ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36695065 ** บทนำ ** https://ppantip.com/topic/36873802 11 ** หยั่งเชิง **
https://ppantip.com/topic/36707713 1 ** หน่วยเหยี่ยวพิฆาต ** https://ppantip.com/topic/36889820 12 ** ผู้ทรงอิทธิพล **
https://ppantip.com/topic/36722529 2 ** ลางร้าย ** https://ppantip.com/topic/36905595 13 ** ลวงให้ชิงตัว **
https://ppantip.com/topic/36739946 3 ** ตัวเชื่อมโยง ** https://ppantip.com/topic/36924993 14 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36754111 4 ** เรียกตัว ** https://ppantip.com/topic/36945317 15 ** องค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน **
https://ppantip.com/topic/36768151 5 ** พร้อมหน้า ** https://ppantip.com/topic/36974434 16 ** หายใจรดต้นคอ **
https://ppantip.com/topic/36781641 6 ** ชายชราผมดอกเลา** https://ppantip.com/topic/36992032 17 ** เจ็บปวด **
https://ppantip.com/topic/36798608 7 ** เตรียมแผนการ **
https://ppantip.com/topic/36823217 8 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36846614 9 ** พร้อมรับมือ **
https://ppantip.com/topic/36856028 10 ** ร่องรอยเรื่องราว **
18
** เริ่มชัดเจน **
ก่อนฟ้าเปิดแสงรับรุ่งอรุณ
จามรเป็นคนขับรถพาเมฆามายังปากทางแยกแห่งหนึ่ง เขาจอดรถริมถนน ก้าวลงไปตรวจสถานการณ์เบื้องต้นคนเดียว ถนนเล็กซึ่งแยกซ้ายเข้าไปมีบ้านพักอาศัยไม่กี่หลัง บ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ท้ายสุดกำลังส่งสัญญาณ‘จีพีเอส’ให้ทราบตำแหน่ง ผู้พันร่างสูงซูมจอโทรศัพท์เช็กเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง บ้านหลังนี้คือ‘เป้าหมาย’ของเขาและเมฆานั่นเอง
ขั้นตอนที่หนึ่งเริ่มขึ้น เมื่อเขากลับมาที่รถและเมฆาเป็นฝ่ายลงจากรถไป
ชายหนุ่มในชุดกลมกลืนกับความรางเลาตรงดิ่งเข้าหาเสาไฟฟ้าคอนกรีต เขาเสียบเหล็กเส้นและไต่ขึ้นเสาตรงมุมทางแยกอย่างคล่องแคล่ว แล้วไปหยุดที่ข้างกล่องเหล็กขนาดคอมเพรสเซอร์แอร์บนเสาไฟ
เมฆาปลดเป้ข้างหลังขึ้นมาวางบนหลังตู้ ใช้เชือกโอบทั้งตัวเองและเสาพอให้โยกตัวได้ เครื่องมือสารพันถูกนำออกมาเรียงรายพร้อมทำงาน ‘ตู้หม้อแปลงขยายเขต’ซึ่งส่งเมนไฟฟ้าไปยัง‘บ้านเป้าหมาย’ถูกแงะเปิดฝา แล้วเมฆาก็เริ่มลงมือกับภารกิจ
ขณะที่ใจจดใจจ่ออยู่กับงาน ใบหน้าหวานเศร้าของผู้หญิงคนหนึ่งแวบเข้ามาในสมาธิ เมฆาถอนหายใจยาวเมื่อคิดได้ว่าวันนี้เขาคงไม่ได้เจอหน้าเธอเสียแล้ว ...
