ตอนที่ ๗. เพิ่งได้รู้ใจ
คฤหาสน์อัครกูล ประพันธ์กำลังนั่งคุยอยู่กับเมรินที่ห้องรับแขก ทั้งสองคนเห็นเมรันเดินก้มหน้าเข้ามาจนผิดสังเกต หญิงสาวรีบร้อนวิ่งขึ้นไปบนห้องโดยไม่หันมาทักทายใครในที่นี้เลย
เป็นเวลาสองสามสัปดาห์แล้วที่นคินทร์ไม่ได้พบกับเมริน เขายิ้มให้เธอ หญิงสาวยิ้มตอบแล้วขอตัวกับคุณพ่อเพื่อขึ้นไปบนห้องดูน้องสาว ผู้เป็นบิดาพยักหน้าอนุญาต
“มาคุยกับฉันหน่อยสินคินทร์”
ประพันธ์ขอให้นคินทร์ช่วยเล่าให้ฟังตามตรง ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ประพันธ์ฟัง ชายวัยกลางคนนั่งฟังถึงกับนิ่งไปสักครู่ก่อนที่จะพูด
“ฉันคงทำให้นายต้องลำบากใจ” ประพันธ์บอก และคงต้องปล่อยให้บุตรสาวได้ลองทบทวนสิ่งที่ตัวเองได้ทำสักพัก เพราะประพันธ์มีงานสำคัญจะให้นคินทร์ช่วย
วันต่อมาที่บ้านของเจ๊มี่ วันนี้เมรันไปหาเพื่อนสนิทเพื่อระบายความในใจทุกอย่างให้ฟัง เมื่อวานพี่สาวก็ถามแต่เธอได้แต่บอกว่าเธอเป็นคนผิดเองโดยไม่ได้เล่ารายละเอียดมากนักซึ่งเมรินผู้เป็นพี่สาวเธอเองก็เข้าใจ
เจ๊มี่เองได้ฟังแล้วก็เพิ่งรู้ว่าแผนการครั้งที่สามที่เพื่อนสาวคนสนิทจ้างคนของตนเองจะต้องให้ไปที่ตึกร้างด้วย มันเสี่ยงอันตรายมาก ถ้ารู้ก็จะห้ามไม่ให้ไป เมรันยังคงมีสีหน้าเศร้าเหมือนกับคนอกหักเพราะว่าเธอจะไม่ได้อยู่ใกล้กับนคินทร์อีกจนเจ๊มี่ต้องอดที่จะพูดเตือนเพื่อนสนิทไม่ได้
“โธ่เอ๊ย! ผู้ชายมีไม่น้อย ทำไมต้องไปชอบบอดี้การ์ดที่เป็นลูกจ้างของพ่อตัวเองด้วย หล่อนน่ะก็มีพร้อมทั้งหน้าตา มีฐานะ การศึกษา ทำไมจะหาผู้ชายดี ๆ มีฐานะเท่าเทียมกันไม่ได้ยะหล่อน ในสังคมไฮโซหนุ่มโสดก็ยังมีอีก หัดไปเปิดหูเปิดตาดูกับคนอื่นเขาบ้างสิ “เจ๊มี่พูดเพื่อหวังให้เพื่อนสาวตัดใจเสียที
“เขาไม่ใช่ลูกจ้างนะเจ๊ เขาไม่เหมือนใคร ๆ ที่ฉันเคยเจอเลย” เมรันพูดพร้อมกับนึกถึงใบหน้าคมคายของเขาแล้วน้ำเสียงของเธอเหมือนจะร้องไห้
“นี่! หล่อนเป็นเอามากนะ ชอบมากขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ” เจ๊มี่ทำเสียงล้อเลียน
“ฉันชอบก็บอกว่าชอบ ไม่เห็นต้องโกหกตัวเองเลย “เมรันพูดอย่างจริงจัง
“เหรอ! คุณหนูเมรันขา ถ้างั้นทำไมหล่อนไม่ไปสารภาพกับเขาต่อหน้า บอกเขาตรง ๆ ไปเลยละค๊า” เจ๊มี่แสร้งพูดยุ เมื่อเห็นอาการของเพื่อนรักยังเป็นเอามาก
“จะบ้าเหรอ! เจ๊ ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงนะ อยู่ ๆ จะให้ไปบอกเขาต่อหน้า ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน” เมรันหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“เจ๊ฟังล่ะปวดหัว หล่อนก็เพิ่งพูดเองหยก ๆ จะบอกเขาตรง ๆ ก็ไม่กล้า นี่ถ้าเป็นเจ๊ล่ะก็ รู้ผลแฮปปี้เอนดิ้งไปนานแล้ว”
เจ๊มี่เองก็ชักอยากจะเห็นหน้าพ่อหนุ่มบอดี้การ์ดคนนี้ซะแล้วสิ มีอะไรดีนักหนาถึงได้มีมนต์มหาเสน่ห์ทำให้เมรันผู้เป็นเพื่อนรัก หลงใหลได้ปลื้มถึงขนาดนี้
