สวัสดีครับทุกท่าน เอาบทต่อไปมาให้อ่านกันแล้วครับ บทนี้เราจะย้ายมุมมองไปที่คนอื่นที่ไม่ใช่เชสเตอร์บ้างนะครับ ลองอ่านกันดู
ตอนที่แล้ว
บทนำ + บทที่ 1 : ชาวต่างแดน
https://ppantip.com/topic/36610308
บทที่ 2 : บัณฑิตชุดดำ
https://ppantip.com/topic/36621396
บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
https://ppantip.com/topic/36632176
บทที่ 4 : แปรเปลี่ยน
https://ppantip.com/topic/36648133
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 5 : สำนักยุทธเอกะ
สำนักยุทธเอกะ
สำนักนี้เริ่มต้นจากค่ายพรรคเล็ก ๆ ที่มีผู้นำคือ คุริวมุเนะ ต่อสู้ฝ่าฟันกับพรรคมารที่เหิมเกริมในช่วงนั้น ใช้เวลายี่สิบปี สร้างชื่อจนกลายเป็นสำนักใหญ่ ขั้วอำนาจหลักแห่งแผ่นดินจนถึงทุกวันนี้
จุดเด่นของวิชาในสำนักยุทธเอกะคือ วิชาพลังภายในและวิชาฝ่ามือ
ศิษย์ทุกคนเบื้องต้นต้องฝึกปรือพลังภายในให้แข็งแกร่งจนผ่านระดับแรกเสียก่อนถึงจะสามารถฝึกวิชาฝ่ามือได้
ลำดับขั้นของวิชาพลังภายในของสำนักยุทธเอกะแบ่งได้ห้าระดับ
ขั้นแรกคือ ขั้นกายแกร่ง ขั้นนี้ศิษย์ทั้งหลายต้องฝึกร่างกาย ควบคุมการใช้พลังภายในตัวเอง จนสามารถเพิ่มพูนพลกำลังและความทนทานของร่างกายเบื้องต้นได้ ศิษย์ระดับต้นของสำนักต่างผ่านขั้นนี้มาทั้งนั้น
ขั้นที่สองคือ ขั้นพิทักษ์ร่าง ขั้นนี้จะเป็นเพิ่มพูนความสามารถจากระดับขั้นกายแกร่ง ให้ควบคุมการโคจรของพลังภายในดียิ่งขึ้น จนร่างกายแข็งแกร่งขึ้นราวเหล็กกล้า และสามารถใช้พลังภายในเพิ่มพูนพลังโจมตีของตนให้รุนแรงขึ้น ศิษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับขั้นนี้ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าห้าปีขึ้นไป
ขั้นที่สามคือ ขั้นทลายภูผา ขั้นนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นระดับสูงของสำนัก ผู้สำเร็จขั้นนี้จะสามารถควบคุมพลังภายในและลมปราณของตนปลดปล่อยออกมาไปโจมตี รวมทั้งใช้พลังภายในเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายให้เพิ่มพูนถึงที่สุด ผู้สำเร็จถึงขั้นนี้ในสำนักมีเพียงพวกศิษย์ขั้นสูงและศิษย์เอกของสำนักเท่านั้น
ขั้นที่สี่คือ ขั้นถล่มพิภพ ขั้นนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นที่สามารถใช้พลังภายในควบคุมได้ทุกสิ่ง สามารถส่งพลังภายในเพิ่มพูนให้กับอาวุธของตนได้อย่างเต็มขั้น แค่นิ้วเดียวของผู้สำเร็จขั้นนี้ก็แทงแผ่นเหล็กจนทะลุได้ง่าย ๆ ผู้สำเร็จถึงขั้นนี้มีเพียงชิโนดะ รองเจ้าสำนักยุทธเอกะเท่านั้น
