๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 19

กระทู้สนทนา
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

19

** ระห่ำเมือง **



“น่าจะเป็นอย่างที่พวกเราคาดหมายแล้วล่ะ ดูท่าพวกมันคงกินอะไรกันที่นี่แน่ นพดล” เสียงส่งมาในสายทำให้นพดลเปลี่ยนใจกับเครื่องดื่มริมทางซึ่งกำลังจะสั่ง

                 ก่อนที่เขาจะแยกตัวออกมาหาอะไรแก้ง่วง  นายตำรวจนพดลประเมินในใจแล้วว่า คนบนสำนักงานบริษัทเอ็มซีซีโปรดักซ์คงไม่มีใครออกมากินข้าวเที่ยงข้างนอกแน่นอน เพราะเขากับเพื่อนนายตำรวจธงรบเห็นพนักงานแมคโดนัลด์หิ้วถุงพะรุงพะรังขึ้นไปส่งบนอาคารสำนักงานของนายพายัพมาหมาดๆ

                 นายตำรวจไอทีหน่วยเหยี่ยวพิฆาตผละจากรถเข็นกาแฟโบราณ รู้สึกผ่อนคลายลงกับการเฝ้าจับตาเป้าหมายตามคำสั่งหัวหน้า อย่างน้อย ณ เวลานี้ก็พอมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง  วันนี้เขาเป็นคนขอออกมายืดเส้นยืดสายเอง เนื่องจากงานหน้าจอไม่มีความจำเป็นต้องอยู่เฝ้าเรื่องราวใด  นายตำรวจหนุ่มเดินมุ่งสู่ตึกตระหง่านเบื้องหน้าพลางพูดกับโทรศัพท์ไปด้วย

                 “งั้นผมจะขึ้นไปหากาแฟสดบนตึกคอมดีกว่า  เอาอะไรเพิ่มไหมนอกจากกาแฟร้อน”

                 “กาแฟอย่างเดียวพอแล้ว” ธงรบย้ำความต้องการเดิม

                 “โอเค งั้นรอแป๊บ  หากมีอะไรฉุกเฉินก็อย่างที่บอก โทรหาผมทันทีว่าจะออกมาทางซอยไหน จะได้ออกไปดักโดยเร็วที่สุด”

                 “ได้เลย”

                 ปลายสายวางหูไป  นายตำรวจหนุ่มไอทีเก็บโทรศัพท์เช่นกัน  เขาเข้าตึกคอมทางประตูด้านหลัง สอบถามผู้คนชั่วครู่ก็รู้แล้วว่าร้านกาแฟดีๆอยู่ตรงไหน พอถึงร้านกาแฟดัง  เขาสั่งม็อคค่าร้อนสองแก้วปิดฝา เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นกำลังรายงานข่าวเรื่องการระเบิดในบ้านหลังหนึ่งพอดี  นพดลนั่งลงกับเก้าอี้ว่างด้วยความสนใจ เขาจำได้ว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่จ่าเอกพลและเดชชาติเคยติดตามไปหาข่าวในคืนเกิดเหตุนั่นเอง

                 ในข่าวแจ้งความคืบหน้าเรื่องตรวจพบระเบิดพลาสติกอีกหลายลูก ระเบิดเหล่านั้นมีขนาดทั้งอานุภาพเล็กน้อยไปจนถึงอีกสองลูกที่สามารถยุบบ้านทั้งหลังได้ ใครเป็นคนซ่อนวัตถุอันตรายอย่างนั้นไว้ ตำรวจท้องที่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้  และเมื่อเจอคำถามตรงเป้าจากนักข่าวท้องถิ่นและจากสื่อใหญ่เข้าไป ตำรวจท้องที่ยิ่งตอบคำถามไม่ได้ กับคำถามที่ว่า มือวางระเบิดต้องการอะไร?

                 ภาพข่าวในจอเปลี่ยนไปเป็นเข่าวอื่น นพดลเปิดฝาจิบกาแฟแก้วตัวเอง ตั้งใจจะเช็กความเคลื่อนไหวจากข่าวเคเบิ้ลอีกสักพักแต่ก็ไม่มีข่าวใหม่ให้ชวนติดตาม  นายตำรวจหน่วยเหยี่ยวพิฆาตยืดตัวลุกขึ้น สายตาพลันสะดุดเข้ากับร่างบอบบางร่างหนึ่งอย่างไม่คาดฝัน

                 แม้จะเห็นเพียงด้านข้าง แต่นพดลจำได้แม่นยำว่า ไอ้เด็กหนุ่มหน้าเคาน์เตอร์เบื้องหน้ามันคือใคร?