“มีรูปของเขาให้ดูไหม อยากเห็นว่าทำไมเสน่ห์แรง” เจ๊มี่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมรันพยักหน้า "ให้เจ๊ดูคนเดียวนะ" โดยไม่รอช้ามือสวยรีบกดมือถือสไลด์เปิดคลังรูปแล้วยื่นโชว์ภาพให้เจ๊มี่ดู
“โอ้โห! อะไรจะหล่อ เท่ ขนาดนี้” เจ๊มี่ อุทานเอามือทาบอกตัวเอง รูปที่ได้เห็นเป็นรูปที่เมรันแอบถ่ายไว้แถมยังทำรูปพร้อมด้วยการตัดต่อ ตกแต่งภาพเป็นภาพคู่ห้อยหัวใจ เพิ่มความเก๋ ดูเหมือนภาพคู่รักกันจนดูน่าอิจฉา
“หล่อนเป็นแฟนคลับพ่อบอดี้การ์ดเขาด้วยเหรอจ้า ดูแล้วฟินนะยะ” เจ๊มี่ยังคงสไลด์ดูภาพไปเรื่อย ๆ พร้อมกับพูดแซวเพื่อนไปด้วยที่ดูเหมือนจะหลงใหลพ่อหนุ่มคนนี้มาก แต่ตัวเขาเองก็กลับเปิดภาพดูไปแล้วก็แอบปลื้มแทนไม่ได้
“นี่ถ้ามาเป็นเด็กเจ๊ล่ะก็ จะปั้นให้เป็นพระเอกแถวหน้า โด่งดังเลยทีเดียว” เจ๊มี่พูดไป ตาหวานเยิ้มไปเมื่อมองที่รูป
“เจ๊มี่! แค่ให้ดูเฉย ๆ ห้ามคิดอะไรทั้งนั้น เขาเป็นเด็กฉันนะเจ๊” เมรันบอกกับเพื่อนราวกับเธอเป็นเจ้าของนคินทร์
“เหรอ! จะปั้นเขาเป็นว่าที่สามีเหรอจ๊ะ” เจ๊มี่พูดหยอกแล้วยื่นส่งมือถือคืนให้ เมรันรับกลับมาแล้วยิ้มใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
ถัดมาอีกสองสามวัน เจ๊มี่ยังได้รู้จากเพื่อนสาวคนสนิทที่มาหาเขาอีกว่าจากวันนั้นแล้วเธอกับนคินทร์ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เจ๊มี่เห็นอาการของเมรันแล้วรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ท่าทีเพื่อนรักเหมือนกับคนอกหัก เจ๊มี่จึงคิดที่จะไปพบตัวจริงของหนุ่มบอดี้การ์ดเผื่อจะได้ช่วยดูทีท่าและลองเลียบเคียงให้ทางอ้อม
ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เอง มีมี่ทำทีแวะไปหาเมรันที่บ้าน แต่ได้พบกับท่านประพันธ์แทน วันนั้นนคินทร์ก็อยู่ด้วย ท่านประพันธ์จึงแนะนำนคินทร์ให้รู้จักกับมีมี่
เจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดังพิจารณาดูรูปลักษณะของนคินทร์แล้วนึกในใจ พ่อหนุ่มคนนี้เห็นในโทรศัพท์ว่าหล่อแล้ว ตัวจริงยิ่งดูหล่อเหลา คมคายมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะได้พบเจอกับหนุ่มหล่อหน้าตาดีมานักต่อนัก แต่พอมาเจอกับชายหนุ่มคนนี้ เจ๊มี่รับรู้เลยว่าเขาคนนี้มีบางอย่างที่พิเศษ ก็เลยชวนคุยด้วยจิตวิญญาณของนักพูด นักชวนฝีปากดีบอกเผื่อว่าจะขอความช่วยเหลือ นคินทร์หนุ่มหล่อบอดี้การ์ดถึงได้ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับมา
มีมี่เองก็ผ่านการพบปะผู้คนมามากมาย หลากหลายนิสัย หลายอารมณ์ แต่เมื่อได้สนทนากันถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ค่อยพูดมากนัก แต่ก็พอที่จะทำให้เจ๊มี่รู้แล้วว่าเพื่อนสาวคนสนิทของตัวเองนั้น ตาแหลมที่เลือกผู้ชายคนนี้ เขาสมกับเป็นคนพิเศษที่เมรันใฝ่ฝัน แต่ฝ่ายชายนั้นจะมีใจคิดตรงกับเพื่อนสนิทของตัวเองหรือเปล่าก็ยังคาดเดาไม่ได้ เพราะนคินทร์ยังคงวางตัวเรียบนิ่ง ครั้นตัวเจ๊มี่จะพูดมากไปก็จะไม่เหมาะ เผลอไปอาจจะพลาดให้เพื่อนพลอยชวดหนุ่มหล่อไปด้วย
