ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36695065 ** บทนำ ** https://ppantip.com/topic/36873802 11 ** หยั่งเชิง **
https://ppantip.com/topic/36707713 1 ** หน่วยเหยี่ยวพิฆาต ** https://ppantip.com/topic/36889820 12 ** ผู้ทรงอิทธิพล **
https://ppantip.com/topic/36722529 2 ** ลางร้าย ** https://ppantip.com/topic/36905595 13 ** ลวงให้ชิงตัว **
https://ppantip.com/topic/36739946 3 ** ตัวเชื่อมโยง ** https://ppantip.com/topic/36924993 14 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36754111 4 ** เรียกตัว ** https://ppantip.com/topic/36945317 15 ** องค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน **
https://ppantip.com/topic/36768151 5 ** พร้อมหน้า ** https://ppantip.com/topic/36974434 16 ** หายใจรดต้นคอ **
https://ppantip.com/topic/36781641 6 ** ชายชราผมดอกเลา** https://ppantip.com/topic/36992032 17 ** เจ็บปวด **
https://ppantip.com/topic/36798608 7 ** เตรียมแผนการ ** https://ppantip.com/topic/37011852 18 ** เริ่มชัดเจน **
https://ppantip.com/topic/36823217 8 ** เป็นไปตามแผน ** https://ppantip.com/topic/37036747 19 ** ระหํ่าเมือง **
https://ppantip.com/topic/36846614 9 ** พร้อมรับมือ ** https://ppantip.com/topic/37057505 20 ** ต้องอยู่รอด **
https://ppantip.com/topic/36856028 10 ** ร่องรอยเรื่องราว **
21
** เดินหน้า **
‘พายัพ’นั่งเงียบมองจอทีวีติดผนัง ลูกน้องริมห้องสองคนสลับสายตาไปมาระหว่างหน้าจอทีวีกับใบหน้าเจ้านาย ทั้งสองยืนนิ่งราวกับหุ่นโชว์ชุดสูทในร้านหรูบนห้าง ความสงบเงียบ เปรียบประหนึ่งบรรยากาศก่อนห้างเปิดทำการไม่มีผืด
‘ . . . .
ศพสามศพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งพิสูจน์แล้วนั้น ได้รับรายงานการชันสูตรเบื้องต้นแต่เพียงว่า สองศพถูกยิงเข้าจุดสำคัญส่งผลให้เสียชีวิตในทันที อีกศพถูกของมีคมแทงทะลุลำคอเสียชีวิตในทันทีเช่นเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถให้รายละเอียดถึงสาเหตุในการสังหารนี้ได้ แต่ได้ติดตามสกัดจับชายต้องสงสัยทั้งสองอยู่อย่างกระชั้นชิด และยังคงเปิดรับสายแจ้งเบาะแสอยู่เช่นเดิม หากท่านใดพบบุคคลต้องสงสัยทั้งสองนี้ ขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสมาตามหมายเลขด้านล่างนี้ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ . . . . ’
พายัพกุมรีโมททีวีสองมือ เขาเผลอขมวดนิ้วแน่นราวกับมันเป็นลำคอชายสองคนบนจอ อารมณ์เบื้องลึกเดือดดาล ผิดหวัง และคั่งแค้นกับไอ้คนลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ...ไอ้นี่ไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว มันคนเดียว แต่เก็บคนของเขาถึงสามคนได้อย่างไร? โดยเฉพาะ‘สิงห์ดำ’
มันไม่ใช่ตำรวจ เพราะรายงานข่าวย้ำชัดเจนว่า ตำรวจนายหนึ่งมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากคนสามคนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งคนสุดท้ายก็คือสิงห์ดำนั่นเอง
สิงห์ดำไม่ใช่ลูกน้องชั้นปลายแถว มันอยู่ในลำดับชั้น‘นักฆ่า’เสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้ ทำไมมันถึงพลาดชนิดที่...ไม่มีแม้แต่โอกาสได้กลับมาแก้ตัวกับเขาสักคำ มันด้อยฝีมือจากไอ้คนลึกลับถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
