ขอบคุณ ปกสวย ๆ จาก คุณ ออม รัชต์สารินท์ ออกแบบ มาถูกใจมาก ๆ ครับ
..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )...........
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑ https://ppantip.com/topic/38986500
ตอนที่ ๒ https://ppantip.com/topic/39004238
ตอนที่ ๓ https://ppantip.com/topic/39015740
ตอนที่ ๔ https://ppantip.com/topic/39016967
ตอนที่ ๕ https://ppantip.com/topic/39024305
ตอนที่ ๖ https://ppantip.com/topic/39034299
ตอนที่ ๗ https://ppantip.com/topic/39053215
ตอนที่ ๘ https://ppantip.com/topic/39068575
ตอนที่ ๙ https://ppantip.com/topic/39083490
ตอนที่ ๑๐ https://ppantip.com/topic/39093068
ตอนที่ ๑๑ https://ppantip.com/topic/39112509
ตอนที่ ๑๒ https://ppantip.com/topic/39125526
ตอนที่ ๑๓ https://ppantip.com/topic/39142340
ตอนที่ ๑๔ https://ppantip.com/topic/39158336
ตอนที่ ๑๕ https://ppantip.com/topic/39176136
ตอนที่ ๑๖ https://ppantip.com/topic/39196051
ตอนที่ ๑๗
.........ผู้กองหนุ่มหันซ้ายหันขวา มองหน้าเจ้าดำ
“พี่ดำ ช่วยหาเชิดด้วย เรื่องตำรวจเดี๋ยวผมเอง”ผู้กองพูดเสร็จวิ่งขึ้นตลิ่งไป เจ้าดำพยักหน้า หันมาทางญาติ ขยับหมวกเข้าที่ พากันก้าวขึ้นเรือ ยังไม่ติดเครื่อง ญาติเจ้าดำใช้พายพุ้ยน้ำช้า ๆ ให้เรือลอยนิ่งไม่โคลงเคลง ส่วนเจ้าดำยกแหมาคลี่พาดบ่ายืนตั้งท่าเตรียมหว่าน ตามองออกไปจากใต้ปีกหมวกเก่า ๆ ที่สวมอยู่ สอดส่ายหาชายหนุ่ม ภาพชาวบ้านลอยเรือหาปลา จึง ค่อย ๆ ลอยห่างเรือนแพ ล่องตามน้ำ อย่างช้า ๆ ตามจังหวะพาย ที่คอยคัดท้ายซ้ายขวาไปเบา ๆ
สายตาเจ้าดำ มองเห็นชายหนุ่มที่เกาะกราบเรืออยู่ด้านนอก จึงทำหน้าเฉย ๆ มั่นใจว่า เชิด ต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แล้วยืนนิ่งส่งเสียงเบา ๆ ให้คนคัดท้าย ประคองเรือบังร่างชายหนุ่มจากสายตาคนบนฝั่ง จนกระทั่งห่างออกจากแพมาไกล
“พี่เลิศเค้าเข้าหาผู้กอง เรื่องวางมือ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาหลังจากล่องตามน้ำมาได้สักพัก แต่ยังคงเกาะเรือพยุงตัวอยู่ รอยลูกกระสุนเฉียดคางไหม้เป็นทางยาว เจ้าดำนิ่งฟัง
“หลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งลูกพี่เลิศสองคนด้วย” เชิดเล่าเรื่อย ๆ รู้สึกเบาสบาย แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อนตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ภาระทุกอย่างได้จบสิ้นลง เขาไม่ต้องมีกังวลเรื่องใดอีกต่อไป เจ้าดำยืนเฉย ขยับปากพูดอย่างเดียว ก้มหน้าต่ำให้ปีกหมวกบังไว้อีกที ไกลแค่ไหน ก็ประมาทไม่ได้ ท่าทางที่ผิดสังเกต คนที่มีความชำนาญมองนิดเดียวก็เห็น
“พี่เลิศเคยพูดหลายครั้งเหมือนกัน ผมเคยแกล้งแหย่เล่น ๆ ว่า บอกจะวางนานแล้ว นี่หลายปีก็ยังเฉย” เจ้าดำทำท่ามองเห็นปลาในน้ำเอี้ยวตัวทอดแหลงไป โครม ปล่อยเชือกดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ตามความยาวของมัน พลางพูดต่อ
