ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36695065 ** บทนำ ** https://ppantip.com/topic/36873802 11 ** หยั่งเชิง **
https://ppantip.com/topic/36707713 1 ** หน่วยเหยี่ยวพิฆาต ** https://ppantip.com/topic/36889820 12 ** ผู้ทรงอิทธิพล **
https://ppantip.com/topic/36722529 2 ** ลางร้าย ** https://ppantip.com/topic/36905595 13 ** ลวงให้ชิงตัว **
https://ppantip.com/topic/36739946 3 ** ตัวเชื่อมโยง ** https://ppantip.com/topic/36924993 14 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36754111 4 ** เรียกตัว **
https://ppantip.com/topic/36768151 5 ** พร้อมหน้า **
https://ppantip.com/topic/36781641 6 ** ชายชราผมดอกเลา**
https://ppantip.com/topic/36798608 7 ** เตรียมแผนการ **
https://ppantip.com/topic/36823217 8 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36846614 9 ** พร้อมรับมือ **
https://ppantip.com/topic/36856028 10 ** ร่องรอยเรื่องราว **
15
** องค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน **
“เธอเป็นตำรวจครับ คุณพายัพ”
ภาพถ่ายหญิงสาวบนโต๊ะตรงหน้า ทำให้
‘พายัพ’ต้องหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ความรู้สึกแรกบอกเขาว่า คนในภาพเป็นผู้หญิงสาวสวยสะดุดตาผู้ชายทุกคนหากได้พบเห็น ความรู้สึกซึ่งไม่ค่อยได้เห็นจากผู้หญิงธรรมดาทั่วไปอีกสิ่งหนึ่ง คือแววตาซึ่งฉายชัดถึงความเอาจริงเอาจังในตัวเอง ภาพถ่ายเต็มตัวอีกภาพ ลักษณะท่าทางอันปราดเปรียวนั้น มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเธอเป็นคนดูแลตัวเอง ดูคล้ายกับออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะสัมผัสเห็นความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อเรียวแขนสองข้างชัดเจน
“เธอกำลังตามตัวไอ้เจ้าแต้มเหมือนกับพวกเรา เพราะมีการตามไปที่ร้านจิวเวลรี่ด้วยครับ” ลูกน้องข้างโต๊ะรายงานต่อ
ชายวัยสามสิบปลายเพ่งพินิจภาพถ่ายอย่างใช้ความคิด สายตาคมกริบประหนึ่งเหยี่ยวกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวทะลุไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจเริ่มเคลื่อนไหวใหม่แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งใหม่นี้ เป็นการเปิดหน้าเล่นโดยไม่ต้องอ้อมค้อมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องแอบซุ่มตามล่าตัวไอ้เด็กซิ่งเหมือนคนของเขาอีกต่อไปแล้ว
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปี หรือ‘แต้ม’ที่เขาเคยรู้จักมาตั้งแต่วัยรุ่นจนเข้าสู่วัยหนุ่ม เขาจำได้ว่า เมื่อไอ้หนุ่มแต้มก้าวพ้นวัยบรรลุนิติภาวะและฉายแววจอมซิ่งซึ่งไว้ใจได้แล้วนั้น เขาเองที่เป็นคนยืนยันและสรุปให้เจ้านายใหญ่ฟังว่า เด็กหนุ่มอัจฉริยะผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้านายคนนี้ พร้อมแล้วสำหรับการร่วมงานขนถ่าย‘สินค้า’ของเจ้านาย ความสามารถสำหรับตำแหน่ง‘เด็กส่งของ’สุกงอมแล้ว
และพอเริ่มงานตั้งแต่นั้นมา ทุกล็อตที่มีการส่งสินค้า ไม่เคยมีล็อตไหนที่ไอ้จอมซิ่งทำให้ผิดหวัง นอกจากงานครั้งสุดท้ายเท่านั้น ที่ทำให้‘เด็กส่งของ’กระเซอะกระเซิงหายตัวไปแบบไร้วี่แวว
