ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36695065 ** บทนำ ** https://ppantip.com/topic/36873802 11 ** หยั่งเชิง **
https://ppantip.com/topic/36707713 1 ** หน่วยเหยี่ยวพิฆาต ** https://ppantip.com/topic/36889820 12 ** ผู้ทรงอิทธิพล **
https://ppantip.com/topic/36722529 2 ** ลางร้าย ** https://ppantip.com/topic/36905595 13 ** ลวงให้ชิงตัว **
https://ppantip.com/topic/36739946 3 ** ตัวเชื่อมโยง ** https://ppantip.com/topic/36924993 14 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36754111 4 ** เรียกตัว ** https://ppantip.com/topic/36945317 15 ** องค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน **
https://ppantip.com/topic/36768151 5 ** พร้อมหน้า ** https://ppantip.com/topic/36974434 16 ** หายใจรดต้นคอ **
https://ppantip.com/topic/36781641 6 ** ชายชราผมดอกเลา** https://ppantip.com/topic/36992032 17 ** เจ็บปวด **
https://ppantip.com/topic/36798608 7 ** เตรียมแผนการ ** https://ppantip.com/topic/37011852 18 ** เริ่มชัดเจน **
https://ppantip.com/topic/36823217 8 ** เป็นไปตามแผน ** https://ppantip.com/topic/37036747 19 ** ระหํ่าเมือง **
https://ppantip.com/topic/36846614 9 ** พร้อมรับมือ **
https://ppantip.com/topic/36856028 10 ** ร่องรอยเรื่องราว **
20
** ต้องอยู่รอด **
สิงห์ดำเท้าแขนค่อยๆเหยียดตัวลุกยืน แม้การทรงตัวยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หัวใจเกินร้อยทะลัก ร่างสันทัดโผนเข้าหาคู่ต่อสู้ใหม่ด้วยแรงคลั่ง การต่อสู้ด้วยมือเปล่า เขาก็ได้รับการฝึกฝนมาแล้วอย่างหนักจากเซนเซองค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน ฝีมือไอ้หน้าหยกเบื้องหน้า มันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าเขามากมาย
เท้าซ้ายก้าวนำ เท้าขวาออกอาวุธใหม่
รู้สึกเจ็บแปลบ เมื่อหลังเท้าตัวเองสัมผัสเข้ากับปลายศอกอีกฝ่าย สลับเปลี่ยนเตะซ้าย แต่ก็โดนพื้นรองเท้าของมันถีบสะกัดกลับมาอีก กำปั้นซ้ายขวาจึงถึงคราวทำงาน
ซ้าย ขวา! ... ซ้าย ขวา! ... ซ้าย!
ลูกแล้วลูกเล่าที่ไม่สามมารถทะลวงการ์ดของมันได้ สิงห์ดำตวัดแบ็กคิกสองครั้งซ้อน พลาดอีก! ทำไมไอ้หน้าหยกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม หรือเป็นเพราะเขาต่างหากที่เชื่องช้าลง ถ้าอย่างนั้น... มันต้องหาเครื่องทุ่นแรงเสียแล้ว
มองเห็นท่อนสแตนเลสฉีกขาดมาจากโรลบาร์รถสองตอน สิงห์ดำกระโดดเตะอีกครั้งเพื่อเปิดทางไปหามัน ร่างโปร่งสูสีกับเขาหลบวูบออกทางขวา จังหวะนั้นเองที่เขาอาศัยม้วนตัวลงไปหาท่อนเหล็ก ความยาวเกือบเมตรและกำพอดีมือลงตัวอย่างบังเอิญ พอลุกขึ้นได้ ท่อนเหล็กสีเงินวาวก็ทำหน้าที่ของมันในทันที
โลหะในมือสะบัดวงโค้งเข้าหาคู่ต่อสู้ ถึงจะพลาดในตอนแรก แต่ก็เข้าเป้าในสองครั้งหลัง เสียงท่อนเหล็กกระทบต้นขาและแผ่นหลังไอ้หน้าหยก มันดังราวกับเขาฝึกสันมือฟันกระสอบทรายไม่มีผิด ฟังแล้วสะใจยิ่งนัก สิงห์ดำสืบเท้าเข้ากระหน่ำตีอีก คู่ต่อสู้เริ่มปิดป้องการโจมตีได้ในหลายจังหวะ แต่ถึงจะปิดได้ ความอึดก็ย่อมมีจุดสิ้นสุด แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อมันโดนนาบเข้าชายโครงด้านหนึ่งจนถึงกับผงะล้มลงไปกับพื้น สิงห์ดำขยับเข้าหา ในมือกุมด้ามโลหะเงื้อขึ้นสุดแขน เขาออกแรงฟาดลงไปยังร่างบนพื้นสุดกำลัง!