“พี่เลิศบอกว่า เค้าตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าเจอเมื่อไร เค้าวางมือทันที แล้วนี่เจอแล้วเหรอ” เจ้าดำคุยเรื่อย ๆ เชือกสุดความยาว ตึงอยู่ในมือ ทำท่าสะบัด ๆ สองสามครั้ง ก่อนค่อย ๆ สาวขึ้นมาช้า ๆ เชิด ซึ่งเกาะอยู่อีกด้าน ถอนใจออกมาก่อนพูดขึ้นเบา ๆ
“คนที่พี่เลิศตามหามาตลอด คือ พี่แตง”
มือเจ้าดำหยุดสาวเชือกนิดหนึ่ง แล้วสาวขึ้นมาต่อ คิ้วขมวดเล็กน้อย นึกถึงความสัมพันธ์ของชายหนุ่ม กับหม้ายสาว ตามที่ควรจะเป็น
“แล้ว.......” เจ้าดำสาวเชือกเรื่อย ๆ คำถามยาว ๆ ในใจออกมาจากปากได้แค่นั้น
“ใช่ พี่ดำ ติดอยู่ตรงผมคนเดียว ถ้าไม่มีผม ทุกอย่างก็ลงตัว”
เชิด มีความรู้สึกว่า เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อความตั้งใจของ พี่เลิศ ไม่สูญเปล่า และภาวนาให้เสือร้าย ยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะนั่งรถผู้กองเพื่อไปช่วย เสือเลิศ ในรังแม่เลี้ยง สีหน้ากังวล ของพี่แตง และเด็กน้อยไร้เดียงสาที่กำลังเล่นเพลินอยู่หน้าบ้าน ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจยิ่งขึ้นว่า คนที่สมควรมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ต้องเป็น พี่เลิศ เท่านั้น ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
เมื่อ ชายหนุ่ม เดินอยู่ด้านข้างของเรือนแพ และได้ยินชัด ว่าพี่เลิศยังมีชีวิตอยู่ เขายิ้มกว้างออกมา พลางประคองปืนด้วยสองมือ เดินช้า ๆ ไปด้านหลัง เห็นประตูเปิดอยู่ จึงค่อย ๆ ก้าวอย่างมั่นใจไปที่ช่องประตู เสียงอาร์มลอดออกมาให้ได้ยิน ตามด้วยเสียงหนุ่มใหญ่ตามมาอย่างชัดเจน ชายหนุ่มปล่อยลมหายใจออกยาว ชักนิ้วชี้ออกจากไกปืน มากำด้ามปืนไว้มั่น ขอแค่ อาร์มหันมาทางเขา เปิดช่องให้ผู้กอง เท่านั้นก็พอ คิดจบก้าวเท้าเข้าช่องประตูไป
“สาม” มือกำด้ามปืนแน่น เล็งไปทางอาร์ม ที่หันมายิงใส่เขาตามความคาดหมาย
“ปัง ปัง”
เสียงปืนทางผู้กอง กับอาร์ม ดังไล่ ๆ กัน เสี้ยววินาทีนั้น เชิด มองเห็นเบ้าตาซ้ายของ อาร์ม กลวงโบ๋ และตัวเอง รู้สึกร้อนวูบที่คาง ชายหนุ่มปล่อยปืนร่วงลงพื้น บิดตัวพุ่งลงน้ำอย่างเร็ว
“ตูม”
ความเย็นฉ่ำของสายน้ำครั้งใด ไม่เคยสร้างความสุขใจเท่าครั้งนี้ และเมื่อ เชิด มีความรู้สึกว่าร่างจมลงในแม่น้ำทั้งหมด เขาพลิกตัวทั้งที่ยังอยู่ใต้น้ำ กลับไปทางแพ ใช้สองมือแหวกทวนน้ำทำให้ตัวพุ่งเข้าใต้ท้องแพ ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาช้า ๆ มีพื้นที่ว่างตรงนั้นพอประมาณ พื้นกระดานอยู่สูงกว่าผืนน้ำประมาณศอก เขาหลบนิ่ง จนมีเรือหางยาวแล่นเข้ามา รอจนกระทั่งผู้กองวิ่งขึ้นไปบนฝั่ง จึงดำน้ำลอดท้องเรือมาด้านนอกใช้ตัวเรือบังร่างไว้ ประคองตัวลอยอยู่อย่างนั้น
จอมแหเริ่มโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เจ้าดำจับแล้วใช้สองมือสาวขึ้นช้า ๆ ตามองกระแสน้ำที่ไหลไปลิ่ว ๆ เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป เพราะทุกคน คิดว่า เชิด ถูกยิงจมน้ำ ดังนั้น เขาจะให้ใครพบเจอไม่ได้แล้ว