สามปีที่แล้ว
สิงห์ดำเป็นหนึ่งในจำนวนสามสิบรายชื่อจากสามสัญชาติ ซึ่งได้รับการเลือกเฟ้นและเข้าปฏิญาณตนกับองค์กรใหญ่ คนทั้งสามสิบคนได้รับการฝึกหนักตามสัญชาตญาณดิบของแต่ละคน ทุกคนผ่านบททดสอบลำดับชั้น‘นักฆ่า’ด้วยกันทั้งหมด แต่เมื่อถึงคราวคัดสุดยอดมือสังหาร สิงห์ดำถูกส่งกลับเมืองไทยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว หนึ่งใน‘สิบอสูรเงิน’มือสังหารระดับสูงสุดขององค์กร อาจจะมีชื่อ‘สิงห์ดำ’อยู่ในนั้นด้วยก็ได้
หนึ่งปีที่ถูกส่งมาตามล่าตัวไอ้เด็กซิ่ง แม้จะคลาดกับเป้าหมายหวุดหวิดมาหลายครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาสั่งให้สิงห์ดำ‘จับเป็น’แต่เพียงอย่างเดียว ความเด็ดขาดในการตามล่าของมัน หายไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่พอสั่งให้จัดการตามแต่เห็นสมควร ความผิดพลาดในคราวนี้กลับซ้ำร้ายไปกว่าเดิม อาการกระหายอยากเพื่อที่จะไถ่ถอนความผิด ทำให้มันร้อนรนจนผิดพลาด ความผิดพลาดชนิดสมควรตาย สมควรแล้วกับการถูกชำระโทษเยี่ยงนั้น หากมันกลับมาสารภาพผิดตรงหน้าเขา มันก็อาจถูกชำระโทษเช่นนั้นเหมือนกัน
ลางสังหรณ์บางอย่างกระตุ้นเตือนขึ้นมาในหัว เหตุการณ์ซึ่งกำลังเป็นไปอยู่ในขณะนี้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแค่การตามล่าตัวไอ้เด็กเวรนั่นเสียแล้ว มันยังมีเค้าทะมึนบางอย่างกำลังแผ่คลุมเข้ามาด้วยอีกต่างหาก
จู่ๆ ขณะที่ห้วงความคิดกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์จากสายเรียกเข้าก็พลันดังแทรกขึ้น
พายัพได้สติกลับสู่ปัจจุบัน เขามองไปยังลูกน้องเสมือนการส่งสัญญาณ พวกนั้นโค้งคำนับและลอบพ่นลมหายใจแผ่ว ที่ไม่เห็นเจ้านายบันดาลโทสะใดๆ ทั้งๆที่รายงานข่าวทีวีมันน่าจะจุดชนวนระเบิดสักลูก ทั้งคู่หายลับออกไปกับประตูบานใหญ่อย่างเงียบเชียบ
หมายเลขโชว์หน้าจอ ทำให้อากาศทึมทึบเพิ่มความกดดันขึ้นไปอีก ราวกับภายในห้องถูกบีบอัดเข้ามาด้วยรังสีบางอย่าง
“ครับ‼ นายท่าน” พายัพเอ่ยขึ้นก่อน
“บัดซบจริงๆเลย พวกแก”
รังสีพลาสม่าทะลุชั้นบรรยากาศเข้ามา และแตกประกายวาบ! มือซึ่งกุมเครื่องโทรศัพท์เย็นเยียบราวกับกระแสเลือดหยุดการไหลเวียนไปชั่วครู่ ภาพข่าวบนถนนวอล์คกิ้งสตรีทผุดแวบให้เห็นด้วยรู้สึกว่า เจ้านายก็คงกำลังมองเห็นอยู่เช่นกัน ภาพนั้นหายวับไปในเสี้ยววินาทีต่อมา ใบหน้าชายสูงวัยเชื้อชาติจีนคนหนึ่งปรากฎเแทรกขึ้นแทนที่
เขาคือ ‘ประมุของค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน’นั่นเอง
“เรื่องขี้ผงที่อุตส่าห์ให้แกมาจัดการ สุดท้ายมันก็ไม่ต่างไปจากให้พวกปลายแถวจัดการไม่มีผิด งานนี้ถึงแม้จะไม่ได้กำหนดเส้นตายเอาไว้ แต่แกก็ควรจะรู้ว่ามันสมควรแก่เวลาแล้วหรือยัง” คิดเอาไว้แล้วว่า เขาจะต้องได้ยินประโยคเช่นนี้ ตอนนี้ได้ยินแล้วชัดเจน อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มขึ้นทีละองศา มันเพิ่มขึ้นจนทำให้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศคล้ายกับกำลังโดนกระแสลมหน้าร้อนโถมถั่งเข้ามาหา
แม้น้ำเสียงสำเนียงจีนผสมไทยจะยังราบเรียบ แต่พายัพรู้ดีว่าเจ้านายใหญ่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์เช่นใด พออ้าปากจะเอ่ยคำพูด “ผม....”