เหตุการณ์ซึ่งล่วงเลยมาจนถึง ณ ขณะนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ร่วมงานสถานะเด็กส่งของในครั้งนั้น จะกลับกลายมาเป็นภาระน่าเบื่อหน่ายสำหรับการตามหาตัว ซึ่งเขาต้องเป็นคนลงมาจัดการด้วยตัวเองเสียแล้ว
งานที่เขาต้องไปมาระหว่าง
‘มาเก๊า’กับเมืองไทย เพราะต้องรับผิดชอบเส้นทางลำเลียงสินค้าจากไทยสู่มาเก๊า นั่นก็เป็นภาระซึ่งท่วมตัวอยู่แล้ว เขายังต้องมารับภาระเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เข้าไปอีกด้วย
นั่นเป็นเพราะคำสั่งด่วนจาก
‘นายหลิวเกา’ ผู้เป็นประมุขแห่งองค์กร
‘อสรพิษเขี้ยวเงิน’ของเขานั่นเอง
“เธอเป็นตำรวจที่นี่งั้นเหรอ?” พายัพเอ่ยถามกับลูกน้องคนสนิท คนถูกถามหลบสายตาด้วยความเกรงขาม นึกเสียวสันหลังในใจกับหน้าที่ซึ่งตัวเองแกะรอยมาไม่สมบูรณ์
“น่าจะเป็นที่นี่ครับ เพราะผมตามจากร้านจิวเวลรี่มา เห็นเธอหายเข้าไปที่โรงพักเมืองพัทยาข้างห้างเซ็นทรัลริมหาดครับ” ตอบไปแล้วได้แต่รู้สึกหวิวหวั่นในใจ เพราะรู้ถึงอารมณ์โทสะของเจ้านายเป็นอย่างดี
แต่ครั้งนี้ผิดคาด
“ฉันอยากได้ข้อมูลชัดเจนกว่านี้ว่าเธอมาจากต้นสังกัดไหน? วันนี้เธอเคลื่อนไหวยังไง? จัดการให้ได้ความคืบหน้าด่วน!” น้ำเสียงนั้นเรียบเฉยราวกับผู้จัดการบริษัทสั่งงานเลขา โชคดีที่ยังไม่มีลูกระเบิดใดตูมตาม ลูกน้องคนสนิทได้แต่ลอบพ่นลมหายใจแผ่ว
แล้วเจ้านายก็เอ่ยถามเรื่องใหม่เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “แล้วไอ้สามคนนั่นอยู่ไหน?”
ลูกน้องตอบในทันที “เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ อยู่หน้าห้องนี่เอง” พูดจบก็เดินหายออกไปจากห้อง ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับชายสามคนที่เจ้านายเอ่ยถามถึง
ชายสามคนผู้อยู่ในสภาพย่ำแย่ตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้ไม่น้อย ‘พายัพ’ลุกจากเก้าอี้หลังโต๊ะตัวใหญ่ เขาเดินไปหยุดยืนตรงหน้าคนทั้งสามด้วยความรู้สึกผิดหวังและโมโหในใจ เรื่องที่มอบหมายให้ทำไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรง แต่สามคนเบื้องหน้าเขาในตอนนี้ กลับมีสภาพไม่ต่างไปจากคนที่ถูกกลุ่มอันธพาลรุมกระทืบมา นี่หรือคือทีมล่าตัวแค่ไอ้เด็กหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่งที่เขาเผลอไว้วางใจ
สองคนข้างหลังไม่อาจจำชื่อได้ แต่คนที่ยืนข้างหน้า เขาจำได้ดีว่าคือ
‘สิงห์ดํา’ หนึ่งในลูกน้องซึ่งเคยติดสอยห้อยตามเขามาโดยตลอด เพิ่งห่างหายขาดตอนไปก็เมื่อเขาให้รับผิดชอบเรื่องตามหาตัวไอ้หนุ่มแต้มเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
สิงห์ดำอยู่ในสภาพสวมปลอกคอพลาสติกสำหรับจัดกระดูกให้เข้าที่ ขณะอีกคนก็สวมปลอกคอแบบเดียวกัน และยังมีผ้าคล้องโยงกับท่อนแขนเช่นเดียวกับอีกคน ซึ่งคล้องผ้าและพันอีกเส้นรอบขมับตัวเองราวกับหัวถูกฟาดด้วยของแข็งมา
“พวกแกเสียท่าถึงเพียงนี้เชียวหรือวะ สิงห์ดำ” เจ้านายเริ่มเสียงเข้มขึ้น สิงห์ดำก้มหน้านิ่ง ตอบ‘ครับ’แทบไม่ได้ยินสุ้มเสียง รู้ตัวดีว่าตัวเองทำให้เจ้านายผิดหวัง มันช่างน่าอับอายและผิดหวังในตัวเองเสียจริง
“มันเป็นใครกันวะ?”