“แล้วคุณเชิดจะทำยังไงต่อไป” เจ้าดำถาม ขณะมือสาวแหขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ผมคงต้องหายตัวไปเลย พี่ดำ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มที่ไหนเหมือนกัน” ความคิดตอนอยู่บนแพ เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ที่ได้ยินเสียง พี่เลิศ ดังนั้น เขายังไม่ได้คิดแผนระยะยาวไว้แต่อย่างใด เจ้าดำสาวแหขึ้นมาจนหมด ยกขึ้นวางในกะละมังบู้บี้ พลางพูดขึ้นมา
“หายไปเลย ถ้ายังอยู่กลางแจ้งคงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหลบเข้าในมุมมืด น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า” เจ้าดำ แนะทางออก เพราะเป็นทางเดียวที่คิดได้ ในตอนนี้
“หลบไปไหน พี่ดำ” ชายหนุ่มยังไม่เข้าใจ
“แล้วผมจะอธิบายให้ฟัง ไปที่ไร่ แล้วค่อยคุยกัน” ......
......โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าในซองหนังสีดำ อยู่ข้างสมุดบันทึกเล่มเท่าฝ่ามือ หนาประมาณสามสิบแผ่น ทั้งสองอย่างอยู่บนโต๊ะตัวนั้น เมื่อเจ้าดำร่ำลา ญาติคนสุดท้ายเสร็จ แล้วเดินกลับเข้ามา ก็มีเสียงเอ่ยถามขึ้น
“แล้วสองอย่างนี้ มันใช้ทำอะไรได้มั่ง พี่ดำ” เจ้าดำเผยยิ้มเต็มหน้า นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพลาง พูดว่า
“คืออย่างนี้นะ คุณ เชิด ถ้าพี่เลิศวางมือจริง และรังแม่เลี้ยงแตกกระจัดกระจาย นั่นหมายความว่า ตอนนี้ กลุ่มเราไม่มีใครเป็นตัวหลักในการสานงานต่อ”
การค้าทุกอย่าง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความเชื่อใจของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในวงการนอกกฎหมาย การเหลาะแหละโลเลนำมาใช้ในวงการนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะผลของการผิดพลาด นั่นย่อมหมายถึงการสูญเสียอิสรภาพ หรือยิ่งกว่านั้น คือ การเสียชีวิต
ดังนั้น ระยะเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่ง คนที่คบค้ากันมานาน ย่อมรู้ใจ และไว้ใจกัน เมื่อมีเหตุต้องลาวงการไป ผู้ที่จะมาสืบต่อ ก็ต้องเป็นคนในที่เชื่อมือ เชื่อใจได้ หรือ เป็นคนครอบครองสิ่งสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ แต่ ต้องเป็นคนที่คนในยอมรับด้วย เช่นกัน
“เบอร์ที่พวกเราติดต่อด้วย ทุกคน อยู่ในนี้” เจ้าดำวางโทรศัพท์ลง แล้วหยิบสมุดขึ้นมา
“ส่วนสมุดเล่มนี้ มีรหัสทุกอย่างบันทึกอยู่ บัตรเครดิต , ATM , ตู้นิรภัย และรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ” เจ้าดำมองหน้าชายหนุ่ม แล้วยิ้ม เลิกคิ้วขึ้น แทนคำถาม
“แต่ แต่ผมไม่คิดว่าจะมาทางนี้นะ พี่ดำ” เชิด มองหน้า เจ้าดำ แล้วจ้องสิ่งของสองอย่างบนโต๊ะ งานแบบนี้ ไม่เคยอยู่ในสมอง ของเขาเลย เจ้าดำยิ้ม หัวเราะเบา ๆ
“แล้วคุณเชิด มีทางเลือกทางอื่นมั้ยล่ะ” คำถามนี้ ทำเอาชายหนุ่มนั่งนิ่ง