หลังจากที่ถูกนคินทร์จับได้แผนการพิชิตใจหนุ่มบอดี้การ์ดของเมรันเลยแตกเสียก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอเขาอีกหลายวันต่อมา เมรันหน้าอมทุกข์รู้สึกเสียใจมาก เธอขับรถมาหาเจ๊มี่เพื่อนคนสนิทที่บ้านนั่งรอจนเลิกงาน หญิงสาวผู้เหมือนคนอกหักบอกอยากจะไปเที่ยวคลายเครียดจึงเอ่ยปากชวนเจ๊มี่เพื่อนสนิทไปด้วย
ภายในผับชื่อดัง เมรันไปนั่งตั้งแต่ร้านเปิด นั่งไปได้สองชั่วโมงก็เริ่มดื่มหนัก ก่อนหน้านี้เจ๊มี่ได้แอบโทรศัพท์ติดต่อโดยส่งข้อความพร้อมพิกัดสถานที่ให้นคินทร์มาช่วยพาเมรันกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงและเกรงว่าจะเกิดเรื่องโดยย้ำไม่ให้บอกคุณประพันธ์ในตอนนี้ นคินทร์ได้รับข้อความและตอบกลับไปพร้อมกับรีบขับรถออกมาเพื่อตามไปที่ผับทันที
“นี่! หล่อน สก็อตแบบเพียวสองแก้วแล้วนะ พอได้แล้ว ฉันอุ้มหล่อนไม่ไหวนะยะ” เจ๊มี่ต้องพูดห้ามเมรันดื่มต่อ เพราะดูเพื่อนคนสนิทชักจะโงนเงน ดูท่าจะไม่ไหวแล้วแต่เมรันก็ยังรั้น ไม่ยอม ห้ามไม่ให้เธอดื่มได้ หญิงสาวก็เลยเปลี่ยนมาออกเต้นแทนแถมยังเต้นแบบจัดเต็ม จนโต๊ะด้านข้าง ส่งเสียงผิวปาก ตบมือเชียร์กันด้วยความชอบใจ
“ฉันอยากจะกรี๊ด ดูดู๊หล่อนสิ” เจ๊มี่เห็นท่าจะไม่ไหว มองซ้ายมองขวาเพื่อรอใครบางคนมาที่นี่
สักครู่ก็มีหนุ่มร่างสูงที่รอคอยก็เดินเข้ามา เจ๊มี่เงยหน้าขึ้นไปเห็นด้วยความดีใจ นคินทร์มองไปที่เมรันแล้วต้องส่ายหน้า เมรันนั้นสวมเสื้อคอกว้างถึงจะไม่ได้รัดรูปแต่ความไม่ได้สติทำให้คอเสื้อด้านหนึ่งหลุดลงจากไหล่กลมมนเผยให้เห็นผิวนวลสะท้อนแสงไฟของผับแล้วยังกางเกงขาสั้นกุดที่โชว์เรียวขาคู่สวยอีก ชายหนุ่มต้องถอดเสื้อแจ็กเก็ตของเขาแล้วเดินไปคลุมให้เธอ มือหนารวบตัวร่างบางระหงของหญิงสาวออกจากบริเวณนั้นก่อนจะเกิดศึกล้มโต๊ะเพื่อชิงนางกัน เมรันนั้นดูไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินตามนคินทร์ ร่างบางแทบจะปลิวไปกับแรงดึงของเขา
“ยังไม่กลับ ฉันยังจะอยู่ต่อจะรีบกลับไปไหน” เมรันพูดน้ำเสียงอ้อแอ้ไม่ค่อยชัดและยังคงฝืนตัวไม่ยอมจะกลับ กลิ่นเหล้าคลุ้ง เธอหัวเราะพลางก็หยุดพลาง ใบหน้าซบอยู่กับอกของนคินทร์ ชายหนุ่มร่างสูงเห็นท่าแล้วจึงล้วงหยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้กับมีมี่ พร้อมกับบอกรบกวนให้เจ๊มี่ช่วยไปกับเขาด้วย เจ๊มี่พยักหน้าเข้าใจความหมาย
บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจช้อนตัวอุ้มเมรันเดินออกมาโดยมีสายตาหลายคู่พากันมองตามมา หนุ่มบอดี้การ์ดอุ้มหญิงสาวไว้เดินมาถึงด้านหน้าผับ เมื่อถึงรถยุโรปคันหรูก็บอกรบกวนให้เจ๊มี่ช่วยเปิดประตูด้านหลังให้ด้วย เมื่อเจ๊มี่เปิดประตูให้แล้วก็วิ่งอ้อมไปช่วยสตาร์ทรถให้ นคินทร์รีบอุ้มเมรันเข้าไปวางที่นั่งเบาะหลังก่อนที่เขาจะถอยตัวออกมา
“นคินทร์” เสียงเธอเรียกเขาอย่างแผ่วเบา
“ผมอยู่นี่” นคินทร์ชะโงกตัวกลับเข้าไปบอกกับเมรัน
“คุณอยู่นี่เหรอ?” เมรันพูดทั้งยังหลับตาพร้อมยกมือขึ้นไขว่คว้าเหมือนจะหาเขาแล้วมือของเธอก็ไปสัมผัสเข้ากับแผ่นอกหนา เมรันยิ้ม มือของเธอเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอของนคินทร์พร้อมกับพูดว่า
