ป่วนใต้หล้า บทที่ 13 : พรรคเบญจพิษ

สวัสดีครับทุกท่าน ก็เหมือนเดิม ผมเป็นสไตล์ที่ว่านึกเรื่องไหนได้ก็เขียนต่อ คราวนี้เป็นเรื่องป่วนใต้หล้าครับ ลองอ่านกันดูครับ

ตอนที่แล้ว

บทนำ + บทที่ 1 : ชาวต่างแดน
https://ppantip.com/topic/36610308
บทที่ 2 : บัณฑิตชุดดำ
https://ppantip.com/topic/36621396
บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
https://ppantip.com/topic/36632176
บทที่ 4 : แปรเปลี่ยน
https://ppantip.com/topic/36648133
บทที่ 5 : สำนักยุทธเอกะ
https://ppantip.com/topic/36665311
บทที่ 6 : สำนักเหมันต์นิรันดร์
https://ppantip.com/topic/36688404
บทที่ 7 : ผู้บุกรุก
https://ppantip.com/topic/36724053
บทที่ 8 : เหน็บหนาว
https://ppantip.com/topic/36751617
บทที่ 9 : เหน็บหนาว (2)
https://ppantip.com/topic/36795490
บทที่ 10 : อ่อนไหว
https://ppantip.com/topic/36839725
บทที่ 11 : ท่าพิฆาต
https://ppantip.com/topic/36870560
บทที่ 12 : ธนูปริศนา
https://ppantip.com/topic/36935261

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 13 : พรรคเบญจพิษ


    ขอย้อนกลับมาก่อนการต่อสู้ของเชสเตอร์กับเทนโค บราเฮจะเริ่มต้นขึ้น

        บุรุษในชุดบัณฑิตที่ขาดวิ้น ก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ เลือดยังคงไหลซึมออกจากบาดแผลที่ลำคอของเขา เช่นเดียวบาดแผลที่ร่างกายส่วนอื่น

    แม้ฮาน เมรันจะใช้พลังไฟฟ้าจากถุงมือไฟฟ้าของตนปิดกั้นบาดแผลที่ลำคอ แต่ด้วยอานุภาพของพลังทำลายของดาบพิสดารเหน็บหนาว ทำให้ไม่อาจปิดกั้นเลือดได้สนิท

    ใบหน้าของฮาน เมรันซีดลงเหมือนอาการขาดเลือดมากขึ้น แต่ว่าเขายังก้าวเดินอย่างปกติ พร้อมทั้งยังปรากฎรอยยิ้มที่มุมปากเช่นเคย

    ขณะที่ก้าวเดินสุดเขตแดนของสำนักเหมันต์นิรันดร์ เพื่อมุ่งตรงไปยังรถเลื่อนสุนัขของตนที่จอดไว้อยู่ เมื่อเห็นรถตรงหน้าเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า

    “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าตามข้ามา ปรากฎกายออกมาเสียเถอะ”

    หากมองด้วยสายตาย่อมไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่ที่นี่ แต่ว่าพอฮาน เมรันย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง ก็พบว่ามีผู้คนปรากฎออกมาจากซอกมุมต่าง ๆ ในพื้นที่เจ็ดคน

    ทั้งเจ็ดใส่ชุดสีแตกต่างกัน เป็นม่วง  คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง

    พวกเขาคือ เจ็ดนักล่าสีรุ้งแห่งสำนักคุ้มภัยสัตบุรุษ

    กล่าวกันว่าตลอดเวลาที่พวกเขาทั้งเจ็ดคุ้มกันภัยให้ผู้ใด ผู้ย่างกรายเข้ามาวุ่นวายกับผู้ว่าจ้างพวกเขาจะถูกฆ่าตายทั้งสิ้น

    พวกเขาทั้งเจ็ดเห็นว่านี่เป็นโอกาสอันดีงามที่จะพิชิตหนึ่งในสี่ผู้คุ้มของพรรคนิลดารา เมื่อฮาน เมรันเจ็บหนักเช่นนี้ ไม่แปลกที่พวกเขาต้องรีบฉวยโอกาสซ้ำเติม สร้างชื่อให้กับสำนักของพวกตน ซึ่งพวกเขารอให้ฮาน เมรันเดินมาออกจากเขตของสำนักเหมันต์นิรันดร์เสียก่อน เป็นการให้เกียรติแก่เจ้าสำนักเทียนซียี่