“งานอะไร ที่คุณเชิดจะหาเลี้ยงตัว แล้วอยู่แบบไร้ตัวตนไปได้ตลอด” เจ้าดำพูดช้า ๆ อาชีพหาเช้ากินค่ำทั่วไป จะไม่พบปะผู้คนเลย คงไม่มีทาง และวันหนึ่ง เมื่อต้องการหลบไปให้ไกลกว่าเก่า เงิน เป็นสิ่งสำคัญ
“และ คุณเชิด ระเบิดถ้ำเสือทิ้งเสียแล้ว ตอนนี้ เสือหิวกำลังกระจัดกระจายอยู่ทั่ว จะรู้ได้ยังไง ว่ามีใครเก็บความแค้นไว้มั่ง วันหนึ่ง เกิดมีใครตามเอาคืน คุณ ตัวคนเดียว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลัง จะทำอะไรได้ สู้ขึ้นมาคุมพวกนี้ไว้ไม่ดีกว่าหรือ”
ชายหนุ่มนั่งอึ้ง จริงอยู่ จะให้ไปหลบที่ไหนได้ ถ้าไม่มีเงิน อย่างน้อย ต้องมีที่พัก อาหาร และคนที่ต้องการหนีไปตลอดชีวิตอย่างเขา ต้องใช้ทุนสักเท่าไรจึงจะพอ แล้วยังจะพวกที่เขาซัดไปเกลื่อนเขานั่นอีก ถ้าพรรคพวกมัน คนใดคนหนึ่ง เจอเขากำลังเคว้งคว้างอยู่ คงพากันไล่ต้อนสนุกไปเลย
“แต่ผมไม่อยากปล้นใคร ไม่อยากฆ่าใคร” เชิด พูดออกมาจากใจจริง
“งานเรามีหลายอย่าง และมือดี ก็ไม่ได้มีชุดพี่เลิศแค่ชุดเดียว ที่สำคัญ คุณเชิด แค่เป็นคนกลาง ไม่ได้ลงมือทำเองนี่ จะไปกลัวอะไร” จริงสิ เขาขึ้นมาแทน แม่เลี้ยง ไม่ได้แทนพี่เลิศ ดังนั้น หน้าที่เขา คือ ควบคุมทุกอย่าง
“แล้วผมไม่รู้จักใคร เค้าจะยอมรับผมเหรอ พี่ดำ” ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ เขาเป็นใคร มาจากไหน อยู่ ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาเลย เจ้าดำยิ้มกริ่ม ไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา เห็นแค่ครั้งสองครั้ง มันแน่ใจว่าดูคนไม่ผิดแน่นอน
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมเป็นคนเก่า ผมรับรองกับพวกเขาได้ อีกอย่าง คนที่สามารถเชื่อมคนซื้อ และคนขายเข้าด้วยกันได้ในเวลานี้ ก็คือคนที่มีของสองอย่างนี้เท่านั้น แต่ยังไงต้องรีบหน่อย ปล่อยนานไป เดี๋ยวกระจัดกระจายรวมกันไม่ติด แล้วผมจะพาไปแนะนำตัวทีละกลุ่ม”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร นึกถึงชีวิตที่พลิกผัน จากฟ้าเป็นเหวของตัวเอง แล้วอดถอนใจออกมาไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงภาพ ครอบครัวอันแสนสุขของพี่เลิศแล้ว เขาคิดว่า คงต้องยอมรับงานนี้โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง คงมีอีกเพียงคำถามเดียวเท่านั้น ที่ยังคาใจ
“แล้วทำไม พี่ดำ กับพี่เปี๊ยก ไม่รับไว้เอง” เขามองหน้ามือขวาของเสือเลิศ คน คนนี้ นอกจากความลุยเดือดเลือดร้อนแล้ว เขายังมีความซื่อสัตย์ ที่ไม่เป็นรองใครอีกด้วย
“ผมชอบลงสนามมากกว่า และอีกอย่าง ตอนนี้ คุณเชิดเป็นหัวหน้า อะไร ๆ ก็คงดีขึ้น และง่ายกว่าเดิม” เจ้าดำพูดตามความเป็นจริง งานวิ่งหาของที่ลูกค้าต้องการ สนุก และเป็นอิสระกว่ากัน
“ตกลง” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา “แล้วผมต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน”
“เราต้องขึ้นเหนือ ไปพบคนคนหนึ่ง”เจ้าดำจบประโยคด้วยรอยยิ้มที่เต็มหน้า หลังจากวางภาระที่หนักอึ้ง ให้ “นาย” ใหม่ เป็นที่เรียบร้อย.....
