ป่วนใต้หล้า บทที่ 9 : เหน็บหนาว (2)

สวัสดีทุกคนครับ เอาตอนใหม่มาลงแล้ว เรามาดูการว่าการต่อสู้กันระหว่างเจ้าสำนักเทียนซิยี่กับฮาน เมรัน ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร


ตอนที่แล้ว

บทนำ + บทที่ 1 : ชาวต่างแดน
https://ppantip.com/topic/36610308
บทที่ 2 : บัณฑิตชุดดำ
https://ppantip.com/topic/36621396
บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
https://ppantip.com/topic/36632176
บทที่ 4 : แปรเปลี่ยน
https://ppantip.com/topic/36648133
บทที่ 5 : สำนักยุทธเอกะ
https://ppantip.com/topic/36665311
บทที่ 6 : สำนักเหมันต์นิรันดร์
https://ppantip.com/topic/36688404
บทที่ 7 : ผู้บุกรุก
https://ppantip.com/topic/36724053
บทที่ 8 : เหน็บหนาว
https://ppantip.com/topic/36751617


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 9 : เหน็บหนาว (2)


    แม้วิชาเงาร่างไฟฟ้าของฮาน เมรันจะช่วยเพิ่มความเร็วจนหลีกหนีพ้น แต่ว่ากลับยังพบบาดแผลขึ้นที่ร่างกายของเขา

    ทั้งที่ไม่โดนดาบเหน็บหนาว แต่เหตุใดจึงการบาดแผลเช่นนี้ได้

    รอยยิ้มยังปรากฎบนใบหน้าของฮาน เมรัน สถานการณ์ตอนนี้หากเป็นผู้อื่นคงจิตใจคงวุ่นวาย ขบคิดนู่นนี่นั่น หาเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าไม่มีทางฉีกยิ้มได้โดยง่าย แต่สำหรับผู้คุ้มกฎอย่างเขาแล้ว ต่อให้ยิ่งกว่านี้ เขาก็ยังจะยิ้มต่อไป

    เพราะการยิ้มคือเกราะป้องกันชั้นดีชนิดหนึ่ง

    หากได้พบผู้ใดยิ้ม ท่านสามารถอ่านความคิดของคนผู้นั้นออกหรือไม่

    อาจจะคิดว่าเขารู้สึกดี เขามีความสุขถึงได้ยิ้มออกมา

    กับคนทั่วไปอาจเป็นเช่นนั้น แต่หากเป็นผู้ที่ฉีกยิ้มตลอดเวลากันเล่า

    อย่างฮาน เมรัน ท่านอ่านความคิดที่แท้จริงจากรอยยิ้มของเขาได้หรือไม่

    ใช่มีความสุข? ใช่รู้สึกดี? ใช่รู้จักพอใจ?

    แท้จริงเป็นเช่นไรท่านไม่มีทางอ่านออกหรอก ผู้ที่ยิ้มตลอดเวลาอย่างนี้ รอยยิ้มกลายเป็นเกราะชั้นดีให้ผู้อื่นอ่านความคิดที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มไม่ออก หากท่านจะทำอะไรมัน ยิ่งทำให้ท่านคิดมากคิดอ่านหลายตลบถึงเบื้องหลัง จนท่านนั่นแหละจะกลายเป็นผู้ที่ยิ้มไม่ออกเสียเอง

    ผู้ที่ยิ้มตลอดเวลาเป็นผู้น่ากลัวจริงๆ

    ทว่าเทียนซียี่มิใช่บุคคลทั่วไป  เขาย่อมรู้สึกถึงเกราะป้องกันรอยยิ้มของฮาน เมรัน จึงไม่ผลีผลามเข้าโจมตีเป็นระลอกถัดมาทั้งที่ตัวเองได้เปรียบ

