การผ่าตัดเพื่อรักษาปอดของเฟเรซิสราบรื่นอย่างที่วางแผนกันไว้ เวทมนตร์จำพวกปิดกั้นการรับรู้ทำงานดีเหมือนยานอนหลับ รูที่ปอดถูกประสานติดอย่างสมบูรณ์ เพียงรอหญิงสาวใช้เวลาฟื้นตัวอีกสักสัปดาห์ก็จะออกจากห้องพยาบาลได้ มีอย่างเดียวที่ทุกคนกังวล คนป่วยอาจกลับมาใช้แรงมากดังเดิมไม่ได้อีก
ใช้เวลากว่าสองวันหญิงสาวจึงรู้ตัวจนพูดคุยได้ หน้าอกยังเจ็บในขณะที่แผลผ่าตัดเหลือเพียงรอยแดง แพทย์เจ้าของไข้บอกว่าต้องใช้เวลาเพื่อให้ปอดกลับเข้าที่เข้าทาง นั่นทำให้เฟเรซิสเบื่อแทบคลั่ง ในเวลาว่างหญิงสาวเขียนเรื่องชวนหงุดหงิดลงกระดาษแก้เบื่อได้ดังนี้
เรื่องแรก พ่อกับแม่ของนางยอมหยุดงานมาดูแล ถ้ามีโอกาสบทสนทนาของแม่จะถูกหมุนไปเรื่องชีวิตแต่งงานของตน เฟเรซิสยอมพนันด้วยปีกสองข้างว่าอีกฝ่ายกำลังเร่งให้ตัดสินใจหาคู่เป็นตัวเป็นตน
เรื่องที่สอง พ่อของเฟเรซิสให้ความสนใจเลสลีย์มากจนแทบไม่คุยกับนางเลย ตลอดเวลาพ่อเป็นคนที่เข้าใจและให้โอกาสเรียนรู้ทุกเรื่องผิดกับแม่ที่อยากให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง ขอเพียงพ่อนั่งอยู่ด้วยแม่จะต้องยอมเปลี่ยนเรื่องพูดแน่นอน
เรื่องที่สาม อิลซานอร์มีข่าวก่อการร้ายครึกโครมรุนแรงจนอาคารบ้านเรือนพังไปส่วนหนึ่ง เฟเรซิสสถบสาบานเพราะมีแค่ผู้บาดเจ็บสาหัสผิดกับแผนของนางที่ทำด้วยเจตนาดี โทนาชมีปัญหาสักอย่างจนเป็นผู้ต้องสงสัยทำลายบ้านเรือนในรัศมีกว้างเหมือนอุกกาบาตถล่ม หญิงสาวเห็นก็คันไม้คันมืออยากเข้าร่วมด้วย
เรื่องที่สี่ บรรดาของเยี่ยมทั้งหลายถูกคัดกรองเหลือเพียงของที่มีประโยชน์ ของกินเล่นล้วนแล้วแต่ถูกจับโยนให้เลสลีย์เสียหมดสิ้น นางอาจอยู่ได้ถ้าไม่มีคนคุยด้วยแต่ไม่สามารถตัดของกินเล่นออกจากชีวิต ทั้งแป้งก้อนโรยน้ำตาล เค้กผลไม้น้ำตาลเยิ้ม ของเชื่อมแสนหวานต่างๆล้วนหายเรียบทำลายขวัญกำลังใจนางยิ่งกว่าการกายภาพบำบัด
ใกล้ครบสัปดาห์แห่งการพักฟื้น เลสลีย์ได้รับจดหมายผ่านทางสัตว์ปิศาจว่าให้เฟเรซิสไปเที่ยวเกียนแล้วค่อยคุยกันว่าจะช่วยงานร้านอาหารไหม นั่นทำให้หญิงสาวนั่งรถเข็นไปกายภาพบำบัดด้วยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในหลายวัน
การกายภาพสมบูรณ์เมื่อมีข่าวการปะทะกันที่เกรซซึ่งเป็นทางผ่านจากอิลซานอร์ไปมิเลนัส วิเรียนบอกทุกคนว่าทหารของศูนย์กลางไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งที่เป็นฝีมือของพอลไลน์กับพีเตอร์ ทำให้เฟเรซิสบันทึกเอาไว้ว่าสิ่งแรกที่จะทำหลังออกจากห้องพยาบาลคือเค้นคอวิเรียนว่าต้นตอทั้งหมดของเรื่องนี้คืออะไร
