ในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาชาวคาตาลันต่างเรียกร้องเอกราช (ก็มีบางส่วนที่ยังคงอยากรวมกับสเปน) ทำประชามติ เพื่อเอกราชของคาตาโลเนีย ต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม 2560 รัฐสภาคาคาโลเนียประกาศเอกราชฝ่ายเดียว สาเหตุในการขอเเยก อาจมีทั้งเศรษฐกิจ ทั้งกีฬา ทั้งวัฒนธรรม เเต่ในที่นี้จะเสนอในมุมมองของประวัติศาสตร์เท่านั้น ซึ่งมีหลายตอน ผิดพลาดประการใด เช่น เเปลผิด ข้อมูลผิด ก็เเจ้งได้ หรือ ถกเถี่ยงกัน เพื่อความรู้ต่อไป
(คอนที่1
https://ppantip.com/topic/36941336 เเละ ตอนที่2
https://ppantip.com/topic/36945135 ตอนที่3
https://ppantip.com/topic/36948232 ตอนที่4
https://ppantip.com/topic/36958700 เเละตอนที่5
https://ppantip.com/topic/36962780 ตอนที่6
https://ppantip.com/topic/36967458 เเละตอนที่7
https://ppantip.com/topic/36973144 ตอนที่8
https://ppantip.com/topic/36985242ตอนที่9 https://ppantip.com/topic/36988968 ตอนที่10
https://ppantip.com/topic/36993192 ตอนที่11
https://ppantip.com/topic/36997321 ตอนที่12
https://ppantip.com/topic/37016757 ตอนที่13
https://ppantip.com/topic/37020177ตอนที่14 https://ppantip.com/topic/37026729 ตอนที่15
https://ppantip.com/topic/37030059 ตอนที่16
https://ppantip.com/topic/37037544 ตอนที่17
https://ppantip.com/topic/37041067 เเละตอนที่18
https://ppantip.com/topic/37044493 )
จากตอนที่19
https://ppantip.com/topic/37047778 เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมืองสเปน รัฐบาลสาธารณรัฐที่2 นำโดยรักษาการณ์ประธานาธิบดีJosé Miaja ซึ่งมีอุดมการณ์สังคมนิยม-อนาธิปไตยลี้ภัยไปยังต่างประเทศ กลุ่มกบฏFalangeนำโดยนายพลFrancisco Franco ผู้ชนะสงครามกลาางเมือง ได้ประกาศล้มล้างสาธารณรัฐสเปนที่2 เเล้วจัดตั้งรัฐสเปน(Spanish State) ซึ่งปกครองโดยระบบเผด็จการขวาจัดเเทนขึ้นเเทน โดยมีนายพลFrancisco Francoเป็นประธานาธิบดีเเละนายกรัฐมนตรีคนเเรก(ภายหลังจบสงครามการเมือง) เรียกในภาษาสเปนว่า "Caudillo (ท่านผู้นำ)" เเล้วมีสภานิติบัญญัติเเห่งชาติทำหน้าที่นิติบัญญัติ ภายใต้ธรรมนูญการปกครองปี1942 ให้สเปนเป็นรัฐเดี่ยว เเต่มีสิทธิในเเต่ละเเคว้นการปกครองตนเอง เเต่อยู่ภายใต้ศูนย์กลางที่มาดริด ให้ภาษาสเปน(มีรากฐานจากภาษาคาสติล)เป็นภาษาราชการ ห้ามพูดภาษาท้องถิ่นในทางราชการเเละที่สาธารณะ พยายามสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้เเก่ประเทศ โดยเฉพาะทางวัฒนธรรม เช่น การทำนุบำรุงศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ที่ถูกละเลยในยุคสาธารณรัฐ การสร้างอัตลักษณ์ร่วมกันของสเปน
