นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 1 คนทรยศ

กระทู้สนทนา
เข็มนาฬิกาขยับบอกเวลาหกโมงครึ่ง ดวงอาทิตย์ลาลับไปสักพักหนึ่งแล้ว หากขอบฟ้าไกลยังคงแดงฉาน สาดแสงส่องโลมไล้หมู่เมฆทมึนที่ล่องลอยอ้อยอิ่งเหนือทิวเขาสูง ขวัญฤทัย นัดดา หยิบปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด .22 ลงดำมะเมื่อม ซึ่งยาวกว่าฝ่ามือและปลายนิ้วเรียวงามของเธอเพียงเล็กน้อย ออกจากกระเป๋าสายโซ่สะพายไหล่มาเก็บเข้าตู้นิรภัยขนาดเล็กสีดำด้านที่มีธนบัตรหนึ่งพันบาทสิบสี่ปึกและซองกระดาษสีน้ำตาลสี่ซองวางอยู่ เธอปิดฝาหน้าตู้แล้วยกมาเก็บซ่อนไว้ยังอีกห้องหนึ่งภายในบ้าน คืนนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลถึงขั้นต้องพกปืนติดตัวไปด้วย 

         เธอกลับเข้าห้องนอน หมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมกับกระจกเงาที่โต๊ะเครื่องแป้ง ยิ้มอย่างพึงพอใจกับชุดกี่เพ้าเข้ารูปแขนกุดสีแดงสดปักลวดลายหงส์ขาวสยายปีกกว้างตวัดหางยาวสลวยอ้อมไปข้างหลัง ชายกระโปรงสั้นเหนือเข่า ผ่าข้างสูง ชุดเป็นแบบปิดคอจึงไม่จำเป็นต้องสวมสร้อยไข่มุก หวีผมสั้นบ๊อบเทให้อยู่ทรง สวมต่างหูทับทิมคู่งาม ผิวหน้าแต่งเติมแป้งเนียนสวย ปกปิดริ้วรอยมิดชิด เขียนคิ้วโค้งยาวดำขลับ กรีดขอบตาคมกริบ ลงอายแชโดว์เข้ม วาดหางตาเชิดขึ้นชวนมอง แต้มกลิตเตอร์ใต้ดวงตาสะท้อนแสงไฟแวววับโดดเด่น ดัดขนตายาวแล้วปัดด้วยมาสคาร่างอนงามน่าหลงใหล ระบายโหนกแก้มชมพูระเรื่อ ทาริมฝีปากบางด้วยสีแดงจัดจ้าน ร้อนแรงและดุดัน เธอยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปตัวเองในกระจกแล้วส่งไปให้น้องชีวี ลูกสาวคนเดียว ทางไลน์ เขียนข้อความบอกลูกว่า “คืนนี้แม่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่โรงแรมปิงริเวอร์ไฮท์ กลับดึก รักลูกนะ” แล้วกดสติ๊กเกอร์รูปหัวใจส่งตามไป

         คล้องสายกระเป๋าบนหัวไหล่ข้างซ้าย มือขวากำโทรศัพท์ ปิดไฟห้องนอน ลงบันไดมาชั้นล่าง คว้ารองเท้าส้นสูงสีเข้ากับชุดมาสวมใส่ ปิดไฟห้องนั่งเล่น ก้าวออกประตูข้างโรงจอดรถมานอกบ้าน เดินลำตัวตรง อกตั้ง เชิดหน้า สง่างามสมวัย รถบริษัทจอดรอเธออยู่นอกรั้ว พี่สุธรรมคนขับยืนอยู่ข้างประตูผู้โดยสารด้านหลัง ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนักที่ประธานบริหารกลุ่มบริษัทมารับเลขานุการิณีคนนี้ด้วยตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนเขาจะส่งแค่คนขับรถมา แต่คืนนี้เขามาถึงก่อนเวลานัดร่วมชั่วโมง การเป็นสาวใหญ่ ทรงเสน่ห์ชวนฝันถึง โสดสนิท แต่ใจไม่ง่ายกับชายคนใด มันก็ดีอย่างนี้แหละ
คนขับเปิดประตูรถเมอร์ซีเดสสีดำให้ขวัญฤทัยขึ้นนั่งบนเบาะหลังฝั่งขวาข้างกันกับประธานบริหารที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือและไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เธอเอ่ยสวัสดีตอนเย็นหลังหย่อนตัวลงนั่งและวางกระเป๋าถือบนตัก ขยับดึงชายกระโปรงผ่าข้างที่ร่นขึ้นมาลงไปปิดเรียวต้นขาขาวเนียนให้มิดชิด เธอเองก็ไม่ดึงสายเข็มขัดมาคาด โดยตามปกติ เวลาออกไปประชุมข้างนอกบริษัท เธอจะได้รับอนุญาตให้นั่งด้านหน้าคู่คนขับ ไม่เคยได้นั่งเบาะหลังข้างขวามือเจ้านายเหมือนค่ำคืนนี้เลยสักครั้ง อาจเพราะต้องไปร่วมงานเลี้ยงหรูหราอย่างเป็นทางการ เธอจึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้เป็นครั้งแรก