การทดสอบร่างกายรายการสุดท้ายคือการบิน ปีกสีขาวอาจมีเวทมนตร์เฉพาะตัวสูงกว่าปีกของเผ่าเทพคนอื่นๆทำให้คืนสภาพได้เร็ว ผู้รักษาการตำแหน่งของศูนย์กลางกลับมาโบยบินเหนือลานหลังอาคารพยาบาลได้อีกครั้ง แต่เมื่อเฟเรซิสเร่งความเร็วมันกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง หน้าอกของนางปวดร้าวลามไปถึงส่วนโคนปีก ลมหายใจขาดห้วงจนเอาอากาศเข้าไปเลี้ยงร่างกายไม่ได้ กระนั้นหญิงสาวก็กัดฟันใช้ปีกพยุงตัวช่วงสั้นๆจนลงพื้นอย่างปลอดภัย
แพทย์กับพยาบาลเข้ามาดูคนป่วยด้วยความเป็นห่วงว่าความผิดพลาดอาจร้ายแรงกว่าที่เห็น
“บางที อาจเป็นอย่างที่กลัว” เฟเรซิสแทบเป็นลมเมื่อเผชิญฝันร้ายของตัวเอง “ขอลองอีกครั้งได้ไหม”
“เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลองใหม่ ท่านอาจยังล้าอยู่” แพทย์เจ้าของไข้หยุดการตรวจร่างกายเอาไว้แค่นี้
หญิงสาวนั่งรถเข็นกลับเตียงพร้อมพยาบาลและคนเฝ้าไข้ ในเมื่อนางตั้งใจสละตำแหน่งแล้วก็ต้องทำโดยไม่ห่วงพะวงอีกต่อไปว่าร่างกายพร้อมไปต่อหรือไม่
“ใครช่วยไปทำธุระให้ได้ไหม ข้าอยากพบคนรับช่วงต่อเพื่อรับงานประจำตำแหน่งหลังจากนี้” เฟเรซิสคว้าเหยือกน้ำมารินดื่ม พ่อของนางเคารพการตัดสินใจเสมอ แม่ของนางถอนใจว่าควรออกจากงานอันตรายนี่นานแล้ว ส่วนเลสลีย์ยืนมองคนป่วยก่อนขอให้ผู้ติดตามของเฟเรซิสไปตามคนที่ว่าให้
“แล้วลูกจะไปอยู่เขตมนุษย์หรือ” พ่อของเฟเรซิสซับเหงื่อ ท่าทางยังสองจิตสองใจว่าควรปล่อยลูกสาวทำตามใจอีกไหม
เฟเรซิสพยักหน้าอย่างแน่วแน่ นางคงเจ็บหนักกว่านี้ถ้าทำได้แค่มองเหล่าสหายทำงานอย่างมุมานะจากเก้าอี้นั่ง
“ขออยู่คนเดียวสักหน่อย จะต้องคุยงานกับผู้สืบทอด จากนั้นก็อาหารเย็นแล้วนอน” คนป่วยเก็บความเศร้าเอาไว้เหมือนกำลังทำงาน
คนมาเยี่ยมทุกคนยอมกลับแต่โดยดี เฟเรซิสหายใจยาวลึกไม่ยอมร้องไห้ นางต้องคุยกับคนรับตำแหน่งต่อก่อนจึงปล่อยอารมณ์ได้…
ด้วยความแน่วแน่ของเฟเรซิส งานทุกอย่างในฐานะรองผู้บัญชาการทหารแห่งศูนย์กลางถูกเปลี่ยนถ่ายสู่หนุ่มหน้าสวย ทางวิเรียนก็รับปากว่าจะดูแลจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เมื่อพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้หญิงสาวอยากรู้ขีดจำกัดว่าตนสามารถทำอะไรได้แค่ไหน