“คุณจูบฉันสิ!” หญิงสาวโอบรอบคอเขาให้โน้มลงมาหาเธอ
เจ๊มี่เดินอ้อมกลับมาที่ด้านหลังเห็นเข้ากับภาพนี้แล้วเผลอเอามือปิดปากตัวเอง ถึงกับร้องเสียงไม่ออกมองดูเพื่อนสาวกับหนุ่มหล่อ ด้วยใจระทึกแทน
นคินทร์เองก็รู้สึกตกใจที่เมรันพูดออกมาแบบนั้น ชายหนุ่มมองอย่างไม่เชื่อสายตาพยายามที่จะแกะมือของหญิงสาวออก แต่ดูเหมือนเมรันจะมีแรงไม่น้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอยังไม่ยอมปล่อยมือ ยิ่งโน้มกอดคอเขาแน่นขึ้นจนทำให้นคินทร์เสียหลักเซตัวเข้าไปหาเธอ ในวินาทีที่ได้ใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้ นคินทร์กำลังชั่งใจถึงความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน
ใบหน้าของเมรันอยู่ห่างจากใบหน้าของนคินทร์ไม่ถึงคืบ ขณะที่เธอยังหลับพริ้ม ใบหน้านวลสวย แก้มแดงจัดจากความร้อนแรงของฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เขาสัมผัสได้ ริมฝีปากอิ่มเย้ายวนจนเขาเองก็เกือบจะเผลอใจจูบเธอเข้า แต่นคินทร์ต้องรีบฉุดความคิดของตัวเองกลับมา เขาหลับตา ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะยกสองมือของเขาช้อนใบหน้าของหญิงสาวขึ้นแล้วตบที่แก้มเธออย่างเบามือ เพื่อให้เธอได้รู้สึกตัว
“เมรัน..คุณมีสติหน่อยสิ แบบนี้คุณจะแย่ รู้ตัวบ้าง”
นคินทร์เปลี่ยนเป็นขยับตัวไปนั่งลงข้างเมรัน มือของเมรันยังโอบรอบคอเขาอยู่ หนุ่มบอดี้การ์ดหันไปบอกกับเจ๊มี่ให้ช่วยหยิบขวดน้ำ ผ้าขนหนูเช็ดหน้าพร้อมแอมโมเนียหอมที่เขาเตรียมไว้ที่กระเป๋าด้านหน้ามาให้ด้วย ชายหนุ่มยังคงหันมาพูดกับหญิงสาวที่เมามายไม่ได้สติ
“เมรัน คุณตื่นสิ” เขาตบแก้มเธออย่างเบามือ ชายหนุ่มเรียกให้เธอมีสติ เจ๊มี่ส่งผ้าขนหนูชุบน้ำผสมแอมโมเนียหอมมายื่นให้นคินทร์ เขากล่าวขอบคุณรับผ้ามาแล้วค่อย ๆ เช็ดหน้าให้เมรัน จนกระทั่งหญิงสาวเริ่มที่จะรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ จากภาพเบลอก็พอจะมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น เมรันต้องตกใจ หน้าแดงร้อนผ่าวไปหมดเพราะเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพที่โน้มกอดคอเขา ใบหน้าเธอกับใบหน้าเขาใกล้กันจนเมรันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของเขา เธอกะพริบตาถี่ หลบสายตาของเขาแล้วต้องรีบคลายมือออกจากรอบคอของชายหนุ่มทันที หญิงสาวพยายามที่จะขยับตัวเองนั่งให้ตรง รู้สึกอ่อนแรง
“ฉันปวดหัวจัง พาฉันกลับบ้านที” เมรันพูดอย่างยากลำบากพร้อมด้วยมือกุมศีรษะ
“คุณมี่ครับช่วยดูแลคุณเมรันให้ทีครับ” นคินทร์หันไปบอกเจ๊มี่ซึ่งยืนพยักหน้าตอบรับทั้งที่ยังไม่หายตกใจ นคินทร์ขยับตัวก้าวออกจากรถโดยให้เพื่อนสนิทของเมรันเข้ามานั่งแทน หนุ่มบอดี้การ์ดยื่นผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้เจ๊มี่เพื่อรับหน้าที่ดูแลเมรันต่อจากเขา