และขั้นที่ห้า ขั้นสุดท้ายคือ ขั้นจักรวาลธุลี ขั้นนี้ถือเป็นขั้นสูงสุด พลังภายในของผู้อยู่ในขั้นยากจะหยั่งถึง กล่าวกันว่าเพียงนิ้วก็สามารถป่นภูผาใหญ่ได้ ผู้สำเร็จขั้นนี้มีเพียงเจ้าสำนักคุริวมุเนะผู้บัญญัติวิชาเหล่านี้มาเท่านั้น
ซึ่งในวันนี้ทั้งเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักของยุทธเอกะต่างมารวมกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักแล้ว
เนื่องจากมีเหตุเกิดขึ้นกับสำนักสาขาที่เจ็ด ทำให้เจ้าสำนักยุทธเอกะ คิริวมุเนะ ได้เรียกศิษย์ผู้อยู่ในระดับสูงรวมทั้งหัวหน้าสาขาอื่น ๆ มาประชุมกันที่นี่
คิริวมุเนะ รูปร่างบึกบึนอาจหาญองอาจ แม้วัยจะร่วงเลยเกินวัยกลางคน แต่สถาพภายนอกก็ยังไม่เปลี่ยนจากเมื่อสิบปี
ร่างบึกบึนบนบัลลังก์ได้กล่าวกับเหล่าศิษย์ที่อยู่เบื้องล่างว่า
“ทุกท่านคงทราบดี ตอนนี้ไทยาชิ หัวหน้าสาขาที่เจ็ดถูกสังหารไปแล้ว จากข่าวที่ได้มาผู้สังหารเป็นผู้คุมกฎของพรรคนิลดารา บัณฑิตสีขาว ฮาน เมรัน กับ นักดาบต่างแดนที่มีนามว่า เชสเตอร์”
ทั้งหลายต่างพยักหน้าคิดตามที่เจ้าสำนักกล่าว จากนั้นคิริวมุเนะก็พูดต่อว่า
“แม้ไทยาชิจะมีชื่อเสียงไม่ดีในสำนัก แต่มันก็เป็นหนึ่งในสำนักเรา ข้าจึงขอประกาศให้ฮาน เมรันและเชสเตอร์เป็นศัตรูที่สำนักยุทธเอกะต้องกำจัด และผู้ใดที่สามารถจัดการมันได้ ข้าจะมอบพื้นที่ดูแลของสำนักสาขาที่เจ็ดให้เป็นรางวัลตอบแทน”
ทุกคนต่างฟังประกาศนี้อย่างตั้งใจ ในกลุ่มคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ย่อมมีผู้คิดอยากได้ตำแหน่งและลาภยศอยู่แล้ว
นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับบางคน
ดูท่าเชสเตอร์กับฮาน เมรันกลายเป็นศัตรูกับสำนักยุทธเอกะทั้งสำนักแล้ว
“สำหรับข้าเองก็มีเรื่องจะประกาศให้ทุกท่านทราบ” คราวนี้รองเจ้าสำนัก ชิโนดะ พูดขึ้นมาบ้าง เขารูปร่างไม่สูงใหญ่นัก รูปร่างธรรมดา แต่แอบแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจภายใน “เวลานี้ทางสำนักของเราก็ได้มอบหมายจางชิง ศิษย์ระดับสูงให้นำคณะออกไปกำราบพรรคนิลดาราตามเมืองต่าง ๆ มาช่วงหนึ่ง ซึ่งจางชิงก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี จัดการพรรคมารได้พอสมควร หากคณะของจางชิงเดินทางไปถึงดินแดนในความดูแลของท่านใด ข้าก็ขอให้ทุกท่านร่วมมือกับมันด้วย”
เสียงตอบรับดังจากผู้อยู่เบื้องล่าง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ทางสำนักยุทธเอกะจะมีหน่วยกวาดล้างพรรคนิลดาราคู่ปรับ ซึ่งผู้ที่รับหน้าที่นี้ส่วนใหญ่มักเป็นศิษย์ระดับสูงอายุน้อยและกลุ่มผู้หวังสร้างชื่อเสียงเพื่อหวังตำแหน่งเท่านั้น พวกหัวหน้าสาขาที่เหลือส่วนใหญ่มิได้สนใจ พวกมันยึดถือหลักพอเพียง