“ครั้งนี้เราสูญเสียคนไปถึงสามคน แกว่าฉันควรต้องทำใจยังไง?” คำสนทนาซึ่งคล้ายกับไม่ต้องการรับฟังคำพูดอีกฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป “ไม่ต้องรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องใส่ใจเหมือนกับที่ผ่านๆมาเลยใช่มั๊ย? ลูกน้องแกตามหาเด็กคนหนึ่งมาเป็นปี สิ่งที่ได้มีแต่ความว่างเปล่า ฉันส่งแกมาจัดการ ก็ยังคงมีแต่ความว่างเปล่าเช่นเคย แล้วที่เฮงซวยไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่สารพัดหน่วยกำลังจ่อคอหอยแกเข้ามาทุกทิศทุกทางแล้ว แกรู้ตัวบ้างมั๊ย?‼ ” น้ำเสียงท้ายประโยค เย็นวาบไม่ต่างไปจากห้องทำงานกำลังถูกปรกคลุมเข้ามาด้วยม่านหิมะแทนกระแสลมร้อน
“ผม....” พายัพพยายามนึกหาคำอธิบาย
“ฟังเอาไว้ให้ดี!”
“ครับผม”
“ตอนนี้ไอ้แต้มมันมีคนคอยปกป้องอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถึงมันจะเป็นใคร ฝ่ายไหน อยู่ในที่ลับหรือที่แจ้ง มืออาชีพของเราเท่านั้นที่จะต่อกรกับมันได้ ภารกิจชิง‘ของสำคัญ’กลับคืนมา มันต้องแตกหักเสียแล้วกับไอ้พวกคอยขวางทาง ไอ้! อี! คนไหนเป็นเสี้ยนหนาม กำจัดพวกมันซะ!” เสียงทรงอำนาจ ตรึงให้เขานิ่งฟังแต่เพียงฝ่ายเดียว
คำพูดของเจ้านายสัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกและแยกย่อย สถานการณ์ต่างๆถูกแยกแยะให้ฟังคล้ายกับสั่งสอนอยู่ในที พายัพยังไม่ได้ยินคำคาดโทษจากเจ้านาย อากาศหายใจโล่งจมูกขึ้น ห้องทำงานเริ่มเข้าสู่สภาวะอุณหภูมิสมดุลย์ คำว่า‘มืออาชีพของเรา’ กระชากความทรงจำของเขาไปยังวันสาบานตนใหญ่ วันนั้น
ภาพในห้องลับกว้างขวางห้องหนึ่ง ผุดแว่บขึ้นในภวังค์
พายัพมองเห็นริมห้องซึ่งยกพื้นระดับเอวชัดเจน โต๊ะหินบนระเบียงตั้งรับแผ่นหินอ่อนสีเงินยวงยาวหนึ่งแขนสูงหนึ่งศอก กลางแผ่นหินสีนวล สัญลักษณ์สำคัญถูกแกะสลักขึ้นรูปเอาไว้มองเห็นเด่นตา มีตัวหนังสือจีนสามประโยคประทับรอยไหม้เอาไว้ราวกับลายมือทรงอำนาจจากมารอสูรที่ใดที่หนึ่ง
คนสิบคนกำลังนั่งคุกเเข่าอยู่กับพื้นเป็นแถวหน้ากระดาน เบื้องหน้าแท่นหิน
“ตอนนี้ถึงเวลาต้องใช้มือสังหารของเราแล้ว”
“ครับ‼ นายท่าน”
“ภายในอีกสองวัน ให้แกรอรับ‘สี่อสูรเงิน’ แล้วจัดการเรื่องราวทั้งหมดให้เรียบร้อยซะ! เกิดสถานการณ์แทรกซ้อนอะไรก็ตาม ไม่ต้องติดต่อกลับมาจนกว่างานจะลุล่วง จัดการทุกอย่างตามกฎของเราเท่านั้น จำไว้ให้ดี จัดการตามกฎของเรา”
คำสั่งนั้นหนักแน่น ชัดเจนยิ่งนัก “รับทราบครับ!”