( มีต่อครับ )
..........รักซ้อน ซ่อนพิษ........ตอนที่ ๑๗..........@@ โดย ลุงแผน
..........( รักซ้อน ซ่อนพิษ )...........
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ ๑๗
.........ผู้กองหนุ่มหันซ้ายหันขวา มองหน้าเจ้าดำ
“พี่ดำ ช่วยหาเชิดด้วย เรื่องตำรวจเดี๋ยวผมเอง”ผู้กองพูดเสร็จวิ่งขึ้นตลิ่งไป เจ้าดำพยักหน้า หันมาทางญาติ ขยับหมวกเข้าที่ พากันก้าวขึ้นเรือ ยังไม่ติดเครื่อง ญาติเจ้าดำใช้พายพุ้ยน้ำช้า ๆ ให้เรือลอยนิ่งไม่โคลงเคลง ส่วนเจ้าดำยกแหมาคลี่พาดบ่ายืนตั้งท่าเตรียมหว่าน ตามองออกไปจากใต้ปีกหมวกเก่า ๆ ที่สวมอยู่ สอดส่ายหาชายหนุ่ม ภาพชาวบ้านลอยเรือหาปลา จึง ค่อย ๆ ลอยห่างเรือนแพ ล่องตามน้ำ อย่างช้า ๆ ตามจังหวะพาย ที่คอยคัดท้ายซ้ายขวาไปเบา ๆ
สายตาเจ้าดำ มองเห็นชายหนุ่มที่เกาะกราบเรืออยู่ด้านนอก จึงทำหน้าเฉย ๆ มั่นใจว่า เชิด ต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ แล้วยืนนิ่งส่งเสียงเบา ๆ ให้คนคัดท้าย ประคองเรือบังร่างชายหนุ่มจากสายตาคนบนฝั่ง จนกระทั่งห่างออกจากแพมาไกล
“พี่เลิศเค้าเข้าหาผู้กอง เรื่องวางมือ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาหลังจากล่องตามน้ำมาได้สักพัก แต่ยังคงเกาะเรือพยุงตัวอยู่ รอยลูกกระสุนเฉียดคางไหม้เป็นทางยาว เจ้าดำนิ่งฟัง
“หลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งลูกพี่เลิศสองคนด้วย” เชิดเล่าเรื่อย ๆ รู้สึกเบาสบาย แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อนตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ภาระทุกอย่างได้จบสิ้นลง เขาไม่ต้องมีกังวลเรื่องใดอีกต่อไป เจ้าดำยืนเฉย ขยับปากพูดอย่างเดียว ก้มหน้าต่ำให้ปีกหมวกบังไว้อีกที ไกลแค่ไหน ก็ประมาทไม่ได้ ท่าทางที่ผิดสังเกต คนที่มีความชำนาญมองนิดเดียวก็เห็น
“พี่เลิศเคยพูดหลายครั้งเหมือนกัน ผมเคยแกล้งแหย่เล่น ๆ ว่า บอกจะวางนานแล้ว นี่หลายปีก็ยังเฉย” เจ้าดำทำท่ามองเห็นปลาในน้ำเอี้ยวตัวทอดแหลงไป โครม ปล่อยเชือกดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ตามความยาวของมัน พลางพูดต่อ
“พี่เลิศบอกว่า เค้าตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าเจอเมื่อไร เค้าวางมือทันที แล้วนี่เจอแล้วเหรอ” เจ้าดำคุยเรื่อย ๆ เชือกสุดความยาว ตึงอยู่ในมือ ทำท่าสะบัด ๆ สองสามครั้ง ก่อนค่อย ๆ สาวขึ้นมาช้า ๆ เชิด ซึ่งเกาะอยู่อีกด้าน ถอนใจออกมาก่อนพูดขึ้นเบา ๆ
“คนที่พี่เลิศตามหามาตลอด คือ พี่แตง”
มือเจ้าดำหยุดสาวเชือกนิดหนึ่ง แล้วสาวขึ้นมาต่อ คิ้วขมวดเล็กน้อย นึกถึงความสัมพันธ์ของชายหนุ่ม กับหม้ายสาว ตามที่ควรจะเป็น
“แล้ว.......” เจ้าดำสาวเชือกเรื่อย ๆ คำถามยาว ๆ ในใจออกมาจากปากได้แค่นั้น
“ใช่ พี่ดำ ติดอยู่ตรงผมคนเดียว ถ้าไม่มีผม ทุกอย่างก็ลงตัว”