เช้าวันที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านเฟเรซิสออกกำลังเบาๆด้วยการเดินกลับตึกพัก เฟเรซิสสามารถออกกำลังเบาๆอย่างเดิน วิ่ง กระโจนสั้นๆได้อย่างไม่มีปัญหา แต่นางไม่สามารถออกแรงมากนานๆได้ ปกติหญิงสาวเดินขึ้นชั้นสามรวดเดียวหากคราวนี้ต้องหยุดพักหายใจ ยามออกแรงมากนางจะหายใจไม่ทันและกล้ามเนื้อจะเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ
บางทีการช่วยวิเรียนกับโทนาชอาจเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น เฟเรซิสคิด
หน้าห้องพักพอลไลน์มายืนรอเพราะรู้ว่านางจะกลับห้องพักเช้านี้ เขามองหญิงสาวอย่างเห็นใจ แม้จะรู้ว่านางกลับมาสู้ต่อไม่ได้อีกแล้วยังมีแก่ใจนำดาบประจำตัวและดาบฆ่าม้าเล่มนั้นมาวางรอไว้ข้างประตูห้อง
“อย่าเพิ่งตัดใจ การต่อสู้ทำได้หลายวิธี” พอลไลน์ดุเลสลีย์ด้วยสายตาเพราะนางกำลังจะต่อว่าเขาที่สะกิดแผลของเฟเรซิส
ด้วยความดีใจที่พบความหวังทำให้หญิงสาวโผกอดเขากลางสายตาของพ่อแม่และคนที่มาเป็นเพื่อน แทนที่จะกระดากอายพอลไลน์ลูบหัวนางเบาๆว่าเอาไว้เข้าไปคุยในห้อง
“วิเรียนยอมให้ใช้ห้องจนกว่าจะถึงเดือนหน้า นางอยากให้ทำงานเบื้องหลังแต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยาก” พอลไลน์ช่วยเลสลีย์ขนกระเป๋าเสื้อผ้าของคนป่วยเข้าห้องพัก
เฟเรซิสมองห้องด้วยความคิดถึง ปกตินางอาศัยหลับนอนไม่เป็นที่เป็นทาง หากทำงานไม่เสร็จก็หลับในห้องทำงาน หากสะสางทุกอย่างเรียบร้อยก็จะกลับมาจัดการเสื้อผ้าในห้องพัก หากแม่นางรู้ความจริงนี้คงบ่นเรื่องคุณภาพชีวิตยืดยาว
“ผ้าใช้แล้วเอาใส่ตะกร้าได้เลย ขอบคุณมาก” เฟเรซิสหลบตาพ่อที่พร้อมยิงคำถามทุกเมื่อ “ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วละ พ่อกับแม่จะอยู่ด้วยกันอีกสักวันไหม...แต่ไม่มีอาหารเก็บหรอกนะ”
ในห้องแคบๆเหม็นอับของเฟเรซิสมีเพียงเจ้าของห้องที่พูดไปเรื่อย เลสลีย์แอบลากพอลไลน์ไปคุยเรื่องทำอะไรเกินเลย ส่วนคนพ่อกับแม่รอโอกาสคุยเรื่องที่เห็นเมื่อครู่
“เฟร แม่รู้ว่าลูกโลดโผนและชอบเรื่องแปลกใหม่ แต่มันเกินไปไหม” แม่ของหญิงทักขึ้นตอนเฟเรซิสบอกว่าตนนอนเก้าอี้ยาวได้หากพ่อแม่อยากพักด้วย
“เรื่องความรักระหว่างเผ่าเทพกับมนุษย์ไม่ใช่ไม่เคยมี” คราวนี้พ่อเข้ามาปรับทัศนคติอีกคน “ลูกรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นอดีตรองผู้บัญชาการแห่งศูนย์กลาง ลูกมีชื่อเสียงกับเกียรติภูมิค้ำคออยู่”