กริ๊ก ก ก ‼
เสียงโลหะสองชิ้นกระทบกันดังกังวาน ไอ้หน้าหยกยกโลหะวาวขึ้นรับการฟาดกระหน่ำ สิงห์ดำไม่รู้เหมือนกันว่าคู่ต่อสู้ล้วงมันออกมาจากซอกหลืบใด เมื่อไหร่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือเขากำลังยืนคร่อมเป็นต่อมันอยู่ต่างหาก
อาวุธโลหะในมือตวัดเป็นวงโค้งลงอีกครั้ง
เป้ง ‼
ประกายไฟแตกเปรี๊ยะทันทีที่ปลายท่อนโลหะหวดถูกพื้น ร่างของคู่ต่อสู้หลบออกได้ทันท่วงที ทำไมมันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น มันไม่ใช่แค่เพียงหมุนตัวออกด้วยซ้ำ ร่างพลิ้วไหวนั่นยังสปริงตัวขึ้นยืนอย่างน่าพิศวงอีกต่างหาก วัตถุเรียวคมในมือของมันทิ่มเข้ามา
ทำไมมันถึงรวดเร็วอย่างนั้น? ...
ฉึ่ก ‼
โลหะเรียวบางชิ้นนั้นไม่ได้รวดเร็วเพียงอย่างเดียว มันยังหนักหน่วงคมกริบอีกต่างหาก สิงห์ดำรู้สึกเหมือนมีบางอย่างสะดุดหลอดลม มันเย็นเฉียบราวกับแผ่นครีบน้ำแข็ง เขาพยายามกลืนน้ำลายดับกระหาย ทว่า ทำไมเขากลับกลืนไม่ลง? น้ำเหนียวข้นมากมายเอ่อท้นอยู่ในลำคอ แต่ทำไมเขากลืนมันลงไม่ได้
ทำไม?....
ได้ยินเสียงขวับ!ตามมา น้ำ! ใช่ น้ำซึ่งช่วยดับความกระหายพุ่งทะลักขึ้นมาจนเต็มปาก เขาได้ดื่มน้ำนั่นแล้ว...
น้ำข้นคาวจากเส้นเลือดใหญ่ในลำคอนั่นเอง‼
ร่างนั้นแน่นิ่งอยู่หน้าม่านเปลวเพลิงสีส้ม เมฆาปาดใบมีดสองคมยาวหนึ่งคืบกับแขนเสื้อแจ็คเก็ต เลือดไอ้หมาจิ้งจอกสมกับคำว่าเลือดบ้าจริงๆ รอยด่างดวงของมันเปรอะเต็มหน้าอกเสื้อของเขา หลายสะเก็ดรอยยังกระเซ็นมาถูกใบหน้าอีกด้วย
ที่พื้นเบื้องหน้านั้น เขามองเห็นของเหลวสีแดงเช้มค่อยๆแผ่วงกว้างออก กว้างออก ใต้ลำคอร่างซึ่งกำลังกระตุกแผ่วเป็นจังหวะอยู่ที่พื้น ไอ้หนุ่มหน้าหยกขออโหสิกรรมในใจกับร่างกำลังจะสิ้นลม หลายต่อหลายครั้ง ที่เขาจำเป็นต้องยุติการคุกคามด้วยการสังหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเพราะสถานการณ์ไม่เคยมีทางเลือกให้เขามากไปกว่า ต้องอยู่รอด หรือต้องตาย
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน หากไม่ยุติการต่อสู้ด้วยการฆ่า บางที เขาอาจจะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเพื่อการอยู่รอดของอีกฝ่ายก็ได้
บึ้นนน ‼
แต้มสตาร์ทเครื่องบิ๊กไบค์ขึ้นใหม่ เมฆาเก็บมีดสั้นเข้าซองใต้เสื้อ เขาเดินหาปืนคู่กายและเก็บกับซองหนังใต้รักแร้เช่นกัน หันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ก้าวไปยังรถซึ่งมีแต้มประจำตำแหน่งคนขับรออยู่
ทว่ายังไม่ทันถึงรถ