ขอโทษด้วยครับคุณเชอรี่ เป็นเพราะเขาต้องตามมาเก็บตกในแผนการที่วางไว้นั่นเอง
ชายหนุ่มใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จสิ้นกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์บางอย่างในตู้ เครื่องมือถูกเก็บลงเป้ก่อนคล้องกับสองไหล่อีกครั้ง สองมือเหนี่ยวกับปลายเหล็กเส้นซึ่งตัวเองใช้เสียบทะลุเสาคอนกรีต ในขณะสองเท้าหย่อนลงไปหาท่อนข้างล่างทีละช่วง พอขยับลงมาได้แค่สองช่วงตัว เสียงจากเอียร์โฟนในหูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“เดี๋ยวก่อนเมฆา มีรถกำลังมาคันหนึ่ง” ผู้พันจามรเตือน
เมฆาหยุดหย่อนเท้า แนบตัวเบียดติดเสาไฟฟ้า แม้เสาจะเล็กและบังไม่สนิท แต่ความสลัวก็ยังพอช่วยให้ปลอดจากการมองเห็น ตามสภาวะปกตินั้น เวลานี้ไม่ใช่เวลาขับรถกินลมชมวิวของใครหน้าไหนอยู่แล้ว เมฆามองเห็นโคมไฟหน้ารถคันหนึ่งวิ่งมา และค่อยๆผ่านรถผู้พันจามรไปโดยไม่มีอาการผิดสังเกต ผู้พันของเขาถดตัวลงกับเบาะคนขับขณะรถคันนั้นวิ่งผ่าน
แสงโคมไฟผ่านเลยไปด้วยดี ทุกสิ่งกลับคืนมาเป็นปกติ เมฆาไต่ลงตามปลายเหล็กเส้นท่อนใหม่ ..และท่อนใหม่ เขาถอดเก็บพวกมันติดมือลงเป้จนกระทั่งเท้าแตะพื้น รถสี่ประตูสีบรอนซ์ของผู้พันครางเสียงดังขึ้นก่อนจะวิ่งเข้ามารับ
“เรียบร้อยครับ” เขาเอ่ยบอกชายร่างใหญ่เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย
“ทำเวลาได้ดีมากแม้จะชะงักกับไอ้รถบ้านั่น ทีนี้.. เราไปขั้นตอนที่สองกัน” แล้วผู้พันก็เคลื่อนรถออกจากที่
ใช้เวลาอีกสิบห้านาที ชายหนุ่มต่างวัยกับรถกระบะสองตอนก็มาถึง
‘การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอบางละมุง’ แม้แสงรำไรเริ่มฉาบท้องฟ้าแล้ว แต่ไม่มีปัญหาสำหรับเมฆา เขาลงจากรถผู้พัน หลบยามผู้สัปหงกในป้อมประตูหน้าอ้อมเข้ารั้วโปร่งด้านข้างแล้วมุ่งตรงสู่รถสีส้มสองคันหน้าหน่วยซ่อมบำรุง เจ้าสี่ล้อสีส้มคล้ายรถสองแถวติดตาข่ายนั้น มีตัวหนังสือโชว์หราข้างตัวรถว่า
‘ตรวจเช็ก~ซ่อมกระแสไฟฟ้าขัดข้อง’
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที เมฆาก็มุดออกมาจากใต้ท้องรถและเดินกลับทางเดิมไปขึ้นรถผู้พันจามรที่จอดเยื้องอยู่กับประตูหน้าสำนักงานการไฟฟ้าอำเภอบางละมุง เขารายงานภารกิจเบาๆ “ขั้นตอนที่สองเรียบร้อยครับ”
รถสี่ประตูออกตัวอีกครั้ง “งั้นก็กลับไปรอเวลาที่บ้านกัน”
ผู้พันจามรพารถมุ่งออกสู่ถนนสุขุมวิทอีกครั้ง
‘ปรางค์ทิพย์’เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งที่ห้าก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานต่อ เวลาขณะนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว ตั้งแต่ตัวเองลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวมายังห้องทำงาน เธอยังไม่อยากรบกวนใคร จำได้ว่าลูกน้องออกไปหาข่าวและกลับมากันตอนตีสี่ทั้งสามคน มีนพดลคนเดียวที่เฝ้าห้องนี้ด้วยการจัดเก็บข้อมูลเข้าไฟล์ให้เธอตรวจสอบและจัดเตรียมแผนงาน ตอนนี้ ทุกคนคงยังหลับไหลด้วยความเหน็ดเหนื่อย เธอจึงไม่อยากเรียกใครให้ลุก
