ความเดิมจากตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36695065 ** บทนำ **
https://ppantip.com/topic/36707713 1 ** หน่วยเหยี่ยวพิฆาต **
https://ppantip.com/topic/36722529 2 ** ลางร้าย **
https://ppantip.com/topic/36739946 3 ** ตัวเชื่อมโยง **
https://ppantip.com/topic/36754111 4 ** เรียกตัว **
https://ppantip.com/topic/36768151 5 ** พร้อมหน้า **
https://ppantip.com/topic/36781641 6 ** ชายชราผมดอกเลา**
https://ppantip.com/topic/36798608 7 ** เตรียมแผนการ **
https://ppantip.com/topic/36823217 8 ** เป็นไปตามแผน **
https://ppantip.com/topic/36846614 9 ** พร้อมรับมือ **
https://ppantip.com/topic/36856028 10 ** ร่องรอยเรื่องราว **
11
** หยั่งเชิง **
... โกดังกว้างขวาง หลังคายกสูงคล้ายโรงยิมเนเซียมสำหรับใช้แข่งขันกีฬาในร่ม ณ เวลานี้ การแข่งขันแบบไร้คนดู ไร้กองเชียร์ และไร้กระทั่งกรรมการกำลังขมวดความระห่ำเข้ามาทุกขณะในช่วงใกล้หมดเวลา สองทีมปะทะกันดุเดือดยิ่งขึ้น ท่ามกลางสิ่งกีดขวางระเกะระกะไปด้วยลังไม้น้อยใหญ่เสมือนค่ายกล หลายด่านค่ายกลเละเทะเสียรูปทรง เพราะเจออาวุธซึ่งใช้ในการแข่งขันฉีกกระจุยปลิวว่อนเป็นเศษเล็กเศษน้อย
และแล้ว เสียงข่มขวัญจากอาวุธทีมเยือนชนิดหนึ่งก็แผดสนั่นขึ้น
บึ้ม ‼
สิ้นเสียงทึบบีบหัวใจ ปรากฎกลุ่มควันสีขาวหนาแน่นเป็นก้อนเมฆตามมาในทันที ทางฟากพื้นที่ตั้งรับของทีมเหย้า
‘แต้ม ’อาศัยจังหวะนั้นเปลี่ยนตำแหน่ง เด็กหนุ่มม้วนร่างบอบบางกลิ้งตัวไปข้างหน้า ลุกขึ้นแนบหลังกับลังไม้ใบใหม่ และเปลี่ยนไปอีกลัง และอีกลังเมื่อได้จังหวะยามเมื่อเสียงปืนเว้นวรรคหยุดหายใจในแต่ละครั้ง
เขามองเห็นกรอบช่องประตูเล็กอยู่ไม่ไกลจากสายตา ตรงนั้นมีคนของอาเจ็กหลิวเกาสองคนนั่งบังเหลี่ยมกรอบประตูคนละข้าง ทั้งสองนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง ประทับปืนขึ้นกระหน่ำโต้กลับเมื่อฝ่ายตรงข้ามเงียบเสียง
แล้ว... ประกายไฟจากปากกระบอกปืนทีมเยือนก็สาดเข้ามาระลอกใหม่เมื่อฝ่ายตั้งรับหยุดสำลักควันไอขรม แต้มมองเห็นกลุ่มคนสวมหมวกจ็อกกี้ซึ่งตอนนี้คาดหน้ากากปิดจมูกคล้ายหมาจิ้งจอกผีรุกคืบเข้ามา ละอองควันกลิ่นฉุนปะทะจมูกเข้าเต็มๆ แต้มปิดปากหลับตา หูได้ยินเสียงเรียกข้างๆ