เสียงร้องสั่งของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลัง
“หยุดเดี๋ยวนี้ทั้งสองคน‼ ชูมือให้เห็นและหมอบลงกับพื้น เร๊ว‼”
ไม่ต้องหันไปมองเมฆาก็รู้แล้วว่า เจ้าของเสียงออกคำสั่งนั้นเป็นใคร? ไอ้หมอนี่น่าจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบผู้สะกดรอยตามแต้มมานั่นเอง เมฆายกสองมือขึ้น มองเห็นหลังแต้มอยู่บนอานรถไม่ไกล แต้มยกสองมือขึ้นเช่นกัน
จำได้ว่า เจ้าของเสียงข้างหลังนั้นโผล่มาที่ร้านเขาพร้อมกับกาแฟสองแก้ว มันต้องมีคู่หูมาด้วยแน่นอน และในตอนนี้มันอาจจะกำลังเตรียมพร้อมทั้งสองคนแล้วด้วย การยืนเป็นเป้านิ่งโดยหันหลังให้แบบนี้ มันไม่ต่างกับการยืนรอให้ยิงเป้าดีๆนี่เอง
ใบหน้าคมคายสะบัดกลับไปมองหลัง และดีดร่างม้วนตัวลงกับพื้นทันที!
ปัง ‼
เสียงปืนดังลั่นขึ้นหนึ่งนัด ลูกกระสุนซัดเข้ากับต้นขาซ้ายเมฆาอย่างหลบเลี่ยงไม่ทัน
แต่แล้ว
บึ้ม ‼
จู่ๆเสียงระเบิดจากซากรถสองตอนก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย น้ำมันในระบบเครื่องยนต์ถูกไฟสุมคลอกได้อุณหภูมิพอเหมาะเข้าพอดี น้ำมันและเปลวเพลิงละเอียดจึงจุดระเบิดขึ้นอีกครั้ง
ตำรวจนอกเครื่องแบบข้างซากรถกระโจนหลบในทันที จังหวะนั้น ร่างของเมฆาก็ม้วนตัวไปหารถเช่นกัน เขาก้าวกะเผลกและกระโดดด้วยแรงขาขวาขึ้นอานเบาะ
‘เครื่องยนต์ 4 สูบ 87 แรงม้า’ทะยานพรวด!ราวกับลูกธนูหลุดจากแหล่งอีกครั้ง ล้อหน้าของมันกระตุกวูบขึ้นก่อนจะลดลงกับพื้น และตะบึงเต็มเหยียดหายวับไปกับตา
สิบตำรวจโทนพดลลุกขึ้นสาดกระสุนตามหลัง
ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼
ไอ้พวกสารเลวเอ๊ยย ....
(มีต่อ)
๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 20
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** ต้องอยู่รอด **
สิงห์ดำเท้าแขนค่อยๆเหยียดตัวลุกยืน แม้การทรงตัวยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หัวใจเกินร้อยทะลัก ร่างสันทัดโผนเข้าหาคู่ต่อสู้ใหม่ด้วยแรงคลั่ง การต่อสู้ด้วยมือเปล่า เขาก็ได้รับการฝึกฝนมาแล้วอย่างหนักจากเซนเซองค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน ฝีมือไอ้หน้าหยกเบื้องหน้า มันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าเขามากมาย
เท้าซ้ายก้าวนำ เท้าขวาออกอาวุธใหม่
รู้สึกเจ็บแปลบ เมื่อหลังเท้าตัวเองสัมผัสเข้ากับปลายศอกอีกฝ่าย สลับเปลี่ยนเตะซ้าย แต่ก็โดนพื้นรองเท้าของมันถีบสะกัดกลับมาอีก กำปั้นซ้ายขวาจึงถึงคราวทำงาน
ซ้าย ขวา! ... ซ้าย ขวา! ... ซ้าย!
