นางฟ้าเปื้อนเลือด ตอนที่ 8

กระทู้สนทนา
ใช้เวลาไม่นานการเตรียมตามแผนการของเฟเรซิสก็เสร็จสิ้น เขตอาคมเคลื่อนย้ายถูกติดตั้งตามส่วนต่างๆของยาเวลเชื่อมต่อกับเหมืองเก่าในเทือกเขาสตานโต จุดพักอพยพในเหมืองมันอยู่ในทิศทางที่ภูเขาไฟไม่สามารถปล่อยหินหลอมเหลวลงมาถึง หากผู้รักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการยังได้ให้คนใช้เวทมนตร์ป้องกันขั้นสูงเพื่อสร้างปราการไว้อีกชั้น
 
            และเขตอาคมที่คนสนิทของเฟเรซิสสร้างเป็นแบบพิเศษ เมื่อชาวเมืองเข้าไปข้างในมันจะส่งพวกเขาไปยังจุดหมายและสร้างตัวปลอมขึ้นโดยอัตโนมัติโดยทางกองทัพสามารถบังคับได้เหมือนเชิดตุ๊กตา ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้โทนาชที่เป็นเป้าหมายของแผนการล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ที่ต้องการดูอาการของเขาเมื่อเห็นว่าต้องมีคนพลีชีวิต
 
            เฟเรซิสส่งลูกน้องไปคอยดูเหตุการณ์จากแนวเทือกเขาส่วนตัวนางนั้นลงมาแสร้งทำเป็นควบคุมเหล่าทหารให้สร้างหลุมหลบภัยจากอุโมงค์และรูพรุนมากมายใต้พื้นดินที่เป็นหินภูเขาไฟ พอลไลน์นั้นคอยสังเกตการณ์ที่ภูเขาสตานโตที่ต้องเกิดระเบิดขึ้นหลังจากนี้ ส่วนพีเตอร์ไปเฝ้าอารักขาชาวเมืองตัวจริงที่อยู่ในเหมืองเก่า ทุกอย่างดูราวกับเป็นไปตามแผน
 
            ผู้ช่วยของเฟเรซิสแสร้งประกาศกับทหารคนอื่นๆและชาวเมืองตัวปลอมว่าจะอพยพคนในเมืองเข้าไปในโพรงถ้ำก่อนการโจมตีของโทนาชในอีกสองวันเพื่อนเล่นละครตามแผน ในเบื้องหลังนั้นมีทหารลูกน้องของนางสามคนคอยสังเกตการณ์จากแนวภูเขาไฟที่จะต้องปะทุขึ้น อีกสิบคนคอยปกป้องชาวบ้านตัวจริง และอีกสามคนคอยใช้เวทมนตร์ตรวจจับเวทมนตร์ในพื้นที่รอบยาเวลทั้งแนวป่าและทะเล
 
            พอลไลน์กับพีเตอร์นั้นยอมทำตามแผนของผู้รักษาการผู้บัญชาการทหารโดยดีแต่เลสลีย์นั้นมีพยศโดยนิสัย แทนที่จะคอยขี่สัตว์ปิศาจออกลาดตระเวนรอบเมืองจากทางอากาศกลับไปนอนรับลมทะเลเล่นเสียอย่างนั้น ทำให้พอลไลน์สบถออกมาหลายครั้งเมื่อต้องตามนางกลับมาทำหน้าที่ดังเดิม
 
            แค่วันครึ่งชาวเมืองตัวปลอมทั้งหมดก็ลงไปยังหลุมหลบภัยใต้ดิน ทุกอย่างราบรื่นและไม่มีสิ่งผิดปกติ แม้แต่แผ่นดินไหวก็ยังเกิดขึ้นตามหมายกำหนดการณ์ของเฟเรซิส สำหรับฝ่ายเวทมนตร์ของกองทัพแล้วมันง่ายมากที่จะสร้างแผ่นดินไหวจำลองขึ้นมา จุดหมายคือทำให้คนนอกที่เฝ้าดูยาเวลเชื่อว่าการเกิดภูเขาไฟระเบิดเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติจำพวกเทพบันดาลจริงๆ ส่วนหน้าที่การจุดระเบิดภูเขาไฟที่ดับไปนานแล้วนั้นเป็นหน้าที่ของพอลไลน์กับทหารอีกสองนาย...
 
