เมื่อถึงเมืองแห่งศูนย์กลางเฟเรซิสต้องพบกับการปะทะครั้งใหญ่ระหว่างเผ่าปิศาจกับเผ่าเทพ เหล่าปิศาจผุดขึ้นมาจากทุกทิศทาง ทั้งดิน น้ำ และท้องฟ้า ต่างลงไปกลุ้มรุมทำร้ายเผ่าเทพไม่เลือกหน้า บ้างก็พ่นไฟใส่อาคารบ้านเรือนจนวุ่นวายโกลาหน เฟเรซิสมัวแต่มองดูบ้านเรือนที่ย่อยยับราวกับเกิดโลกาวินาศจนลืมชักดาบทั้งสองเล่มออกมาช่วยผู้คน ที่นางทำก็แค่ลงจอดที่จัตุรัสกลางเมืองเพื่อมองเหตุการณ์ให้ชัดขึ้นเท่านั้น
“นายท่านโปรดตั้งสติก่อน พวกเรามาถึงที่นี่ก่อนท่านก็พบว่ามีเผ่าปิศาจเข้าโจมตีแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งของเฟเรซิสร่อนลงมารายงาน “พวกเรากำลังเร่งฆ่าปิศาจอย่างสุดกำลัง เรากำลังรอแรงหนุนจากท่านอยู่”
“พยายามจับเป็น เราต้องเค้นว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!” ในที่สุดเฟเรซิสก็ได้สติ สิ่งแรกที่ควรทำคือช่วยผู้คนในเขตศูนย์กลาง แล้วสืบให้รู้ว่าใครสร้างเรื่องนี้ขึ้น นางชักดาบทั้งสองเล่มออกมาจากที่เก็บ แล้วลงมือช่วยผู้คนในศูนย์กลางทันที
เมื่อเฟเรซิสมีดาบสองเล่มอยู่ในมือก็เริ่มการช่วยเหลือผู้คนทันที นางใช้เวทมนตร์สร้างโซ่ตรวนขึ้นมาจากดินเพื่อรัดพันปิศาจนับสิบตัว ตัวใดที่จับไม่ได้นางก็จำต้องฆ่าเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนได้ ไม่กี่อึดใจปิศาจหลายสิบตัวในบริเวณใกล้ๆจัตุรัสก็ถูกจับกุมโดยเฟเรซิส
“ใครก็ได้มาเฝ้าที ข้าจะไปตรงอื่น” หญิงสาวตะโกนเรียกลูกสมุนให้มาเฝ้าตัวประกันไว้ให้
เฟเรซิสรีบบินไปทางศูนย์ของกอบทัพทันทีว่าเหตุใดจึงไม่ส่งคนออกมาช่วย พอไปถึงค่ายทหารจึงได้เห็นความจริง เหล่าทหารเทพนอนจมกองเลือดกันเกลื่อนราวเกิดภัยพิบัติ! เรื่องร้ายอาจเกิดขึ้นที่นี่ก่อน เหล่าปิศาจจึงสามารถออกไปทำร้ายผู้คนได้อย่างอิสระ นางวิ่งไปดูอาการของหลายๆคนจึงเห็นว่าไม่ถึงตายแค่โดนเวทมนตร์บางอย่างทำให้ขยับตัวไม่ได้เท่านั้น
ผู้บัญชาการโทนาชล่ะ!
เฟเรซิสมองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้บัญชาการที่คอยดูแลศูนย์กลางแห่งนี้อยู่เลย นางจึงรีบเดินไปตรวจสอบอาคารต่างๆแต่ก็พบเพียงเหล่าทหารนอนบาดเจ็บอยู่เท่านั้น จนเหลือแต่อาคารของผู้บัญชาการสูงสุดที่อยู่ด้านใน เมื่อคิดได้ก็มีเสียงระเบิดขึ้นในอาคารหลังนั้น หญิงสาวจึงรีบวิ่งเข้าไปดู ยิ่งวิ่งเข้าไปใกล้เสียงการต่อสู้ยิ่งชัดขึ้นนายทหารเทพสองนายนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่หน้าประตู
“ช่วยด้วยเฟเร...โทนาช” ทหารนายหนึ่งขอความช่วยเหลือทันที เฟเรซิสก้าวเข้าประตูห้องโถงก็พบเพียงคราบสุดท้ายของการต่อสู้ครั้งใหญ่ ผู้บัญชาการสูงสุดผู้มีปีกสีน้ำตาลเข้มนอนหายใจรวยรินบนพื้นหินอ่อน เหนือร่างของเขาคือผู้บัญชาการโทนาชที่กำลังเหนื่อยหอบจากการต่อสู้
แค่เห็นแบบนั้นเฟเรซิสก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว ทั้งหมดนี่คือฝีมือของโทนาช! หญิงสาวชักดาบทั้งสองเล่มออกมาแล้วพุ่งเข้าหาโทนาชทันควัน ผู้บัญชาการยกดาบของตนขึ้นปัดดาบทั้งคู่ออกไป
“ฟังข้าก่อนเฟเรซิส มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเข้าใจ” โทนาชร้อง
“อย่างนั้นก็อธิบายมา เกิดอะไรขึ้นกับทหารข้างนอกนั่น แถมผู้บัญชาการสูงสุดอีก รีบรักษาเขาเร็ว”
“อยู่ๆพวกปิศาจบ้าคลั่งก็โผล่ออกมามืดฟ้ามัวดิน กองทัพเทพของเราเลยต้านไม่อยู่”
ผู้บัญชาการโทนาชคุกเข่าลงแล้วใช้เวทมนตร์รักษากับผู้บัญชาการสูงสุด หรืออาจเป็นอย่างอื่นที่มีแสงสีขาวเหมือนกันก็ได้เฟเรซิสไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไรนัก กระทั่งพายุดาบแสงพุ่งเข้ามาจากจุดที่นางคิดว่าเขากำลังรักษาผู้บัญชาการสูงสุด หญิงสาวที่ไม่ทันระวังตัวจึงโดนกรีดแทงไปทั่วร่าง
“ถ้าเจ้าไม่รีบกลับมาศูนย์กลางคงไม่ต้องปะทะกันแบบนี้หรอก” ผู้บัญชาการโทนาชลุกขึ้น ปีกสีแดงเพลิงเปล่งความร้อนได้เหมือนกับไฟจริงๆ เฟเรซิสตั้งท่าพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
“ข้าสงสัยท่านมานานแล้วว่าต้องทำอะไรลับหลัง แต่ไม่คิดว่าเป็นแผนชั่วใช้ปิศาจฆ่าเผ่าเทพด้วยกันเอง”
“ข้าทำอะไรผิด” อดีตผู้บัญชาการโทนาชลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน “ข้าแค่ทำให้คำพยากรณ์เป็นจริงเร็วขึ้นเท่านั้น อิเดนจะต้องถูกปกครองโดยมนุษย์ เผ่าเทพต้องล่มสลาย”
“แล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไรโทนาช”
“ข้าคิดมาหลายปีแล้ว เผ่าเทพของเรามีความจำเป็นต่ออิเดนจริงไหม เราเป็นแค่เผ่าพันทางที่เสาหลักสร้างขึ้นมาเท่านั้น สุดท้ายก็ถูกแยกออกมาเป็นทวีปของตัวเองไม่ต่างกับพวกปิศาจสักเท่าไหร่หรอก”
“บรรทัดฐานของใครก็เป็นเอกสิทธิ์ของคนนั้น ท่านไม่มีสิทธิ์ทำร้ายผู้อื่นอย่างนี้ แถมยังยุยงเหล่าปิศาจอีก”