‘เอ๊า ‼ ไอ้หนุ่ม ’ ชายคนนั้นโยนผ้าเปียกน้ำเหมือนเตรียมไว้ล่วงหน้ามาให้เขา ‘อุดปากอุดจมูก หลับตาไว้ ’ ไม่ต้องบอก แต้มก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เด็กหนุ่มคว้าผ้าเปียกขึ้นโปะหน้าทันที เสียงปืนชุดหลังคล้ายกับไม่มีการหยุดหายใจเสียแล้ว เพราะมันดังไม่ขาดตอนเลยแม้แต่เสี้ยววินาที แต้มเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดซึ่งมีพลังขับดันขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาแง้มผ้าเปียกน้ำมองทางและวิ่งก้มตัวเข้าหาช่องประตูเบื้องหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼
เขาพ้นวิถีกระสุนไล่หลังมาได้อย่างหวุดหวิด ในขณะคนของอาเจ็กหลิวเกาผงะหมุนติ้วไปกับห่ากระสุนที่สาดตามหลังมา แต้มไม่ใส่ใจ สมองสั่งอยู่อย่างเดียวคือ วิ่ง ‼ วิ่ง ‼ วิ่ง ‼ และขณะนี้ไม่รู้แล้วล่ะว่า น้ำชุ่มเสื้อของเขาเป็นน้ำอะไรบ้าง เพราะตอนนี้มันมีกลิ่นคาวของอะไรสักอย่างติดอกเสื้อมาด้วย
หลุดออกมาสู่ด้านนอกซอกทางเดินแคบ แต้มจำได้ว่าห้องเล็กๆทางขวามือนั้น รถ‘มาสด้า RX 7 ’คู่ใจจอดรอเขาอยู่ มันเสร็จสิ้นกระบวนการ‘เปลี่ยนถ่าย’ของบางสิ่งบางอย่างเรียบร้อยแล้ว รอเพียงเขาขึ้นคล้องคอพามันวิ่งกลับบ้านเท่านั้นเอง
เพราะพื้นที่นี้เป็นถิ่นของทีมเจ้าบ้าน ฉะนั้น คนของอาเจ็กหลิวเกาจึงโผล่เสริมออกมาจากมุมมืดไม่ขาดสาย แต่จำนวนของฝ่ายเจ้าถิ่นกลับลดน้อยลงไปทุกที เมื่อปลิดปลิวร่วงลงราวกับใบไม้โดนปลิดขั้ว
แค่เห็นคนตายต่อหน้าต่อตาครั้งแรกในชีวิต นั่นก็ทำให้หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ตอนนี้แต้มยิ่งรู้สึกตัวว่า‘ฝ่ายของตัวเอง’ ใช่ ต้องเรียกอย่างนั้นจริงๆ ฝ่ายของเขาเองกำลังตกเป็นฝ่ายถูกบีบเข้ามาทุกขณะ
มีชายอีกสองคนประชิดเข้ามาหาเขาเพื่อคุ้มกันให้ แต้มรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันเพราะสองคนนั้นยิงโต้ตอบไปทางฝ่ายหน้ากากหมาจิ้งจอกผี แต้มถอย คนพวกนั้นก็ถอยหลังตาม ถอยพลางสาดกระสุนพลาง แล้วแต้มก็มาถึงรถสปอร์ตสีน้ำเงินเทาของตัวเอง
เสียงเครื่องยนต์ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีกระหึ่มขึ้น หลังจากแต้มมุดตัวเข้าประจำที่เรียบร้อย เขากะพริบตาหลายครั้งเพื่อไล่ความฝ้ามัวและแสบนัยน์ตา ป้ายหน้าอีกหลายครั้งด้วยผ้าเปียกน้ำในมือ พร้อมทั้งพ่นจมูกฟึดฟาดขับไล่กลิ่นฉุนติดจมูกออกไป
สมาธิพร้อมแล้ว
มือประสานกับเท้า .. เท้าสัมพันธ์กับใจ
เอี๊ยดด....‼
แต้มพารถคู่ใจพุ่งไปตามทางแคบด้วยความเร็ว เบื้องหน้าทางออกเปิดโล่งอย่างเป็นใจ
ทว่า
เบื้องหน้าไม่ไกลนั้น เขามองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยกปืนพกเล็งดิ่งมายังกระจกหน้ารถ วิถีเป้าของมันตรงกับกลางแสกหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัด แต้มหักขวาทันที‼