 
            คืนก่อนกำหนดการทำลายเมืองของโทนาชนั้นพวกเฟเรซิสสร้างแผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกันนั้นพวกพอลไลน์ก็ทำตามแผนใช้เวทมนตร์กระตุ้นแม็กม่าที่อยู่ลึกลงไปใต้ปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้วเพื่อให้มันปะทุขึ้น เถ้าภูเขาไฟส่วนหนึ่งพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นสาย ส่งเศษหินภูเขาไฟที่ถูกบดละเอียดด้วยแรงดังออกไปเป็นระลอกคลื่นใหญ่จนพวกที่เฝ้าดูจากทางทะเลสามารถมองเห็นได้ เขม่าควันแห่งความตายลอยฟุ้งกระจายไปในท้องฟ้าปลดปล่อยความร้อนแรงจากหินใต้พิภพ ผู้คนที่หลบภัยอยู่ในเทือกเขาเดียวกันล้วนตื่นขึ้นด้วยความตระหนกแต่พวกพีเตอร์กับทหารของเฟเรซิสก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
 
            รุ่งเช้ามาถึงพร้อมรายงานจากเลสลีย์ว่ามีลูกแก้วใสเหมือนกระจกหกลูกลอยเหนือตัวเมืองในลักษณะล้อมเมืองเอาไว้ นางบอกกับเฟเรซิสว่ามันลอยมาจากป่าทางใต้พร้อมส่งคลื่นเวทมนตร์ออกมา ซึ่งทหารที่เฝ้าทิศนั้นเป็นคนบอกให้นางขี่สัตว์บินตามไปดูจนรู้ว่ามันคืออะไร
 
            ไม่ทันให้เฟเรซิสสั่งให้คนไปเฝ้าลูกแก้ว ภูเขาไฟก็ปะทุขึ้นเกิดเสียงดังเหมือนอิเดนทลาย! เถ้าถ่านภูเขาไฟปริมาณมหาศาลลอยขึ้นไปในอากาศเหมือนน้ำพุสีดำขนาดยักษ์ ประกายไฟแลบเลียอยู่เหนือปากปล่องขณะเดียวกันหินหลอมเหลวสีแดงสดเหมือนเลือดก็ค่อยๆไหลทะลักออกมาเหมือนโลหิตที่ซึมออกจากบาดแผล ผู้รักษาการผู้บัญชาการสั่งให้ลูกน้องส่วนหนึ่งแสร้งทำเป็นออกไปสร้างแนวป้องกันลาวาจากภูเขาสูง อีกส่วนหนึ่งยังคงจับตามองลูกแก้วบนอากาศ
 
            หากคิดตามอัตราการไหลปกติของลาวาแล้ว อีกประมาณ 6 ชั่วโมงมันก็จะไหลมาถึงเขตที่อยู่อาศัยของเมือง ชาวเมืองเกือบทั้งหมดเป็นเผ่าเทพสามารถบินหนีความร้อนแรงได้นั่นหมายความว่าหากนางสร้างแนวป้องกันได้ก็จะหาเหตุผลได้ว่าเหตุใดไม่มีชาวเมืองบินหนีออกไปอยู่เขตปลอดภัย
 
            เฟเรซิสรับสัญญาณเตือนได้จากแนวเทือกเขา มีพลังเวทที่เคลื่อนที่เร็วหนึ่งจุดกำลังบินมาทางเมือง ต้องเป็นโทนาชแน่ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นรอการปรากฏตัวของผู้ที่อ้างว่าเป็นคนร้าย แล้วเงาปีกของเผ่าเทพก็บินผ่าฝุ่นภูเขาไฟในส่วนที่เบาบางที่สุด แผงปีกสีแดงเจิดจ้าเมื่อปะทะแสงตะวัน โทนาชมาแล้ว!            
 