“เพราะหัวแข็งๆของเจ้าอย่างนี้ล่ะที่ทำให้เราเข้ากันไม่ได้” โทนาชวาดนิ้วเป็นวงกลมแล้วออกคำสั่ง บอลไฟบังเกิดขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเฟเรซิสได้ทันที หญิงสาวใช้ดาบเล่มเล็กตีสลายลูกบอลไฟได้แต่ต้องตั้งรับการโถมโจมตีแบบทุ่มสุดตัวของอดีตผู้บัญชาการ
“ขนาดล้มท่านผู้บัญชาการสูงสุดมาแล้วนะ!” เฟเรซิสกัดฟันเบี่ยงทิศดาบของโทนาช
“นั่นคือสิ่งที่ข้าเหนือกว่าเจ้า พละกำลังไงล่ะ” ไม่ทันขาดคำปีกของโทนาชก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วกลายเป็นเปลวไฟเผาไหม้ทุกสิ่งที่มันสัมผัส “เจ้าพูดเสมอว่าชายหญิงเท่าเทียมกัน แต่ข้าคิดว่าไม่นะ”
ท่ามกลางนรกความร้อนสูง เฟเรซิสยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเก่าเพราะตั้งแต่บินมาจากเมืองที่แล้วยังไม่ได้นั่งพักเลยสักนาทีเดียว
“ผู้หญิงที่แข็งแกร่งกว่าปกตินิดหน่อยทำอะไรข้า ผู้มีทั้งพลังแห่งเผ่าเทพและปิศาจไม่ได้หรอก” โทนาชสำทับในขณะที่เฟเรซิสไม่อาจขยับตัวได้เพราะความเหนื่อยล้า
ก่อนโทนาชจะลงดาบใส่เฟเรซิสเพื่อตัดสินมีบางอย่างเกิดขึ้นแทรกเหตุการณ์ทั้งมวล น้ำก้อนมหึมาจากภายนอกถูกอัดเข้ามาภายในอาคารแล้วดับไฟจนหมด แล้วยังทำให้ปีกของโทนาชกลายเป็นขนนกธรรมดาอีกด้วย
“อย่าเพิ่งตายสิเฟเรซิส เรายังไม่ได้ไปเที่ยวกันเลย” เสียงเท้าย่ำน้ำหนักๆเดินมาจากประตูอาคาร “แล้วนั่นก็ศัตรูของข้าเฟเรซิส อย่ามาแย่งกันได้ไหม”
เฟเรซิสทรุดตัวนั่งกับพื้นหันไปมองด้านหลัง พอลไลน์กับพีเตอร์เดินเข้ามา ด้านในอาคารที่เปียกโชกด้วยเวทน้ำของพอลไลน์ ส่วนพีเตอร์นั้นชักดาบคู่ข้างเอวขึ้นมาเตรียมพร้อม
“หมายความว่าอย่างไรพอลไลน์” เฟเรซิสพูดเสียงแผ่วเบา
“เจ้าจะบอกว่าตัวเองคือลูกของนักวิชาการปากดีคนนั้นสินะ” โทนาชทักขึ้น
“เขาจะปากดีนิสัยเสียแค่ไหนเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าเขาแบบนั้น” พอลไลน์ดึงเฟเรซิสลุกขึ้นแล้วใช้เวทมนตร์รักษาช่วยฟื้นสภาพให้
“เขาฆ่าพ่อท่านหรือพอลไลน์”
“พ่อของข้าด้วย เขาเป็นผู้ช่วยของพ่อพอลไลน์” พีเตอร์พูดบ้าง
“พวกหาเรื่องใส่ตัว ถ้าไม่สืบสาวเรื่องของข้ามากไปคงไม่ต้องตายหรอก” โทนาชเยาะเย้ย
“แล้วเจ้ายังฆ่าผู้บัญชาการสูงสุดอีก ข้าไม่รู้ว่าทำได้ยังไงแต่ทำเกินไปหน่อยไหม” เฟเรซิสแทรก
“มีเพียงเขาคนเดียวที่ข้ากลัว นั่นเป็นเหตุผลมากพอจะฆ่าเขาได้แล้ว” โทนาชตอบ “พวกเจ้าหยุดข้าไม่ได้หรอก ป่านนี้เหล่าปิศาจของข้าคงทำลายศูนย์กลางข้างนอกย่อยยับไปแล้ว”
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการอย่างนั้นหรือโทนาช การทำลาย!” เฟเรซิสพูด
“ข้าจะทำในสิ่งที่สี่เสาหลักต้องการต่างหาก ทำลายเผ่าเทพทั้งหมดไปพร้อมกับปิศาจ เพื่อให้มนุษย์ปกครองอิเดนแทน” โทนาชเปิดเผยอุดมการณ์ของตนเอง “ข้าเข้าใจนะ พ่อของข้าก็ตายในการต่อสู้กับปิศาจเหมือนกัน ข้าจึงคิดวิธีนี้ขึ้น ยืมมือปิศาจเพื่อสังหารเผ่าเทพ จากนั้นข้าก็จะทำลายปิศาจที่เหลือด้วยตัวเอง”
“ตรรกะบ้าบออะไรเนี่ย” เฟเรซิสโวยวาย “เรื่องนั้นปล่อยเสาหลักเป็นคนจัดการนั่นล่ะดีแล้ว ส่วนเราแค่รับคำสั่งก็พอ”