นคินทร์ที่รัก (ตอนที่ ๗. เพิ่งได้รู้ใจ)
คฤหาสน์อัครกูล ประพันธ์กำลังนั่งคุยอยู่กับเมรินที่ห้องรับแขก ทั้งสองคนเห็นเมรันเดินก้มหน้าเข้ามาจนผิดสังเกต หญิงสาวรีบร้อนวิ่งขึ้นไปบนห้องโดยไม่หันมาทักทายใครในที่นี้เลย
เป็นเวลาสองสามสัปดาห์แล้วที่นคินทร์ไม่ได้พบกับเมริน เขายิ้มให้เธอ หญิงสาวยิ้มตอบแล้วขอตัวกับคุณพ่อเพื่อขึ้นไปบนห้องดูน้องสาว ผู้เป็นบิดาพยักหน้าอนุญาต
“มาคุยกับฉันหน่อยสินคินทร์”
ประพันธ์ขอให้นคินทร์ช่วยเล่าให้ฟังตามตรง ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ประพันธ์ฟัง ชายวัยกลางคนนั่งฟังถึงกับนิ่งไปสักครู่ก่อนที่จะพูด
“ฉันคงทำให้นายต้องลำบากใจ” ประพันธ์บอก และคงต้องปล่อยให้บุตรสาวได้ลองทบทวนสิ่งที่ตัวเองได้ทำสักพัก เพราะประพันธ์มีงานสำคัญจะให้นคินทร์ช่วย
วันต่อมาที่บ้านของเจ๊มี่ วันนี้เมรันไปหาเพื่อนสนิทเพื่อระบายความในใจทุกอย่างให้ฟัง เมื่อวานพี่สาวก็ถามแต่เธอได้แต่บอกว่าเธอเป็นคนผิดเองโดยไม่ได้เล่ารายละเอียดมากนักซึ่งเมรินผู้เป็นพี่สาวเธอเองก็เข้าใจ
เจ๊มี่เองได้ฟังแล้วก็เพิ่งรู้ว่าแผนการครั้งที่สามที่เพื่อนสาวคนสนิทจ้างคนของตนเองจะต้องให้ไปที่ตึกร้างด้วย มันเสี่ยงอันตรายมาก ถ้ารู้ก็จะห้ามไม่ให้ไป เมรันยังคงมีสีหน้าเศร้าเหมือนกับคนอกหักเพราะว่าเธอจะไม่ได้อยู่ใกล้กับนคินทร์อีกจนเจ๊มี่ต้องอดที่จะพูดเตือนเพื่อนสนิทไม่ได้
“โธ่เอ๊ย! ผู้ชายมีไม่น้อย ทำไมต้องไปชอบบอดี้การ์ดที่เป็นลูกจ้างของพ่อตัวเองด้วย หล่อนน่ะก็มีพร้อมทั้งหน้าตา มีฐานะ การศึกษา ทำไมจะหาผู้ชายดี ๆ มีฐานะเท่าเทียมกันไม่ได้ยะหล่อน ในสังคมไฮโซหนุ่มโสดก็ยังมีอีก หัดไปเปิดหูเปิดตาดูกับคนอื่นเขาบ้างสิ “เจ๊มี่พูดเพื่อหวังให้เพื่อนสาวตัดใจเสียที
“เขาไม่ใช่ลูกจ้างนะเจ๊ เขาไม่เหมือนใคร ๆ ที่ฉันเคยเจอเลย” เมรันพูดพร้อมกับนึกถึงใบหน้าคมคายของเขาแล้วน้ำเสียงของเธอเหมือนจะร้องไห้
“นี่! หล่อนเป็นเอามากนะ ชอบมากขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ” เจ๊มี่ทำเสียงล้อเลียน
“ฉันชอบก็บอกว่าชอบ ไม่เห็นต้องโกหกตัวเองเลย “เมรันพูดอย่างจริงจัง
“เหรอ! คุณหนูเมรันขา ถ้างั้นทำไมหล่อนไม่ไปสารภาพกับเขาต่อหน้า บอกเขาตรง ๆ ไปเลยละค๊า” เจ๊มี่แสร้งพูดยุ เมื่อเห็นอาการของเพื่อนรักยังเป็นเอามาก
“จะบ้าเหรอ! เจ๊ ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงนะ อยู่ ๆ จะให้ไปบอกเขาต่อหน้า ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน” เมรันหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“เจ๊ฟังล่ะปวดหัว หล่อนก็เพิ่งพูดเองหยก ๆ จะบอกเขาตรง ๆ ก็ไม่กล้า นี่ถ้าเป็นเจ๊ล่ะก็ รู้ผลแฮปปี้เอนดิ้งไปนานแล้ว”
เจ๊มี่เองก็ชักอยากจะเห็นหน้าพ่อหนุ่มบอดี้การ์ดคนนี้ซะแล้วสิ มีอะไรดีนักหนาถึงได้มีมนต์มหาเสน่ห์ทำให้เมรันผู้เป็นเพื่อนรัก หลงใหลได้ปลื้มถึงขนาดนี้