กฎของเรา
พายัพจำคำปฏิญาณบนแผ่นหินสีเงินยวงได้เป็นอย่างดี แม้มันจะถูกสลักเป็นภาษาจีนเอาไว้ แต่สมาชิกทุกคนทั้งที่เป็นคนไทย ญี่ปุ่น จีน ทุกคนต่างรู้ดีกันว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร?
(มีต่อ)
๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 21
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** เดินหน้า **
‘พายัพ’นั่งเงียบมองจอทีวีติดผนัง ลูกน้องริมห้องสองคนสลับสายตาไปมาระหว่างหน้าจอทีวีกับใบหน้าเจ้านาย ทั้งสองยืนนิ่งราวกับหุ่นโชว์ชุดสูทในร้านหรูบนห้าง ความสงบเงียบ เปรียบประหนึ่งบรรยากาศก่อนห้างเปิดทำการไม่มีผืด
‘ . . . . ศพสามศพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งพิสูจน์แล้วนั้น ได้รับรายงานการชันสูตรเบื้องต้นแต่เพียงว่า สองศพถูกยิงเข้าจุดสำคัญส่งผลให้เสียชีวิตในทันที อีกศพถูกของมีคมแทงทะลุลำคอเสียชีวิตในทันทีเช่นเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถให้รายละเอียดถึงสาเหตุในการสังหารนี้ได้ แต่ได้ติดตามสกัดจับชายต้องสงสัยทั้งสองอยู่อย่างกระชั้นชิด และยังคงเปิดรับสายแจ้งเบาะแสอยู่เช่นเดิม หากท่านใดพบบุคคลต้องสงสัยทั้งสองนี้ ขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสมาตามหมายเลขด้านล่างนี้ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ . . . . ’
พายัพกุมรีโมททีวีสองมือ เขาเผลอขมวดนิ้วแน่นราวกับมันเป็นลำคอชายสองคนบนจอ อารมณ์เบื้องลึกเดือดดาล ผิดหวัง และคั่งแค้นกับไอ้คนลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ...ไอ้นี่ไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว มันคนเดียว แต่เก็บคนของเขาถึงสามคนได้อย่างไร? โดยเฉพาะ‘สิงห์ดำ’
มันไม่ใช่ตำรวจ เพราะรายงานข่าวย้ำชัดเจนว่า ตำรวจนายหนึ่งมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากคนสามคนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งคนสุดท้ายก็คือสิงห์ดำนั่นเอง
สิงห์ดำไม่ใช่ลูกน้องชั้นปลายแถว มันอยู่ในลำดับชั้น‘นักฆ่า’เสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้ ทำไมมันถึงพลาดชนิดที่...ไม่มีแม้แต่โอกาสได้กลับมาแก้ตัวกับเขาสักคำ มันด้อยฝีมือจากไอ้คนลึกลับถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
สามปีที่แล้ว
สิงห์ดำเป็นหนึ่งในจำนวนสามสิบรายชื่อจากสามสัญชาติ ซึ่งได้รับการเลือกเฟ้นและเข้าปฏิญาณตนกับองค์กรใหญ่ คนทั้งสามสิบคนได้รับการฝึกหนักตามสัญชาตญาณดิบของแต่ละคน ทุกคนผ่านบททดสอบลำดับชั้น‘นักฆ่า’ด้วยกันทั้งหมด แต่เมื่อถึงคราวคัดสุดยอดมือสังหาร สิงห์ดำถูกส่งกลับเมืองไทยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว หนึ่งใน‘สิบอสูรเงิน’มือสังหารระดับสูงสุดขององค์กร อาจจะมีชื่อ‘สิงห์ดำ’อยู่ในนั้นด้วยก็ได้
