๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 21

กระทู้สนทนา
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

21

** เดินหน้า **


‘พายัพ’นั่งเงียบมองจอทีวีติดผนัง  ลูกน้องริมห้องสองคนสลับสายตาไปมาระหว่างหน้าจอทีวีกับใบหน้าเจ้านาย  ทั้งสองยืนนิ่งราวกับหุ่นโชว์ชุดสูทในร้านหรูบนห้าง  ความสงบเงียบ  เปรียบประหนึ่งบรรยากาศก่อนห้างเปิดทำการไม่มีผืด

                ‘  . . . . ศพสามศพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งพิสูจน์แล้วนั้น  ได้รับรายงานการชันสูตรเบื้องต้นแต่เพียงว่า  สองศพถูกยิงเข้าจุดสำคัญส่งผลให้เสียชีวิตในทันที  อีกศพถูกของมีคมแทงทะลุลำคอเสียชีวิตในทันทีเช่นเดียวกัน  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถให้รายละเอียดถึงสาเหตุในการสังหารนี้ได้  แต่ได้ติดตามสกัดจับชายต้องสงสัยทั้งสองอยู่อย่างกระชั้นชิด   และยังคงเปิดรับสายแจ้งเบาะแสอยู่เช่นเดิม   หากท่านใดพบบุคคลต้องสงสัยทั้งสองนี้  ขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสมาตามหมายเลขด้านล่างนี้ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ . . . .  ’

                พายัพกุมรีโมททีวีสองมือ เขาเผลอขมวดนิ้วแน่นราวกับมันเป็นลำคอชายสองคนบนจอ  อารมณ์เบื้องลึกเดือดดาล ผิดหวัง และคั่งแค้นกับไอ้คนลึกลับอย่างบอกไม่ถูก  ...ไอ้นี่ไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว  มันคนเดียว แต่เก็บคนของเขาถึงสามคนได้อย่างไร? โดยเฉพาะ‘สิงห์ดำ’

                มันไม่ใช่ตำรวจ  เพราะรายงานข่าวย้ำชัดเจนว่า ตำรวจนายหนึ่งมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากคนสามคนเสียชีวิตแล้ว  ซึ่งคนสุดท้ายก็คือสิงห์ดำนั่นเอง

                สิงห์ดำไม่ใช่ลูกน้องชั้นปลายแถว  มันอยู่ในลำดับชั้น‘นักฆ่า’เสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้  ทำไมมันถึงพลาดชนิดที่...ไม่มีแม้แต่โอกาสได้กลับมาแก้ตัวกับเขาสักคำ มันด้อยฝีมือจากไอ้คนลึกลับถึงเพียงนั้นเชียวหรือ

                สามปีที่แล้ว

                สิงห์ดำเป็นหนึ่งในจำนวนสามสิบรายชื่อจากสามสัญชาติ  ซึ่งได้รับการเลือกเฟ้นและเข้าปฏิญาณตนกับองค์กรใหญ่  คนทั้งสามสิบคนได้รับการฝึกหนักตามสัญชาตญาณดิบของแต่ละคน  ทุกคนผ่านบททดสอบลำดับชั้น‘นักฆ่า’ด้วยกันทั้งหมด  แต่เมื่อถึงคราวคัดสุดยอดมือสังหาร  สิงห์ดำถูกส่งกลับเมืองไทยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว  หนึ่งใน‘สิบอสูรเงิน’มือสังหารระดับสูงสุดขององค์กร  อาจจะมีชื่อ‘สิงห์ดำ’อยู่ในนั้นด้วยก็ได้

                หนึ่งปีที่ถูกส่งมาตามล่าตัวไอ้เด็กซิ่ง  แม้จะคลาดกับเป้าหมายหวุดหวิดมาหลายครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาสั่งให้สิงห์ดำ‘จับเป็น’แต่เพียงอย่างเดียว  ความเด็ดขาดในการตามล่าของมัน หายไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่พอสั่งให้จัดการตามแต่เห็นสมควร  ความผิดพลาดในคราวนี้กลับซ้ำร้ายไปกว่าเดิม  อาการกระหายอยากเพื่อที่จะไถ่ถอนความผิด ทำให้มันร้อนรนจนผิดพลาด  ความผิดพลาดชนิดสมควรตาย  สมควรแล้วกับการถูกชำระโทษเยี่ยงนั้น  หากมันกลับมาสารภาพผิดตรงหน้าเขา มันก็อาจถูกชำระโทษเช่นนั้นเหมือนกัน