    “สมแล้วที่เป็นผู้คุ้มกฎของพรรคนิลดารา” เจ็ดนักล่าชุดสีแดงพูดขึ้นก่อน ซึ่งเขาเป็นหัวหน้าของเจ็ดนักล่าสีรุ้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าสีแดงต้องเป็นหัวหน้าขบวนการ

    ฮาน เมรันยังแย้มยิ้มตอบรับ พูดกลับไปว่า

    “กลุ่มนักล่าสีรุ้งที่เพิ่งมีชื่อช่วงนี้สินะ”

    “ใช่แล้ว” นักล่าชุดสีแดงที่เป็นหัวหน้าตอบ “รู้จักพวกเราด้วยหรือ”

    “ฮ่ะๆ น่าขันยิ่งนัก” ฮาน เมรันหัวเราะเพิ่มเติม “ว่ายังไงดีล่ะ จะเรียกว่าข้ารู้จักคงไม่ถูก ทั้งแผ่นดินนี้ไม่มีกลุ่มไหนหรอกที่สีเสื้อสีแตกต่างกันเจ็ดสีเช่นนี้ ใครจะกล้า ข้านับถือพวกท่านจริง ๆ”

    “หนอย… ดูถูกพวกข้า เจ็ดนักล่าสีรุ้งเกินไปล่ะ” นักล่าชุดสีแดงยังพูดต่อ ไม่รู้นักล่าชุดสีอื่นทำไมไม่พูดบ้าง “เจ้าบาดเจ็บเช่นนี้ คิดว่าจะเอาสู้พวกเราทั้งเจ็ดได้หรือ”

    ไม่พูดเปล่า สิ้นคำทั้งเจ็ดเคลื่อนตัวอย่างพร้อมเพียง ชักดาบของตัวเองที่สีเดียวชุดของตน พร้อมสร้างค่ายกลเจ็ดสีล้อมฮาน เมรันทันที

    นี่เป็นค่ายกลที่สร้างชื่อให้แก่พวกเขา ที่เรียกว่าค่ายกลสีรุ้ง

    ฮาน เมรันเพียงมองตาม เลือดยังคงไหลซึมออกจากแผลที่ลำคอของเขา ทว่าเขามองตามเพียงวูบเดียว จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไปยังรถเลื่อนสุนัขคล้ายไม่ได้ใส่ใจกับทั้งเจ็ดคนนี้เลย

    เจ็ดนักล่าสีรุ้งย่อมไม่ปล่อยโดยง่าย ปลายดาบเจ็ดสีของพวกเขาพุ่งเข้าหาฮาน เมรัน หมายแทงให้ดับดิ้นทันที

    แต่ว่าฮาน เมรันมิได้สนใจ เขาก้าวเดินต่อ คล้ายมองไม่เห็นปลายดาบทั้งเจ็ดเล่มนั้น

    ดาบทั้งเจ็ดร่นระยะมาจนเกือบถึงร่างของฮาน เมรัน ทว่าทันทีที่เหลือไม่กี่นิ้วปรากฎว่าดาบเหล่านั้นต้องหยุดนิ่งอย่างพร้อมเพรียง

    “เสียเวลาน่า”

    ฮาน เมรันเอ่ยบอกโดยไม่หันไปมองพวกเขา ยังคงก้าวเดินต่อไป หากสังเกตดี ๆ ตอนนี้ร่างกายของเจ็ดนักล่าสีรุ้งถูกพันผูกด้วยเส้นไหมสีเงินด้วยวิชาสายใยสัมพันธ์ของเขา

    และไม่เพียงแค่นั้น กระแสไฟฟ้าจากแขนคู่อัสนีบาตยังถูกส่งออกไปโจมตีเจ็ดนักล่าอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาร่างของทั้งเจ็ดก็ทยอยล้มลงไป

    ฮาน เมรันไม่ได้หันกลับไปมองผลงานตัวเอง ในใจตอนนี้เขาหวนนึกถึงชาวต่างแดนผมสีทอง เชสเตอร์

    “หวังว่าจะเจอกันอีกนะเชสเตอร์”

    กล่าวจบเขาก็ขึ้นรถเลื่อนสุนัขเดินทางออกจากที่นี่ไป

(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่