         อัครา ศิริไพศาลมงคล ละสายตาจากโทรศัพท์มามองขวัญฤทัยครู่หนึ่ง ยิ้มและเอ่ยชม “คืนนี้คุณสวยมาก” 

         “ขอบคุณค่ะ..แต่นั่นแจกันกับดอกไม้ที่จัดไว้บนโต๊ะบอสวันนี้นี่คะ” ขวัญฤทัยชี้ไปที่เบาะผู้โดยสารข้างหน้าด้านซ้ายมือพลขับเมื่อรถเคลื่อนที่ออกมา รู้สึกผิดในน้ำเสียง“โอย..ขวัญลืมไปเลยว่าต้องสั่งกระเช้าดอกไม้ไปมอบให้เจ้าภาพในงานคืนนี้ ขวัญนี่แย่จริงๆ”

         “ไม่เป็นไรหรอก” อัคราพูดพร้อมรอยยิ้ม

         “นี่คือเหตุผลที่บอสให้ขวัญมานั่งเบาะหลังใช่มั้ยคะ” เธอชี้ไปที่แจกันหยกขาวที่มีดอกไม้หลากสีสันปักอยู่อีกครั้ง 

         “อาจไม่ใช่ หรืออาจจะใช่ หรืออาจด้วยเหตุผลอื่น”

         “เราจะเอาดอกไม้กับแจกันใบนี้ไปมอบในงานจริงๆ เหรอคะ แม่บ้านปักดอกไม้ไว้ตั้งแต่เช้า ป่านนี้เหี่ยวหมดแล้ว โอย..เป็นความผิดของขวัญเองค่ะ ขวัญลืมสนิทเลย” เธอโอดครวญ

         “เปล่าครับ ผมแค่ให้สุธรรมเอาติดรถมาให้คุณเห็นว่าคุณกำลังทำบางอย่างผิดพลาด” 
         
         “ค่ะๆ..ขวัญยอมรับผิด แต่เรายังพอมีเวลาแวะร้านดอกไม้ เลือกกระเช้าที่เขาจัดเสร็จไว้แล้วก็ได้นะคะ” สายตาจับจ้องที่ใบหน้าบวมเปล่งกับรูปร่างออกไปทางเจ้าเนื้อเหมือนคนไม่เคยออกกำลังกายมาหลายปีของเจ้านาย 
         
         “ไม่จำเป็น..”อัคราว่า “เรื่องนี้มันเล็กน้อย ผมยังมีเรื่องสำคัญกว่านี้จะคุยกับคุณ”

         “คือ..เรื่องอะไรคะ” เธอเลิกคิ้วขึ้น

         “จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะให้ของขวัญสุดพิเศษกับคุณ” เสียงอัคราราบเรียบ

         ขวัญฤทัย ใจสั่นเล็กน้อย เดาไม่ออกว่ามันคืออะไร เธอพูดออกมาเบาๆ “ให้อะไรเหรอคะ”

         ท่ามกลางแสงสลัวภายในห้องโดยสาร อัคราจ้องหน้าฝ่ายหญิง“ผมจะยกให้คุณเป็นคนพิเศษสุดของผมคืนนี้”

         เธออึ้งไปชั่วครู่ แทบไม่เชื่อหูตัวเอง “จะดีเหรอคะ ขวัญเป็นแค่เลขา ถ้ามีข่าวซุบซิบออกไป แล้วมีรูปถ่ายเป็นหลักฐาน คุณนายรู้และเห็นเข้า คงตามมาฉีกอกขวัญเป็นแน่”

         “คุณนายไม่ว่าหรอก เค้าให้ไฟเขียวผมแล้ว” อัคราหัวเราะ ขณะรถวิ่งเข้าสู่ถนนวงแหวนรอบนอก

         “อ้าว เหรอคะ” เธอหลบหน้า “แล้วทำไมบอสถึงคิดจะยกให้ขวัญเป็นคนพิเศษล่ะคะ”

         “คุณทำงานให้ผมมาเกือบสิบปี ไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ ช่วยให้งานของเราราบรื่นมาตลอด ผมไว้ใจคุณมาก”

         “แต่นั่นคือหน้าที่ขวัญในตำแหน่งเลขาประธานบริหารนี่คะ”
         
         “จริงๆ แล้ว ผมควรต้องพูดว่า..เรารู้จักกันมาเกือบสิบปี ทำงานเข้ากันได้ดีมาก รู้ใจกันทุกอย่าง จนแทบจะเรียกได้ว่า คุณเข้าใจผมดีกว่าภรรยาที่บ้านด้วยซ้ำ”

         “บอสกำลังจะบอกอะไรคะ” หัวใจเธอเริ่มเต้นแรง

         “ผมรักคนที่ผมไว้ใจมาตลอด คุณขวัญ” อัคราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

         “นะ..นี่..บอสบอกรักขวัญในรถแบบนี้เลยเหรอคะ พี่สุธรรมได้ยินหมดแล้ว ขวัญเป็นผู้หญิง ขวัญเขินนะคะ” เธอซ่อนรอยยิ้มเอียงอาย 