“มีรูปของเขาให้ดูไหม อยากเห็นว่าทำไมเสน่ห์แรง” เจ๊มี่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมรันพยักหน้า "ให้เจ๊ดูคนเดียวนะ" โดยไม่รอช้ามือสวยรีบกดมือถือสไลด์เปิดคลังรูปแล้วยื่นโชว์ภาพให้เจ๊มี่ดู
“โอ้โห! อะไรจะหล่อ เท่ ขนาดนี้” เจ๊มี่ อุทานเอามือทาบอกตัวเอง รูปที่ได้เห็นเป็นรูปที่เมรันแอบถ่ายไว้แถมยังทำรูปพร้อมด้วยการตัดต่อ ตกแต่งภาพเป็นภาพคู่ห้อยหัวใจ เพิ่มความเก๋ ดูเหมือนภาพคู่รักกันจนดูน่าอิจฉา
“หล่อนเป็นแฟนคลับพ่อบอดี้การ์ดเขาด้วยเหรอจ้า ดูแล้วฟินนะยะ” เจ๊มี่ยังคงสไลด์ดูภาพไปเรื่อย ๆ พร้อมกับพูดแซวเพื่อนไปด้วยที่ดูเหมือนจะหลงใหลพ่อหนุ่มคนนี้มาก แต่ตัวเขาเองก็กลับเปิดภาพดูไปแล้วก็แอบปลื้มแทนไม่ได้
“นี่ถ้ามาเป็นเด็กเจ๊ล่ะก็ จะปั้นให้เป็นพระเอกแถวหน้า โด่งดังเลยทีเดียว” เจ๊มี่พูดไป ตาหวานเยิ้มไปเมื่อมองที่รูป
“เจ๊มี่! แค่ให้ดูเฉย ๆ ห้ามคิดอะไรทั้งนั้น เขาเป็นเด็กฉันนะเจ๊” เมรันบอกกับเพื่อนราวกับเธอเป็นเจ้าของนคินทร์
“เหรอ! จะปั้นเขาเป็นว่าที่สามีเหรอจ๊ะ” เจ๊มี่พูดหยอกแล้วยื่นส่งมือถือคืนให้ เมรันรับกลับมาแล้วยิ้มใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
ถัดมาอีกสองสามวัน เจ๊มี่ยังได้รู้จากเพื่อนสาวคนสนิทที่มาหาเขาอีกว่าจากวันนั้นแล้วเธอกับนคินทร์ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เจ๊มี่เห็นอาการของเมรันแล้วรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ท่าทีเพื่อนรักเหมือนกับคนอกหัก เจ๊มี่จึงคิดที่จะไปพบตัวจริงของหนุ่มบอดี้การ์ดเผื่อจะได้ช่วยดูทีท่าและลองเลียบเคียงให้ทางอ้อม
ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เอง มีมี่ทำทีแวะไปหาเมรันที่บ้าน แต่ได้พบกับท่านประพันธ์แทน วันนั้นนคินทร์ก็อยู่ด้วย ท่านประพันธ์จึงแนะนำนคินทร์ให้รู้จักกับมีมี่
เจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดังพิจารณาดูรูปลักษณะของนคินทร์แล้วนึกในใจ พ่อหนุ่มคนนี้เห็นในโทรศัพท์ว่าหล่อแล้ว ตัวจริงยิ่งดูหล่อเหลา คมคายมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะได้พบเจอกับหนุ่มหล่อหน้าตาดีมานักต่อนัก แต่พอมาเจอกับชายหนุ่มคนนี้ เจ๊มี่รับรู้เลยว่าเขาคนนี้มีบางอย่างที่พิเศษ ก็เลยชวนคุยด้วยจิตวิญญาณของนักพูด นักชวนฝีปากดีบอกเผื่อว่าจะขอความช่วยเหลือ นคินทร์หนุ่มหล่อบอดี้การ์ดถึงได้ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับมา
มีมี่เองก็ผ่านการพบปะผู้คนมามากมาย หลากหลายนิสัย หลายอารมณ์ แต่เมื่อได้สนทนากันถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ค่อยพูดมากนัก แต่ก็พอที่จะทำให้เจ๊มี่รู้แล้วว่าเพื่อนสาวคนสนิทของตัวเองนั้น ตาแหลมที่เลือกผู้ชายคนนี้ เขาสมกับเป็นคนพิเศษที่เมรันใฝ่ฝัน แต่ฝ่ายชายนั้นจะมีใจคิดตรงกับเพื่อนสนิทของตัวเองหรือเปล่าก็ยังคาดเดาไม่ได้ เพราะนคินทร์ยังคงวางตัวเรียบนิ่ง ครั้นตัวเจ๊มี่จะพูดมากไปก็จะไม่เหมาะ เผลอไปอาจจะพลาดให้เพื่อนพลอยชวดหนุ่มหล่อไปด้วย