“อย่างนั้นก็มาหยุดข้าสิ ในทวีปเทพมี 8 เมืองใหญ่กับอีก 16 หมู่บ้าน ข้าจะทำลายทีละเมืองครั้งละสัปดาห์ โดยทุกสัปดาห์จะส่งข่าวไปบอกพวกเจ้าว่าจะทำลายเมืองไหนเป็นเมืองต่อไป ถ้าเจ้าชนะกองทัพของข้าได้ข้าจะละเว้นเมืองนั้นให้ อุดมการณ์ต้องประกอบด้วยสมองและกำลัง และผู้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องที่สุดคือผู้ที่มีกำลังมากที่สุด”
“อย่างนั้นวันนี้เจ้าก็ทำลายศูนย์กลางไม่สำเร็จแล้วล่ะ พวกปิศาจข้างนอกกำลังถูกจัดการโดยสหายอีกคนของข้า” พอลไลน์พูด
“สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร” โทนาชตอบ “แต่วันนี้ข้ายอมให้พวกเจ้าก่อน แล้วเจอกันสัปดาห์หน้า”
ปีกสีเพลิงของโทนาชกลายเป็นไฟจริงๆ มันแผ่ขยายเปลวเพลิงและความร้อนออกราวจะปกคลุมอาคารอีกครั้ง เมื่อมันเผาไหม้ตัวเองจนดับลงก็ไม่เห็นอดีตผู้บัญชาการโทนาชอีก
“เป็นอะไรไหม เฟเรซิส” พอลไลน์ถามด้วยความเป็นห่วง
“แค่เหนื่อย นึกไม่ถึงว่าแผนของโทนาชจะเป็นอะไรแบบนี้” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว่าแต่ท่านมาที่นี่ได้ยังไง”
“ข้ามาที่ทวีปเทพเพื่อตามสืบเรื่องคนที่ฆ่าพ่อของข้า และโทนาชคือคำตอบ” พอลไลน์อธิบายพยายามจูงหญิงสาวออกไปนอกอาคาร
“สำหรับข้าเขาคือคู่แข่งในหน้าที่การงานเท่านั้น” เฟเรซิสเดินตามอย่างว่าง่าย
“แล้วเราต้องมาหยุดไม่ให้เขาทำลายแดนเทพนี่...”
(มีต่อ)
นางฟ้าเปื้อนเลือด(แฟนตาซี)
“นายท่านโปรดตั้งสติก่อน พวกเรามาถึงที่นี่ก่อนท่านก็พบว่ามีเผ่าปิศาจเข้าโจมตีแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งของเฟเรซิสร่อนลงมารายงาน “พวกเรากำลังเร่งฆ่าปิศาจอย่างสุดกำลัง เรากำลังรอแรงหนุนจากท่านอยู่”
“พยายามจับเป็น เราต้องเค้นว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!” ในที่สุดเฟเรซิสก็ได้สติ สิ่งแรกที่ควรทำคือช่วยผู้คนในเขตศูนย์กลาง แล้วสืบให้รู้ว่าใครสร้างเรื่องนี้ขึ้น นางชักดาบทั้งสองเล่มออกมาจากที่เก็บ แล้วลงมือช่วยผู้คนในศูนย์กลางทันที
เมื่อเฟเรซิสมีดาบสองเล่มอยู่ในมือก็เริ่มการช่วยเหลือผู้คนทันที นางใช้เวทมนตร์สร้างโซ่ตรวนขึ้นมาจากดินเพื่อรัดพันปิศาจนับสิบตัว ตัวใดที่จับไม่ได้นางก็จำต้องฆ่าเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนได้ ไม่กี่อึดใจปิศาจหลายสิบตัวในบริเวณใกล้ๆจัตุรัสก็ถูกจับกุมโดยเฟเรซิส
“ใครก็ได้มาเฝ้าที ข้าจะไปตรงอื่น” หญิงสาวตะโกนเรียกลูกสมุนให้มาเฝ้าตัวประกันไว้ให้
เฟเรซิสรีบบินไปทางศูนย์ของกอบทัพทันทีว่าเหตุใดจึงไม่ส่งคนออกมาช่วย พอไปถึงค่ายทหารจึงได้เห็นความจริง เหล่าทหารเทพนอนจมกองเลือดกันเกลื่อนราวเกิดภัยพิบัติ! เรื่องร้ายอาจเกิดขึ้นที่นี่ก่อน เหล่าปิศาจจึงสามารถออกไปทำร้ายผู้คนได้อย่างอิสระ นางวิ่งไปดูอาการของหลายๆคนจึงเห็นว่าไม่ถึงตายแค่โดนเวทมนตร์บางอย่างทำให้ขยับตัวไม่ได้เท่านั้น
ผู้บัญชาการโทนาชล่ะ!
เฟเรซิสมองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้บัญชาการที่คอยดูแลศูนย์กลางแห่งนี้อยู่เลย นางจึงรีบเดินไปตรวจสอบอาคารต่างๆแต่ก็พบเพียงเหล่าทหารนอนบาดเจ็บอยู่เท่านั้น จนเหลือแต่อาคารของผู้บัญชาการสูงสุดที่อยู่ด้านใน เมื่อคิดได้ก็มีเสียงระเบิดขึ้นในอาคารหลังนั้น หญิงสาวจึงรีบวิ่งเข้าไปดู ยิ่งวิ่งเข้าไปใกล้เสียงการต่อสู้ยิ่งชัดขึ้นนายทหารเทพสองนายนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่หน้าประตู
“ช่วยด้วยเฟเร...โทนาช” ทหารนายหนึ่งขอความช่วยเหลือทันที เฟเรซิสก้าวเข้าประตูห้องโถงก็พบเพียงคราบสุดท้ายของการต่อสู้ครั้งใหญ่ ผู้บัญชาการสูงสุดผู้มีปีกสีน้ำตาลเข้มนอนหายใจรวยรินบนพื้นหินอ่อน เหนือร่างของเขาคือผู้บัญชาการโทนาชที่กำลังเหนื่อยหอบจากการต่อสู้
แค่เห็นแบบนั้นเฟเรซิสก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว ทั้งหมดนี่คือฝีมือของโทนาช! หญิงสาวชักดาบทั้งสองเล่มออกมาแล้วพุ่งเข้าหาโทนาชทันควัน ผู้บัญชาการยกดาบของตนขึ้นปัดดาบทั้งคู่ออกไป
“ฟังข้าก่อนเฟเรซิส มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเข้าใจ” โทนาชร้อง
“อย่างนั้นก็อธิบายมา เกิดอะไรขึ้นกับทหารข้างนอกนั่น แถมผู้บัญชาการสูงสุดอีก รีบรักษาเขาเร็ว”
“อยู่ๆพวกปิศาจบ้าคลั่งก็โผล่ออกมามืดฟ้ามัวดิน กองทัพเทพของเราเลยต้านไม่อยู่”
ผู้บัญชาการโทนาชคุกเข่าลงแล้วใช้เวทมนตร์รักษากับผู้บัญชาการสูงสุด หรืออาจเป็นอย่างอื่นที่มีแสงสีขาวเหมือนกันก็ได้เฟเรซิสไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไรนัก กระทั่งพายุดาบแสงพุ่งเข้ามาจากจุดที่นางคิดว่าเขากำลังรักษาผู้บัญชาการสูงสุด หญิงสาวที่ไม่ทันระวังตัวจึงโดนกรีดแทงไปทั่วร่าง
“ถ้าเจ้าไม่รีบกลับมาศูนย์กลางคงไม่ต้องปะทะกันแบบนี้หรอก” ผู้บัญชาการโทนาชลุกขึ้น ปีกสีแดงเพลิงเปล่งความร้อนได้เหมือนกับไฟจริงๆ เฟเรซิสตั้งท่าพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
“ข้าสงสัยท่านมานานแล้วว่าต้องทำอะไรลับหลัง แต่ไม่คิดว่าเป็นแผนชั่วใช้ปิศาจฆ่าเผ่าเทพด้วยกันเอง”
“ข้าทำอะไรผิด” อดีตผู้บัญชาการโทนาชลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน “ข้าแค่ทำให้คำพยากรณ์เป็นจริงเร็วขึ้นเท่านั้น อิเดนจะต้องถูกปกครองโดยมนุษย์ เผ่าเทพต้องล่มสลาย”
“แล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไรโทนาช”