ในยุคนี้ได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่2 (1939-1945) ในความจริงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การขึ้นสู่อำนาจของท่านผู้นำFrancisco Franco ล้วนมาจาการสนับสนุนของฝ่ายอักษะ เเต่ท่านพยายามประคับประคองความเป็นกลางมาตลอด ไม่ประกาศสงคราอย่างเป็นทางการกับฝ่ายใด เพราะบาดเเผลจากสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจบในต้นปี1939 เเต่ก็ตอบเเทนบุญคุณโดยการสนับสนุนวัตถุดิบทางทหารให้เเก่ฝ่ายอักษะ เเละท่านก็ไม่ได้ห้ามทหารสเปนขึ้นไปอาสาทำศึกให้ฝ่ายต่างๆในฐานะส่วนตัว ซึ่งไปเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมฝ่ายอักษะ โดยเข้าร่วมรบในยุทธภูมิตะวันออกกับโซเวียต กองทัพเยอรมนีตั้งกลุ่มทหารอาสาสเปนว่า "Blue Division" นำโดยเเม่ทัพสเปนอาสาอักษะ นามว่า "Agustín Muñoz Grandes" เเต่ทหารสเปนบางส่วนก็อาสาร่วมให้ฝ่ายสัมพันธมิตร เช่น อดีตทหารของฝ่ายสาธารณรัฐจะเข้าช่วยเหลอฝ่ายฝรั่งเศสเสรี หรือ เข้าฝ่ายโซเวียต เช่น "นายพลEnrique Líster" ทำให้ทหารอาสาสเปนเป็นที่เรืองลอในสงครามโลกครั้งที่2เป็นอย่างมากจากทั้งสองฝั่ง เมื่อจบสงครามโลกครั้งที่2 ได้ทำสงครามกับโมร็อคโก ซึ่งสเปนเป็นฝ่ายชนะ เเต่ด้วยมติเเห่งสหประชาชาติ สเปนต้องคืนดินเเดนให้โมร็อคโก รวมถึงให้ Spanish Guinea เป็นเอกราชเเล้วจัดตั้งเป็น "Equatorial Guinea" ต่อมาด้วยนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ ทำให้เข้าอยู่ฝ่ายโลกเสรีของสหรัฐอเมริกาในสงครามเย็น เเล้วได้รับการยอมรับจากโลกตะวันตก
ในปี1947 ท่านผู้นำFrancisco Franco ได้เสนอญัตติเข้าสู่สภานิติบัญญัติเเห่งชาติ ให้เกิดการลงประชามติในปี1947 โดยขอประชามติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้ 1.ให้ท่านผู้นำFrancisco Franco เป็นผู้นำตลอดชีวิตของท่าน หรือ ลาออก 2.เมื่อท่านนายพลFrancisco Francoพ้นจากตำเเหน่งผู้นำด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะมีการฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะผู้สืบทอดของท่านผู้นำ ซึ่งสภานิติบัญญัติอนุมัติให้ลงประชามติ ประชาชนออกมาลงคะเเนนถึง 88 เปอรเซ็นต์ โดยผลการลงประชามติ เห็นชอบ 95.1 เปอรเซ็นต์ สภานิติบัญญัติเเห่งชาติเเละท่านผุ้นำประกาศจัดตั้ง "ราชอาณาจักรสเปน (Kingdom of Spain)" ส่วนท่านผู้นำFrancisco Franco ทำหน้าที่เสมือนผู้สำเร็จราชการเเทนพระองค์เเละนายกรัฐมนตรี โดยให้เรียกว่า "Caudillo หรือ ท่านผู้นำ" ดั่งเดิม จนกว่าท่านจะพ้นจากตำเเหน่งผู้นำ เเล้วในขณะนี้ก็ทำการพิจารณาสรรหาผู้สืบทอดของท่านผู้นำตามความเหมาะสม
ในยุคFrancisco Franco ได้เกิดเหตุการณที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-สเปนเเน่นเเฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสเปนอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ในวันที่ 3-8 พฤศจิกายน 1960 โดยเครื่องบินพระที่นั่งลงจอดที่สนามบิน กรุงมาดริด ท่านผุ้นำFrancisco Francoเเละภริยาถวายการต้อนรับด้วยตนเองเเละอย่างสมพระเกียรติ จัดกองทหารเกียรติยศ พระองค์ได้ประพาสมาดริด เซบิย่า เเละบาร์เซโลน่า รวมถึงเข้าชมฟุตบอลลาลีกาสเปน ณ สนามฟุตบอลซานดิเอโก้ เบอร์นาบิว ของสโมสรรีล มาดริด โดยมีนายซานดิเอโก้ เบอร์นาบิว ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ถวายการต้อนรับ รวมถึงเเฟนบอลชุดขาวปรบมือเป็นการต้อนรับ