“ไม่ทราบครับ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เสียงเจ้านายแผดลั่น
พร้อมๆกับอีกเสียงซึ่งดังตามมา
เผี๊ยะ !!
ทุกคนในห้องตกตะลึงวูบ เมื่อเห็นสิงห์ดำหน้าสะบัดไปตามหลังมือของผู้เป็นเจ้านาย ความรู้สึกของทุกคนปวดแสบหัวใจไปด้วย คนถูกลงโทษผงะเซไปทางด้านหนึ่ง ก่อนจะทรงตัวเหยียดยืนเช่นเดิม กระดูกคอเริ่มปวดร้าวระบมขึ้นมาเพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่ทันตั้งตัว
“แกเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการฝึกฝนฝีมือมา มิใช่หรือ?”
“ครับ” คราวนี้สิงห์ดำตอบชัดเจน อาการปวดแสบแผ่ซ่าน แก้มซีกซ้ายเต้นระริก
“แล้วทำไมแกถึงได้ยับเยินยังงี้”
“มันตัวใหญ่กว่าผมครับ”
ฉาด !!
เสียงสองอวัยวะสัมผัสกันดังลั่น คราวนี้เป็นใบหน้าซีกขวาซึ่งถูกกระทบกับฝ่ามือซ้ายเข้าเต็มๆ หน้าสิงห์ดำสะบัดไปตามแรงกระทบ เลือดสีแดงปริ่มมุมปากขึ้นมาทันที เขาขืนตัวไม่ยอมให้เสียหลัก ทว่านั่นกลับกลายเป็นว่า เขากำลังกลายเป็นเป้านิ่งให้กับเจ้านายไปโดยไม่คาดคิด
กำปั้นซ้ายขวาซึ่งพุ่งตรงเข้ามากระแทกกลางอกชุดใหม่ ส่งผลให้ร่างสันทัดของสิงห์ดำถึงกับถอยหลังไปสองก้าว และสองก้าวนี่เอง คือช่วงระยะซึ่งพอดีกับท่อนขาตวัดหมุนกลับหลังของผู้เป็นเจ้านาย
รองเท้าหนังราคาแพงสัมผัสเข้ากับใบหน้าเขาอย่างแรง สิงห์ดำรู้สึกเหมือนตัวเองโดน
‘เซนเซ’(อาจารย์)ซ้อมหนักในวันสุดท้ายของการฝึกฝนไม่มีผิด การต่อสู้ด้วยมือเปล่าครั้งนั้น แม้เซนเซจะออมมือ แต่เขารู้ดีว่า ทุกหมัด ทุกสันมือเกรี้ยวกราดในแต่ละชุดนั้น ต้องการให้เขาได้สัมผัสกับการเจอของจริงอย่างจงใจ และวันนี้ ครั้งนี้ ก็ไม่ต่างกันเลย เมื่อเจ้านายต้องการให้เขาสัมผัสของจริงเช่นกัน แต่มันหนักหน่วงเหลือเกิน เพราะทั้งฝ่ามือ ทั้งหมัด ทั้งเท้า ต่างผสมความโมโหมาด้วยอย่างชัดเจน
ความรู้สึก ณ ตอนนี้ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่เหมือนเขาได้ไถ่ถอนความผิดแล้ว รู้สึกเบาโหวง ล่องลอย ก่อนตกกระทบ
ตึง!!