                 ไอ้มดซิ่ง‼

                 มือสั่นเทาของนพดลล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหาธงรบทันที “ธงรบ! ผมจ๊ะเอ๋ไอ้เด็กที่เราตามหาเข้าแล้ว มันกำลังจ่ายค่ากาแฟอยู่ตรงหน้านี่เอง เอาไงดีเว้ยย...เอาไงดี.. เอาไงดี...” เขาพูดซ้ำๆในตอนท้ายเพราะทำอะไรต่อไม่ถูก

                 ธงรบก็เหมือนกับสะดุ้งตื่นจากหลับใน “ตายห่ะ! เอาไงดีล่ะทีนี้ หน้าบริษัทนี่ก็สำคัญ ไอ้เด็กเวรนี่ก็สำคัญ”

                 “ผมว่าไอ้เด็กนี่สำคัญกว่าแล้วล่ะ” นพดลสรุป “งั้นทิ้งที่นั่นก่อน เอารถมาชะลอหลังตึกคอมเลย มีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวผมจะติดต่อไปใหม่”

                 นายตำรวจฝ่ายข้อมูลวางสาย ไอ้หนุ่มร่างเล็กเบื้องหน้าเขากำลังเดินออกจากเคาน์เตอร์  ในมือถือกาแฟร้อนสองแก้วพลาสติก  นพดลรู้แล้วว่าไอ้เด็กนี่มีคนรอกาแฟอีกแก้วเหมือนเขากับธงรบแน่นอน ดี! ความโชคดีวันนี้กำลังยกกำลังสองให้แล้ว  แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกก็คือ สะกดรอยตามไอ้เด็กนี่ไปก่อน

                 ความโชคดีตามมาเป็นยกกำลังสาม เมื่อลิฟต์คับแคบราวกับป้อมเก็บเงินทางด่วนนั้นเต็ม ไอ้มดซิ่งจึงไม่ได้ชวนเขาเข้าไปเบียดเสียดผู้คนในนั้นด้วย  บันไดเลื่อนโล่งสบายๆ จึงเป็นตัวเลือกแทน



แต้มจำคำสั่งผู้พันจามรและพี่เมฆาได้ดีว่า หากขึ้นมาถึงชั้นสี่ ให้แวะรายทางตามร้านอื่นเป็นระยะ แวะไปด้วยคุยไปด้วย ถ่วงเวลาเสร็จแล้วแวะร้านต่อไป และก่อนถึงร้านเมฆาเซอร์วิสให้หยุดก่อนหน้านั้นสองร้าน เพื่อให้เมฆาเช็กคนสะกดรอยตามจากกล้องวงจรปิดในซอกทางเดินเสียก่อน

                 ไอ้หนุ่มหน้าตี๋ทำตามกฎทุกขั้นตอน เขาแวะคุยกับร้านโน้นร้านนี้ทั้งๆที่ไม่รู้จักมักคุ้น แต้มทักไล่มาตั้งแต่ร้านที่หนึ่ง ร้านที่สอง ร้านที่สาม ร้านที่สี่ จนกระทั่งมาหยุดลงกับร้านที่ห้าก่อนจะถึงร้านเมฆาเซอร์วิสอีกสองล็อก

                 “มีอะไรตามหลังผมมั๊ย พี่เมฆา” แต้มกรอกเสียงกับสมอลล์ทอล์ค

                 เสียงตอบกลับมาเล่นเอาสองขาสั้นแทบหยุดก้าว “มีสิ! งานเข้าแล้วว่ะไอ้น้อง นายคุยกับร้านนั้นซักพักนะแล้วค่อยเดินมา แล้วผ่านร้านพี่ไปเลยไม่ต้องแวะ” เมฆาขยายมุมมองซอกทางเดิน เขาหยิบผ้ากันฝุ่นขึ้นปิดปาก คล้องสายยางยืดกับสองหู คว้ากระป๋องสเปย์นํ้ามันติดมือขึ้นมา

                 แต้มถ่วงเวลากับร้านที่ห้าชั่วครู่ ก่อนจะผละออกมาและผ่านหน้าร้านชายหนุ่มรุ่นพี่ไป  พอผ่านได้สองร้าน เด็กหนุ่มหน้าจีนหยุดแวะร้านที่หกอีกร้าน และนั่นเอง ร้านเมฆาเซอร์วิสก็ได้ต้อนรับชายแปลกหน้ารูปร่างสันทัดผู้หนึ่ง