แต่สำหรับนายตำรวจหนุ่มหรือ‘พี่ทัศนัย’ของเธอแล้ว ปรางค์ทิพย์เผลอโทรไปปลุกเขาเมื่อตอนสิบนาทีที่แล้วนี่เอง
ความร้อนใจในส่วนเกี่ยวโยงระหว่างไอ้มดซิ่งกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะต้องปรึกษาเจ้าของคดีโดยตรง พี่ทัศนัยเป็นคนบอกว่า เขากำลังติดตามขบวนการค้ายาระดับประเทศกลุ่มหนึ่งอยู่ และคนพวกนี้ก็คือกลุ่มซึ่งเขาบุกเข้าทลายที่โกดังคลองเตยนั่นเอง ไอ้มดซิ่งเจ้าของต่างหูที่เธอได้เบาะแสมาแค่นั้นเป็นหนึ่งในขบวนการนี้ ซึ่งเธอก็ได้หลักฐานชัดเจนสำหรับคดีตัวเองแล้วเช่นกันว่า ไอ้เด็กตี๋หรือไอ้มดซิ่งหรือแต้ม คือคนขับรถนำ‘ทีมสังหาร’เข้าไปก่อคดีอุกฉกรรจ์ในผับกลางกรุงด้วยเช่นกัน
ไอ้มดซิ่งเกี่ยวข้องกับคดีของพี่ทัศนัย และเกี่ยวข้องกับคดีของเธออีกต่างหาก
สายตาของผู้กองสาวเพ่งพินิจอยู่หน้าจอกับข้อมูลสองบริษัท หุ้นส่วนกรรมการทั้งสองบริษัทไม่มีส่วนเชื่อมโยงกัน บริษัทจิวเวลรี่มีกรรมการเป็นเครือญาติกันทั้งหมด แต่บริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลกลับไม่มีใครเกี่ยวดองกันแม้แต่คนเดียว และข้อมูลจากชื่อหรือนามสกุลก็ไม่มีการข้ามฟากไปเกี่ยงดองกันแต่อย่างใด สิ่งที่เธอสังหรณ์ใจว่าสองบริษัทนี้อาจจะเชื่อมโยงกัน จึงไม่ได้เป็นไปตามคาด
ปรางค์ทิพย์กลับมาที่คำถามหลักคาใจอีกครั้ง ทำไมรถของบริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลต้องสะกดรอยตามเธอ ในเมื่อเธอและลูกน้องเพิ่งเหยียบย่างเข้ามาในเมืองพัทยาได้ไม่กี่วัน และที่สำคัญ บริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพอีกต่างหาก
อ้อ เจอข้อมูลนี้แล้ว.... ปรางค์ทิพย์สะดุดเม้าส์กับรายละเอียดบางอย่าง
บริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตมีสาขาที่เมืองพัทยาด้วย บริษัทสาขาแห่งนี้เป็นฝ่ายจัดซื้อจัดหาอาหารทะเลสดส่งเข้าสำนักงานใหญ่อีกที
แล้วคนของบริษัทนี้ตามตัวเธอทำไม?
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผู้กองสาวหันไปมอง และพอเธออนุญาต นายตำรวจหนุ่มในชุดลำลองนอกเครื่องแบบก็โผล่เข้ามาพร้อมกับกาแฟร้อนยี่ห้อดังสองแก้วพลาสติก เขาเดินมานั่งลงกับเก้าอี้อีกตัวข้างๆ ปรางค์ทิพย์ขอบคุณและทำมือบอกเขาว่านี่แก้วที่สองแล้ว เขายิ้มทำตาโต “งั้นแก้วนี้ขอให้เป็นแก้วสุดท้ายสำหรับวันนี้นะ”
เธอทำตาโตบ้าง “ออกคำสั่งแต่เช้าเลย”
“ไม่ได้สั่ง ขอร้องต่างหาก”
“ค่ะ งั้นขอเก็บไว้กินตอนเย็นแล้วกัน”