    เขากลับค่อย ๆ ร่นระยะเข้าหาฮาน เมรันด้วยการเดิน

    เหน็บหนาวในมือของเทียนซียี่ที่สร้างความยำเกรงให้คนทั้งแผ่นดินมีหรือจะกลัวเกรงรอยยิ้มที่อ่านไม่ออกของฮาน เมรัน เขาย่างก้าวอย่างไม่รีบร้อน ค่อย ๆ ประสานเพลงดาบเพื่อจัดการ

    ดาบใหญ่พิสดารถูกฟันออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ว่าใครก็ดูรู้ว่ายังไม่ถึงระยะ แต่เจ้าสำนักเทียนกลับฟันออกไป

    แน่นอนว่าฮานไม่จำเป็นต้องหลบ แต่เขากลับรู้สึกว่าแผนการของตัวเองถูกทำลายแล้ว

    เพราะดาบเหน็บหนาวฟันเข้าใส่เส้นใยไหมสีเงินที่ถูกขึงไว้

    หลายคนคงลืม นอกจากฮาน เมรันจะมีวิชาแขนคู่อสนีบาตแล้ว เขายังมีวิชาสายใยสัมพันธ์ วิชาที่ใช้เส้นไหมสีเงินชนิดพิเศษขึงและผูกพัน

    ฮาน เมรันลอบใช้วิชาสายใยสัมพันธ์ขึงไหมเงินเพื่อสกัดกั้น หากเทียนซี่ยี่พุ่งตัวมา ย่อมมีสิทธิ์ถูกไหมเงินนี้ขัดขวางการเคลื่อนไหวจนเกิดบาดแผลและล้มลงจนได้จังหวะให้ฮาน เมรันโจมตี

    ทว่าเทียนซี่ยี่สังเกตออก และฟันเข้าใส่ไหมเงินเพื่อตัดทิ้ง

    แต่ไหมเงินมิใช่อาวุธธรรมดา มันก็เป็นเช่นเดียวกับถุงมือไฟฟ้า เป็นอาวุธนอกสารบบหนึ่งในสิ่งประดิษฐของยอดนักประดิษฐโทมะ เอดิสัน

    ความเหนียวของมันอยู่ในระดับสูง เพราะถักทอด้วยเส้นใยโลหะหลากหลายชั้น แม้จะไร้คมแต่ความทนทานอยู่ในระดับขั้นมิอาจตัดขาดด้วยของมีคม

    ดังนั้น แม้แผนของฮาน เมรันจะถูกเทียนซียี่รู้ทัน เราก็ยังวางแผนซ้อนไว้อยู่

    ปลายไหมเงินที่ขึงไว้ถูกเชื่อมต่อมายังถุงมือไฟฟ้าของฮาน เมรัน เขารีบใช้วิชาแขนคู่อสนีบาตออกทันที

    กระแสไฟฟ้าถูกส่งจากถุงมือวิ่งผ่านเส้นไหมสีเงินที่เชื่อมต่อเข้าหาดาบเหน็บหนาวของเทียนซียี่ที่กระทบถูก ดูท่าเทียนซียี่ต้องโดนไฟฟ้าครั้งนี้แน่

    แต่ไหนเลยเทียนซียี่จะไม่รู้ถึงการกระทำนี้ เขาดูออกถึงเส้นไหมสีเงินที่ขึงไว้ ย่อมคาดการณ์ถึงวิชาของฮาน เมรันที่จะใช้ในลำดับต่อมาอยู่แล้ว
    
    เพียงว่าเขามิต้องทำอะไร

    และเขาก็มิได้โดนกระแสไฟฟ้าช๊อตอีกด้วย

    สิ่งนี้ที่ฮาน เมรันคาดไม่ถึง เขาหลงลืมไปว่าดาบเหน็บหนาวนั้นไม่ใช่ดาบปกติธรรมดาที่สามารถจับได้ด้วยมือเปล่า เพราะตัวดาบตีด้วยโลหะผสมน้ำแข็งเย็นจากขั้วโลก หากจับดาบด้วยมือเปล่าจะถูกความเย็นระดับยิ่งยวดเข้ากัดกินมือผู้ใช้ ผู้ครอบครองจึงต้องสวมถุงมือชนิดพิเศษ