หนึ่งปีที่ถูกส่งมาตามล่าตัวไอ้เด็กซิ่ง แม้จะคลาดกับเป้าหมายหวุดหวิดมาหลายครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาสั่งให้สิงห์ดำ‘จับเป็น’แต่เพียงอย่างเดียว ความเด็ดขาดในการตามล่าของมัน หายไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่พอสั่งให้จัดการตามแต่เห็นสมควร ความผิดพลาดในคราวนี้กลับซ้ำร้ายไปกว่าเดิม อาการกระหายอยากเพื่อที่จะไถ่ถอนความผิด ทำให้มันร้อนรนจนผิดพลาด ความผิดพลาดชนิดสมควรตาย สมควรแล้วกับการถูกชำระโทษเยี่ยงนั้น หากมันกลับมาสารภาพผิดตรงหน้าเขา มันก็อาจถูกชำระโทษเช่นนั้นเหมือนกัน
ลางสังหรณ์บางอย่างกระตุ้นเตือนขึ้นมาในหัว เหตุการณ์ซึ่งกำลังเป็นไปอยู่ในขณะนี้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแค่การตามล่าตัวไอ้เด็กเวรนั่นเสียแล้ว มันยังมีเค้าทะมึนบางอย่างกำลังแผ่คลุมเข้ามาด้วยอีกต่างหาก
จู่ๆ ขณะที่ห้วงความคิดกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์จากสายเรียกเข้าก็พลันดังแทรกขึ้น
พายัพได้สติกลับสู่ปัจจุบัน เขามองไปยังลูกน้องเสมือนการส่งสัญญาณ พวกนั้นโค้งคำนับและลอบพ่นลมหายใจแผ่ว ที่ไม่เห็นเจ้านายบันดาลโทสะใดๆ ทั้งๆที่รายงานข่าวทีวีมันน่าจะจุดชนวนระเบิดสักลูก ทั้งคู่หายลับออกไปกับประตูบานใหญ่อย่างเงียบเชียบ
หมายเลขโชว์หน้าจอ ทำให้อากาศทึมทึบเพิ่มความกดดันขึ้นไปอีก ราวกับภายในห้องถูกบีบอัดเข้ามาด้วยรังสีบางอย่าง
“ครับ‼ นายท่าน” พายัพเอ่ยขึ้นก่อน
“บัดซบจริงๆเลย พวกแก”
รังสีพลาสม่าทะลุชั้นบรรยากาศเข้ามา และแตกประกายวาบ! มือซึ่งกุมเครื่องโทรศัพท์เย็นเยียบราวกับกระแสเลือดหยุดการไหลเวียนไปชั่วครู่ ภาพข่าวบนถนนวอล์คกิ้งสตรีทผุดแวบให้เห็นด้วยรู้สึกว่า เจ้านายก็คงกำลังมองเห็นอยู่เช่นกัน ภาพนั้นหายวับไปในเสี้ยววินาทีต่อมา ใบหน้าชายสูงวัยเชื้อชาติจีนคนหนึ่งปรากฎเแทรกขึ้นแทนที่
เขาคือ ‘ประมุของค์กรอสรพิษเขี้ยวเงิน’นั่นเอง
“เรื่องขี้ผงที่อุตส่าห์ให้แกมาจัดการ สุดท้ายมันก็ไม่ต่างไปจากให้พวกปลายแถวจัดการไม่มีผิด งานนี้ถึงแม้จะไม่ได้กำหนดเส้นตายเอาไว้ แต่แกก็ควรจะรู้ว่ามันสมควรแก่เวลาแล้วหรือยัง” คิดเอาไว้แล้วว่า เขาจะต้องได้ยินประโยคเช่นนี้ ตอนนี้ได้ยินแล้วชัดเจน อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มขึ้นทีละองศา มันเพิ่มขึ้นจนทำให้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศคล้ายกับกำลังโดนกระแสลมหน้าร้อนโถมถั่งเข้ามาหา
แม้น้ำเสียงสำเนียงจีนผสมไทยจะยังราบเรียบ แต่พายัพรู้ดีว่าเจ้านายใหญ่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์เช่นใด พออ้าปากจะเอ่ยคำพูด “ผม....”