“อื้อฮึ...” เขาแปลกใจกับคำพูดของเธอ “วันนี้อารมณ์ดีแต่เช้าเชียว ดีใจนะที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ เคยได้ยินแต่คำพูดเอาจริงเอาจังตลอด พอได้ยินแบบนี้รู้สึกปลอดโปร่งจัง”
“แหม.....แขวะจนได้” เธอว่า “ปลอดโปร่งเพราะได้หลับเต็มที่มั้งคะ”
พี่ทัศนัยหัวเราะ เขาพยักหน้าก่อนเปิดฝายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ กลิ่นหอมละมุนของเอสเพรสโซ่โชยฟุ้งไปรอบห้องกล่องเค้ก
“กำลังดูอะไรอยู่เหรอ” ถามพร้อมกับโน้มตัวไปหาจอคอมพิวเตอร์จนแก้มเกือบติดต้นแขนของเธอ
“กำลังเช็กตัวตนบริษัทนี้อยู่ค่ะ” ปรางค์ทิพย์เบนใบหน้าสวยกลับไปทางจอมอนิเตอร์ เธอสัมผัสได้กับไออุ่นบางเบาซึ่งผสมผสานมากับกลิ่นโคโลญหอมเจือจางจากเขา
หญิงสาวลอบสูดลมหายใจด้วยความสดชื่น “รถที่สะกดรอยปรางค์เมื่อวาน เป็นรถของบริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตซึ่งคุ้นชื่อนี้ยังไงก็ไม่รู้ เรื่องนี้ปรางค์ถึงได้เรียกพี่ทัศนัยมาขอคำปรึกษาไง”
“บริษัทอะไรนะ?” พี่ทัศนัยคล้ายกับเอะใจ ปรางค์ทิพย์อ่านชื่อนั้นให้ฟังอีกรอบ
“แฟรชไดร์ฟที่พี่ให้น้องปรางค์เมื่อวานยังอยู่ไหม”
“อยู่นี่ค่ะ” ผู้กองคนสวยเปิดลิ้นชักหยิบสิ่งนั้นให้ชายหนุ่ม “แสดงว่าไอ้เจ้าบริษัทนี่อยู่ในนี้ใช่มั๊ยคะ”
“ใช่”
“โธ่เอ๊ย...ปรางค์ก็ลืมไอ้เจ้านี่ไป ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้ๆนี่เอง”
พี่ทัศนัยเงียบไป เขาแทรกเข้านั่งตรงๆกับจอ จัดการเสียบแฟลชไดร์ฟและเรียกไฟล์หนึ่งขึ้นมา ปรางค์ทิพย์มองเห็นชื่อบริษัทเอ็มซีซีบนหัวในโปรแกรมเวิร์ดหน้าแรก อักษรเรียงรายเป็นพรืดตามมามีการเน้นสีที่ข้อความสำคัญให้เห็นเป็นระยะ นายตำรวจหนุ่มคล้ายกับไล่หาบรรทัดต้องการกลับไปกลับมา จนในที่สุดก็มาหยุดเอาที่บรรทัดหนึ่งซึ่งเน้นตัวอักษรสีแดงไว้อย่างชัดเจน
‘นายพายัพ บุรัญพงษ์ ผู้จัดการบริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตจำกัด สาขาเมืองพัทยา’
(มีต่อ)
๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 18
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** เริ่มชัดเจน **
ก่อนฟ้าเปิดแสงรับรุ่งอรุณ
จามรเป็นคนขับรถพาเมฆามายังปากทางแยกแห่งหนึ่ง เขาจอดรถริมถนน ก้าวลงไปตรวจสถานการณ์เบื้องต้นคนเดียว ถนนเล็กซึ่งแยกซ้ายเข้าไปมีบ้านพักอาศัยไม่กี่หลัง บ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ท้ายสุดกำลังส่งสัญญาณ‘จีพีเอส’ให้ทราบตำแหน่ง ผู้พันร่างสูงซูมจอโทรศัพท์เช็กเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง บ้านหลังนี้คือ‘เป้าหมาย’ของเขาและเมฆานั่นเอง
ขั้นตอนที่หนึ่งเริ่มขึ้น เมื่อเขากลับมาที่รถและเมฆาเป็นฝ่ายลงจากรถไป