ร่างสันทัดหงายลงกระแทกพื้น ต่อหน้าคนสามคนซึ่งเฝ้ามองอย่างใจหายใจคว่ำ
สำหรับผู้เป็นคนลงโทษแล้ว กลับยืนตะหง่านจ้องมองคนถูกทำโทษอย่างไม่รู้สึกอินังขังขอบ
“ต้องคนตัวเท่ากันงั้นเร๊อะ แกถึงจะเอาชนะได้ งั้นลุกขึ้นมาสู้กันซิ” พายัพเปล่งเสียงกับคนนอนหงายอยู่ที่พื้น
สิงห์ดำส่ายหัว “ผมขอโทษที่ทำให้เจ้านายผิดหวังครับ แต่ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ผิดพลาดอย่างที่แล้วมาแน่นอน และผมสู้เจ้านายไม่ได้หรอกครับ ยอมให้เจ้านายลงโทษตามแต่เจ้านายเห็นสมควร” ร่างสันทัดพยุงตัวเองลุกขึ้น อาการปวดกระดูกคอเริ่มออกฤทธิ์ ทำให้สิงห์ดำทำได้แค่เหลือบตามองเจ้านายทางหางตา “ลงโทษผมเถอะครับ ผมพลาดไปจริงๆ”
ร่างสันทัดและสูงเท่ากันของเจ้านายหันหลังเดินกลับไปทรุดนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม สิงห์ดำข่มความเจ็บร้าวทั้งหมดซุกไว้อย่างมิดชิด เขาไม่คิดจะอุทธรณ์ใดๆ เพราะรู้ว่าตัวเองสมควรโดนเช่นนั้นอยู่แล้ว ลูกน้องของเขาสองคนไม่มีใครปริปากใดๆ ลูกน้องติดตามเจ้านายอีกคนก็เช่นกัน ความเงียบน่าอึดอัดใจจึงครอบเข้ามาสะกดทุกคนให้เงียบกันไปหมด แม้กระทั่งตัวเจ้านายเอง
แล้วในที่สุด สิงห์ดำก็ได้ยินเสียงเจ้านายเอ่ยกับเขา
“แกเล่ามาให้ฟังซิ ว่าแกพลาดท่าไอ้คนลึกลับนั่นยังไง? มันมีดียังไงถึงซัดแกคอแทบหักยังงี้”
น้ำเสียงนั้นคลายอุณหภูมิร้อนลงแล้ว สิงห์ดำรวบรวมสติ ค่อยๆเริ่มเรื่องให้เจ้านายฟัง . . . .
(มีต่อ)
๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 15
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** องค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน **
“เธอเป็นตำรวจครับ คุณพายัพ”
ภาพถ่ายหญิงสาวบนโต๊ะตรงหน้า ทำให้‘พายัพ’ต้องหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ความรู้สึกแรกบอกเขาว่า คนในภาพเป็นผู้หญิงสาวสวยสะดุดตาผู้ชายทุกคนหากได้พบเห็น ความรู้สึกซึ่งไม่ค่อยได้เห็นจากผู้หญิงธรรมดาทั่วไปอีกสิ่งหนึ่ง คือแววตาซึ่งฉายชัดถึงความเอาจริงเอาจังในตัวเอง ภาพถ่ายเต็มตัวอีกภาพ ลักษณะท่าทางอันปราดเปรียวนั้น มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเธอเป็นคนดูแลตัวเอง ดูคล้ายกับออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะสัมผัสเห็นความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อเรียวแขนสองข้างชัดเจน
“เธอกำลังตามตัวไอ้เจ้าแต้มเหมือนกับพวกเรา เพราะมีการตามไปที่ร้านจิวเวลรี่ด้วยครับ” ลูกน้องข้างโต๊ะรายงานต่อ