หลังจากที่ถูกนคินทร์จับได้แผนการพิชิตใจหนุ่มบอดี้การ์ดของเมรันเลยแตกเสียก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอเขาอีกหลายวันต่อมา เมรันหน้าอมทุกข์รู้สึกเสียใจมาก เธอขับรถมาหาเจ๊มี่เพื่อนคนสนิทที่บ้านนั่งรอจนเลิกงาน หญิงสาวผู้เหมือนคนอกหักบอกอยากจะไปเที่ยวคลายเครียดจึงเอ่ยปากชวนเจ๊มี่เพื่อนสนิทไปด้วย
ภายในผับชื่อดัง เมรันไปนั่งตั้งแต่ร้านเปิด นั่งไปได้สองชั่วโมงก็เริ่มดื่มหนัก ก่อนหน้านี้เจ๊มี่ได้แอบโทรศัพท์ติดต่อโดยส่งข้อความพร้อมพิกัดสถานที่ให้นคินทร์มาช่วยพาเมรันกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงและเกรงว่าจะเกิดเรื่องโดยย้ำไม่ให้บอกคุณประพันธ์ในตอนนี้ นคินทร์ได้รับข้อความและตอบกลับไปพร้อมกับรีบขับรถออกมาเพื่อตามไปที่ผับทันที
“นี่! หล่อน สก็อตแบบเพียวสองแก้วแล้วนะ พอได้แล้ว ฉันอุ้มหล่อนไม่ไหวนะยะ” เจ๊มี่ต้องพูดห้ามเมรันดื่มต่อ เพราะดูเพื่อนคนสนิทชักจะโงนเงน ดูท่าจะไม่ไหวแล้วแต่เมรันก็ยังรั้น ไม่ยอม ห้ามไม่ให้เธอดื่มได้ หญิงสาวก็เลยเปลี่ยนมาออกเต้นแทนแถมยังเต้นแบบจัดเต็ม จนโต๊ะด้านข้าง ส่งเสียงผิวปาก ตบมือเชียร์กันด้วยความชอบใจ
“ฉันอยากจะกรี๊ด ดูดู๊หล่อนสิ” เจ๊มี่เห็นท่าจะไม่ไหว มองซ้ายมองขวาเพื่อรอใครบางคนมาที่นี่
สักครู่ก็มีหนุ่มร่างสูงที่รอคอยก็เดินเข้ามา เจ๊มี่เงยหน้าขึ้นไปเห็นด้วยความดีใจ นคินทร์มองไปที่เมรันแล้วต้องส่ายหน้า เมรันนั้นสวมเสื้อคอกว้างถึงจะไม่ได้รัดรูปแต่ความไม่ได้สติทำให้คอเสื้อด้านหนึ่งหลุดลงจากไหล่กลมมนเผยให้เห็นผิวนวลสะท้อนแสงไฟของผับแล้วยังกางเกงขาสั้นกุดที่โชว์เรียวขาคู่สวยอีก ชายหนุ่มต้องถอดเสื้อแจ็กเก็ตของเขาแล้วเดินไปคลุมให้เธอ มือหนารวบตัวร่างบางระหงของหญิงสาวออกจากบริเวณนั้นก่อนจะเกิดศึกล้มโต๊ะเพื่อชิงนางกัน เมรันนั้นดูไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินตามนคินทร์ ร่างบางแทบจะปลิวไปกับแรงดึงของเขา
“ยังไม่กลับ ฉันยังจะอยู่ต่อจะรีบกลับไปไหน” เมรันพูดน้ำเสียงอ้อแอ้ไม่ค่อยชัดและยังคงฝืนตัวไม่ยอมจะกลับ กลิ่นเหล้าคลุ้ง เธอหัวเราะพลางก็หยุดพลาง ใบหน้าซบอยู่กับอกของนคินทร์ ชายหนุ่มร่างสูงเห็นท่าแล้วจึงล้วงหยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้กับมีมี่ พร้อมกับบอกรบกวนให้เจ๊มี่ช่วยไปกับเขาด้วย เจ๊มี่พยักหน้าเข้าใจความหมาย
บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจช้อนตัวอุ้มเมรันเดินออกมาโดยมีสายตาหลายคู่พากันมองตามมา หนุ่มบอดี้การ์ดอุ้มหญิงสาวไว้เดินมาถึงด้านหน้าผับ เมื่อถึงรถยุโรปคันหรูก็บอกรบกวนให้เจ๊มี่ช่วยเปิดประตูด้านหลังให้ด้วย เมื่อเจ๊มี่เปิดประตูให้แล้วก็วิ่งอ้อมไปช่วยสตาร์ทรถให้ นคินทร์รีบอุ้มเมรันเข้าไปวางที่นั่งเบาะหลังก่อนที่เขาจะถอยตัวออกมา
“นคินทร์” เสียงเธอเรียกเขาอย่างแผ่วเบา
“ผมอยู่นี่” นคินทร์ชะโงกตัวกลับเข้าไปบอกกับเมรัน
“คุณอยู่นี่เหรอ?” เมรันพูดทั้งยังหลับตาพร้อมยกมือขึ้นไขว่คว้าเหมือนจะหาเขาแล้วมือของเธอก็ไปสัมผัสเข้ากับแผ่นอกหนา เมรันยิ้ม มือของเธอเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอของนคินทร์พร้อมกับพูดว่า