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน ลูกเคยเล่าแล้วว่าเคยไปเที่ยวกับผู้ชายทุกคนในกองทัพ ที่ศูนย์กลางลูกเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ” เฟเรซิสกล่อมให้ทั้งคู่เชื่อว่าไม่มีอะไรในกอไผ่
“พวกนั้นคือเผ่าเทพแต่นี่คือมนุษย์ พ่อไม่เคยว่าหากลูกหาชาวเผ่าเทพดีๆสักคนมาอยู่ด้วย"
หญิงสาวไม่ต้องลำบากขุดหาข้อแก้ตัวเพราะมีคนเคาะประตูให้นางแล่นไปเปิดรับ วิเรียนกับผู้ติดตามอีกสองคนยืนรอให้เชิญเข้าห้อง วิเรียนผู้ยุ่งตลอดหนึ่งอาทิตย์กล่าวทักทายพ่อกับแม่ของเฟเรซิสอย่างเป็นทางการ
“เฟเรซิสช่วยงานศูนย์กลางได้มากมาย พวกท่านต้องภูมิใจแน่” วิเรียนทำให้ห้องแคบๆของเฟเรซิสแคบลงไปอีก “คิดจะไปกล่าวขอบคุณแต่ไม่มีเวลาสักที ผู้ก่อการร้ายกำลังหลบหนีไปมิเลนนัส ข้ากับท่านพัวร์รีนมาเพื่อคุยว่านางสามารถทิ้งทวนก่อนสละตำแหน่งอย่างยิ่งใหญ่ได้ไหม”
เฟเรซิสสัมผัสความไม่ชอบใจบางอย่างจากน้ำเสียงได้ พ่อของเฟเรซิสถามอย่างสุภาพว่านางรู้จักพอลไลน์ด้วยหรือ หญิงสาวไม่เคยบอกรายละเอียดกับครอบครัวเกี่ยวกับคำทำนายเรื่องนักรบเทพกับผู้กล้า นางไม่อยากเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาว่านางแบกรับความเชื่อใหญ่โตเกินตัว
“พวกเขาคือผู้ร่วมอุดมการณ์ เขาอยากพบโทนาชเพราะเหตุผลส่วนตัว เขาเคยช่วยเฟเรซิสตอนลาดตระเวนจึงสนิทกัน” วิเรียนจงใจข้ามเรื่องผู้กล้าไป
(มีต่อ)
นางฟ้าเปื้อนเลือด ตอนที่ 17
ใช้เวลากว่าสองวันหญิงสาวจึงรู้ตัวจนพูดคุยได้ หน้าอกยังเจ็บในขณะที่แผลผ่าตัดเหลือเพียงรอยแดง แพทย์เจ้าของไข้บอกว่าต้องใช้เวลาเพื่อให้ปอดกลับเข้าที่เข้าทาง นั่นทำให้เฟเรซิสเบื่อแทบคลั่ง ในเวลาว่างหญิงสาวเขียนเรื่องชวนหงุดหงิดลงกระดาษแก้เบื่อได้ดังนี้
เรื่องแรก พ่อกับแม่ของนางยอมหยุดงานมาดูแล ถ้ามีโอกาสบทสนทนาของแม่จะถูกหมุนไปเรื่องชีวิตแต่งงานของตน เฟเรซิสยอมพนันด้วยปีกสองข้างว่าอีกฝ่ายกำลังเร่งให้ตัดสินใจหาคู่เป็นตัวเป็นตน
เรื่องที่สอง พ่อของเฟเรซิสให้ความสนใจเลสลีย์มากจนแทบไม่คุยกับนางเลย ตลอดเวลาพ่อเป็นคนที่เข้าใจและให้โอกาสเรียนรู้ทุกเรื่องผิดกับแม่ที่อยากให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง ขอเพียงพ่อนั่งอยู่ด้วยแม่จะต้องยอมเปลี่ยนเรื่องพูดแน่นอน
เรื่องที่สาม อิลซานอร์มีข่าวก่อการร้ายครึกโครมรุนแรงจนอาคารบ้านเรือนพังไปส่วนหนึ่ง เฟเรซิสสถบสาบานเพราะมีแค่ผู้บาดเจ็บสาหัสผิดกับแผนของนางที่ทำด้วยเจตนาดี โทนาชมีปัญหาสักอย่างจนเป็นผู้ต้องสงสัยทำลายบ้านเรือนในรัศมีกว้างเหมือนอุกกาบาตถล่ม หญิงสาวเห็นก็คันไม้คันมืออยากเข้าร่วมด้วย