ชายวัยสามสิบปลายเพ่งพินิจภาพถ่ายอย่างใช้ความคิด สายตาคมกริบประหนึ่งเหยี่ยวกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวทะลุไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจเริ่มเคลื่อนไหวใหม่แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งใหม่นี้ เป็นการเปิดหน้าเล่นโดยไม่ต้องอ้อมค้อมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องแอบซุ่มตามล่าตัวไอ้เด็กซิ่งเหมือนคนของเขาอีกต่อไปแล้ว
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปี หรือ‘แต้ม’ที่เขาเคยรู้จักมาตั้งแต่วัยรุ่นจนเข้าสู่วัยหนุ่ม เขาจำได้ว่า เมื่อไอ้หนุ่มแต้มก้าวพ้นวัยบรรลุนิติภาวะและฉายแววจอมซิ่งซึ่งไว้ใจได้แล้วนั้น เขาเองที่เป็นคนยืนยันและสรุปให้เจ้านายใหญ่ฟังว่า เด็กหนุ่มอัจฉริยะผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้านายคนนี้ พร้อมแล้วสำหรับการร่วมงานขนถ่าย‘สินค้า’ของเจ้านาย ความสามารถสำหรับตำแหน่ง‘เด็กส่งของ’สุกงอมแล้ว
และพอเริ่มงานตั้งแต่นั้นมา ทุกล็อตที่มีการส่งสินค้า ไม่เคยมีล็อตไหนที่ไอ้จอมซิ่งทำให้ผิดหวัง นอกจากงานครั้งสุดท้ายเท่านั้น ที่ทำให้‘เด็กส่งของ’กระเซอะกระเซิงหายตัวไปแบบไร้วี่แวว
เหตุการณ์ซึ่งล่วงเลยมาจนถึง ณ ขณะนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ร่วมงานสถานะเด็กส่งของในครั้งนั้น จะกลับกลายมาเป็นภาระน่าเบื่อหน่ายสำหรับการตามหาตัว ซึ่งเขาต้องเป็นคนลงมาจัดการด้วยตัวเองเสียแล้ว
งานที่เขาต้องไปมาระหว่าง‘มาเก๊า’กับเมืองไทย เพราะต้องรับผิดชอบเส้นทางลำเลียงสินค้าจากไทยสู่มาเก๊า นั่นก็เป็นภาระซึ่งท่วมตัวอยู่แล้ว เขายังต้องมารับภาระเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เข้าไปอีกด้วย
นั่นเป็นเพราะคำสั่งด่วนจาก‘นายหลิวเกา’ ผู้เป็นประมุขแห่งองค์กร‘อสรพิษเขี้ยวเงิน’ของเขานั่นเอง
“เธอเป็นตำรวจที่นี่งั้นเหรอ?” พายัพเอ่ยถามกับลูกน้องคนสนิท คนถูกถามหลบสายตาด้วยความเกรงขาม นึกเสียวสันหลังในใจกับหน้าที่ซึ่งตัวเองแกะรอยมาไม่สมบูรณ์
“น่าจะเป็นที่นี่ครับ เพราะผมตามจากร้านจิวเวลรี่มา เห็นเธอหายเข้าไปที่โรงพักเมืองพัทยาข้างห้างเซ็นทรัลริมหาดครับ” ตอบไปแล้วได้แต่รู้สึกหวิวหวั่นในใจ เพราะรู้ถึงอารมณ์โทสะของเจ้านายเป็นอย่างดี
แต่ครั้งนี้ผิดคาด
“ฉันอยากได้ข้อมูลชัดเจนกว่านี้ว่าเธอมาจากต้นสังกัดไหน? วันนี้เธอเคลื่อนไหวยังไง? จัดการให้ได้ความคืบหน้าด่วน!” น้ำเสียงนั้นเรียบเฉยราวกับผู้จัดการบริษัทสั่งงานเลขา โชคดีที่ยังไม่มีลูกระเบิดใดตูมตาม ลูกน้องคนสนิทได้แต่ลอบพ่นลมหายใจแผ่ว
แล้วเจ้านายก็เอ่ยถามเรื่องใหม่เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “แล้วไอ้สามคนนั่นอยู่ไหน?”