เขาเจอแท่นทางรถขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ แต้มกุมพวงมาลัยแน่น ลดเกียร์ต่ำ กดแป้นคันเร่งสุดแรงเท้าเมื่อรถตะกุยขึ้นแท่นปูน‼
เฟี้ยวว.... ‼
เปรี้ยง ‼ ปัง ‼
“ฉันกับผู้กองตกตะลึงจนยิงพลาดด้วยกันทั้งคู่” น้ำเสียงของจ่าเอกพลแฝงไปด้วยความมันเขี้ยว “รถคันนั้นทะยานทะลุแผงรั้วเมทัลชีสผ่านไปต่อหน้าต่อตาเฉยเลย”
“หน่วยปอปอสอล้อมไว้หมดทุกทิศทุกทาง แล้วตรงนั้นไม่มีใครเฝ้าเหรอ” นายสิบตำรวจธงรบถามขึ้น
จ่าเอกพลพยักหน้า “ใช่ ล้อมไว้จริง แต่ไม่มีใครสนใจเฝ้าจุดนั้นหรอก เพราะแผงแนวรั้วนั้นมีสิ่งเดียวที่จะกระโจนออกไปได้ก็คือไอ้รถผีระหํ่าคันนี้ล่ะ‼” เขาชี้ลงไปยังภาพบนโต๊ะซึ่งมีเด็กหนุ่มหน้าจีนยืนพิงแก้มรถถ่ายรูปเต็มตัวอยู่อย่างตั้งใจ “แล้วใครจะคาดคิดว่า จะมีคนบ้าดีเดือดพารถยนต์เหาะออกมาอย่างนั้น”
เหตุการณ์คืนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทุกเหตุการณ์ ประกอบกับความมืดผสมผสานอยู่แทบทุกจุดตามมุมอับและมุมสลัว เอกพลจึงไม่แน่ใจว่า คืนนั้น คนที่ขับรถลอยผ่านหน้าเขากับผู้กองปรางค์ทิพย์ไป คือ
‘ไอ้มดซิ่ง’ในรูปถ่ายนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ รถคันนั้นคือรถมาสด้าสีน้ำเงินเทาคันนี้แน่นอน
โดยเฉพาะสปอยเลอร์ท้ายแสนสะดุดตา อย่างที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าขณะนี้
“แล้วจ่ากับผู้กองไม่จ๊ะเอ๋กับหน่วยปอปอสอเข้าเหรอ” คราวนี้เดชชาติถามขึ้น
“ไม่ได้เจอกันเลย” เอกพลเอ่ยชัดเจน “เพราะเรามัวแต่ไล่ตามไอ้รถผีออกไป ในขณะทีมของเราอีกห้าคนโผล่เข้ามาพอดี”
( ** MAZDA RX 7 ** )
(มีต่อ)
๏ ล่าสะท้านเมือง ๏ บทที่ 11
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** หยั่งเชิง **
... โกดังกว้างขวาง หลังคายกสูงคล้ายโรงยิมเนเซียมสำหรับใช้แข่งขันกีฬาในร่ม ณ เวลานี้ การแข่งขันแบบไร้คนดู ไร้กองเชียร์ และไร้กระทั่งกรรมการกำลังขมวดความระห่ำเข้ามาทุกขณะในช่วงใกล้หมดเวลา สองทีมปะทะกันดุเดือดยิ่งขึ้น ท่ามกลางสิ่งกีดขวางระเกะระกะไปด้วยลังไม้น้อยใหญ่เสมือนค่ายกล หลายด่านค่ายกลเละเทะเสียรูปทรง เพราะเจออาวุธซึ่งใช้ในการแข่งขันฉีกกระจุยปลิวว่อนเป็นเศษเล็กเศษน้อย
และแล้ว เสียงข่มขวัญจากอาวุธทีมเยือนชนิดหนึ่งก็แผดสนั่นขึ้น
บึ้ม ‼
สิ้นเสียงทึบบีบหัวใจ ปรากฎกลุ่มควันสีขาวหนาแน่นเป็นก้อนเมฆตามมาในทันที ทางฟากพื้นที่ตั้งรับของทีมเหย้า
‘แต้ม ’อาศัยจังหวะนั้นเปลี่ยนตำแหน่ง เด็กหนุ่มม้วนร่างบอบบางกลิ้งตัวไปข้างหน้า ลุกขึ้นแนบหลังกับลังไม้ใบใหม่ และเปลี่ยนไปอีกลัง และอีกลังเมื่อได้จังหวะยามเมื่อเสียงปืนเว้นวรรคหยุดหายใจในแต่ละครั้ง