ลูกแล้วลูกเล่าที่ไม่สามมารถทะลวงการ์ดของมันได้ สิงห์ดำตวัดแบ็กคิกสองครั้งซ้อน พลาดอีก! ทำไมไอ้หน้าหยกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม หรือเป็นเพราะเขาต่างหากที่เชื่องช้าลง ถ้าอย่างนั้น... มันต้องหาเครื่องทุ่นแรงเสียแล้ว
มองเห็นท่อนสแตนเลสฉีกขาดมาจากโรลบาร์รถสองตอน สิงห์ดำกระโดดเตะอีกครั้งเพื่อเปิดทางไปหามัน ร่างโปร่งสูสีกับเขาหลบวูบออกทางขวา จังหวะนั้นเองที่เขาอาศัยม้วนตัวลงไปหาท่อนเหล็ก ความยาวเกือบเมตรและกำพอดีมือลงตัวอย่างบังเอิญ พอลุกขึ้นได้ ท่อนเหล็กสีเงินวาวก็ทำหน้าที่ของมันในทันที
โลหะในมือสะบัดวงโค้งเข้าหาคู่ต่อสู้ ถึงจะพลาดในตอนแรก แต่ก็เข้าเป้าในสองครั้งหลัง เสียงท่อนเหล็กกระทบต้นขาและแผ่นหลังไอ้หน้าหยก มันดังราวกับเขาฝึกสันมือฟันกระสอบทรายไม่มีผิด ฟังแล้วสะใจยิ่งนัก สิงห์ดำสืบเท้าเข้ากระหน่ำตีอีก คู่ต่อสู้เริ่มปิดป้องการโจมตีได้ในหลายจังหวะ แต่ถึงจะปิดได้ ความอึดก็ย่อมมีจุดสิ้นสุด แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อมันโดนนาบเข้าชายโครงด้านหนึ่งจนถึงกับผงะล้มลงไปกับพื้น สิงห์ดำขยับเข้าหา ในมือกุมด้ามโลหะเงื้อขึ้นสุดแขน เขาออกแรงฟาดลงไปยังร่างบนพื้นสุดกำลัง!
กริ๊ก ก ก ‼
เสียงโลหะสองชิ้นกระทบกันดังกังวาน ไอ้หน้าหยกยกโลหะวาวขึ้นรับการฟาดกระหน่ำ สิงห์ดำไม่รู้เหมือนกันว่าคู่ต่อสู้ล้วงมันออกมาจากซอกหลืบใด เมื่อไหร่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือเขากำลังยืนคร่อมเป็นต่อมันอยู่ต่างหาก
อาวุธโลหะในมือตวัดเป็นวงโค้งลงอีกครั้ง
เป้ง ‼
ประกายไฟแตกเปรี๊ยะทันทีที่ปลายท่อนโลหะหวดถูกพื้น ร่างของคู่ต่อสู้หลบออกได้ทันท่วงที ทำไมมันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น มันไม่ใช่แค่เพียงหมุนตัวออกด้วยซ้ำ ร่างพลิ้วไหวนั่นยังสปริงตัวขึ้นยืนอย่างน่าพิศวงอีกต่างหาก วัตถุเรียวคมในมือของมันทิ่มเข้ามา ทำไมมันถึงรวดเร็วอย่างนั้น? ...
ฉึ่ก ‼
โลหะเรียวบางชิ้นนั้นไม่ได้รวดเร็วเพียงอย่างเดียว มันยังหนักหน่วงคมกริบอีกต่างหาก สิงห์ดำรู้สึกเหมือนมีบางอย่างสะดุดหลอดลม มันเย็นเฉียบราวกับแผ่นครีบน้ำแข็ง เขาพยายามกลืนน้ำลายดับกระหาย ทว่า ทำไมเขากลับกลืนไม่ลง? น้ำเหนียวข้นมากมายเอ่อท้นอยู่ในลำคอ แต่ทำไมเขากลืนมันลงไม่ได้ ทำไม?....
ได้ยินเสียงขวับ!ตามมา น้ำ! ใช่ น้ำซึ่งช่วยดับความกระหายพุ่งทะลักขึ้นมาจนเต็มปาก เขาได้ดื่มน้ำนั่นแล้ว...
