[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ ๑. ปฐมบทของนคินทร์ https://ppantip.com/topic/37883882
ตอนที่ ๒. ความจริงที่ปรากฏ https://ppantip.com/topic/37889726
ตอนที่ ๓. เธอผู้แสนดี https://ppantip.com/topic/37890154
ตอนที่ ๔. บุพเพเล่นตลก https://ppantip.com/topic/37893257
ตอนที่ ๕. ตกหลุมรัก https://ppantip.com/topic/37893996
ตอนที่ ๖. แผนพิชิตใจนายบอดี้การ์ด https://ppantip.com/topic/37894598
ตอนที่ ๗. เพิ่งได้รู้ใจ https://ppantip.com/topic/37896270
ตอนที่ ๘. ใจสัมผัส https://ppantip.com/topic/37897664
ตอนที่ ๙.กลิ่นน้ำหอมของคุณ https://ppantip.com/topic/37898999
ตอนที่ ๑๐.ใครอยู่ในใจคุณ https://ppantip.com/topic/37899045
ตอนที่ ๑๑.ปาร์ตี้ริมหาด https://ppantip.com/topic/37899167
ตอนที่ ๑๒.จูบแรก https://ppantip.com/topic/37900113
ตอนที่ ๑๓. วาสนาพาให้พบ https://ppantip.com/topic/37883882
ตอนที่ ๑๔. เมื่อสองเราใกล้กัน https://ppantip.com/topic/37908202
ตอนที่ ๑๕. มิตรภาพ https://ppantip.com/topic/37908254
ตอนที่ ๑๖. ความในใจ https://ppantip.com/topic/37908525
ตอนที่ ๑๗. ความลับที่ถูกเผย https://ppantip.com/topic/37908779
ตอนที่ ๑๙.ถ่านไฟเก่า
เมรันยืนหลบตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของทางเดิน ตอนนี้ความคิดของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด นคินทร์บอกว่าวันนี้คงจะกลับมาไม่ทันร่วมงานเปิดตัวสินค้าของเธอในห้างสรรพสินค้า แต่กลับพบเขาที่โรงแรมแห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดงาน ทำไมเขาถึงไปหาเธอไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกช็อกก็คือ ผู้หญิงสองคนที่ยืนคลอเคลียอยู่กับเขา
เมื่อยิ่งคิดถึงเขา ใจก็ยิ่งรู้สึกเจ็บแปลบจนจุกแน่นไปหมด ดวงตาคู่สวยตอนนี้พร่าไปด้วยน้ำตา ตัวสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้นจนเธอต้องยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงลอดออกไป
สักครู่เธอต้องสะดุ้งตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เป็นพี่ชายของเธอที่โทรมานั่นเอง หญิงสาวกลั้นใจแล้วกดรับสาย
“รัน ทำไมยูหายไปเข้าห้องน้ำนาน เป็นอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงของพี่ชายค่อนข้างกระวนกระวายเป็นห่วง
“รันกำลังจะเดินไปแล้ว..” เมรันบอกด้วยเสียงค่อนข้างเบาพร้อมกับรีบกดสายทิ้ง สูดลมหายใจลึกก่อนที่จะหยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋าแล้วเช็คหน้าเช็คตาให้เรียบร้อยก่อน เพราะถ้าหากพวกเขาได้เห็นหน้าตาเธอในสภาพแบบนี้ คงจะต้องมีคำถามที่เธอยังไม่สามารถตอบได้