ลูกน้องตอบในทันที “เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ อยู่หน้าห้องนี่เอง” พูดจบก็เดินหายออกไปจากห้อง ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับชายสามคนที่เจ้านายเอ่ยถามถึง
ชายสามคนผู้อยู่ในสภาพย่ำแย่ตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้ไม่น้อย ‘พายัพ’ลุกจากเก้าอี้หลังโต๊ะตัวใหญ่ เขาเดินไปหยุดยืนตรงหน้าคนทั้งสามด้วยความรู้สึกผิดหวังและโมโหในใจ เรื่องที่มอบหมายให้ทำไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรง แต่สามคนเบื้องหน้าเขาในตอนนี้ กลับมีสภาพไม่ต่างไปจากคนที่ถูกกลุ่มอันธพาลรุมกระทืบมา นี่หรือคือทีมล่าตัวแค่ไอ้เด็กหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่งที่เขาเผลอไว้วางใจ
สองคนข้างหลังไม่อาจจำชื่อได้ แต่คนที่ยืนข้างหน้า เขาจำได้ดีว่าคือ‘สิงห์ดํา’ หนึ่งในลูกน้องซึ่งเคยติดสอยห้อยตามเขามาโดยตลอด เพิ่งห่างหายขาดตอนไปก็เมื่อเขาให้รับผิดชอบเรื่องตามหาตัวไอ้หนุ่มแต้มเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
สิงห์ดำอยู่ในสภาพสวมปลอกคอพลาสติกสำหรับจัดกระดูกให้เข้าที่ ขณะอีกคนก็สวมปลอกคอแบบเดียวกัน และยังมีผ้าคล้องโยงกับท่อนแขนเช่นเดียวกับอีกคน ซึ่งคล้องผ้าและพันอีกเส้นรอบขมับตัวเองราวกับหัวถูกฟาดด้วยของแข็งมา
“พวกแกเสียท่าถึงเพียงนี้เชียวหรือวะ สิงห์ดำ” เจ้านายเริ่มเสียงเข้มขึ้น สิงห์ดำก้มหน้านิ่ง ตอบ‘ครับ’แทบไม่ได้ยินสุ้มเสียง รู้ตัวดีว่าตัวเองทำให้เจ้านายผิดหวัง มันช่างน่าอับอายและผิดหวังในตัวเองเสียจริง
“มันเป็นใครกันวะ?”
“ไม่ทราบครับ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เสียงเจ้านายแผดลั่น
พร้อมๆกับอีกเสียงซึ่งดังตามมา
เผี๊ยะ !!
ทุกคนในห้องตกตะลึงวูบ เมื่อเห็นสิงห์ดำหน้าสะบัดไปตามหลังมือของผู้เป็นเจ้านาย ความรู้สึกของทุกคนปวดแสบหัวใจไปด้วย คนถูกลงโทษผงะเซไปทางด้านหนึ่ง ก่อนจะทรงตัวเหยียดยืนเช่นเดิม กระดูกคอเริ่มปวดร้าวระบมขึ้นมาเพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่ทันตั้งตัว
“แกเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการฝึกฝนฝีมือมา มิใช่หรือ?”
“ครับ” คราวนี้สิงห์ดำตอบชัดเจน อาการปวดแสบแผ่ซ่าน แก้มซีกซ้ายเต้นระริก
“แล้วทำไมแกถึงได้ยับเยินยังงี้”
“มันตัวใหญ่กว่าผมครับ”
ฉาด !!