                 ไอ้นี่มาพร้อมกับกาแฟสองแก้ว แบบนี้มันต้องมีคู่หูมาด้วยแล้วสิ.... เมฆาคิดในใจ

                 กล้องวงจรปิดของเมฆาซูมเข้าหารองเท้าแขกผู้มาเยือนทันที  รองเท้าหนังแก้วสีดำมันวับ มองตาเดียวก็รู้แล้วว่าคนสวมเป็นพวกใด? กางเกงสแล็คอัดจีบคม เสื้อตัวนอกที่สวมราวกับเมืองพัทยามีหิมะตกทำให้เมฆารู้แล้วว่า ระหว่างเสื้อแจ็คเก็ตตัวโคร่งกับเสื้อเชิ้ตตัวใน แน่ใจได้เลยว่ามันต้องหนีบปืนในซองใต้รักแร้มาด้วย

                 เจ้าของร้านเมฆาเซอร์วิสเงยหน้าขึ้น ผ้าปิดจมูกผืนใหญ่ซ่อนใบหน้าครึ่งใบเอาไว้มิดชิด แขกร่างสันทัดแกล้งสนใจสินค้าหน้าร้าน  ก่อนหน้านี้เพียงนาทีเดียว เมฆาฉีดน้ำมันโซเน็กซ์ฟุ้งรอต้อนรับอยู่แล้ว  พอร่างสันทัดยืนสูดหายใจหน้าร้านชั่วครู่ กลิ่นน้ำมันเหม็นหืนราวกับอยู่ในอู่ถ่ายน้ำมันเครื่องก็ออกฤทธิ์ แขกผู้มากับรองเท้าหนังแก้วหมุนตัวขวับก่อนจะเดินออกจากหน้าร้านไปด้วยอาการหายใจฟืดฟาด

                 “เอาไงครับพี่เมฆา” แต้มส่งเสียงเข้าเอียร์โฟนมาใหม่

                 “เบี่ยงเบนความสนใจ แล้วลงไปเจอกันข้างล่างทางฝั่งซ้าย เดี๋ยวพี่จะตามลงไป”

                 “ครับ”

                 “จำกฎสำหรับนายได้ใช่มั๊ย หากจวนตัวต้องทำไง”

                 “วิ่งอย่างเดียวครับ”

                 เมฆาลุกจากโต๊ะทำงาน เขาปิดร้านด้วยเวลาเพียงนาทีเดียวก่อนจะก้าวแกมวิ่งออกจากหน้าร้านไป ความรีบร้อนทำให้ได้ยินเสียงจากเพื่อนบ้านร้านเคียงดังหวิวโหวง

                 “เฮ๊ย... ปิดร้านอีกแล้วเร๊อะ เมฆา”



แต้มลงมาถึงชั้นล่างด้วยบันไดเลื่อนเหมือนเดิม เขาคอยมองกระจกสะท้อนตามตู้สินค้าที่ผ่านมาเพื่อเช็กความเคลื่อนไหวเป็นระยะ  ชายคนหนึ่งเกาะติดมาราวกับเขากำลังจะพาไปหาขุมสมบัติอะไรสักอย่าง แต้มทิ้งกาแฟหนึ่งแก้วตั้งแต่แวะร้านขายแท็บเล็ตชั้นสี่แล้ว  ตอนนี้จึงต้องเปิดฝาแก้วที่เหลือดื่มเพื่อทำตัวให้เห็นว่ามาคนเดียว เขาเดินผ่านร้านโซนี่ชั้นล่างแล้วทะลุออกประตูทางฝั่งซ้ายของตึกคอม

                 พอหลุดบานประตูกระจกออกมาเท่านั้นเอง คนซึ่งแต้มไม่คิดอยากจะเจอะเจอก็ปรากฎเข้ามาในสายตา‼

                 แต้มมองเห็น‘สิงห์ดำ’ยืนมองมาจากบาทวิถีอีกฟากพร้อมกับลูกน้องคนหนึ่ง ไอ้มดซิ่งมองกลับมาทางข้างหลังตัวเอง  ชายผู้ตามติดเขามาโดยตลอดยังคงตามติดอยู่เช่นเดิม  คนทั้งสองฝั่งพวกนี้มันต้องเป็นคนของอาเจ็กหลิวเกาแน่...  คิดได้แค่นั้น เสียงผู้พันในภวังค์ก็กระหึ่มขึ้น

                 ‘  กฎที่นายต้องจำติดหัวไว้เสมอ ....หากเจอสิ่งไม่ชอบมาพากลตรงหน้า วิ่งอย่างเดียวเท่านั้นที่นายต้องทำ....’

                 เร็วเท่าความคิด แก้วกาแฟถูกขว้างทิ้ง สองขาสั้นของคนตัวเล็กพุ่งออกจากจุดสตาร์ทในทันที‼


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่