    ซึ่งถุงมือชนิดนี้ทำด้วยยางหนา สามารถป้องกันความเย็นของดาบเหน็บหนาวได้ และด้วยคุณสมบัติของยาง มันเป็นฉนวนไฟฟ้า

    ฉนวนไฟฟ้าหมายถึงไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เทียนซียี่จึงไม่ได้ถูกกระแสไฟฟ้าที่ฮาน เมรันส่งไปแต่อย่างใด

    เทียนซียี่แย้มยิ้มเล็ก ๆ หันออกอีกด้านที่ไม่ถูกเส้นไหมสีเงินขึงไว้ แล้วพุ่งตัวเข้าใส่ฮาน เมรันทันที

    ครั้งนี้ฮาน เมรันเชื่องช้ากว่า เขาไม่อาจหลบพ้น รับดาบเหน็บหนาวที่โจมตีมาเต็ม ๆ

    ดาบฟันทแยงเข้าใส่ร่างของฮาน เมรัน เสื้อบัณฑิตขาดวิ้นอีกครั้ง ครั้งนี้บาดแผลใหญ่พอสมควร ดูแล้วหากโดนโจมตีอีกครั้งฮาน เมรันไม่รอดแน่

    ผู้คุมกฎของพรรคนิลดาราก็คิดเช่นนั้น แต่เขาไม่หนี

    ฮาน เมรันไม่ยอมล้มลง เพราะนี่คือ โอกาสในการใช้แผนการที่สามของเขา

    เขาได้ลอบใช้ไหมเงินวางเป็นวงล้อมรอบตัวเองไว้ เมื่อเทียนซียี่ก้าวข้ามมาจนโจมตีได้ จึงรีบดึงให้ไหมเงินหดวง กลับมารัดตัวเขาและเทียนซียี่อย่างรวดเร็ว

    และแน่นอนว่าต้องรีบโคจรลมปราณใช้พลังไฟฟ้าแขนคู่อสนีบาต

    กระแสไฟฟ้าถูกส่งผ่านไหมเงินอีกครั้ง เจ้าสำนักเทียนไม่ล่วงรู้ถึงแผนที่สามนี้ ครั้งนี้มันกระทบถูกร่างกายของเขาเต็ม ๆ

    ไฟฟ้าช๊อตร่างกายของเทียนซียี่และฮาน เมรันทันที แต่ฮาน เมรันสำเร็จวิชาแขนคู่อสนีบาตย่อมมีความทนทานต่อกระแสไฟฟ้าที่ตัวเองสร้างอยู่แล้ว

    ผิดกับเทียนซียี่ที่ถูกไฟฟ้าช๊อตเข้าเต็มเปา เขาพยายามผนึกลมปราณเพื่อป้องกระแสไฟฟ้า แต่อย่างมากก็แค่หน่วงเวลาได้เสี้ยวหนึ่ง

    เพียงแต่ว่าเสี้ยวหนึ่งนี้สำหรับเทียนซียี่คือเสี้ยวเวลาที่สำคัญที่สุดของเขาแล้ว

    เทียนซียี่รีบส่งพลังปราณไปที่ดาบเหน็บหนาว แล้วฟันออกด้านข้างผ่านอากาศธาตุ พอสิ้นดาบปรากฎน้ำแข็งคมขึ้นกลางอากาศอย่างไร้ที่มา  และคมน้ำแข็งนั้นพุ่งบาดเข้าใส่คอของฮาน เมรัน แล้วสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

    เลือดพุ่งเป็นสายออกจากลำคอของฮาน เมรันทันที เวลานี้ผู้คุมกฎรู้แล้วว่าการโจมตีของเหน็บหนาวเป็นเช่นไร เขารีบคลายไหมเงินที่ผูกรัด แล้วเร่งร้อนถอยหนีออกจากห่างจากเทียนซี่ยี่โดยพลัน