ชายหนุ่มในชุดกลมกลืนกับความรางเลาตรงดิ่งเข้าหาเสาไฟฟ้าคอนกรีต เขาเสียบเหล็กเส้นและไต่ขึ้นเสาตรงมุมทางแยกอย่างคล่องแคล่ว แล้วไปหยุดที่ข้างกล่องเหล็กขนาดคอมเพรสเซอร์แอร์บนเสาไฟ
เมฆาปลดเป้ข้างหลังขึ้นมาวางบนหลังตู้ ใช้เชือกโอบทั้งตัวเองและเสาพอให้โยกตัวได้ เครื่องมือสารพันถูกนำออกมาเรียงรายพร้อมทำงาน ‘ตู้หม้อแปลงขยายเขต’ซึ่งส่งเมนไฟฟ้าไปยัง‘บ้านเป้าหมาย’ถูกแงะเปิดฝา แล้วเมฆาก็เริ่มลงมือกับภารกิจ
ขณะที่ใจจดใจจ่ออยู่กับงาน ใบหน้าหวานเศร้าของผู้หญิงคนหนึ่งแวบเข้ามาในสมาธิ เมฆาถอนหายใจยาวเมื่อคิดได้ว่าวันนี้เขาคงไม่ได้เจอหน้าเธอเสียแล้ว ...ขอโทษด้วยครับคุณเชอรี่ เป็นเพราะเขาต้องตามมาเก็บตกในแผนการที่วางไว้นั่นเอง
ชายหนุ่มใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จสิ้นกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์บางอย่างในตู้ เครื่องมือถูกเก็บลงเป้ก่อนคล้องกับสองไหล่อีกครั้ง สองมือเหนี่ยวกับปลายเหล็กเส้นซึ่งตัวเองใช้เสียบทะลุเสาคอนกรีต ในขณะสองเท้าหย่อนลงไปหาท่อนข้างล่างทีละช่วง พอขยับลงมาได้แค่สองช่วงตัว เสียงจากเอียร์โฟนในหูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“เดี๋ยวก่อนเมฆา มีรถกำลังมาคันหนึ่ง” ผู้พันจามรเตือน
เมฆาหยุดหย่อนเท้า แนบตัวเบียดติดเสาไฟฟ้า แม้เสาจะเล็กและบังไม่สนิท แต่ความสลัวก็ยังพอช่วยให้ปลอดจากการมองเห็น ตามสภาวะปกตินั้น เวลานี้ไม่ใช่เวลาขับรถกินลมชมวิวของใครหน้าไหนอยู่แล้ว เมฆามองเห็นโคมไฟหน้ารถคันหนึ่งวิ่งมา และค่อยๆผ่านรถผู้พันจามรไปโดยไม่มีอาการผิดสังเกต ผู้พันของเขาถดตัวลงกับเบาะคนขับขณะรถคันนั้นวิ่งผ่าน
แสงโคมไฟผ่านเลยไปด้วยดี ทุกสิ่งกลับคืนมาเป็นปกติ เมฆาไต่ลงตามปลายเหล็กเส้นท่อนใหม่ ..และท่อนใหม่ เขาถอดเก็บพวกมันติดมือลงเป้จนกระทั่งเท้าแตะพื้น รถสี่ประตูสีบรอนซ์ของผู้พันครางเสียงดังขึ้นก่อนจะวิ่งเข้ามารับ
“เรียบร้อยครับ” เขาเอ่ยบอกชายร่างใหญ่เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย
“ทำเวลาได้ดีมากแม้จะชะงักกับไอ้รถบ้านั่น ทีนี้.. เราไปขั้นตอนที่สองกัน” แล้วผู้พันก็เคลื่อนรถออกจากที่
ใช้เวลาอีกสิบห้านาที ชายหนุ่มต่างวัยกับรถกระบะสองตอนก็มาถึง‘การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอบางละมุง’ แม้แสงรำไรเริ่มฉาบท้องฟ้าแล้ว แต่ไม่มีปัญหาสำหรับเมฆา เขาลงจากรถผู้พัน หลบยามผู้สัปหงกในป้อมประตูหน้าอ้อมเข้ารั้วโปร่งด้านข้างแล้วมุ่งตรงสู่รถสีส้มสองคันหน้าหน่วยซ่อมบำรุง เจ้าสี่ล้อสีส้มคล้ายรถสองแถวติดตาข่ายนั้น มีตัวหนังสือโชว์หราข้างตัวรถว่า‘ตรวจเช็ก~ซ่อมกระแสไฟฟ้าขัดข้อง’