เชิด มีความรู้สึกว่า เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อความตั้งใจของ พี่เลิศ ไม่สูญเปล่า และภาวนาให้เสือร้าย ยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะนั่งรถผู้กองเพื่อไปช่วย เสือเลิศ ในรังแม่เลี้ยง สีหน้ากังวล ของพี่แตง และเด็กน้อยไร้เดียงสาที่กำลังเล่นเพลินอยู่หน้าบ้าน ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจยิ่งขึ้นว่า คนที่สมควรมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ต้องเป็น พี่เลิศ เท่านั้น ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
เมื่อ ชายหนุ่ม เดินอยู่ด้านข้างของเรือนแพ และได้ยินชัด ว่าพี่เลิศยังมีชีวิตอยู่ เขายิ้มกว้างออกมา พลางประคองปืนด้วยสองมือ เดินช้า ๆ ไปด้านหลัง เห็นประตูเปิดอยู่ จึงค่อย ๆ ก้าวอย่างมั่นใจไปที่ช่องประตู เสียงอาร์มลอดออกมาให้ได้ยิน ตามด้วยเสียงหนุ่มใหญ่ตามมาอย่างชัดเจน ชายหนุ่มปล่อยลมหายใจออกยาว ชักนิ้วชี้ออกจากไกปืน มากำด้ามปืนไว้มั่น ขอแค่ อาร์มหันมาทางเขา เปิดช่องให้ผู้กอง เท่านั้นก็พอ คิดจบก้าวเท้าเข้าช่องประตูไป
“สาม” มือกำด้ามปืนแน่น เล็งไปทางอาร์ม ที่หันมายิงใส่เขาตามความคาดหมาย
“ปัง ปัง”
เสียงปืนทางผู้กอง กับอาร์ม ดังไล่ ๆ กัน เสี้ยววินาทีนั้น เชิด มองเห็นเบ้าตาซ้ายของ อาร์ม กลวงโบ๋ และตัวเอง รู้สึกร้อนวูบที่คาง ชายหนุ่มปล่อยปืนร่วงลงพื้น บิดตัวพุ่งลงน้ำอย่างเร็ว
“ตูม”
ความเย็นฉ่ำของสายน้ำครั้งใด ไม่เคยสร้างความสุขใจเท่าครั้งนี้ และเมื่อ เชิด มีความรู้สึกว่าร่างจมลงในแม่น้ำทั้งหมด เขาพลิกตัวทั้งที่ยังอยู่ใต้น้ำ กลับไปทางแพ ใช้สองมือแหวกทวนน้ำทำให้ตัวพุ่งเข้าใต้ท้องแพ ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาช้า ๆ มีพื้นที่ว่างตรงนั้นพอประมาณ พื้นกระดานอยู่สูงกว่าผืนน้ำประมาณศอก เขาหลบนิ่ง จนมีเรือหางยาวแล่นเข้ามา รอจนกระทั่งผู้กองวิ่งขึ้นไปบนฝั่ง จึงดำน้ำลอดท้องเรือมาด้านนอกใช้ตัวเรือบังร่างไว้ ประคองตัวลอยอยู่อย่างนั้น
จอมแหเริ่มโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เจ้าดำจับแล้วใช้สองมือสาวขึ้นช้า ๆ ตามองกระแสน้ำที่ไหลไปลิ่ว ๆ เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป เพราะทุกคน คิดว่า เชิด ถูกยิงจมน้ำ ดังนั้น เขาจะให้ใครพบเจอไม่ได้แล้ว
“แล้วคุณเชิดจะทำยังไงต่อไป” เจ้าดำถาม ขณะมือสาวแหขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ผมคงต้องหายตัวไปเลย พี่ดำ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มที่ไหนเหมือนกัน” ความคิดตอนอยู่บนแพ เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ที่ได้ยินเสียง พี่เลิศ ดังนั้น เขายังไม่ได้คิดแผนระยะยาวไว้แต่อย่างใด เจ้าดำสาวแหขึ้นมาจนหมด ยกขึ้นวางในกะละมังบู้บี้ พลางพูดขึ้นมา
“หายไปเลย ถ้ายังอยู่กลางแจ้งคงเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหลบเข้าในมุมมืด น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า” เจ้าดำ แนะทางออก เพราะเป็นทางเดียวที่คิดได้ ในตอนนี้
“หลบไปไหน พี่ดำ” ชายหนุ่มยังไม่เข้าใจ
“แล้วผมจะอธิบายให้ฟัง ไปที่ไร่ แล้วค่อยคุยกัน” ......
......โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าในซองหนังสีดำ อยู่ข้างสมุดบันทึกเล่มเท่าฝ่ามือ หนาประมาณสามสิบแผ่น ทั้งสองอย่างอยู่บนโต๊ะตัวนั้น เมื่อเจ้าดำร่ำลา ญาติคนสุดท้ายเสร็จ แล้วเดินกลับเข้ามา ก็มีเสียงเอ่ยถามขึ้น
“แล้วสองอย่างนี้ มันใช้ทำอะไรได้มั่ง พี่ดำ” เจ้าดำเผยยิ้มเต็มหน้า นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพลาง พูดว่า
“คืออย่างนี้นะ คุณ เชิด ถ้าพี่เลิศวางมือจริง และรังแม่เลี้ยงแตกกระจัดกระจาย นั่นหมายความว่า ตอนนี้ กลุ่มเราไม่มีใครเป็นตัวหลักในการสานงานต่อ”
การค้าทุกอย่าง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความเชื่อใจของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในวงการนอกกฎหมาย การเหลาะแหละโลเลนำมาใช้ในวงการนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะผลของการผิดพลาด นั่นย่อมหมายถึงการสูญเสียอิสรภาพ หรือยิ่งกว่านั้น คือ การเสียชีวิต
ดังนั้น ระยะเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่ง คนที่คบค้ากันมานาน ย่อมรู้ใจ และไว้ใจกัน เมื่อมีเหตุต้องลาวงการไป ผู้ที่จะมาสืบต่อ ก็ต้องเป็นคนในที่เชื่อมือ เชื่อใจได้ หรือ เป็นคนครอบครองสิ่งสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ แต่ ต้องเป็นคนที่คนในยอมรับด้วย เช่นกัน
“เบอร์ที่พวกเราติดต่อด้วย ทุกคน อยู่ในนี้” เจ้าดำวางโทรศัพท์ลง แล้วหยิบสมุดขึ้นมา
“ส่วนสมุดเล่มนี้ มีรหัสทุกอย่างบันทึกอยู่ บัตรเครดิต , ATM , ตู้นิรภัย และรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ” เจ้าดำมองหน้าชายหนุ่ม แล้วยิ้ม เลิกคิ้วขึ้น แทนคำถาม
“แต่ แต่ผมไม่คิดว่าจะมาทางนี้นะ พี่ดำ” เชิด มองหน้า เจ้าดำ แล้วจ้องสิ่งของสองอย่างบนโต๊ะ งานแบบนี้ ไม่เคยอยู่ในสมอง ของเขาเลย เจ้าดำยิ้ม หัวเราะเบา ๆ
“แล้วคุณเชิด มีทางเลือกทางอื่นมั้ยล่ะ” คำถามนี้ ทำเอาชายหนุ่มนั่งนิ่ง
“งานอะไร ที่คุณเชิดจะหาเลี้ยงตัว แล้วอยู่แบบไร้ตัวตนไปได้ตลอด” เจ้าดำพูดช้า ๆ อาชีพหาเช้ากินค่ำทั่วไป จะไม่พบปะผู้คนเลย คงไม่มีทาง และวันหนึ่ง เมื่อต้องการหลบไปให้ไกลกว่าเก่า เงิน เป็นสิ่งสำคัญ
“และ คุณเชิด ระเบิดถ้ำเสือทิ้งเสียแล้ว ตอนนี้ เสือหิวกำลังกระจัดกระจายอยู่ทั่ว จะรู้ได้ยังไง ว่ามีใครเก็บความแค้นไว้มั่ง วันหนึ่ง เกิดมีใครตามเอาคืน คุณ ตัวคนเดียว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลัง จะทำอะไรได้ สู้ขึ้นมาคุมพวกนี้ไว้ไม่ดีกว่าหรือ”
