นิยาย: จอมป่วนชวนจับโจร บทที่ 4 หน่วงเหนี่ยว

กระทู้สนทนา
https://ppantip.com/topic/42948368 (บทที่ 3 ผู้ต้องสงสัย)

ขวัญชีวีรู้สึกตัวขึ้นมาบนที่นอนหนานุ่มกับผ้าห่มผืนหนาในห้องที่เธอไม่รู้จัก แสงของกลางวันส่องผ่านผ้าม่านบางเบาที่หน้าต่าง เธอมึนหัว รู้สึกคอแห้งกระหายน้ำ นั่งปรับสายตาครู่หนึ่ง สะบัดหน้าไปมา ขยับตัวขึ้นนั่งบนที่นอน มองรอบตัว มีแต่ผนังปูนซีเมนต์เปลือยเปล่าสีขาว ไร้กรอบรูปหรือนาฬิกาแขวนไว้ ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าหนึ่งหลัง กระเป๋าเดินทางใบเล็กและเป้สะพายหลังของเธอวางรวมกันอยู่ตรงนั้น แต่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอที่บ้าน เธออยู่ที่ไหนกันแน่ มือควานหาโทรศัพท์บนเตียง แต่ก็ว่างเปล่า มันอยู่ไหนนะ เครื่องมือสื่อสารส่วนตัวหายไปแล้ว

         ลุกออกจากเตียง เดินเซเล็กน้อย แต่ก็ยืนตัวตรงขึ้นจนได้ ค้นหาโทรศัพท์มือถือในเป้และกระเป๋าเดินทาง แต่ก็ต้องผิดหวัง เปลี่ยนความคิด ก้าวมาคลี่ผ้าม่านด้านหนึ่ง บานหน้าต่างเป็นกระจก กรอบวงกบติดเหล็กดัด แสงจ้าส่องเข้ามาทิ่มแทงใบหน้า เธอหลับตาสักพักแล้วค่อยๆ ลืมตามองข้างนอก เห็นสนามหญ้าและรั้วซีเมนต์ ถัดไปเป็นภูเขาสูงหลายลูกซ้อนกันกับป่าไม้ที่มีใบออกสีเหลืองกับน้ำตาล ปราศจากบ้านพักอาศัยหลังอื่น ย้อนมาคลี่ม่านที่หน้าต่างอีกด้าน มีเหล็กดัดแข็งแรงเช่นเดิม ภาพที่เห็นข้างนอกก็คล้ายกับอีกฝั่ง สนามหญ้าและรั้ว ถัดจากรั้วไปเป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ รกครึ้มยาวไปถึงตีนเขาเล็กๆ มีลำธารแคบๆ น้ำแห้งขอดเหลือแค่ก้อนหินทอดตัวอยู่กลางหมู่ไม้ แต่ก็ไม่เห็นมีบ้านผู้คนแม้แต่หลังเดียว 

         นี่เธอถูกจับตัวมาใช่ไหมเนี่ย..ยัยชีวี เธอคิด ใครจับตัวเธอมา ที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่ จะมีใครอยู่ใกล้ๆ บ้านนี้ให้เธอร้องเรียกขอความช่วยเหลือได้ไหมนะ แต่คิดอีกที ก็คงยังไม่มีประโยชน์อะไร พาลแต่จะทำให้คนที่จับเธอมารู้ตัว เอาไว้หาทางออกไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยร้องตะโกนก็น่าจะยังไม่สาย

         ก้าวมาที่ประตู ลองหมุนลูกบิด ประตูเปิดได้ เธอดึงประตูเปิดเข้ามา แล้วย่องออกมาข้างนอกแผ่วเบา หันซ้ายแลขวา เห็นห้องนอนอีกสองห้องเปิดประตูค้างไว้ ขยับมาแอบดูทีละห้อง ไม่พบใครข้างใน มีแค่ที่นอนกับตู้เสื้อผ้าและผนังห้องว่างเปล่า ถอยออกมา เห็นห้องน้ำเปิดประตูอ้าไว้ตรงสุดทางเดิน ว่างเปล่า เธอเคลื่อนที่ช้าๆ มาที่บันได ย่อตัวมองลอดลงไปชั้นล่าง เห็นด้านหลังผู้ชายนั่งอยู่บนโซฟายาว และขาของใครอีกคนนั่งฝั่งตรงข้าม ใจของขวัญชีวีหายวาบ พวกคนร้ายที่จับตัวเธอมา อยู่ข้างล่างนี่เอง

         “ตื่นแล้ว ก็ลงมานั่งด้วยกันสิ น้องชีวี” เสียงทุ้มนุ่มนวลของผู้ชายดังขึ้น

         ตายล่ะ..ขวัญชีวีเอามือทาบอกตัวเอง รู้จักชื่อเล่นเราได้ยังไงเนี่ย พวกมันเป็นโจรลักพาตัว คงเพราะเสียงเปิดประตูทำให้พวกนั้นรู้ความเคลื่อนไหวของเธอ ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ สูดหายใจลึกๆ ยืดตัวขึ้น ใช้มือซ้ายเกาะราวบันได ค่อยๆ ก้าวลงมาทีละขั้น

         “ตื่นแล้วเหรอ คนสวย” ผู้หญิงไว้ผมรองทรงแบบสาวทอมที่ขวัญชีวีพบบนรถบัสและรถสองแถวแดง โผล่จากอีกด้านหนึ่งมาทักทายเมื่อเธอเดินลงมาถึงชั้นพัก “หลับสบายมั้ย”