เมรันเดินกลับไปที่ด้านหน้าล็อบบี้ ชินดนัยได้บอกให้คนขับรถตู้ไปส่งพนักงานของเมรันให้แล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่สามคนที่รออยู่คือพี่ชายเธอ ไอศิกากับกรองขวัญ
ชินดนัยรีบเดินไปหาน้องสาวแล้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าของเธอที่ไม่ค่อยจะสู้ดี “รัน ยูโอเคหรือเปล่า? “
“นั่นสิคะ คุณเมรันไม่สบายหรือเปล่าดูหน้าซีด ๆ นะคะ” ไอศิกาก็เอ่ยถามตามเพราะสังเกตเห็นใบหน้าของเมรันค่อนข้างซีดเซียว
“รัน.. แค่ รู้สึกพะอืดพะอม เมื่อสักครู่ได้อาเจียนก็ดีขึ้น” เธอรีบบอกไปและไม่อยากจะพูดอะไรไปนี้
ชินดนัยบอกจะพาน้องสาวไปหาหมอ นางแบบสาวที่ยืนฟังอยู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไปหาหมอก็ดีนะคะคุณเมรัน” ไอศิกาพูดพร้อมทั้งหยิบกระดาษแผ่นพับโบชัวร์ของโรงแรมในมือขึ้นมาพัดให้กับเมรันเพื่อช่วยบรรเทาอาการมึนงง
“ขอบคุณนะครับคุณไอศิกาที่ช่วยดูแลน้องสาวผม” ชินดนัยหันมากล่าวขอบคุณในน้ำใจของนางแบบสาว
“แหม! น้องสาวคุณชินดนัยก็เหมือนน้องศิกานะคะ” ไอศิกาพูดพร้อมส่งสายตาประกายหวานให้เขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มกว้างจนทำให้ใจของไอศิการู้สึกวาบหวิว เหลือแต่กรองขวัญที่รู้สึกเป็นห่วงเมรันมากเช่นกัน แต่พูดไม่ทันคนอื่น เธอจึงได้แต่แสดงความห่วงใยทางสีหน้าเท่านั้น
“ไม่เป็นหรอกค่ะ รันอาจจะพักผ่อนไม่พอ” เมรันบอกพร้อมทั้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้เวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้วบอกขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อน
“รัน ยูไหวแน่นะ?” ชินดนัยถามน้องสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ไอ..โอเค ยูไปส่งคุณไอศิกาเถอะ” เมรันรีบบอกกับพี่ชาย
คำพูดนี้ทำให้ไอศิกาถึงกับมีรอยยิ้มหวานทีเดียวแต่ดูเหมือนชินดนัยจะห่วงใครอีกคนหนึ่งด้วย
“แล้วกรองขวัญล่ะกลับบ้านยังไง? “ชินดนัยหันไปถามกรองขวัญซึ่งยืนอยู่ข้างเมรัน โดยที่ไม่รู้ว่าไอศิการู้สึกหงุดหงิดแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ได้ กรองขวัญได้แต่มองหน้าเขาแล้วพูดอะไรไม่ออก
“ไม่เป็นไรคุณขวัญกลับกับรันได้” เมรันบอกแทนกรองขวัญที่กำลังยืนนิ่งอยู่
กรองขวัญยกมือไหว้ลาชินดนัยกับไอศิกา หนุ่มลูกครึ่งเลยตามใจแล้วก็พานางแบบสาวเดินไปกับเขา
เมื่อทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว กรองขวัญเดินตามเมรันมาที่ลานจอดรถ เธอรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับผู้เป็นเจ้านายสาว ตอนนี้เลยตัดสินใจที่จะถามเมรัน
“คุณเมรันมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ? บอกขวัญได้นะคะ” กรองขวัญเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วงเป็นใย