                ลางสังหรณ์บางอย่างกระตุ้นเตือนขึ้นมาในหัว  เหตุการณ์ซึ่งกำลังเป็นไปอยู่ในขณะนี้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแค่การตามล่าตัวไอ้เด็กเวรนั่นเสียแล้ว  มันยังมีเค้าทะมึนบางอย่างกำลังแผ่คลุมเข้ามาด้วยอีกต่างหาก

                จู่ๆ ขณะที่ห้วงความคิดกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่นั้น  เสียงโทรศัพท์จากสายเรียกเข้าก็พลันดังแทรกขึ้น

                พายัพได้สติกลับสู่ปัจจุบัน เขามองไปยังลูกน้องเสมือนการส่งสัญญาณ  พวกนั้นโค้งคำนับและลอบพ่นลมหายใจแผ่ว ที่ไม่เห็นเจ้านายบันดาลโทสะใดๆ ทั้งๆที่รายงานข่าวทีวีมันน่าจะจุดชนวนระเบิดสักลูก  ทั้งคู่หายลับออกไปกับประตูบานใหญ่อย่างเงียบเชียบ

                หมายเลขโชว์หน้าจอ ทำให้อากาศทึมทึบเพิ่มความกดดันขึ้นไปอีก ราวกับภายในห้องถูกบีบอัดเข้ามาด้วยรังสีบางอย่าง

                “ครับ‼ นายท่าน” พายัพเอ่ยขึ้นก่อน

                “บัดซบจริงๆเลย พวกแก”

                รังสีพลาสม่าทะลุชั้นบรรยากาศเข้ามา และแตกประกายวาบ!  มือซึ่งกุมเครื่องโทรศัพท์เย็นเยียบราวกับกระแสเลือดหยุดการไหลเวียนไปชั่วครู่  ภาพข่าวบนถนนวอล์คกิ้งสตรีทผุดแวบให้เห็นด้วยรู้สึกว่า เจ้านายก็คงกำลังมองเห็นอยู่เช่นกัน  ภาพนั้นหายวับไปในเสี้ยววินาทีต่อมา  ใบหน้าชายสูงวัยเชื้อชาติจีนคนหนึ่งปรากฎเแทรกขึ้นแทนที่

                เขาคือ  ‘ประมุของค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน’นั่นเอง

                “เรื่องขี้ผงที่อุตส่าห์ให้แกมาจัดการ สุดท้ายมันก็ไม่ต่างไปจากให้พวกปลายแถวจัดการไม่มีผิด งานนี้ถึงแม้จะไม่ได้กำหนดเส้นตายเอาไว้  แต่แกก็ควรจะรู้ว่ามันสมควรแก่เวลาแล้วหรือยัง” คิดเอาไว้แล้วว่า เขาจะต้องได้ยินประโยคเช่นนี้  ตอนนี้ได้ยินแล้วชัดเจน อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มขึ้นทีละองศา  มันเพิ่มขึ้นจนทำให้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศคล้ายกับกำลังโดนกระแสลมหน้าร้อนโถมถั่งเข้ามาหา

                แม้น้ำเสียงสำเนียงจีนผสมไทยจะยังราบเรียบ แต่พายัพรู้ดีว่าเจ้านายใหญ่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์เช่นใด  พออ้าปากจะเอ่ยคำพูด  “ผม....”