น้ำข้นคาวจากเส้นเลือดใหญ่ในลำคอนั่นเอง‼
ร่างนั้นแน่นิ่งอยู่หน้าม่านเปลวเพลิงสีส้ม เมฆาปาดใบมีดสองคมยาวหนึ่งคืบกับแขนเสื้อแจ็คเก็ต เลือดไอ้หมาจิ้งจอกสมกับคำว่าเลือดบ้าจริงๆ รอยด่างดวงของมันเปรอะเต็มหน้าอกเสื้อของเขา หลายสะเก็ดรอยยังกระเซ็นมาถูกใบหน้าอีกด้วย
ที่พื้นเบื้องหน้านั้น เขามองเห็นของเหลวสีแดงเช้มค่อยๆแผ่วงกว้างออก กว้างออก ใต้ลำคอร่างซึ่งกำลังกระตุกแผ่วเป็นจังหวะอยู่ที่พื้น ไอ้หนุ่มหน้าหยกขออโหสิกรรมในใจกับร่างกำลังจะสิ้นลม หลายต่อหลายครั้ง ที่เขาจำเป็นต้องยุติการคุกคามด้วยการสังหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเพราะสถานการณ์ไม่เคยมีทางเลือกให้เขามากไปกว่า ต้องอยู่รอด หรือต้องตาย
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน หากไม่ยุติการต่อสู้ด้วยการฆ่า บางที เขาอาจจะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเพื่อการอยู่รอดของอีกฝ่ายก็ได้
บึ้นนน ‼
แต้มสตาร์ทเครื่องบิ๊กไบค์ขึ้นใหม่ เมฆาเก็บมีดสั้นเข้าซองใต้เสื้อ เขาเดินหาปืนคู่กายและเก็บกับซองหนังใต้รักแร้เช่นกัน หันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ก้าวไปยังรถซึ่งมีแต้มประจำตำแหน่งคนขับรออยู่
ทว่ายังไม่ทันถึงรถ
เสียงร้องสั่งของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลัง
“หยุดเดี๋ยวนี้ทั้งสองคน‼ ชูมือให้เห็นและหมอบลงกับพื้น เร๊ว‼”
ไม่ต้องหันไปมองเมฆาก็รู้แล้วว่า เจ้าของเสียงออกคำสั่งนั้นเป็นใคร? ไอ้หมอนี่น่าจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบผู้สะกดรอยตามแต้มมานั่นเอง เมฆายกสองมือขึ้น มองเห็นหลังแต้มอยู่บนอานรถไม่ไกล แต้มยกสองมือขึ้นเช่นกัน
จำได้ว่า เจ้าของเสียงข้างหลังนั้นโผล่มาที่ร้านเขาพร้อมกับกาแฟสองแก้ว มันต้องมีคู่หูมาด้วยแน่นอน และในตอนนี้มันอาจจะกำลังเตรียมพร้อมทั้งสองคนแล้วด้วย การยืนเป็นเป้านิ่งโดยหันหลังให้แบบนี้ มันไม่ต่างกับการยืนรอให้ยิงเป้าดีๆนี่เอง
ใบหน้าคมคายสะบัดกลับไปมองหลัง และดีดร่างม้วนตัวลงกับพื้นทันที!
ปัง ‼
เสียงปืนดังลั่นขึ้นหนึ่งนัด ลูกกระสุนซัดเข้ากับต้นขาซ้ายเมฆาอย่างหลบเลี่ยงไม่ทัน
แต่แล้ว
บึ้ม ‼
จู่ๆเสียงระเบิดจากซากรถสองตอนก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย น้ำมันในระบบเครื่องยนต์ถูกไฟสุมคลอกได้อุณหภูมิพอเหมาะเข้าพอดี น้ำมันและเปลวเพลิงละเอียดจึงจุดระเบิดขึ้นอีกครั้ง
ตำรวจนอกเครื่องแบบข้างซากรถกระโจนหลบในทันที จังหวะนั้น ร่างของเมฆาก็ม้วนตัวไปหารถเช่นกัน เขาก้าวกะเผลกและกระโดดด้วยแรงขาขวาขึ้นอานเบาะ
‘เครื่องยนต์ 4 สูบ 87 แรงม้า’ทะยานพรวด!ราวกับลูกธนูหลุดจากแหล่งอีกครั้ง ล้อหน้าของมันกระตุกวูบขึ้นก่อนจะลดลงกับพื้น และตะบึงเต็มเหยียดหายวับไปกับตา
สิบตำรวจโทนพดลลุกขึ้นสาดกระสุนตามหลัง
ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼
ไอ้พวกสารเลวเอ๊ยย ....
(มีต่อ)