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที เมฆาก็มุดออกมาจากใต้ท้องรถและเดินกลับทางเดิมไปขึ้นรถผู้พันจามรที่จอดเยื้องอยู่กับประตูหน้าสำนักงานการไฟฟ้าอำเภอบางละมุง เขารายงานภารกิจเบาๆ “ขั้นตอนที่สองเรียบร้อยครับ”
รถสี่ประตูออกตัวอีกครั้ง “งั้นก็กลับไปรอเวลาที่บ้านกัน”
ผู้พันจามรพารถมุ่งออกสู่ถนนสุขุมวิทอีกครั้ง
‘ปรางค์ทิพย์’เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งที่ห้าก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานต่อ เวลาขณะนี้เจ็ดโมงครึ่งแล้ว ตั้งแต่ตัวเองลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวมายังห้องทำงาน เธอยังไม่อยากรบกวนใคร จำได้ว่าลูกน้องออกไปหาข่าวและกลับมากันตอนตีสี่ทั้งสามคน มีนพดลคนเดียวที่เฝ้าห้องนี้ด้วยการจัดเก็บข้อมูลเข้าไฟล์ให้เธอตรวจสอบและจัดเตรียมแผนงาน ตอนนี้ ทุกคนคงยังหลับไหลด้วยความเหน็ดเหนื่อย เธอจึงไม่อยากเรียกใครให้ลุก
แต่สำหรับนายตำรวจหนุ่มหรือ‘พี่ทัศนัย’ของเธอแล้ว ปรางค์ทิพย์เผลอโทรไปปลุกเขาเมื่อตอนสิบนาทีที่แล้วนี่เอง
ความร้อนใจในส่วนเกี่ยวโยงระหว่างไอ้มดซิ่งกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะต้องปรึกษาเจ้าของคดีโดยตรง พี่ทัศนัยเป็นคนบอกว่า เขากำลังติดตามขบวนการค้ายาระดับประเทศกลุ่มหนึ่งอยู่ และคนพวกนี้ก็คือกลุ่มซึ่งเขาบุกเข้าทลายที่โกดังคลองเตยนั่นเอง ไอ้มดซิ่งเจ้าของต่างหูที่เธอได้เบาะแสมาแค่นั้นเป็นหนึ่งในขบวนการนี้ ซึ่งเธอก็ได้หลักฐานชัดเจนสำหรับคดีตัวเองแล้วเช่นกันว่า ไอ้เด็กตี๋หรือไอ้มดซิ่งหรือแต้ม คือคนขับรถนำ‘ทีมสังหาร’เข้าไปก่อคดีอุกฉกรรจ์ในผับกลางกรุงด้วยเช่นกัน
ไอ้มดซิ่งเกี่ยวข้องกับคดีของพี่ทัศนัย และเกี่ยวข้องกับคดีของเธออีกต่างหาก
สายตาของผู้กองสาวเพ่งพินิจอยู่หน้าจอกับข้อมูลสองบริษัท หุ้นส่วนกรรมการทั้งสองบริษัทไม่มีส่วนเชื่อมโยงกัน บริษัทจิวเวลรี่มีกรรมการเป็นเครือญาติกันทั้งหมด แต่บริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลกลับไม่มีใครเกี่ยวดองกันแม้แต่คนเดียว และข้อมูลจากชื่อหรือนามสกุลก็ไม่มีการข้ามฟากไปเกี่ยงดองกันแต่อย่างใด สิ่งที่เธอสังหรณ์ใจว่าสองบริษัทนี้อาจจะเชื่อมโยงกัน จึงไม่ได้เป็นไปตามคาด
ปรางค์ทิพย์กลับมาที่คำถามหลักคาใจอีกครั้ง ทำไมรถของบริษัทนำเข้าและส่งออกอาหารทะเลต้องสะกดรอยตามเธอ ในเมื่อเธอและลูกน้องเพิ่งเหยียบย่างเข้ามาในเมืองพัทยาได้ไม่กี่วัน และที่สำคัญ บริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพอีกต่างหาก
อ้อ เจอข้อมูลนี้แล้ว.... ปรางค์ทิพย์สะดุดเม้าส์กับรายละเอียดบางอย่าง
บริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตมีสาขาที่เมืองพัทยาด้วย บริษัทสาขาแห่งนี้เป็นฝ่ายจัดซื้อจัดหาอาหารทะเลสดส่งเข้าสำนักงานใหญ่อีกที
แล้วคนของบริษัทนี้ตามตัวเธอทำไม?