         “แล้วคุณล่ะ เคยไว้ใจผมบ้างมั้ย” อัครายิงคำถามตรงๆ เดินหน้ารุกไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว “บอกผมต่อหน้าสุธรรมตอนนี้เลย” 

         ขวัญฤทัยเบี่ยงตัวหันหน้ามองนอกรถ เธอไม่รีบตอบออกไป ในใจคิดใคร่ครวญคำถามนั้น ไม่คาดคิดว่าคุณอัคราจะยกความไว้ใจขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาในคืนนี้ ทั้งยังบอกว่า เขารักคนที่เขาไว้ใจ นั่นหมายความว่าเขารักเธออย่างนั้นหรือ เขามีเมียแต่งที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้วพร้อมลูกสองคนหญิงชาย อีกอย่าง เธอก็รู้ว่าเขาซุกซ่อนเด็กสาวนักศึกษาไว้หลายคน ซื้อรถให้ขับ เช่าคอนโดให้อยู่ ทั้งยังโอนเงินเข้าบัญชีแต่ละคนเดือนละหลายหมื่นบาท ส่วนตัวเธอเอง เขาก็คงมองเป็นแค่ของเล่นสนุกๆ มีไว้แก้เหงา หรือที่แย่ไปกว่านั้น ก็เป็นได้แค่นางบำเรอที่เขาจะแวะมาหาชั่วครั้งชั่วคราวเวลาเกิดความต้องการ ถ้าเธอยอมให้เขา จะทำให้เธอสูญสิ้นศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงผู้แกร่งกล้าฝ่าฟันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตามลำพังมายาวนานกันพอดี แต่ถ้าเธอปฏิเสธเขาแบบไร้เยื่อใย วันต่อไปจะมองหน้ากันติดไหมนะ..เธอถามตัวเอง งานจะเดินไปได้ด้วยดีเหมือนเดิมหรือไม่นะ หรือเธอจำต้องเสแสร้งเล่นละครเป็นเลขานุการิณีคนสวย ผู้รู้ใจเจ้านายดีที่สุด สนิทสนม เข้าอกเข้าใจ หลอกให้เขาอยาก หากมิอาจแตะต้องได้ เหมือนหลายปีที่ผ่านมาดีนะ..แต่ ไม่เอา เลิกคิด ขี้เกียจประดิษฐ์ประดอยคำหวานสวยหรูมาพูดเอาใจใคร ปล่อยให้มันคาราคาซังค้างเติ่งอยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว 

         เสียงสนทนาภายในรถเงียบลงไปนาน ขวัญฤทัยยังคงทอดสายตาไปมองถนนฝั่งตรงข้าม ยวดยานพาหนะวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนและอาคารพาณิชย์เปิดไฟสว่างจ้า สลับกับทุ่งนาโล่งๆ และแนวต้นไม้สูง เธอเปลี่ยนมานึกถึงงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันชาติจีนในคืนนี้ เจ้านายชวนเธอมาร่วมงานใหญ่ด้วยกันเป็นครั้งแรก ปีก่อนๆ เขาจะควงภรรยาออกงานเสมอ เธอตื่นเต้น รู้สึกวางตัวไม่ถูกที่เลขาตัวเล็กๆ จะได้เดินในงานคู่กับประธานบริหารกลุ่มบริษัทแทนที่ภรรยาตัวจริง เมื่อช่วงเช้าขวัญฤทัยโทรศัพท์สอบถามสถานกงสุลใหญ่จีน ได้ข้อมูลมาว่า แขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน มีทั้งกงสุลใหญ่จากประเทศต่างๆ กงสุลกิตติมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี ข้าราชการ นายทหาร นายตำรวจระดับสูง ประธานบริหาร ผู้จัดการบริษัท ทั่วภาคเหนือ ซึ่งปีนี้ท่านเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานด้วยตัวเอง ทว่า..เธออยากจะเขกกะโหลกตัวเองสักโป๊ก ที่เผลอลืมสั่งกระเช้าดอกไม้มาให้เจ้านายมอบให้เจ้าภาพ

         เธอเริ่มแปลกใจที่คนขับรถพาคุณอัคราและตัวเธอมุ่งหน้าออกนอกตัวเมือง รถเมอร์ซีเดสกำลังมุ่งหน้ามาบนถนนวงแหวนรอบนอกซึ่งอยู่คนละทิศทางกับโรงแรมริเวอร์ไฮท์ ก่อนจะเลี้ยวขวามาตามถนนสายแม่โจ้ อีกเกือบสิบนาทีต่อมาก็ผ่านประตูใหญ่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แล้วตรงมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนไปอำเภอแม่รัก ถนนสี่เลนว่างโล่ง ปราศจากยวดยานพาหนะวิ่งอยู่ข้างหน้าหรือตามมาข้างหลัง คนขับใช้ความเร็วสูงกว่าปกติ เธอหันมองเจ้านาย แต่เขายังคงนิ่งเงียบ สนใจแค่โทรศัพท์ในมือ ส่วนพี่สุธรรมก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างเดียว ไร้เสียงพูดจา

(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่