    การโจมตีนี้เป็นคำตอบถึงความพิสดารของดาบเหน็บหนาวแล้ว

    ความสามารถอีกอย่างหนึ่งนอกจากคมดาบเย็นของเหน็บหนาวก็คือ การสร้างคมน้ำแข็งขึ้นกลางอากาศ ด้วยความเย็นที่มากหลายของดาบเหน็บหนาว มันสามารถลดอุณหภูมิโดยรอบที่ฟันผ่าน รวมทั้งทำให้อนุภาคของน้ำที่ปะปนอยู่ในอากาศกลายเป็นคมน้ำแข็งเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ได้

    การโจมตีที่มองไม่เห็นที่ผ่านมาจึงเป็นการถูกคมน้ำแข็งที่เหน็บหนาวสร้างขึ้นบาดเข้าใส่ ซึ่งพอบาดเสร็จมันจะสลายหายไปเพราะอุณหภูมิเพิ่มขึ้น และยิ่งเทียนซียี่ออกมาต่อสู้ที่ลานฝึกกลางแจ้งที่อยู่บนเขาเช่นนี้ อนุภาคน้ำย่อมมีมากเกินธรรมดา เขาจึงสามารถสร้างคมน้ำแข็งเข้าโจมตีได้หลากหลายกว่าปกติ

    “การโจมตีเป็นเช่นนี้เอง” ฮาน เมรันพูดออกมากระท่อนกระแท่น เลือดยังไหลออกจากบาดแผลที่คอ ดูท่าหากเขาไม่รีบรักษาบาดแผล เขาต้องเสียเลือดจนตายแน่ ๆ

    เขาย่อมรู้ตัวเอง ครั้งนี้เขาพลาดแล้ว ฝีมือของเทียนซียี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ จึงได้นิ่งรอคอยการโจมตีถัดมาของเจ้าสำนักเทียน

    ทว่าเทียนซียี่ไม่โจมตีต่อ กลับบอกกับฮาน เมรันว่า

    “เจ้ารีบไปรักษาตัวเถอะ”

    “หือ” ฮาน เมรันเลิกคิ้วในเชิงสงสัย “เหตุใดท่านกล่าวเช่นนั้น”

    “มิมีอันใด” เทียนซียี่กล่าว “การโจมตีสุดท้ายของข้ารู้ผลแล้ว เจ้าพ่ายแพ้แล้ว”

    “หึ ข้ายังมิตายจะเรียกว่าพ่ายแพ้ได้อย่างไร” ฮาน เมรันกล่าวต่อ

    “จริงอยู่เจ้ามิตาย แต่ข้ามิต้องการสู้กับเจ้าต่อไปแล้ว เจ้ารีบไปรักษาตัวและกลับพรรคนิลดาราเสีย”

    “ท่านไว้ชีวิตข้าหรือ ไม่คิดฆ่าคนพรรคมารอย่างข้าหรือ”

    “มิจำเป็น แม้เจ้าอยู่พรรคนิลดาราก็มิใช่ว่าต้องฆ่า ท่านยังเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับข้า เพียงแต่ทางเดินของเจ้าแตกต่างกับข้า บาดแผลเท่านี้คงเพียงพอสำหรับสั่งสอนเจ้าผู้บุกรุกสำนักของข้าแล้ว ข้าขอแค่เพียงเจ้าจดจำความร้ายกาจของข้าเอาไว้และประกาศให้พรรคนิลดาราของเจ้าล่วงรู้ก็พอ” เทียนซียี่กล่าวอย่างหนักแน่น

    ฮาน เมรันยิ้มให้ เขายอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ในครั้งนี้ จึงโค้งเคารพเจ้าสำนักเทียน แล้วเดินออกจากลานประลองไป

    เทียนซียี่ เจ้าสำนักเหมันต์นิรันดร์ชนะแล้ว


…………………………………………จบตอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่