เมรันหันไปมองหน้ากรองขวัญแล้วส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ แต่ดวงตาแดงก่ำของเมรันไม่อาจจะปกปิดสายตาของกรองขวัญไปได้ จนต้องเอ่ยทักขึ้นมาอีก
“คุณเมรันอย่าปิดบังขวัญอีกเลยนะคะ ขวัญเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย”
“ถ้าขวัญพูดอะไรตรง ๆ คุณเมรันอย่าโกรธนะคะ” กรองขวัญคิดว่าควรต้องพูดให้เจ้านายของเธอรู้ เมรันหันไปพยักหน้าเป็นการอนุญาต
“พักนี้ถึงแม้คุณเมรันจะดูปกติ แต่ขวัญสังเกตเห็นว่าบางครั้งเห็นคุณเมรันแอบถอนหายใจ บางครั้งคุณก็ช่างคิดน้อยใจ คุณอาจจะไม่รู้ตัว ถ้ามีอะไรที่ขวัญพอจะช่วยคุณได้ก็บอกออกมาเถอะนะคะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของกรองขวัญแสดงความเป็นห่วงด้วยความจริงใจ
เมรันหันไปมองหน้ากรองขวัญ เลขาของเธอช่างสังเกตและรู้ใจเธอ “ฉัน…” เมรันพูดได้เท่านั้นก็พูดอะไรไม่ออกอีก
ประโยคคำพูดของกรองขวัญเมื่อสักครู่จี้ถูกใจดำของเธอจนทำให้ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้อีก ความรู้สึกที่อยากจะปกปิดก็ถูกเปิดเผยออกมาพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลหยดลงแก้มอย่างไม่รู้ตัว ทำให้กรองขวัญรู้สึกตกใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวร้องไห้สะอื้นแบบนั้น เธอรีบเข้าไปกอดปลอบเมรัน
“คุณเมรันค่อย ๆ เล่าให้ขวัญฟังได้ไหมคะ” กรองขวัญพูดพร้อมกับเอื้อมมือลูบหลังปลอบใจเจ้านายของเธอ
เมรันตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้กรองขวัญฟัง แม้อาจจะไม่ค่อยเชื่อมต่อเรื่องราวได้สักเท่าไร แต่คนฟังก็พอจะเข้าใจและบอกกับเจ้านายของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขวัญไม่ทราบว่าเรื่องแท้จริงเป็นยังไง แต่จากที่ได้รู้จักคุณนคินทร์ ขวัญว่าเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้นะคะ”
“แล้วคุณเมรันไว้ใจคุณนคินทร์เขาหรือเปล่าคะ” กรองขวัญมองใบหน้าเจ้านายของเธอ
เมรันยืนนิ่งไปสักครู่ แล้วหวนนึกถึงภาพของหญิงสาวคนอื่นที่ยืนพะเน้าพะนอ คลอเคลียข้างกายนคินทร์ ทำให้เธอรู้สึกโกรธจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ยอมรับฟังเหตุผลแล้วเธอก็เดินหนีมาแบบนั้น
“ขวัญรู้ว่าพวกคุณทั้งสองคนมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ขวัญอยากให้คุณเมรันทำความเข้าใจกับคุณนคินทร์นะคะ”
คำพูดของกรองขวัญทำให้เมรันมีสติกลับคืนมา เธอได้ใช้เวลาสงบอารมณ์และคิดสักครู่แล้วหันกลับมาจับมือของกรองขวัญด้วยความดีใจ ก่อนที่จะพูดออกมา
“ขอบคุณคุณขวัญมากนะ คุณเป็นเลขาที่รู้ใจฉันที่สุดเลย”
หญิงสาวทั้งสองคนเดินมาขึ้นรถ เมรันยิ้มทั้งน้ำตาแล้วเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดสายโทรออกไปหาคนที่รู้จัก จากนั้นเธอก็ขับรถออกไปจากโรงแรม..