ในครั้งนี้ ก็เสด็จเยือนเเคว้นคาตาโลเนีย โดยมีนายJose Maria de Porcioles Colomer ผู้ว่าการนครบารเซโลน่าถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ มีประชาชนต้อนรับเป็นจำนวนมาก เป็นความทรงจำของชาวคาตาลันเเละชาวไทยมิรู้ลืม
ความเเตกต่าง ความเอาเปรียบ ความไม่ยุติธรรม เอกราชของคาตาลัน (ตอนที่20 ยุคเผด็จการชาตินิยมสเปน สเปนในWWII ร.9เยือนสเปน)
(คอนที่1 https://ppantip.com/topic/36941336 เเละ ตอนที่2 https://ppantip.com/topic/36945135 ตอนที่3 https://ppantip.com/topic/36948232 ตอนที่4 https://ppantip.com/topic/36958700 เเละตอนที่5 https://ppantip.com/topic/36962780 ตอนที่6 https://ppantip.com/topic/36967458 เเละตอนที่7 https://ppantip.com/topic/36973144 ตอนที่8 https://ppantip.com/topic/36985242ตอนที่9 https://ppantip.com/topic/36988968 ตอนที่10 https://ppantip.com/topic/36993192 ตอนที่11 https://ppantip.com/topic/36997321 ตอนที่12 https://ppantip.com/topic/37016757 ตอนที่13 https://ppantip.com/topic/37020177ตอนที่14 https://ppantip.com/topic/37026729 ตอนที่15 https://ppantip.com/topic/37030059 ตอนที่16 https://ppantip.com/topic/37037544 ตอนที่17 https://ppantip.com/topic/37041067 เเละตอนที่18 https://ppantip.com/topic/37044493 )
จากตอนที่19 https://ppantip.com/topic/37047778 เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมืองสเปน รัฐบาลสาธารณรัฐที่2 นำโดยรักษาการณ์ประธานาธิบดีJosé Miaja ซึ่งมีอุดมการณ์สังคมนิยม-อนาธิปไตยลี้ภัยไปยังต่างประเทศ กลุ่มกบฏFalangeนำโดยนายพลFrancisco Franco ผู้ชนะสงครามกลาางเมือง ได้ประกาศล้มล้างสาธารณรัฐสเปนที่2 เเล้วจัดตั้งรัฐสเปน(Spanish State) ซึ่งปกครองโดยระบบเผด็จการขวาจัดเเทนขึ้นเเทน โดยมีนายพลFrancisco Francoเป็นประธานาธิบดีเเละนายกรัฐมนตรีคนเเรก(ภายหลังจบสงครามการเมือง) เรียกในภาษาสเปนว่า "Caudillo (ท่านผู้นำ)" เเล้วมีสภานิติบัญญัติเเห่งชาติทำหน้าที่นิติบัญญัติ ภายใต้ธรรมนูญการปกครองปี1942 ให้สเปนเป็นรัฐเดี่ยว เเต่มีสิทธิในเเต่ละเเคว้นการปกครองตนเอง เเต่อยู่ภายใต้ศูนย์กลางที่มาดริด ให้ภาษาสเปน(มีรากฐานจากภาษาคาสติล)เป็นภาษาราชการ ห้ามพูดภาษาท้องถิ่นในทางราชการเเละที่สาธารณะ พยายามสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้เเก่ประเทศ โดยเฉพาะทางวัฒนธรรม เช่น การทำนุบำรุงศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ที่ถูกละเลยในยุคสาธารณรัฐ การสร้างอัตลักษณ์ร่วมกันของสเปน
ในยุคนี้ได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่2 (1939-1945) ในความจริงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การขึ้นสู่อำนาจของท่านผู้นำFrancisco Franco ล้วนมาจาการสนับสนุนของฝ่ายอักษะ เเต่ท่านพยายามประคับประคองความเป็นกลางมาตลอด ไม่ประกาศสงคราอย่างเป็นทางการกับฝ่ายใด เพราะบาดเเผลจากสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจบในต้นปี1939 เเต่ก็ตอบเเทนบุญคุณโดยการสนับสนุนวัตถุดิบทางทหารให้เเก่ฝ่ายอักษะ เเละท่านก็ไม่ได้ห้ามทหารสเปนขึ้นไปอาสาทำศึกให้ฝ่ายต่างๆในฐานะส่วนตัว