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผู้กองสาวหันไปมอง และพอเธออนุญาต นายตำรวจหนุ่มในชุดลำลองนอกเครื่องแบบก็โผล่เข้ามาพร้อมกับกาแฟร้อนยี่ห้อดังสองแก้วพลาสติก เขาเดินมานั่งลงกับเก้าอี้อีกตัวข้างๆ ปรางค์ทิพย์ขอบคุณและทำมือบอกเขาว่านี่แก้วที่สองแล้ว เขายิ้มทำตาโต “งั้นแก้วนี้ขอให้เป็นแก้วสุดท้ายสำหรับวันนี้นะ”
เธอทำตาโตบ้าง “ออกคำสั่งแต่เช้าเลย”
“ไม่ได้สั่ง ขอร้องต่างหาก”
“ค่ะ งั้นขอเก็บไว้กินตอนเย็นแล้วกัน”
“อื้อฮึ...” เขาแปลกใจกับคำพูดของเธอ “วันนี้อารมณ์ดีแต่เช้าเชียว ดีใจนะที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ เคยได้ยินแต่คำพูดเอาจริงเอาจังตลอด พอได้ยินแบบนี้รู้สึกปลอดโปร่งจัง”
“แหม.....แขวะจนได้” เธอว่า “ปลอดโปร่งเพราะได้หลับเต็มที่มั้งคะ”
พี่ทัศนัยหัวเราะ เขาพยักหน้าก่อนเปิดฝายกแก้วกาแฟขึ้นจิบ กลิ่นหอมละมุนของเอสเพรสโซ่โชยฟุ้งไปรอบห้องกล่องเค้ก
“กำลังดูอะไรอยู่เหรอ” ถามพร้อมกับโน้มตัวไปหาจอคอมพิวเตอร์จนแก้มเกือบติดต้นแขนของเธอ
“กำลังเช็กตัวตนบริษัทนี้อยู่ค่ะ” ปรางค์ทิพย์เบนใบหน้าสวยกลับไปทางจอมอนิเตอร์ เธอสัมผัสได้กับไออุ่นบางเบาซึ่งผสมผสานมากับกลิ่นโคโลญหอมเจือจางจากเขา
หญิงสาวลอบสูดลมหายใจด้วยความสดชื่น “รถที่สะกดรอยปรางค์เมื่อวาน เป็นรถของบริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตซึ่งคุ้นชื่อนี้ยังไงก็ไม่รู้ เรื่องนี้ปรางค์ถึงได้เรียกพี่ทัศนัยมาขอคำปรึกษาไง”
“บริษัทอะไรนะ?” พี่ทัศนัยคล้ายกับเอะใจ ปรางค์ทิพย์อ่านชื่อนั้นให้ฟังอีกรอบ
“แฟรชไดร์ฟที่พี่ให้น้องปรางค์เมื่อวานยังอยู่ไหม”
“อยู่นี่ค่ะ” ผู้กองคนสวยเปิดลิ้นชักหยิบสิ่งนั้นให้ชายหนุ่ม “แสดงว่าไอ้เจ้าบริษัทนี่อยู่ในนี้ใช่มั๊ยคะ”
“ใช่”
“โธ่เอ๊ย...ปรางค์ก็ลืมไอ้เจ้านี่ไป ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้ๆนี่เอง”
พี่ทัศนัยเงียบไป เขาแทรกเข้านั่งตรงๆกับจอ จัดการเสียบแฟลชไดร์ฟและเรียกไฟล์หนึ่งขึ้นมา ปรางค์ทิพย์มองเห็นชื่อบริษัทเอ็มซีซีบนหัวในโปรแกรมเวิร์ดหน้าแรก อักษรเรียงรายเป็นพรืดตามมามีการเน้นสีที่ข้อความสำคัญให้เห็นเป็นระยะ นายตำรวจหนุ่มคล้ายกับไล่หาบรรทัดต้องการกลับไปกลับมา จนในที่สุดก็มาหยุดเอาที่บรรทัดหนึ่งซึ่งเน้นตัวอักษรสีแดงไว้อย่างชัดเจน
‘นายพายัพ บุรัญพงษ์ ผู้จัดการบริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ตจำกัด สาขาเมืองพัทยา’
(มีต่อ)