         ขวัญชีวีจ้องหน้าสาวทอมด้วยความสงสัยและโกรธขึ้ง แกสินะที่จับตัวฉันมา..เธอคิด ยังจะมีหน้ามาพูดดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธออยากจะชี้หน้าด่า แล้วถามว่าจับตัวเธอมาทำไม ต้องการอะไร แต่ก็เลือกที่จะเงียบดูเชิงไปก่อน

         “มาเร็ว มานั่งพักบนโซฟากับพวกน้าๆ นี่” ชายคนที่ขวัญชีวีเห็นด้านหลังในครั้งแรก ลุกขึ้นหันมาบอก เขาสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกหนา ไว้หนวดเครา ผมยาวประป่า สวมแจ็กเก็ตสีดำกับกางเกงคาร์โก้แบบยุทธวิธีขายาวสีเข้ม ดูโดยรวมแล้วทรงโจรชัดๆ 

         ขวัญชีวีเดินลงจากชั้นพักมายืนนิ่งด้วยความงุนงงบนพื้นกระเบื้อง มองหน้าทีละคนอย่างเคลือบแคลงใจ สาวทอมเดินเข้ามาใกล้ วัดด้วยสายตา มันเตี้ยกว่าเธอไม่น้อยกว่าสิบเซ็นติเมตร เธออยากจะกระโดดเตะก้านคอสักป๊าบ ชายคนที่เธอเห็นเฉพาะขาตอนแรก ลุกขึ้นยืนและส่งยิ้มให้เธอ พร้อมผายมือให้เธอไปนั่ง เขาตัดผมสั้นเกรียน สวมเสื้อผ้าคล้ายคล้ายกับนายทรงโจร แต่เขาดูหนุ่มกว่านายคนนั้นหลายปี ตัดผมสั้นเกรียน หน้าตาเกลี้ยงเกลา ชายทั้งสองคนสูงไล่เลี่ยกับเธอ แต่ลำตัวหนาและมีกล้ามเนื้อมากกว่า 

         “มาเถอะ ไม่ต้องกลัว” สาวทอมที่จับตัวเธอมาแหงนมองหน้าขวัญชีวี “เราเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู”

         “เป็นมิตร แล้วจับตัวฉันมาไว้ที่นี่ทำไม ต้องการอะไรจากฉัน” ขวัญชีวีพูดออกมาหลังจากตั้งหลักได้ในที่สุด

         “เอาน่ะ นั่งลงก่อน จะได้คุยกัน” ชายทรงโจรชี้ไปที่โซฟาสั้นตัวหนึ่ง

         “ฉันอยู่ที่ไหน ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ” ขวัญชีวีตะเบ็งเสียงสั่ง
         
         “ใจเย็นๆ ก่อนน้องชีวี ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา” 

         “โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน” 

         “อยู่ที่น้าเอง” สาวทอมบอกพร้อมส่งรอยยิ้ม

         “เอาคืนมา” 

         “ยังคืนให้ไม่ได้” สามทอมปฏิเสธ “แต่ทุกอย่างปกติดี ไม่มีอะไรเสียหาย”

         ขวัญชีวีกัดฟัน กำหมัด ตัวสั่นเทิ้ม “ฉันจะกลับบ้าน เอาโทรศัพท์มา ฉันจะไปเก็บของแล้วไปจากที่นี่”

         “ยังไปไม่ได้ ที่บ้านนั้นไม่ปลอดภัยแล้ว” 

         “เพราะอะไร?” ขวัญชีวีถาม

         “เอาล่ะๆ ไม่นั่งก็ไม่นั่ง” ชายทรงโจรยกมือขึ้นห้ามปราม “น้าชื่อพศิน นี่น้าคมกริช และนี่น้านัยนา พวกเราเป็นเพื่อนของขวัญฤทัย”

         “ฉันไม่เชื่อ” 

         “น้าจำเป็นต้องให้น้านัยนาพาตัวน้องชีวีมาอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง” พศินบอก

         “ฉันเจอผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ” ขวัญชีวีชี้ไปที่สาวทอม

         “ใช่..” นัยนาบอก “น้าตามดูแลความปลอดภัยให้เธอตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อวานบ่าย”

         “ทำไมต้องตามดูฉัน หาทางวางยา ลักพาตัวฉันมาน่ะสิ”

         “ไม่ใช่แบบนั้น ฟังเราอธิบายก่อน” นัยนาไม่ละความพยายาม

         “ไม่ฟัง เอาของฉันคืนมา ฉันจะกลับบ้าน” ขวัญชีวีเสียงดัง 

         “น้าขอโทษ..” นัยนาเสียงอ่อน “น้าจำเป็นต้องพาตัวน้องมาที่นี่จริงๆ”

         “ลักพาตัวฉันเนี่ยนะ จำเป็น”

         “โอเคๆ ฟังน้าก่อน..” พศินเองก็หาทางอธิบายเต็มที่ “น้าทำตามที่ขวัญฤทัยร้องขอ”

         “ว่าไงนะ..” ขวัญชีวีแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “แม่ขวัญเนี่ยนะ ขอให้แกลักพาตัวฉัน เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง”

         “น้าพูดความจริง หลังเกิดอุบัติเหตุคืนนั้น ขวัญฤทัยโทร.หาน้า ขอให้ไปรับตัวน้องชีวีมาอยู่ในความดูแลชั่วคราว”
         
         “นี่แม่ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ” ขวัญชีวีทำตาโต รู้สึกตื่นเต้น

(..โปรดอ่านต่อด้านล่าง..)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่