“ข้าคิดมาหลายปีแล้ว เผ่าเทพของเรามีความจำเป็นต่ออิเดนจริงไหม เราเป็นแค่เผ่าพันทางที่เสาหลักสร้างขึ้นมาเท่านั้น สุดท้ายก็ถูกแยกออกมาเป็นทวีปของตัวเองไม่ต่างกับพวกปิศาจสักเท่าไหร่หรอก”
“บรรทัดฐานของใครก็เป็นเอกสิทธิ์ของคนนั้น ท่านไม่มีสิทธิ์ทำร้ายผู้อื่นอย่างนี้ แถมยังยุยงเหล่าปิศาจอีก”
“เพราะหัวแข็งๆของเจ้าอย่างนี้ล่ะที่ทำให้เราเข้ากันไม่ได้” โทนาชวาดนิ้วเป็นวงกลมแล้วออกคำสั่ง บอลไฟบังเกิดขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเฟเรซิสได้ทันที หญิงสาวใช้ดาบเล่มเล็กตีสลายลูกบอลไฟได้แต่ต้องตั้งรับการโถมโจมตีแบบทุ่มสุดตัวของอดีตผู้บัญชาการ
“ขนาดล้มท่านผู้บัญชาการสูงสุดมาแล้วนะ!” เฟเรซิสกัดฟันเบี่ยงทิศดาบของโทนาช
“นั่นคือสิ่งที่ข้าเหนือกว่าเจ้า พละกำลังไงล่ะ” ไม่ทันขาดคำปีกของโทนาชก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วกลายเป็นเปลวไฟเผาไหม้ทุกสิ่งที่มันสัมผัส “เจ้าพูดเสมอว่าชายหญิงเท่าเทียมกัน แต่ข้าคิดว่าไม่นะ”
ท่ามกลางนรกความร้อนสูง เฟเรซิสยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเก่าเพราะตั้งแต่บินมาจากเมืองที่แล้วยังไม่ได้นั่งพักเลยสักนาทีเดียว
“ผู้หญิงที่แข็งแกร่งกว่าปกตินิดหน่อยทำอะไรข้า ผู้มีทั้งพลังแห่งเผ่าเทพและปิศาจไม่ได้หรอก” โทนาชสำทับในขณะที่เฟเรซิสไม่อาจขยับตัวได้เพราะความเหนื่อยล้า
ก่อนโทนาชจะลงดาบใส่เฟเรซิสเพื่อตัดสินมีบางอย่างเกิดขึ้นแทรกเหตุการณ์ทั้งมวล น้ำก้อนมหึมาจากภายนอกถูกอัดเข้ามาภายในอาคารแล้วดับไฟจนหมด แล้วยังทำให้ปีกของโทนาชกลายเป็นขนนกธรรมดาอีกด้วย
“อย่าเพิ่งตายสิเฟเรซิส เรายังไม่ได้ไปเที่ยวกันเลย” เสียงเท้าย่ำน้ำหนักๆเดินมาจากประตูอาคาร “แล้วนั่นก็ศัตรูของข้าเฟเรซิส อย่ามาแย่งกันได้ไหม”
เฟเรซิสทรุดตัวนั่งกับพื้นหันไปมองด้านหลัง พอลไลน์กับพีเตอร์เดินเข้ามา ด้านในอาคารที่เปียกโชกด้วยเวทน้ำของพอลไลน์ ส่วนพีเตอร์นั้นชักดาบคู่ข้างเอวขึ้นมาเตรียมพร้อม
“หมายความว่าอย่างไรพอลไลน์” เฟเรซิสพูดเสียงแผ่วเบา
“เจ้าจะบอกว่าตัวเองคือลูกของนักวิชาการปากดีคนนั้นสินะ” โทนาชทักขึ้น
“เขาจะปากดีนิสัยเสียแค่ไหนเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าเขาแบบนั้น” พอลไลน์ดึงเฟเรซิสลุกขึ้นแล้วใช้เวทมนตร์รักษาช่วยฟื้นสภาพให้
“เขาฆ่าพ่อท่านหรือพอลไลน์”
“พ่อของข้าด้วย เขาเป็นผู้ช่วยของพ่อพอลไลน์” พีเตอร์พูดบ้าง
