเคสเปิดเครื่องก่อนตอบไป

       “อยู่บ้านแล้วพี่ พี่เลิศโทรมาหรือยัง” ชายหนุ่มเร่งให้เรื่องจบ เขายังมีหลายอย่างที่หนักอึ้งรออยู่ข้างหน้า

       “ยัง” หม้ายสาวตอบห้วน ๆ ด้วยความกังวล เสียดาย ตัวเองไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ คอยช่วยเขา

       “แล้วอุ้มล่ะ” เจ๊แตงถามกลับ ในใจเป็นห่วงเด็กสองคน

       “อยู่นี่พี่ สบายดี” อุ้มอยู่ข้าง ๆ มองอยู่ ได้ยินเสียงเจ๊แตงดังลอดออกมาแล้วใจมันแกว่ง ๆ วสันต์ มองจอคอมที่ติดสมบูรณ์ ล้วงกระเป๋านำเม็มโมรี่การ์ดออกมา เสียบตรงช่องหน้าเคส รุ่นนี้ไม่ต้องใช้การ์ดรีดเดอร์ เพราะเขาเลือกมาให้เข้ากับอาชีพช่างภาพของเขา

       เลิศยังไม่ติดต่อมา ชายหนุ่มไม่สบายใจ เพราะรู้ดีว่า การไปไหนโดยไม่บอกให้ใครรู้นั่นเป็นเรื่องปกติของเลิศ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดาทิศทาง และเวลาในการตั้งรับยาก ใครเจอคนแบบนี้ ถ้าจิตใจไม่แข็งพอ ประสาทเสียเอาง่าย ๆ

       “ระวังตัวด้วยนะ” หม้ายสาววางสายไปทันทีที่เชิดตอบรับ เขารู้สึกได้จากน้ำเสียงถึงแม้ว่าจะอยู่คนละทาง ว่าเจ๊แตง กำลังทำใจ

       ชายหนุ่มบอกตำแหน่งที่เขาก็อปปี้ไฟล์ภาพทั้งหมดเข้าไปเก็บ บอกกับอุ้มว่า ไม่ต้องอยากรู้ว่าในนั้นมีอะไร จนกว่าจะมั่นใจว่าเขาไม่ปลอดภัย จึงนำออกมาเพื่อต่อรอง

       “เราเอาไปให้ผู้กองก็ได้นี่ วสันต์” อุ้มไม่ต้องการให้เขาถูกพาเข้าถ้ำเสือ อย่างน้อยเจ้าหน้าที่น่าจะให้ความคุ้มครองได้

       “ผมดูหลายรอบแล้วอุ้ม มันไม่มีอะไรผิดปกติในรูปนั้นสักนิด ถึงแม้จะส่งถึงมือตำรวจ ก็ไม่น่าเอาผิดใครได้ มีแต่จะทำให้พี่เลิศแค้นมากขึ้น” เชิดนึกถึงภาพที่ชัดแค่รถยนต์ทั้งสามคัน อะไร ซ่อนอยู่ในภาพนั้น

       เสียงรถยนต์ขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน วสันต์ดึงเม็มการ์ดออกจากคอม ลุกขึ้นยืน ยัดใส่กระเป๋ากางเกง เดินออกไปดู กระบะสี่ประตูสีบรอนซ์เงินจอดอยู่แต่คนขับไม่ใช่พี่เลิศ เป็นเจ้าเปี๊ยก ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวา เดินช้า ๆ ไปที่รถ กระจกรถด้านซ้ายเปิดอยู่ เจ้าเปี๊ยกยิ้มรับชายหนุ่มที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน เขาทำหน้าเฉย ๆ มองหน้านิ่ง

       "พี่เลิศให้มารับ ขึ้นมาสิ” เจ้าเปี๊ยกทำสัญญาณให้ขึ้นรถ ชายหนุ่มลังเลหันไปมองอุ้มที่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าบ้าน

       “เฮ้ย จะได้จบ ๆ” เจ้าเปี๊ยกเร่ง ชายหนุ่มจึงเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ มีของวางขวางเท้าอยู่

       “ยกนั่นขยับหลบสิ” เจ้าเปี๊ยกชี้ไปที่กล่องกระดาษสีน้ำตาลบนพื้นรถ ชายหนุ่มก้มลงจับกล่องนั้น เสียงของหนัก ๆ กระทบกับท้ายทอย ทำชายหนุ่มหมดสติฟุบลงกับหน้าคอนโซลรถทันที

       “พามันไปที่เก่าแล้วยิงทิ้งเลยเว้ย” เสียงเจ้าดำร่าเริงจากเบาะหลัง เจ้าเปี๊ยกส่ายหน้าช้า ๆ กับความมุทะลุของคู่หู

       “งานยังไม่เสร็จเว้ย เอ็งไปเฝ้านังอุ้มไว้ก่อน แล้วพี่เลิศเค้าเอายังไงค่อยว่ากัน” เจ้าดำเปิดประตูรถลงไปอย่างหงุดหงิด มุมในรถแคบไปนิดไม่งั้นจะซัดแรงกว่านี้ ให้สมแค้นเชียว

       เจ้าดำเดินยิ้มแสยะไปหาอุ้มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ จะให้หนีไปไหนคงไม่ได้ นึกถึงลูกน้อยที่บ้านต้อย เลยเดินถอยเข้าในบ้าน ให้เจ้าดำที่เดินตามมาปิดประตูใส่กลอน แต่โดยดี..........

       มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่