ซึ่งไปเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมฝ่ายอักษะ โดยเข้าร่วมรบในยุทธภูมิตะวันออกกับโซเวียต กองทัพเยอรมนีตั้งกลุ่มทหารอาสาสเปนว่า "Blue Division" นำโดยเเม่ทัพสเปนอาสาอักษะ นามว่า "Agustín Muñoz Grandes" เเต่ทหารสเปนบางส่วนก็อาสาร่วมให้ฝ่ายสัมพันธมิตร เช่น อดีตทหารของฝ่ายสาธารณรัฐจะเข้าช่วยเหลอฝ่ายฝรั่งเศสเสรี หรือ เข้าฝ่ายโซเวียต เช่น "นายพลEnrique Líster" ทำให้ทหารอาสาสเปนเป็นที่เรืองลอในสงครามโลกครั้งที่2เป็นอย่างมากจากทั้งสองฝั่ง เมื่อจบสงครามโลกครั้งที่2 ได้ทำสงครามกับโมร็อคโก ซึ่งสเปนเป็นฝ่ายชนะ เเต่ด้วยมติเเห่งสหประชาชาติ สเปนต้องคืนดินเเดนให้โมร็อคโก รวมถึงให้ Spanish Guinea เป็นเอกราชเเล้วจัดตั้งเป็น "Equatorial Guinea" ต่อมาด้วยนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ ทำให้เข้าอยู่ฝ่ายโลกเสรีของสหรัฐอเมริกาในสงครามเย็น เเล้วได้รับการยอมรับจากโลกตะวันตก
ในปี1947 ท่านผู้นำFrancisco Franco ได้เสนอญัตติเข้าสู่สภานิติบัญญัติเเห่งชาติ ให้เกิดการลงประชามติในปี1947 โดยขอประชามติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้ 1.ให้ท่านผู้นำFrancisco Franco เป็นผู้นำตลอดชีวิตของท่าน หรือ ลาออก 2.เมื่อท่านนายพลFrancisco Francoพ้นจากตำเเหน่งผู้นำด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะมีการฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะผู้สืบทอดของท่านผู้นำ ซึ่งสภานิติบัญญัติอนุมัติให้ลงประชามติ ประชาชนออกมาลงคะเเนนถึง 88 เปอรเซ็นต์ โดยผลการลงประชามติ เห็นชอบ 95.1 เปอรเซ็นต์ สภานิติบัญญัติเเห่งชาติเเละท่านผุ้นำประกาศจัดตั้ง "ราชอาณาจักรสเปน (Kingdom of Spain)" ส่วนท่านผู้นำFrancisco Franco ทำหน้าที่เสมือนผู้สำเร็จราชการเเทนพระองค์เเละนายกรัฐมนตรี โดยให้เรียกว่า "Caudillo หรือ ท่านผู้นำ" ดั่งเดิม จนกว่าท่านจะพ้นจากตำเเหน่งผู้นำ เเล้วในขณะนี้ก็ทำการพิจารณาสรรหาผู้สืบทอดของท่านผู้นำตามความเหมาะสม
ในยุคFrancisco Franco ได้เกิดเหตุการณที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-สเปนเเน่นเเฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสเปนอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ในวันที่ 3-8 พฤศจิกายน 1960 โดยเครื่องบินพระที่นั่งลงจอดที่สนามบิน กรุงมาดริด ท่านผุ้นำFrancisco Francoเเละภริยาถวายการต้อนรับด้วยตนเองเเละอย่างสมพระเกียรติ จัดกองทหารเกียรติยศ พระองค์ได้ประพาสมาดริด เซบิย่า เเละบาร์เซโลน่า รวมถึงเข้าชมฟุตบอลลาลีกาสเปน ณ สนามฟุตบอลซานดิเอโก้ เบอร์นาบิว ของสโมสรรีล มาดริด โดยมีนายซานดิเอโก้ เบอร์นาบิว ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ถวายการต้อนรับ รวมถึงเเฟนบอลชุดขาวปรบมือเป็นการต้อนรับ
ในครั้งนี้ ก็เสด็จเยือนเเคว้นคาตาโลเนีย โดยมีนายJose Maria de Porcioles Colomer ผู้ว่าการนครบารเซโลน่าถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ มีประชาชนต้อนรับเป็นจำนวนมาก เป็นความทรงจำของชาวคาตาลันเเละชาวไทยมิรู้ลืม