เรื่องที่สี่ บรรดาของเยี่ยมทั้งหลายถูกคัดกรองเหลือเพียงของที่มีประโยชน์ ของกินเล่นล้วนแล้วแต่ถูกจับโยนให้เลสลีย์เสียหมดสิ้น นางอาจอยู่ได้ถ้าไม่มีคนคุยด้วยแต่ไม่สามารถตัดของกินเล่นออกจากชีวิต ทั้งแป้งก้อนโรยน้ำตาล เค้กผลไม้น้ำตาลเยิ้ม ของเชื่อมแสนหวานต่างๆล้วนหายเรียบทำลายขวัญกำลังใจนางยิ่งกว่าการกายภาพบำบัด
ใกล้ครบสัปดาห์แห่งการพักฟื้น เลสลีย์ได้รับจดหมายผ่านทางสัตว์ปิศาจว่าให้เฟเรซิสไปเที่ยวเกียนแล้วค่อยคุยกันว่าจะช่วยงานร้านอาหารไหม นั่นทำให้หญิงสาวนั่งรถเข็นไปกายภาพบำบัดด้วยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในหลายวัน
การกายภาพสมบูรณ์เมื่อมีข่าวการปะทะกันที่เกรซซึ่งเป็นทางผ่านจากอิลซานอร์ไปมิเลนัส วิเรียนบอกทุกคนว่าทหารของศูนย์กลางไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งที่เป็นฝีมือของพอลไลน์กับพีเตอร์ ทำให้เฟเรซิสบันทึกเอาไว้ว่าสิ่งแรกที่จะทำหลังออกจากห้องพยาบาลคือเค้นคอวิเรียนว่าต้นตอทั้งหมดของเรื่องนี้คืออะไร
การทดสอบร่างกายรายการสุดท้ายคือการบิน ปีกสีขาวอาจมีเวทมนตร์เฉพาะตัวสูงกว่าปีกของเผ่าเทพคนอื่นๆทำให้คืนสภาพได้เร็ว ผู้รักษาการตำแหน่งของศูนย์กลางกลับมาโบยบินเหนือลานหลังอาคารพยาบาลได้อีกครั้ง แต่เมื่อเฟเรซิสเร่งความเร็วมันกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง หน้าอกของนางปวดร้าวลามไปถึงส่วนโคนปีก ลมหายใจขาดห้วงจนเอาอากาศเข้าไปเลี้ยงร่างกายไม่ได้ กระนั้นหญิงสาวก็กัดฟันใช้ปีกพยุงตัวช่วงสั้นๆจนลงพื้นอย่างปลอดภัย
แพทย์กับพยาบาลเข้ามาดูคนป่วยด้วยความเป็นห่วงว่าความผิดพลาดอาจร้ายแรงกว่าที่เห็น
“บางที อาจเป็นอย่างที่กลัว” เฟเรซิสแทบเป็นลมเมื่อเผชิญฝันร้ายของตัวเอง “ขอลองอีกครั้งได้ไหม”
“เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลองใหม่ ท่านอาจยังล้าอยู่” แพทย์เจ้าของไข้หยุดการตรวจร่างกายเอาไว้แค่นี้
หญิงสาวนั่งรถเข็นกลับเตียงพร้อมพยาบาลและคนเฝ้าไข้ ในเมื่อนางตั้งใจสละตำแหน่งแล้วก็ต้องทำโดยไม่ห่วงพะวงอีกต่อไปว่าร่างกายพร้อมไปต่อหรือไม่
“ใครช่วยไปทำธุระให้ได้ไหม ข้าอยากพบคนรับช่วงต่อเพื่อรับงานประจำตำแหน่งหลังจากนี้” เฟเรซิสคว้าเหยือกน้ำมารินดื่ม พ่อของนางเคารพการตัดสินใจเสมอ แม่ของนางถอนใจว่าควรออกจากงานอันตรายนี่นานแล้ว ส่วนเลสลีย์ยืนมองคนป่วยก่อนขอให้ผู้ติดตามของเฟเรซิสไปตามคนที่ว่าให้