เขามองเห็นกรอบช่องประตูเล็กอยู่ไม่ไกลจากสายตา ตรงนั้นมีคนของอาเจ็กหลิวเกาสองคนนั่งบังเหลี่ยมกรอบประตูคนละข้าง ทั้งสองนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง ประทับปืนขึ้นกระหน่ำโต้กลับเมื่อฝ่ายตรงข้ามเงียบเสียง
แล้ว... ประกายไฟจากปากกระบอกปืนทีมเยือนก็สาดเข้ามาระลอกใหม่เมื่อฝ่ายตั้งรับหยุดสำลักควันไอขรม แต้มมองเห็นกลุ่มคนสวมหมวกจ็อกกี้ซึ่งตอนนี้คาดหน้ากากปิดจมูกคล้ายหมาจิ้งจอกผีรุกคืบเข้ามา ละอองควันกลิ่นฉุนปะทะจมูกเข้าเต็มๆ แต้มปิดปากหลับตา หูได้ยินเสียงเรียกข้างๆ
‘เอ๊า ‼ ไอ้หนุ่ม ’ ชายคนนั้นโยนผ้าเปียกน้ำเหมือนเตรียมไว้ล่วงหน้ามาให้เขา ‘อุดปากอุดจมูก หลับตาไว้ ’ ไม่ต้องบอก แต้มก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เด็กหนุ่มคว้าผ้าเปียกขึ้นโปะหน้าทันที เสียงปืนชุดหลังคล้ายกับไม่มีการหยุดหายใจเสียแล้ว เพราะมันดังไม่ขาดตอนเลยแม้แต่เสี้ยววินาที แต้มเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดซึ่งมีพลังขับดันขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาแง้มผ้าเปียกน้ำมองทางและวิ่งก้มตัวเข้าหาช่องประตูเบื้องหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼ ปัง ‼
เขาพ้นวิถีกระสุนไล่หลังมาได้อย่างหวุดหวิด ในขณะคนของอาเจ็กหลิวเกาผงะหมุนติ้วไปกับห่ากระสุนที่สาดตามหลังมา แต้มไม่ใส่ใจ สมองสั่งอยู่อย่างเดียวคือ วิ่ง ‼ วิ่ง ‼ วิ่ง ‼ และขณะนี้ไม่รู้แล้วล่ะว่า น้ำชุ่มเสื้อของเขาเป็นน้ำอะไรบ้าง เพราะตอนนี้มันมีกลิ่นคาวของอะไรสักอย่างติดอกเสื้อมาด้วย
หลุดออกมาสู่ด้านนอกซอกทางเดินแคบ แต้มจำได้ว่าห้องเล็กๆทางขวามือนั้น รถ‘มาสด้า RX 7 ’คู่ใจจอดรอเขาอยู่ มันเสร็จสิ้นกระบวนการ‘เปลี่ยนถ่าย’ของบางสิ่งบางอย่างเรียบร้อยแล้ว รอเพียงเขาขึ้นคล้องคอพามันวิ่งกลับบ้านเท่านั้นเอง
เพราะพื้นที่นี้เป็นถิ่นของทีมเจ้าบ้าน ฉะนั้น คนของอาเจ็กหลิวเกาจึงโผล่เสริมออกมาจากมุมมืดไม่ขาดสาย แต่จำนวนของฝ่ายเจ้าถิ่นกลับลดน้อยลงไปทุกที เมื่อปลิดปลิวร่วงลงราวกับใบไม้โดนปลิดขั้ว
แค่เห็นคนตายต่อหน้าต่อตาครั้งแรกในชีวิต นั่นก็ทำให้หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ตอนนี้แต้มยิ่งรู้สึกตัวว่า‘ฝ่ายของตัวเอง’ ใช่ ต้องเรียกอย่างนั้นจริงๆ ฝ่ายของเขาเองกำลังตกเป็นฝ่ายถูกบีบเข้ามาทุกขณะ