นคินทร์ที่รัก (ตอนที่๑๙. ถ่านไฟเก่า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมรันยืนหลบตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของทางเดิน ตอนนี้ความคิดของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด นคินทร์บอกว่าวันนี้คงจะกลับมาไม่ทันร่วมงานเปิดตัวสินค้าของเธอในห้างสรรพสินค้า แต่กลับพบเขาที่โรงแรมแห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดงาน ทำไมเขาถึงไปหาเธอไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกช็อกก็คือ ผู้หญิงสองคนที่ยืนคลอเคลียอยู่กับเขา
เมื่อยิ่งคิดถึงเขา ใจก็ยิ่งรู้สึกเจ็บแปลบจนจุกแน่นไปหมด ดวงตาคู่สวยตอนนี้พร่าไปด้วยน้ำตา ตัวสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้นจนเธอต้องยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงลอดออกไป
สักครู่เธอต้องสะดุ้งตัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เป็นพี่ชายของเธอที่โทรมานั่นเอง หญิงสาวกลั้นใจแล้วกดรับสาย
“รัน ทำไมยูหายไปเข้าห้องน้ำนาน เป็นอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงของพี่ชายค่อนข้างกระวนกระวายเป็นห่วง
“รันกำลังจะเดินไปแล้ว..” เมรันบอกด้วยเสียงค่อนข้างเบาพร้อมกับรีบกดสายทิ้ง สูดลมหายใจลึกก่อนที่จะหยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋าแล้วเช็คหน้าเช็คตาให้เรียบร้อยก่อน เพราะถ้าหากพวกเขาได้เห็นหน้าตาเธอในสภาพแบบนี้ คงจะต้องมีคำถามที่เธอยังไม่สามารถตอบได้
เมรันเดินกลับไปที่ด้านหน้าล็อบบี้ ชินดนัยได้บอกให้คนขับรถตู้ไปส่งพนักงานของเมรันให้แล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่สามคนที่รออยู่คือพี่ชายเธอ ไอศิกากับกรองขวัญ
ชินดนัยรีบเดินไปหาน้องสาวแล้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าของเธอที่ไม่ค่อยจะสู้ดี “รัน ยูโอเคหรือเปล่า? “
“นั่นสิคะ คุณเมรันไม่สบายหรือเปล่าดูหน้าซีด ๆ นะคะ” ไอศิกาก็เอ่ยถามตามเพราะสังเกตเห็นใบหน้าของเมรันค่อนข้างซีดเซียว
“รัน.. แค่ รู้สึกพะอืดพะอม เมื่อสักครู่ได้อาเจียนก็ดีขึ้น” เธอรีบบอกไปและไม่อยากจะพูดอะไรไปนี้
ชินดนัยบอกจะพาน้องสาวไปหาหมอ นางแบบสาวที่ยืนฟังอยู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไปหาหมอก็ดีนะคะคุณเมรัน” ไอศิกาพูดพร้อมทั้งหยิบกระดาษแผ่นพับโบชัวร์ของโรงแรมในมือขึ้นมาพัดให้กับเมรันเพื่อช่วยบรรเทาอาการมึนงง
“ขอบคุณนะครับคุณไอศิกาที่ช่วยดูแลน้องสาวผม” ชินดนัยหันมากล่าวขอบคุณในน้ำใจของนางแบบสาว
“แหม! น้องสาวคุณชินดนัยก็เหมือนน้องศิกานะคะ” ไอศิกาพูดพร้อมส่งสายตาประกายหวานให้เขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มกว้างจนทำให้ใจของไอศิการู้สึกวาบหวิว เหลือแต่กรองขวัญที่รู้สึกเป็นห่วงเมรันมากเช่นกัน แต่พูดไม่ทันคนอื่น เธอจึงได้แต่แสดงความห่วงใยทางสีหน้าเท่านั้น
“ไม่เป็นหรอกค่ะ รันอาจจะพักผ่อนไม่พอ” เมรันบอกพร้อมทั้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้เวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้วบอกขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อน
“รัน ยูไหวแน่นะ?” ชินดนัยถามน้องสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ไอ..โอเค ยูไปส่งคุณไอศิกาเถอะ” เมรันรีบบอกกับพี่ชาย
คำพูดนี้ทำให้ไอศิกาถึงกับมีรอยยิ้มหวานทีเดียวแต่ดูเหมือนชินดนัยจะห่วงใครอีกคนหนึ่งด้วย