ทั้งหมดนั้นพอใจกับตำแหน่งของตนตอนนี้ ไม่ยอมเสี่ยงเข้าหาคู่ต่อสู้เองให้เจ็บตัว การได้เป็นหัวหน้าสาขาของสำนักยุทธเอกะสร้างฐานะและชื่อเสียงเพียงพอกับพวกมันแล้ว
จึงมีแต่ศิษย์เยาว์วัยกับผู้ยังไม่มีตำแหน่งเท่านั้นที่ออกไป
ผู้ใดจะยอมเหนื่อยหากไม่มีผล ทั้งหลายต่างหวังผลประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
แล้วชิโนดะก็ยังกล่าวต่อว่า “และในขณะนี้ได้มีผู้ส่งข่าวเรื่องการป่วยของเจ้าสำนักเหมันต์นิรันดร์ เทียนซิยี่ ที่ทางฝั่งอุดร ทางเราจึงต้องมอบหมายให้มีคณะเป็นตัวแทนไปเยี่ยมอาการของเจ้าสำนักเทียนซิยี่”
ทุกคนรอฟังว่าชิโนดะจะเอ่ยชื่อผู้ใด ซึ่งหากใครได้เป็นตัวแทนนำคณะไปเยี่ยมเจ้าสำนักเทียนซิยี่นี้จะถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะสำนักเหมันต์นิรันดร์เป็นสำนักหลักต้น ๆ ของแผ่นดิน ถ้าได้มีโอกาสได้พบปะรู้จักกับผู้มีอำนาจย่อมทำการใดได้ดีขึ้น
บางครั้งการรู้จักผู้มีอำนาจหรือคนใหญ่คนโตก็เป็นสิ่งจำเป็น แม้ท่านจะอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อยสักเพียงใด หากชื่อของท่านได้อยู่ในความทรงจำของผู้มีอำนาจแล้ว ท่านอาจได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ เพิ่มเติมก็ได้
ชื่อของผู้นำคณะเยี่ยมจึงเป็นที่หมายปรองของผู้อยู่ที่นี่หลายคน
“มินาตะ ข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นผู้นำคณะนี้ร่วมกับข้า”
หนุ่มหน้าใสดูเยาว์วัยในมือถือขลุ่ยเลาหนึ่งขยับตัวออกมา คนผู้นี้รูปร่างไม่สูงนัก หน้าตาหล่อเหลา แต่งกายด้วยชุดศิษย์ระดับสูงของสำนัก
“ด้วยความยินดีขอรับ” มินาตะก้มโค้งตอบรับอย่างน้อบน้อม
พอชื่อของมินาตะถูกกล่าว หลายคนต่างบ่นขึ้นเบา ๆ
เพราะว่ามินาตะนั้นเป็นศิษย์สายตรงของชิโนดะ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้บ่นว่าชิโนดะเล่นพรรคเล่นพวกมีเส้นสายให้มินาตะได้รับงานนี้
แต่มินาตะไม่สนใจ เขาพูดต่ออย่างมั่นใจว่า
“ข้าจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด”
(มีต่อครับ)
ป่วนใต้หล้า บทที่ 5 : สำนักยุทธเอกะ
ตอนที่แล้ว
บทนำ + บทที่ 1 : ชาวต่างแดน
https://ppantip.com/topic/36610308
บทที่ 2 : บัณฑิตชุดดำ
https://ppantip.com/topic/36621396
บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
https://ppantip.com/topic/36632176
บทที่ 4 : แปรเปลี่ยน
https://ppantip.com/topic/36648133
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 5 : สำนักยุทธเอกะ
สำนักยุทธเอกะ