            ผู้รักษาการแทนฯปล่อยให้ลูกน้องและพวกพอลไลน์จัดการเรื่องภูเขาไฟส่วนตัวนางนั้นคอยจับตามองโทนาชเพื่อสังเกตอาการ เฟเรซิสโผบินขึ้นท้องฟ้าเพื่อเข้าไปหาอีกฝ่ายทำเหมือนกับไปเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เขาทำลายเมืองยาเวล
 
            ทางด้านหินหลอมเหลวเหมือนจะเคลื่อนตัวเร็วกว่าที่คิดเพราะแร่ธาตุบางอย่างในภูเขาอย่างที่พีเตอร์เตือนเอาไว้ แต่ยังอีกนานกว่าลาวาจะไหลมาถึงจุดที่พวกทหารสร้างกำแพงหินรอรับอยู่
 
            “จุดประสงค์ของท่านคืออะไรกันแน่โทนาช ทำไมต้องทำลายเมืองทั้งหลายในแดนเทพด้วย!” เฟเรซิสร้องถามเมื่อบินเข้าไปใกล้พอ อดีตผู้บัญชาการทหารยังคงความเคร่งขรึมเยือกเย็นเอาไว้ได้เหมือนทุกครั้ง
 
            “ความจริงข้าคิดว่าไม่ต้องลงมือเองเพราะภูเขาไฟระเบิดแบบนี้” โทนาชไม่ยอมตอบคำถามของเฟเรซิส ใบหน้าที่กร้านเกรียมจากการทำงานของเขาหันไปมองภูเขาไฟที่ปล่อยควันและหินหลอมเหลวออกมาอย่างต่อเนื่อง “แต่ข้าต้องตอกตะปูปิดฝาโลง เจ้าคงคงเข้าใจ”
 
            ไม่ทันขาดคำลูกแก้วใสหกลูกที่ลอยอยู่เหนือเมืองก็ตกวูบลงฝังตัวรอบกำแพงเมืองเป็นจุดๆ โดยไม่ต้องส่งสัญญาณเหล่าทหารในตัวเมืองเห็นดังนั้นก็บินขึ้นท้องฟ้าพร้อมสร้างปราการดินล้อมรอบหลุมหลบภัยปลอมๆใต้เมืองด้วยเพื่อความแนบเนียน
 
            เฟเรซิสยังเล่นละครต่อไป นางเงื้อดาบบินขึ้นไปหาโทนาชเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่เขากำลังจะทำ! ทว่าสายไปแล้ว ดาบของเฟเรซิสถูกหยุดด้วยดาบของโทนาชพร้อมการเอ่ยคำสั่งของอดีตผู้บัญชาการ
 
            ลูกแก้วทั้งหกที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเรืองแสงทันทีที่ได้รับคำสั่ง! เสาน้ำแข็งงอกขึ้นสูงเสียดฟ้าเหมือนหอคอยที่ปล่อยไอเย็นออกมา ทั้งหกต้นตั้งเรียงกันตามรูปแบบดาวหกแฉกสำหรับการใช้เวทมนตร์ขนาดใหญ่ทำให้เฟเรซิสรู้ได้ทันทีว่าโทนาชกำลังจะทำอะไร เขาจะทำให้ยาเวลกลายเป็นน้ำแข็งทั้งเมืองในพริบตา! 
 
            แม้จะรู้ว่าผู้มีชีวิตบินหนีออกนอกเขตเมืองแล้วเฟเรซิสก็ยังเล่นละครต่อ นางใช้เวทมนตร์สร้างไฟปกคลุมดาบเล่มใหญ่ของนางแล้วปาไปที่เสาต้นหนึ่งหวังทำลายเขตแดนสร้างน้ำแข็ง ทว่ามันไม่ได้ผล ดาบของนางทำลายได้แค่เสี้ยวเดียวของเสาก่อนพวกมันจะทำงาน แสงสีเงินปกคลุมรอบเมืองเหมือนพวกจันทร์ยามราตรี เมื่อแสงหายไปทั่วอาณาบริเวณเมืองก็กลายเป็นน้ำแข็งสีเงิน ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนหรือต้นไม้ต่างๆ คล้ายกับประติมากรรมน้ำแข็งขนาดยักษ์!
 