“แล้วกรองขวัญล่ะกลับบ้านยังไง? “ชินดนัยหันไปถามกรองขวัญซึ่งยืนอยู่ข้างเมรัน โดยที่ไม่รู้ว่าไอศิการู้สึกหงุดหงิดแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ได้ กรองขวัญได้แต่มองหน้าเขาแล้วพูดอะไรไม่ออก
“ไม่เป็นไรคุณขวัญกลับกับรันได้” เมรันบอกแทนกรองขวัญที่กำลังยืนนิ่งอยู่
กรองขวัญยกมือไหว้ลาชินดนัยกับไอศิกา หนุ่มลูกครึ่งเลยตามใจแล้วก็พานางแบบสาวเดินไปกับเขา
เมื่อทั้งหมดแยกย้ายกันไปแล้ว กรองขวัญเดินตามเมรันมาที่ลานจอดรถ เธอรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับผู้เป็นเจ้านายสาว ตอนนี้เลยตัดสินใจที่จะถามเมรัน
“คุณเมรันมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ? บอกขวัญได้นะคะ” กรองขวัญเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วงเป็นใย
เมรันหันไปมองหน้ากรองขวัญแล้วส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ แต่ดวงตาแดงก่ำของเมรันไม่อาจจะปกปิดสายตาของกรองขวัญไปได้ จนต้องเอ่ยทักขึ้นมาอีก
“คุณเมรันอย่าปิดบังขวัญอีกเลยนะคะ ขวัญเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย”
“ถ้าขวัญพูดอะไรตรง ๆ คุณเมรันอย่าโกรธนะคะ” กรองขวัญคิดว่าควรต้องพูดให้เจ้านายของเธอรู้ เมรันหันไปพยักหน้าเป็นการอนุญาต
“พักนี้ถึงแม้คุณเมรันจะดูปกติ แต่ขวัญสังเกตเห็นว่าบางครั้งเห็นคุณเมรันแอบถอนหายใจ บางครั้งคุณก็ช่างคิดน้อยใจ คุณอาจจะไม่รู้ตัว ถ้ามีอะไรที่ขวัญพอจะช่วยคุณได้ก็บอกออกมาเถอะนะคะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของกรองขวัญแสดงความเป็นห่วงด้วยความจริงใจ
เมรันหันไปมองหน้ากรองขวัญ เลขาของเธอช่างสังเกตและรู้ใจเธอ “ฉัน…” เมรันพูดได้เท่านั้นก็พูดอะไรไม่ออกอีก
ประโยคคำพูดของกรองขวัญเมื่อสักครู่จี้ถูกใจดำของเธอจนทำให้ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้อีก ความรู้สึกที่อยากจะปกปิดก็ถูกเปิดเผยออกมาพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลหยดลงแก้มอย่างไม่รู้ตัว ทำให้กรองขวัญรู้สึกตกใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวร้องไห้สะอื้นแบบนั้น เธอรีบเข้าไปกอดปลอบเมรัน
“คุณเมรันค่อย ๆ เล่าให้ขวัญฟังได้ไหมคะ” กรองขวัญพูดพร้อมกับเอื้อมมือลูบหลังปลอบใจเจ้านายของเธอ
เมรันตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้กรองขวัญฟัง แม้อาจจะไม่ค่อยเชื่อมต่อเรื่องราวได้สักเท่าไร แต่คนฟังก็พอจะเข้าใจและบอกกับเจ้านายของเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขวัญไม่ทราบว่าเรื่องแท้จริงเป็นยังไง แต่จากที่ได้รู้จักคุณนคินทร์ ขวัญว่าเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้นะคะ”
“แล้วคุณเมรันไว้ใจคุณนคินทร์เขาหรือเปล่าคะ” กรองขวัญมองใบหน้าเจ้านายของเธอ
เมรันยืนนิ่งไปสักครู่ แล้วหวนนึกถึงภาพของหญิงสาวคนอื่นที่ยืนพะเน้าพะนอ คลอเคลียข้างกายนคินทร์ ทำให้เธอรู้สึกโกรธจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ยอมรับฟังเหตุผลแล้วเธอก็เดินหนีมาแบบนั้น
“ขวัญรู้ว่าพวกคุณทั้งสองคนมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ขวัญอยากให้คุณเมรันทำความเข้าใจกับคุณนคินทร์นะคะ”
คำพูดของกรองขวัญทำให้เมรันมีสติกลับคืนมา เธอได้ใช้เวลาสงบอารมณ์และคิดสักครู่แล้วหันกลับมาจับมือของกรองขวัญด้วยความดีใจ ก่อนที่จะพูดออกมา
“ขอบคุณคุณขวัญมากนะ คุณเป็นเลขาที่รู้ใจฉันที่สุดเลย”
หญิงสาวทั้งสองคนเดินมาขึ้นรถ เมรันยิ้มทั้งน้ำตาแล้วเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดสายโทรออกไปหาคนที่รู้จัก จากนั้นเธอก็ขับรถออกไปจากโรงแรม..