ชายหนุ่มนั่งอึ้ง จริงอยู่ จะให้ไปหลบที่ไหนได้ ถ้าไม่มีเงิน อย่างน้อย ต้องมีที่พัก อาหาร และคนที่ต้องการหนีไปตลอดชีวิตอย่างเขา ต้องใช้ทุนสักเท่าไรจึงจะพอ แล้วยังจะพวกที่เขาซัดไปเกลื่อนเขานั่นอีก ถ้าพรรคพวกมัน คนใดคนหนึ่ง เจอเขากำลังเคว้งคว้างอยู่ คงพากันไล่ต้อนสนุกไปเลย
“แต่ผมไม่อยากปล้นใคร ไม่อยากฆ่าใคร” เชิด พูดออกมาจากใจจริง
“งานเรามีหลายอย่าง และมือดี ก็ไม่ได้มีชุดพี่เลิศแค่ชุดเดียว ที่สำคัญ คุณเชิด แค่เป็นคนกลาง ไม่ได้ลงมือทำเองนี่ จะไปกลัวอะไร” จริงสิ เขาขึ้นมาแทน แม่เลี้ยง ไม่ได้แทนพี่เลิศ ดังนั้น หน้าที่เขา คือ ควบคุมทุกอย่าง
“แล้วผมไม่รู้จักใคร เค้าจะยอมรับผมเหรอ พี่ดำ” ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ เขาเป็นใคร มาจากไหน อยู่ ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาเลย เจ้าดำยิ้มกริ่ม ไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา เห็นแค่ครั้งสองครั้ง มันแน่ใจว่าดูคนไม่ผิดแน่นอน
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมเป็นคนเก่า ผมรับรองกับพวกเขาได้ อีกอย่าง คนที่สามารถเชื่อมคนซื้อ และคนขายเข้าด้วยกันได้ในเวลานี้ ก็คือคนที่มีของสองอย่างนี้เท่านั้น แต่ยังไงต้องรีบหน่อย ปล่อยนานไป เดี๋ยวกระจัดกระจายรวมกันไม่ติด แล้วผมจะพาไปแนะนำตัวทีละกลุ่ม”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร นึกถึงชีวิตที่พลิกผัน จากฟ้าเป็นเหวของตัวเอง แล้วอดถอนใจออกมาไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงภาพ ครอบครัวอันแสนสุขของพี่เลิศแล้ว เขาคิดว่า คงต้องยอมรับงานนี้โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง คงมีอีกเพียงคำถามเดียวเท่านั้น ที่ยังคาใจ
“แล้วทำไม พี่ดำ กับพี่เปี๊ยก ไม่รับไว้เอง” เขามองหน้ามือขวาของเสือเลิศ คน คนนี้ นอกจากความลุยเดือดเลือดร้อนแล้ว เขายังมีความซื่อสัตย์ ที่ไม่เป็นรองใครอีกด้วย
“ผมชอบลงสนามมากกว่า และอีกอย่าง ตอนนี้ คุณเชิดเป็นหัวหน้า อะไร ๆ ก็คงดีขึ้น และง่ายกว่าเดิม” เจ้าดำพูดตามความเป็นจริง งานวิ่งหาของที่ลูกค้าต้องการ สนุก และเป็นอิสระกว่ากัน
“ตกลง” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา “แล้วผมต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน”
“เราต้องขึ้นเหนือ ไปพบคนคนหนึ่ง”เจ้าดำจบประโยคด้วยรอยยิ้มที่เต็มหน้า หลังจากวางภาระที่หนักอึ้ง ให้ “นาย” ใหม่ เป็นที่เรียบร้อย.....
( มีต่อครับ )