เสียงสองอวัยวะสัมผัสกันดังลั่น คราวนี้เป็นใบหน้าซีกขวาซึ่งถูกกระทบกับฝ่ามือซ้ายเข้าเต็มๆ หน้าสิงห์ดำสะบัดไปตามแรงกระทบ เลือดสีแดงปริ่มมุมปากขึ้นมาทันที เขาขืนตัวไม่ยอมให้เสียหลัก ทว่านั่นกลับกลายเป็นว่า เขากำลังกลายเป็นเป้านิ่งให้กับเจ้านายไปโดยไม่คาดคิด
กำปั้นซ้ายขวาซึ่งพุ่งตรงเข้ามากระแทกกลางอกชุดใหม่ ส่งผลให้ร่างสันทัดของสิงห์ดำถึงกับถอยหลังไปสองก้าว และสองก้าวนี่เอง คือช่วงระยะซึ่งพอดีกับท่อนขาตวัดหมุนกลับหลังของผู้เป็นเจ้านาย
รองเท้าหนังราคาแพงสัมผัสเข้ากับใบหน้าเขาอย่างแรง สิงห์ดำรู้สึกเหมือนตัวเองโดน‘เซนเซ’(อาจารย์)ซ้อมหนักในวันสุดท้ายของการฝึกฝนไม่มีผิด การต่อสู้ด้วยมือเปล่าครั้งนั้น แม้เซนเซจะออมมือ แต่เขารู้ดีว่า ทุกหมัด ทุกสันมือเกรี้ยวกราดในแต่ละชุดนั้น ต้องการให้เขาได้สัมผัสกับการเจอของจริงอย่างจงใจ และวันนี้ ครั้งนี้ ก็ไม่ต่างกันเลย เมื่อเจ้านายต้องการให้เขาสัมผัสของจริงเช่นกัน แต่มันหนักหน่วงเหลือเกิน เพราะทั้งฝ่ามือ ทั้งหมัด ทั้งเท้า ต่างผสมความโมโหมาด้วยอย่างชัดเจน
ความรู้สึก ณ ตอนนี้ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่เหมือนเขาได้ไถ่ถอนความผิดแล้ว รู้สึกเบาโหวง ล่องลอย ก่อนตกกระทบ ตึง!!
ร่างสันทัดหงายลงกระแทกพื้น ต่อหน้าคนสามคนซึ่งเฝ้ามองอย่างใจหายใจคว่ำ
สำหรับผู้เป็นคนลงโทษแล้ว กลับยืนตะหง่านจ้องมองคนถูกทำโทษอย่างไม่รู้สึกอินังขังขอบ
“ต้องคนตัวเท่ากันงั้นเร๊อะ แกถึงจะเอาชนะได้ งั้นลุกขึ้นมาสู้กันซิ” พายัพเปล่งเสียงกับคนนอนหงายอยู่ที่พื้น
สิงห์ดำส่ายหัว “ผมขอโทษที่ทำให้เจ้านายผิดหวังครับ แต่ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ผิดพลาดอย่างที่แล้วมาแน่นอน และผมสู้เจ้านายไม่ได้หรอกครับ ยอมให้เจ้านายลงโทษตามแต่เจ้านายเห็นสมควร” ร่างสันทัดพยุงตัวเองลุกขึ้น อาการปวดกระดูกคอเริ่มออกฤทธิ์ ทำให้สิงห์ดำทำได้แค่เหลือบตามองเจ้านายทางหางตา “ลงโทษผมเถอะครับ ผมพลาดไปจริงๆ”
ร่างสันทัดและสูงเท่ากันของเจ้านายหันหลังเดินกลับไปทรุดนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม สิงห์ดำข่มความเจ็บร้าวทั้งหมดซุกไว้อย่างมิดชิด เขาไม่คิดจะอุทธรณ์ใดๆ เพราะรู้ว่าตัวเองสมควรโดนเช่นนั้นอยู่แล้ว ลูกน้องของเขาสองคนไม่มีใครปริปากใดๆ ลูกน้องติดตามเจ้านายอีกคนก็เช่นกัน ความเงียบน่าอึดอัดใจจึงครอบเข้ามาสะกดทุกคนให้เงียบกันไปหมด แม้กระทั่งตัวเจ้านายเอง
แล้วในที่สุด สิงห์ดำก็ได้ยินเสียงเจ้านายเอ่ยกับเขา
“แกเล่ามาให้ฟังซิ ว่าแกพลาดท่าไอ้คนลึกลับนั่นยังไง? มันมีดียังไงถึงซัดแกคอแทบหักยังงี้”
น้ำเสียงนั้นคลายอุณหภูมิร้อนลงแล้ว สิงห์ดำรวบรวมสติ ค่อยๆเริ่มเรื่องให้เจ้านายฟัง . . . .
(มีต่อ)