“แล้วลูกจะไปอยู่เขตมนุษย์หรือ” พ่อของเฟเรซิสซับเหงื่อ ท่าทางยังสองจิตสองใจว่าควรปล่อยลูกสาวทำตามใจอีกไหม
เฟเรซิสพยักหน้าอย่างแน่วแน่ นางคงเจ็บหนักกว่านี้ถ้าทำได้แค่มองเหล่าสหายทำงานอย่างมุมานะจากเก้าอี้นั่ง
“ขออยู่คนเดียวสักหน่อย จะต้องคุยงานกับผู้สืบทอด จากนั้นก็อาหารเย็นแล้วนอน” คนป่วยเก็บความเศร้าเอาไว้เหมือนกำลังทำงาน
คนมาเยี่ยมทุกคนยอมกลับแต่โดยดี เฟเรซิสหายใจยาวลึกไม่ยอมร้องไห้ นางต้องคุยกับคนรับตำแหน่งต่อก่อนจึงปล่อยอารมณ์ได้…
ด้วยความแน่วแน่ของเฟเรซิส งานทุกอย่างในฐานะรองผู้บัญชาการทหารแห่งศูนย์กลางถูกเปลี่ยนถ่ายสู่หนุ่มหน้าสวย ทางวิเรียนก็รับปากว่าจะดูแลจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เมื่อพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้หญิงสาวอยากรู้ขีดจำกัดว่าตนสามารถทำอะไรได้แค่ไหน
เช้าวันที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านเฟเรซิสออกกำลังเบาๆด้วยการเดินกลับตึกพัก เฟเรซิสสามารถออกกำลังเบาๆอย่างเดิน วิ่ง กระโจนสั้นๆได้อย่างไม่มีปัญหา แต่นางไม่สามารถออกแรงมากนานๆได้ ปกติหญิงสาวเดินขึ้นชั้นสามรวดเดียวหากคราวนี้ต้องหยุดพักหายใจ ยามออกแรงมากนางจะหายใจไม่ทันและกล้ามเนื้อจะเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ
บางทีการช่วยวิเรียนกับโทนาชอาจเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น เฟเรซิสคิด
หน้าห้องพักพอลไลน์มายืนรอเพราะรู้ว่านางจะกลับห้องพักเช้านี้ เขามองหญิงสาวอย่างเห็นใจ แม้จะรู้ว่านางกลับมาสู้ต่อไม่ได้อีกแล้วยังมีแก่ใจนำดาบประจำตัวและดาบฆ่าม้าเล่มนั้นมาวางรอไว้ข้างประตูห้อง
“อย่าเพิ่งตัดใจ การต่อสู้ทำได้หลายวิธี” พอลไลน์ดุเลสลีย์ด้วยสายตาเพราะนางกำลังจะต่อว่าเขาที่สะกิดแผลของเฟเรซิส
ด้วยความดีใจที่พบความหวังทำให้หญิงสาวโผกอดเขากลางสายตาของพ่อแม่และคนที่มาเป็นเพื่อน แทนที่จะกระดากอายพอลไลน์ลูบหัวนางเบาๆว่าเอาไว้เข้าไปคุยในห้อง
“วิเรียนยอมให้ใช้ห้องจนกว่าจะถึงเดือนหน้า นางอยากให้ทำงานเบื้องหลังแต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยาก” พอลไลน์ช่วยเลสลีย์ขนกระเป๋าเสื้อผ้าของคนป่วยเข้าห้องพัก