“คุณจูบฉันสิ!” หญิงสาวโอบรอบคอเขาให้โน้มลงมาหาเธอ
เจ๊มี่เดินอ้อมกลับมาที่ด้านหลังเห็นเข้ากับภาพนี้แล้วเผลอเอามือปิดปากตัวเอง ถึงกับร้องเสียงไม่ออกมองดูเพื่อนสาวกับหนุ่มหล่อ ด้วยใจระทึกแทน
นคินทร์เองก็รู้สึกตกใจที่เมรันพูดออกมาแบบนั้น ชายหนุ่มมองอย่างไม่เชื่อสายตาพยายามที่จะแกะมือของหญิงสาวออก แต่ดูเหมือนเมรันจะมีแรงไม่น้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอยังไม่ยอมปล่อยมือ ยิ่งโน้มกอดคอเขาแน่นขึ้นจนทำให้นคินทร์เสียหลักเซตัวเข้าไปหาเธอ ในวินาทีที่ได้ใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้ นคินทร์กำลังชั่งใจถึงความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน
ใบหน้าของเมรันอยู่ห่างจากใบหน้าของนคินทร์ไม่ถึงคืบ ขณะที่เธอยังหลับพริ้ม ใบหน้านวลสวย แก้มแดงจัดจากความร้อนแรงของฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เขาสัมผัสได้ ริมฝีปากอิ่มเย้ายวนจนเขาเองก็เกือบจะเผลอใจจูบเธอเข้า แต่นคินทร์ต้องรีบฉุดความคิดของตัวเองกลับมา เขาหลับตา ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะยกสองมือของเขาช้อนใบหน้าของหญิงสาวขึ้นแล้วตบที่แก้มเธออย่างเบามือ เพื่อให้เธอได้รู้สึกตัว
“เมรัน..คุณมีสติหน่อยสิ แบบนี้คุณจะแย่ รู้ตัวบ้าง”
นคินทร์เปลี่ยนเป็นขยับตัวไปนั่งลงข้างเมรัน มือของเมรันยังโอบรอบคอเขาอยู่ หนุ่มบอดี้การ์ดหันไปบอกกับเจ๊มี่ให้ช่วยหยิบขวดน้ำ ผ้าขนหนูเช็ดหน้าพร้อมแอมโมเนียหอมที่เขาเตรียมไว้ที่กระเป๋าด้านหน้ามาให้ด้วย ชายหนุ่มยังคงหันมาพูดกับหญิงสาวที่เมามายไม่ได้สติ
“เมรัน คุณตื่นสิ” เขาตบแก้มเธออย่างเบามือ ชายหนุ่มเรียกให้เธอมีสติ เจ๊มี่ส่งผ้าขนหนูชุบน้ำผสมแอมโมเนียหอมมายื่นให้นคินทร์ เขากล่าวขอบคุณรับผ้ามาแล้วค่อย ๆ เช็ดหน้าให้เมรัน จนกระทั่งหญิงสาวเริ่มที่จะรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ จากภาพเบลอก็พอจะมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น เมรันต้องตกใจ หน้าแดงร้อนผ่าวไปหมดเพราะเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพที่โน้มกอดคอเขา ใบหน้าเธอกับใบหน้าเขาใกล้กันจนเมรันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของเขา เธอกะพริบตาถี่ หลบสายตาของเขาแล้วต้องรีบคลายมือออกจากรอบคอของชายหนุ่มทันที หญิงสาวพยายามที่จะขยับตัวเองนั่งให้ตรง รู้สึกอ่อนแรง
“ฉันปวดหัวจัง พาฉันกลับบ้านที” เมรันพูดอย่างยากลำบากพร้อมด้วยมือกุมศีรษะ
“คุณมี่ครับช่วยดูแลคุณเมรันให้ทีครับ” นคินทร์หันไปบอกเจ๊มี่ซึ่งยืนพยักหน้าตอบรับทั้งที่ยังไม่หายตกใจ นคินทร์ขยับตัวก้าวออกจากรถโดยให้เพื่อนสนิทของเมรันเข้ามานั่งแทน หนุ่มบอดี้การ์ดยื่นผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้เจ๊มี่เพื่อรับหน้าที่ดูแลเมรันต่อจากเขา