สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 20: ..สรุป..โสดาบัน (ตอนหน้าสกิทาคามี.. ไม่จบง่ายๆหรอก 😁😁😁)

กระทู้คำถาม


จาก 19 ตอน...ก็พอแก่การเข้าใจความเป็นโสดาบันแล้วหละ...
👇👇👇👇👇👇👇
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 1: https://ppantip.com/topic/41811597
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 2: https://ppantip.com/topic/41811666
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 3: https://ppantip.com/topic/41814964
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 4: https://ppantip.com/topic/41816459
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 5: https://ppantip.com/topic/41819016
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 6: https://ppantip.com/topic/41820225
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 7: https://ppantip.com/topic/41822152
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 8: https://ppantip.com/topic/41823151
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 9: https://ppantip.com/topic/41824175
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 10: https://ppantip.com/topic/41825400
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 11: https://ppantip.com/topic/41827190
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 12: https://ppantip.com/topic/41828700
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 13: https://ppantip.com/topic/41830125
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 14: https://ppantip.com/topic/41831252
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 15: https://ppantip.com/topic/41833298
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 16: https://ppantip.com/topic/41834953
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 17: https://ppantip.com/topic/41836159
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 18: https://ppantip.com/topic/41839038
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 19: https://ppantip.com/topic/41841031
สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้โสดาบัน..ตอนที่ 20:...กระทู้นี้


สรุป

1. เรื่องเร่งด่วน
     การที่ยังไม่เป็นโสดาบัน....คติในสัมปรายภพมันไม่แน่นอน... 99.99%ก็ล้วนไปสู่อบาย
     ดังนี้นพระศาสดาท่านจึงกล่าวว่า...แม้นกระทั่งไฟไหม้อยู่บนหัว....ก็ให้เร่งมารู้อริยสัจ4ก่อน
     เพราะการตายจากการที่ไฟไหม้บนหัวมันไม่ได้เป็นเหตุที่จะพาไปสู่อบาย   แต่การไม่รู้อริยสัจ4...แล้วกระทำซึ่วอกุศล
     นั่นหละจะพาไป   การรู้อริยสัจ4...เป็นโสดาบันนี้...เป็นการการันตีว่าจะไม่ตกต่ำ...เที่ยงแท้ต่อนิพพาน

2. การประเมิณ
การวัด-การประเมินตนเองว่า...เราเป็นโสดาบันแล้วหรือยัง  โดยใช้หลักการที่มีชื่อว่า " ธรรมทาส (ธรรมที่เป็นแว่นส่อง) "
คือวัดจาก...ธรรม 4 ประการ
  - ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า  
   - .....ในพระธรรม
   - ....ในพระสงฆ์
   - ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... เป็นไปเพื่อสมาธิ 

ถ้าศึกษาธรรมไปจนถึงจุดหนึ่งแล้วพบว่าตนมีธรรม 4 ประการนี้ในตน  พระศาสดาท่านให้พยากรณ์นั่นหละคือ " โสดาบัน "
ปล.  ปัณหามันอยู่ที่คำว่า " ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน.... " <-----คำนี้มันมีความหมายลึก---มีรายละเอียดมาก
        ไม่ใส่แค่บอกว่าสัทธาก็จะเข้าเกณฑ์นี้... อันนี้ควรที่จะศึกษาใผ้ยิ่งขึ้นไป  พระศาสดาท่านได้กล่าววเอาไว้แล้ว...ครับ
        ว่าการเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว...การมีสัทธานั้นจะต้องเป็นอย่างไร
         ตัวอย้างเช่น.. บอกว่าสัทธา...แต่ยังไปกิเจ, ดูหมอ, ไห้วผีไห้วสาง,  แขวนเครื่องรางของขลัง....อันนี้ไม่ใช่ ครับ

3. การเป็นโสดาบัน
    - โสดาบันจะรู้ว่า...ทุกข์คืออะไร? ทุกข์เกิดมาได้อย่างไร? ทุกข์จะดับเพราะอะไร? และต้องทำขั้นตอนอย่างไรทุกข์จึงจะดับไป?
       สรุปว่ารู้...อริยสัจ4
    - ในอริยสัจ4:  ...จะรู้จักขันธ์๕...ว่าคืออะไร? เกิดมาจากอะไร? จะดับไปอย่างไร? มีรสอร่อยอย่างไร? มีข้อเสีย(โทษ)อย่างไร?
       และ...จะสลัดคืนสลัดออกจากขันธ์เหล่านั้นได้อย่างไร?
    - ในอริยสัจ4:  ...จะรู้จักปฏิจจสมุปปาทสมุทยวาร--ที่ทำให้ทุกข์เกิดมา...ทำให้โลกเกิด....ว่าเพราะอะไรมี---สิ่งนี้จึงมี
              และ........จะรู้จักปฏิจจสมุปปาทนิโรธวาร---ที่ทำให้ทุกข์ดับไป...ทำให้โลกดับ.....ว่าเพราะอะไรดับ--สิ่งนี้จึงดับ
    