เฟเรซิสมองห้องด้วยความคิดถึง ปกตินางอาศัยหลับนอนไม่เป็นที่เป็นทาง หากทำงานไม่เสร็จก็หลับในห้องทำงาน หากสะสางทุกอย่างเรียบร้อยก็จะกลับมาจัดการเสื้อผ้าในห้องพัก หากแม่นางรู้ความจริงนี้คงบ่นเรื่องคุณภาพชีวิตยืดยาว
“ผ้าใช้แล้วเอาใส่ตะกร้าได้เลย ขอบคุณมาก” เฟเรซิสหลบตาพ่อที่พร้อมยิงคำถามทุกเมื่อ “ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วละ พ่อกับแม่จะอยู่ด้วยกันอีกสักวันไหม...แต่ไม่มีอาหารเก็บหรอกนะ”
ในห้องแคบๆเหม็นอับของเฟเรซิสมีเพียงเจ้าของห้องที่พูดไปเรื่อย เลสลีย์แอบลากพอลไลน์ไปคุยเรื่องทำอะไรเกินเลย ส่วนคนพ่อกับแม่รอโอกาสคุยเรื่องที่เห็นเมื่อครู่
“เฟร แม่รู้ว่าลูกโลดโผนและชอบเรื่องแปลกใหม่ แต่มันเกินไปไหม” แม่ของหญิงทักขึ้นตอนเฟเรซิสบอกว่าตนนอนเก้าอี้ยาวได้หากพ่อแม่อยากพักด้วย
“เรื่องความรักระหว่างเผ่าเทพกับมนุษย์ไม่ใช่ไม่เคยมี” คราวนี้พ่อเข้ามาปรับทัศนคติอีกคน “ลูกรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นอดีตรองผู้บัญชาการแห่งศูนย์กลาง ลูกมีชื่อเสียงกับเกียรติภูมิค้ำคออยู่”
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน ลูกเคยเล่าแล้วว่าเคยไปเที่ยวกับผู้ชายทุกคนในกองทัพ ที่ศูนย์กลางลูกเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ” เฟเรซิสกล่อมให้ทั้งคู่เชื่อว่าไม่มีอะไรในกอไผ่
“พวกนั้นคือเผ่าเทพแต่นี่คือมนุษย์ พ่อไม่เคยว่าหากลูกหาชาวเผ่าเทพดีๆสักคนมาอยู่ด้วย"
หญิงสาวไม่ต้องลำบากขุดหาข้อแก้ตัวเพราะมีคนเคาะประตูให้นางแล่นไปเปิดรับ วิเรียนกับผู้ติดตามอีกสองคนยืนรอให้เชิญเข้าห้อง วิเรียนผู้ยุ่งตลอดหนึ่งอาทิตย์กล่าวทักทายพ่อกับแม่ของเฟเรซิสอย่างเป็นทางการ
“เฟเรซิสช่วยงานศูนย์กลางได้มากมาย พวกท่านต้องภูมิใจแน่” วิเรียนทำให้ห้องแคบๆของเฟเรซิสแคบลงไปอีก “คิดจะไปกล่าวขอบคุณแต่ไม่มีเวลาสักที ผู้ก่อการร้ายกำลังหลบหนีไปมิเลนนัส ข้ากับท่านพัวร์รีนมาเพื่อคุยว่านางสามารถทิ้งทวนก่อนสละตำแหน่งอย่างยิ่งใหญ่ได้ไหม”
เฟเรซิสสัมผัสความไม่ชอบใจบางอย่างจากน้ำเสียงได้ พ่อของเฟเรซิสถามอย่างสุภาพว่านางรู้จักพอลไลน์ด้วยหรือ หญิงสาวไม่เคยบอกรายละเอียดกับครอบครัวเกี่ยวกับคำทำนายเรื่องนักรบเทพกับผู้กล้า นางไม่อยากเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาว่านางแบกรับความเชื่อใหญ่โตเกินตัว
“พวกเขาคือผู้ร่วมอุดมการณ์ เขาอยากพบโทนาชเพราะเหตุผลส่วนตัว เขาเคยช่วยเฟเรซิสตอนลาดตระเวนจึงสนิทกัน” วิเรียนจงใจข้ามเรื่องผู้กล้าไป
(มีต่อ)