“ครั้งนี้เราสูญเสียคนไปถึงสามคน แกว่าฉันควรต้องทำใจยังไง?” คำสนทนาซึ่งคล้ายกับไม่ต้องการรับฟังคำพูดอีกฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป “ไม่ต้องรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องใส่ใจเหมือนกับที่ผ่านๆมาเลยใช่มั๊ย? ลูกน้องแกตามหาเด็กคนหนึ่งมาเป็นปี สิ่งที่ได้มีแต่ความว่างเปล่า ฉันส่งแกมาจัดการ ก็ยังคงมีแต่ความว่างเปล่าเช่นเคย แล้วที่เฮงซวยไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่สารพัดหน่วยกำลังจ่อคอหอยแกเข้ามาทุกทิศทุกทางแล้ว แกรู้ตัวบ้างมั๊ย?‼ ” น้ำเสียงท้ายประโยค เย็นวาบไม่ต่างไปจากห้องทำงานกำลังถูกปรกคลุมเข้ามาด้วยม่านหิมะแทนกระแสลมร้อน
“ผม....” พายัพพยายามนึกหาคำอธิบาย
“ฟังเอาไว้ให้ดี!”
“ครับผม”
“ตอนนี้ไอ้แต้มมันมีคนคอยปกป้องอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถึงมันจะเป็นใคร ฝ่ายไหน อยู่ในที่ลับหรือที่แจ้ง มืออาชีพของเราเท่านั้นที่จะต่อกรกับมันได้ ภารกิจชิง‘ของสำคัญ’กลับคืนมา มันต้องแตกหักเสียแล้วกับไอ้พวกคอยขวางทาง ไอ้! อี! คนไหนเป็นเสี้ยนหนาม กำจัดพวกมันซะ!” เสียงทรงอำนาจ ตรึงให้เขานิ่งฟังแต่เพียงฝ่ายเดียว
คำพูดของเจ้านายสัมผัสได้ถึงความลุ่มลึกและแยกย่อย สถานการณ์ต่างๆถูกแยกแยะให้ฟังคล้ายกับสั่งสอนอยู่ในที พายัพยังไม่ได้ยินคำคาดโทษจากเจ้านาย อากาศหายใจโล่งจมูกขึ้น ห้องทำงานเริ่มเข้าสู่สภาวะอุณหภูมิสมดุลย์ คำว่า‘มืออาชีพของเรา’ กระชากความทรงจำของเขาไปยังวันสาบานตนใหญ่ วันนั้น
ภาพในห้องลับกว้างขวางห้องหนึ่ง ผุดแว่บขึ้นในภวังค์
พายัพมองเห็นริมห้องซึ่งยกพื้นระดับเอวชัดเจน โต๊ะหินบนระเบียงตั้งรับแผ่นหินอ่อนสีเงินยวงยาวหนึ่งแขนสูงหนึ่งศอก กลางแผ่นหินสีนวล สัญลักษณ์สำคัญถูกแกะสลักขึ้นรูปเอาไว้มองเห็นเด่นตา มีตัวหนังสือจีนสามประโยคประทับรอยไหม้เอาไว้ราวกับลายมือทรงอำนาจจากมารอสูรที่ใดที่หนึ่ง
คนสิบคนกำลังนั่งคุกเเข่าอยู่กับพื้นเป็นแถวหน้ากระดาน เบื้องหน้าแท่นหิน
“ตอนนี้ถึงเวลาต้องใช้มือสังหารของเราแล้ว”
“ครับ‼ นายท่าน”
“ภายในอีกสองวัน ให้แกรอรับ‘สี่อสูรเงิน’ แล้วจัดการเรื่องราวทั้งหมดให้เรียบร้อยซะ! เกิดสถานการณ์แทรกซ้อนอะไรก็ตาม ไม่ต้องติดต่อกลับมาจนกว่างานจะลุล่วง จัดการทุกอย่างตามกฎของเราเท่านั้น จำไว้ให้ดี จัดการตามกฎของเรา”
คำสั่งนั้นหนักแน่น ชัดเจนยิ่งนัก “รับทราบครับ!”
กฎของเรา
พายัพจำคำปฏิญาณบนแผ่นหินสีเงินยวงได้เป็นอย่างดี แม้มันจะถูกสลักเป็นภาษาจีนเอาไว้ แต่สมาชิกทุกคนทั้งที่เป็นคนไทย ญี่ปุ่น จีน ทุกคนต่างรู้ดีกันว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร?
(มีต่อ)