    - ในอริยสัจ4... จะรู้ว่าข้อปฏิบัติใหถึงที่สุดแห่งทุกข์ก็คือ...มรรค8....เมื่อรู้ก็ตั้งตนไว้ในมรรคนั้น...
           มีความเห็นที่ถูกเป็น...สัมมาทิฏฐิ
           มีความคิดว่าเราอยากเราต้องการออกจาทุกข์นี้เป็นดำริที่เป็น...สัมมาสังกัปปะ
           มีการควบคุมการกระทำของตน(ศีล)เป็น....สัมมาวาจา..กับ...สัมมากัมมันตะ
           มีการเลี้ยงชีพโดยชอบเป็น...สัมมาอาชีวะ 
           มีความพากดพียรพยายามใน..สัมมัปปธาน4...เป็นสัมมาวายามะ
           มีการเริ่มเจริญสติปัฐาน4แล้ว....เป็นสัมมาสติ
           มีจิตตั้งมั่นอันเกิดแต่ในสมัย...ในสมัยนั้นเป็น..สัมมาสมาธิ
         เมื่อมีการกระทำมรรค8...ก็คือผู้ประกอบพร้อมแล้ว..ซึ่งอริยมรรคอันมีองค์8...
         { อริเยน อฏฺฐงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต }
    - ในปฏิจจสมุปปบาท... กำหนดรู้ที่อยาตนะทั้ง 6 กำหนดที่ผัสสะ...คือการสำรวมสังวร-ระวังในอินทรีย์ทั้ง6...
      คือ เมื่อ..ตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายมีการสัมผัส  และ..ใจที่รู้ธรรมคือ...รู้สึก-นึกจำ-คิด-รู้
      ว่าเวทนาที่เกิดจากผัสสะทางอายตนะเหล่านั้น... มันไม่เที่ยง-เป็นทุกข์-เป็นอนัตตา...มันเกิดเพราะเหตุปัจจัย..
      ....และมีก็จะดับไปเพราะเหตุปัจจัย   การสลัดออกจากธรรมเหล่านี้กระทำได้โดยการ...ละความเพลิดเพลิน-ตามติด-หรือ...
      ฉันทราคะในธรรมที่ปรากฏเหล่านี้... เมื่อละฉันทราคะได้...ตัณหาก็ดับ->อุปาทานก็ดับ->ภพก็ดับ->ชาติก็ดับ->ชรามรณะก็ดับ--->
      -->ทุกข์ก็ดับไป....ด้วยการอย่างนี้...ดังนี้

4. อีกอย่างนะ..  การไปคิดว่าการได้คุณธรรม-การเป็นโสดาบัน..นั้นยากมากๆ...แทบจะไม่มีสิทธ์นะ <--อันนี้ไม่จริงน
     ที่ยากกว่ามากๆ ก็คือ...การที่จะได้เสพพระสัทธรรมที่ถูกต้อง... อันนี้ยากกว่า..พอการรู้ผิด..มันก็ปฏิบัติผิด ผลก็ไม่ได้
 
     คุณธรรมของอริยบุคคลอันสูงส่งนี้..ที่พระศาสดากล่าวไว้นั้น..ปฏิบัติได้--เข้าถึงได้--ให้ผลได้  
     ที่ว่ายากก็เพราะไม่เข้าใจ...ก็รู้ผิดไง รู้แบบผิดๆมันก็ยาก..ซิ   

5. ขอให้ทุกท่านโชคดี....เจอกันที่ " เกาะ..(ทีปํ) "...ครับ

เอาภาพเตามาแสดง.. นึกถึงพระสูตรตาบอดในมหาสมุทร..ครับ
(...แต่..เตาตัวนี้ตามันไม่บอดนะ   เห็นพระสัทธรรมได้    
ส่วน สัทธรรมปฏิรูป..กับ..อภิธรรมปฏิรูป..หลอกมันไม่ได้  ก็มันตามันไม่ได้บอด  ไม่ได้กินมันหรอก!!!  )
👇👇👇👇
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่