“พวกหาเรื่องใส่ตัว ถ้าไม่สืบสาวเรื่องของข้ามากไปคงไม่ต้องตายหรอก” โทนาชเยาะเย้ย
“แล้วเจ้ายังฆ่าผู้บัญชาการสูงสุดอีก ข้าไม่รู้ว่าทำได้ยังไงแต่ทำเกินไปหน่อยไหม” เฟเรซิสแทรก
“มีเพียงเขาคนเดียวที่ข้ากลัว นั่นเป็นเหตุผลมากพอจะฆ่าเขาได้แล้ว” โทนาชตอบ “พวกเจ้าหยุดข้าไม่ได้หรอก ป่านนี้เหล่าปิศาจของข้าคงทำลายศูนย์กลางข้างนอกย่อยยับไปแล้ว”
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการอย่างนั้นหรือโทนาช การทำลาย!” เฟเรซิสพูด
“ข้าจะทำในสิ่งที่สี่เสาหลักต้องการต่างหาก ทำลายเผ่าเทพทั้งหมดไปพร้อมกับปิศาจ เพื่อให้มนุษย์ปกครองอิเดนแทน” โทนาชเปิดเผยอุดมการณ์ของตนเอง “ข้าเข้าใจนะ พ่อของข้าก็ตายในการต่อสู้กับปิศาจเหมือนกัน ข้าจึงคิดวิธีนี้ขึ้น ยืมมือปิศาจเพื่อสังหารเผ่าเทพ จากนั้นข้าก็จะทำลายปิศาจที่เหลือด้วยตัวเอง”
“ตรรกะบ้าบออะไรเนี่ย” เฟเรซิสโวยวาย “เรื่องนั้นปล่อยเสาหลักเป็นคนจัดการนั่นล่ะดีแล้ว ส่วนเราแค่รับคำสั่งก็พอ”
“อย่างนั้นก็มาหยุดข้าสิ ในทวีปเทพมี 8 เมืองใหญ่กับอีก 16 หมู่บ้าน ข้าจะทำลายทีละเมืองครั้งละสัปดาห์ โดยทุกสัปดาห์จะส่งข่าวไปบอกพวกเจ้าว่าจะทำลายเมืองไหนเป็นเมืองต่อไป ถ้าเจ้าชนะกองทัพของข้าได้ข้าจะละเว้นเมืองนั้นให้ อุดมการณ์ต้องประกอบด้วยสมองและกำลัง และผู้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องที่สุดคือผู้ที่มีกำลังมากที่สุด”
“อย่างนั้นวันนี้เจ้าก็ทำลายศูนย์กลางไม่สำเร็จแล้วล่ะ พวกปิศาจข้างนอกกำลังถูกจัดการโดยสหายอีกคนของข้า” พอลไลน์พูด
“สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร” โทนาชตอบ “แต่วันนี้ข้ายอมให้พวกเจ้าก่อน แล้วเจอกันสัปดาห์หน้า”
ปีกสีเพลิงของโทนาชกลายเป็นไฟจริงๆ มันแผ่ขยายเปลวเพลิงและความร้อนออกราวจะปกคลุมอาคารอีกครั้ง เมื่อมันเผาไหม้ตัวเองจนดับลงก็ไม่เห็นอดีตผู้บัญชาการโทนาชอีก
“เป็นอะไรไหม เฟเรซิส” พอลไลน์ถามด้วยความเป็นห่วง
“แค่เหนื่อย นึกไม่ถึงว่าแผนของโทนาชจะเป็นอะไรแบบนี้” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว่าแต่ท่านมาที่นี่ได้ยังไง”
“ข้ามาที่ทวีปเทพเพื่อตามสืบเรื่องคนที่ฆ่าพ่อของข้า และโทนาชคือคำตอบ” พอลไลน์อธิบายพยายามจูงหญิงสาวออกไปนอกอาคาร
“สำหรับข้าเขาคือคู่แข่งในหน้าที่การงานเท่านั้น” เฟเรซิสเดินตามอย่างว่าง่าย
“แล้วเราต้องมาหยุดไม่ให้เขาทำลายแดนเทพนี่...”
(มีต่อ)