            “กว่าพวกเจ้าจะทำลายเขตแดนน้ำแข็งลงไปหาชาวเมืองได้ก็สายไปแล้ว พวกนั้นต้องตายด้วยความหนาวเย็นก่อนแน่ ข้าไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว” เปลวเพลิงจากปีกทั้งสองของโทนาชปกคลุมร่างแกร่งแล้วทำให้เขาหายไปอีกครั้ง
 
            เฟเรซิสมองเห็นผ่านการตรวจจับด้วยเวทมนตร์ว่าโทนาชกำลังเคลื่อนที่ไปทางเทือกเขาด้วยความเร็วสูง เขากำลังกลับไปที่ไหนสักแห่ง และทางป่าก็มีแหล่งพลังเวทปริศนาปรากฏขึ้นนอกเหนือจากพวกทหารที่นางรู้จัก
 
            ไม่ทันให้เฟเรซิสคิดหรือสั่งการได้ เทือกเขาและแผ่นดินก็สะเทือนเลือนลั่นอีกครั้งจนเสาน้ำแข็งหักโค่น หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่ามันเกิดจากเวทมนตร์แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครกันแน่ แล้วหัวใจของของนางก็ตกวูบเพราะภูเขาส่วนหนึ่งของเทือกเขาเกิดการเคลื่อนตัว ซึ่งมันจะทำให้เหมืองทรุดตัวและลาวาไหลไปที่จุดหลบภัยของจริง!
 
            ในชั่วเสี้ยวความคิดเฟเรซิสทะยานไปยังจุดซ่อนตัวของผู้คนในเมืองทันที อย่างน้อยพรรคพวกทางนั้นคงซื้อเวลาให้นางได้ก่อนเกิดสิ่งเหนือการคาดการณ์ขึ้น หญิงสาวมองเห็นกลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งทยอยบินขึ้นเพื่อหลบภัยจากภูเขาถล่มและลาวาที่ไหลมา แต่จำนวนคนมากเกินกว่าจะออกมาทางปากทางเหมืองได้ทีเดียวหมด
 
            เฟเรซิสผู้ร้อนรนลงจอดข้างกำแพงดินที่เหล่าทหารสร้างเพื่อกันลาวาชั่วคราว ส่วนหนึ่งก็กำลังสร้างเสาดินรับน้ำหนักเพดานเหมืองระหว่างอพยพผู้คน นางรีบท่องมนตร์ด้วยความเร็วสูงก่อนกำแพงดินจะรับปริมาณและความร้อนของลาวาไม่ไหวจนเกิดช่องว่างให้หินร้อนไหลออกมา ไอเย็นสุดขั้วที่สร้างจากพลังเวทเกือบทั้งหมดของนางถูกปล่อยไปยังเขื่อนดินเพื่อเสริมกำแพงดินให้คงทนและลดความร้อนแรงลง
 
            ไม่ทันให้เฟเรซิสพักหายใจทางเหมืองก็ส่งเสียงเป็นลางร้ายพร้อมการพังทลายของเสาที่เหล่าทหารสร้างขึ้น! หญิงสาวกระโจนเข้าไปเพื่อช่วยผู้คนเมื่อเห็นว่าเสาค้ำบนเพดานเหมืองต้นหนึ่งกำลังร้าวและจะร่วงลงมาใส่กลุ่มคนที่สับสน แม้นางจะพุ่งไปเร็วเท่าไรแต่ยังไกลเกินไปอยู่ดี ประกอบกับน้ำหนักของภูเขาทั้งลูกโถมลงมาทำให้เพดานทรุดเร็วกว่าที่คิดไว้ ก้อนหินหนักหลายพันลูนร่วงหล่นใส่เฟเรซิสและผู้คนอีกกลุ่มที่ยังติดอยู่ข้างใน! 
 
            ในวินาทีดับจิตนั้นเร็วเกินกว่าเฟเรซิสจะใช้เวทมนตร์ใดๆได้ ความมืดและความเจ็บปวดจากเหมืองถล่มก็เข้าควบคุมจนทุกอย่างดับมืดลง...
 
 (มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่