                “ครั้งนี้เราสูญเสียคนไปถึงสามคน แกว่าฉันควรต้องทำใจยังไง?” คำสนทนาซึ่งคล้ายกับไม่ต้องการรับฟังคำพูดอีกฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป “ไม่ต้องรู้สึกอย่างไร  ไม่ต้องใส่ใจเหมือนกับที่ผ่านๆมาเลยใช่มั๊ย? ลูกน้องแกตามหาเด็กคนหนึ่งมาเป็นปี สิ่งที่ได้มีแต่ความว่างเปล่า ฉันส่งแกมาจัดการ ก็ยังคงมีแต่ความว่างเปล่าเช่นเคย แล้วที่เฮงซวยไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่สารพัดหน่วยกำลังจ่อคอหอยแกเข้ามาทุกทิศทุกทางแล้ว แกรู้ตัวบ้างมั๊ย?‼ ” น้ำเสียงท้ายประโยค เย็นวาบไม่ต่างไปจากห้องทำงานกำลังถูกปรกคลุมเข้ามาด้วยม่านหิมะแทนกระแสลมร้อน

                “ผม....” พายัพพยายามนึกหาคำอธิบาย

                “ฟังเอาไว้ให้ดี!”

                “ครับผม”

                “ตอนนี้ไอ้แต้มมันมีคนคอยปกป้องอย่างเห็นได้ชัด  คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถึงมันจะเป็นใคร ฝ่ายไหน  อยู่ในที่ลับหรือที่แจ้ง  มืออาชีพของเราเท่านั้นที่จะต่อกรกับมันได้  ภารกิจชิง‘ของสำคัญ’กลับคืนมา มันต้องแตกหักเสียแล้วกับไอ้พวกคอยขวางทาง ไอ้! อี! คนไหนเป็นเสี้ยนหนาม กำจัดพวกมันซะ!” เสียงทรงอำนาจ ตรึงให้เขานิ่งฟังแต่เพียงฝ่ายเดียว

                คำพูดของเจ้านายสัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกและแยกย่อย  สถานการณ์ต่างๆถูกแยกแยะให้ฟังคล้ายกับสั่งสอนอยู่ในที พายัพยังไม่ได้ยินคำคาดโทษจากเจ้านาย อากาศหายใจโล่งจมูกขึ้น ห้องทำงานเริ่มเข้าสู่สภาวะอุณหภูมิสมดุลย์ คำว่า‘มืออาชีพของเรา’ กระชากความทรงจำของเขาไปยังวันสาบานตนใหญ่ วันนั้น

                ภาพในห้องลับกว้างขวางห้องหนึ่ง ผุดแว่บขึ้นในภวังค์

                พายัพมองเห็นริมห้องซึ่งยกพื้นระดับเอวชัดเจน  โต๊ะหินบนระเบียงตั้งรับแผ่นหินอ่อนสีเงินยวงยาวหนึ่งแขนสูงหนึ่งศอก กลางแผ่นหินสีนวล สัญลักษณ์สำคัญถูกแกะสลักขึ้นรูปเอาไว้มองเห็นเด่นตา มีตัวหนังสือจีนสามประโยคประทับรอยไหม้เอาไว้ราวกับลายมือทรงอำนาจจากมารอสูรที่ใดที่หนึ่ง

                คนสิบคนกำลังนั่งคุกเเข่าอยู่กับพื้นเป็นแถวหน้ากระดาน เบื้องหน้าแท่นหิน

                “ตอนนี้ถึงเวลาต้องใช้มือสังหารของเราแล้ว”

                “ครับ‼ นายท่าน”

                “ภายในอีกสองวัน ให้แกรอรับ‘สี่อสูรเงิน’ แล้วจัดการเรื่องราวทั้งหมดให้เรียบร้อยซะ! เกิดสถานการณ์แทรกซ้อนอะไรก็ตาม ไม่ต้องติดต่อกลับมาจนกว่างานจะลุล่วง จัดการทุกอย่างตามกฎของเราเท่านั้น จำไว้ให้ดี   จัดการตามกฎของเรา”

                คำสั่งนั้นหนักแน่น ชัดเจนยิ่งนัก “รับทราบครับ!”

                กฎของเรา

                พายัพจำคำปฏิญาณบนแผ่นหินสีเงินยวงได้เป็นอย่างดี แม้มันจะถูกสลักเป็นภาษาจีนเอาไว้ แต่สมาชิกทุกคนทั้งที่เป็นคนไทย ญี่ปุ่น จีน  ทุกคนต่างรู้ดีกันว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร?


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่