มีชายอีกสองคนประชิดเข้ามาหาเขาเพื่อคุ้มกันให้ แต้มรู้ว่าเป็นพวกเดียวกันเพราะสองคนนั้นยิงโต้ตอบไปทางฝ่ายหน้ากากหมาจิ้งจอกผี แต้มถอย คนพวกนั้นก็ถอยหลังตาม ถอยพลางสาดกระสุนพลาง แล้วแต้มก็มาถึงรถสปอร์ตสีน้ำเงินเทาของตัวเอง
เสียงเครื่องยนต์ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาอย่างดีกระหึ่มขึ้น หลังจากแต้มมุดตัวเข้าประจำที่เรียบร้อย เขากะพริบตาหลายครั้งเพื่อไล่ความฝ้ามัวและแสบนัยน์ตา ป้ายหน้าอีกหลายครั้งด้วยผ้าเปียกน้ำในมือ พร้อมทั้งพ่นจมูกฟึดฟาดขับไล่กลิ่นฉุนติดจมูกออกไป
สมาธิพร้อมแล้ว
มือประสานกับเท้า .. เท้าสัมพันธ์กับใจ
เอี๊ยดด....‼
แต้มพารถคู่ใจพุ่งไปตามทางแคบด้วยความเร็ว เบื้องหน้าทางออกเปิดโล่งอย่างเป็นใจ
ทว่า
เบื้องหน้าไม่ไกลนั้น เขามองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยกปืนพกเล็งดิ่งมายังกระจกหน้ารถ วิถีเป้าของมันตรงกับกลางแสกหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัด แต้มหักขวาทันที‼
เขาเจอแท่นทางรถขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ แต้มกุมพวงมาลัยแน่น ลดเกียร์ต่ำ กดแป้นคันเร่งสุดแรงเท้าเมื่อรถตะกุยขึ้นแท่นปูน‼
เฟี้ยวว.... ‼
เปรี้ยง ‼ ปัง ‼
“ฉันกับผู้กองตกตะลึงจนยิงพลาดด้วยกันทั้งคู่” น้ำเสียงของจ่าเอกพลแฝงไปด้วยความมันเขี้ยว “รถคันนั้นทะยานทะลุแผงรั้วเมทัลชีสผ่านไปต่อหน้าต่อตาเฉยเลย”
“หน่วยปอปอสอล้อมไว้หมดทุกทิศทุกทาง แล้วตรงนั้นไม่มีใครเฝ้าเหรอ” นายสิบตำรวจธงรบถามขึ้น
จ่าเอกพลพยักหน้า “ใช่ ล้อมไว้จริง แต่ไม่มีใครสนใจเฝ้าจุดนั้นหรอก เพราะแผงแนวรั้วนั้นมีสิ่งเดียวที่จะกระโจนออกไปได้ก็คือไอ้รถผีระหํ่าคันนี้ล่ะ‼” เขาชี้ลงไปยังภาพบนโต๊ะซึ่งมีเด็กหนุ่มหน้าจีนยืนพิงแก้มรถถ่ายรูปเต็มตัวอยู่อย่างตั้งใจ “แล้วใครจะคาดคิดว่า จะมีคนบ้าดีเดือดพารถยนต์เหาะออกมาอย่างนั้น”
เหตุการณ์คืนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทุกเหตุการณ์ ประกอบกับความมืดผสมผสานอยู่แทบทุกจุดตามมุมอับและมุมสลัว เอกพลจึงไม่แน่ใจว่า คืนนั้น คนที่ขับรถลอยผ่านหน้าเขากับผู้กองปรางค์ทิพย์ไป คือ‘ไอ้มดซิ่ง’ในรูปถ่ายนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ รถคันนั้นคือรถมาสด้าสีน้ำเงินเทาคันนี้แน่นอน
โดยเฉพาะสปอยเลอร์ท้ายแสนสะดุดตา อย่างที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าขณะนี้
“แล้วจ่ากับผู้กองไม่จ๊ะเอ๋กับหน่วยปอปอสอเข้าเหรอ” คราวนี้เดชชาติถามขึ้น
“ไม่ได้เจอกันเลย” เอกพลเอ่ยชัดเจน “เพราะเรามัวแต่ไล่ตามไอ้รถผีออกไป ในขณะทีมของเราอีกห้าคนโผล่เข้ามาพอดี”
( ** MAZDA RX 7 ** )
(มีต่อ)