สำนักนี้เริ่มต้นจากค่ายพรรคเล็ก ๆ ที่มีผู้นำคือ คุริวมุเนะ ต่อสู้ฝ่าฟันกับพรรคมารที่เหิมเกริมในช่วงนั้น ใช้เวลายี่สิบปี สร้างชื่อจนกลายเป็นสำนักใหญ่ ขั้วอำนาจหลักแห่งแผ่นดินจนถึงทุกวันนี้
จุดเด่นของวิชาในสำนักยุทธเอกะคือ วิชาพลังภายในและวิชาฝ่ามือ
ศิษย์ทุกคนเบื้องต้นต้องฝึกปรือพลังภายในให้แข็งแกร่งจนผ่านระดับแรกเสียก่อนถึงจะสามารถฝึกวิชาฝ่ามือได้
ลำดับขั้นของวิชาพลังภายในของสำนักยุทธเอกะแบ่งได้ห้าระดับ
ขั้นแรกคือ ขั้นกายแกร่ง ขั้นนี้ศิษย์ทั้งหลายต้องฝึกร่างกาย ควบคุมการใช้พลังภายในตัวเอง จนสามารถเพิ่มพูนพลกำลังและความทนทานของร่างกายเบื้องต้นได้ ศิษย์ระดับต้นของสำนักต่างผ่านขั้นนี้มาทั้งนั้น
ขั้นที่สองคือ ขั้นพิทักษ์ร่าง ขั้นนี้จะเป็นเพิ่มพูนความสามารถจากระดับขั้นกายแกร่ง ให้ควบคุมการโคจรของพลังภายในดียิ่งขึ้น จนร่างกายแข็งแกร่งขึ้นราวเหล็กกล้า และสามารถใช้พลังภายในเพิ่มพูนพลังโจมตีของตนให้รุนแรงขึ้น ศิษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในระดับขั้นนี้ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าห้าปีขึ้นไป
ขั้นที่สามคือ ขั้นทลายภูผา ขั้นนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นระดับสูงของสำนัก ผู้สำเร็จขั้นนี้จะสามารถควบคุมพลังภายในและลมปราณของตนปลดปล่อยออกมาไปโจมตี รวมทั้งใช้พลังภายในเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายให้เพิ่มพูนถึงที่สุด ผู้สำเร็จถึงขั้นนี้ในสำนักมีเพียงพวกศิษย์ขั้นสูงและศิษย์เอกของสำนักเท่านั้น
ขั้นที่สี่คือ ขั้นถล่มพิภพ ขั้นนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นที่สามารถใช้พลังภายในควบคุมได้ทุกสิ่ง สามารถส่งพลังภายในเพิ่มพูนให้กับอาวุธของตนได้อย่างเต็มขั้น แค่นิ้วเดียวของผู้สำเร็จขั้นนี้ก็แทงแผ่นเหล็กจนทะลุได้ง่าย ๆ ผู้สำเร็จถึงขั้นนี้มีเพียงชิโนดะ รองเจ้าสำนักยุทธเอกะเท่านั้น
และขั้นที่ห้า ขั้นสุดท้ายคือ ขั้นจักรวาลธุลี ขั้นนี้ถือเป็นขั้นสูงสุด พลังภายในของผู้อยู่ในขั้นยากจะหยั่งถึง กล่าวกันว่าเพียงนิ้วก็สามารถป่นภูผาใหญ่ได้ ผู้สำเร็จขั้นนี้มีเพียงเจ้าสำนักคุริวมุเนะผู้บัญญัติวิชาเหล่านี้มาเท่านั้น
ซึ่งในวันนี้ทั้งเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักของยุทธเอกะต่างมารวมกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักแล้ว
เนื่องจากมีเหตุเกิดขึ้นกับสำนักสาขาที่เจ็ด ทำให้เจ้าสำนักยุทธเอกะ คิริวมุเนะ ได้เรียกศิษย์ผู้อยู่ในระดับสูงรวมทั้งหัวหน้าสาขาอื่น ๆ มาประชุมกันที่นี่
คิริวมุเนะ รูปร่างบึกบึนอาจหาญองอาจ แม้วัยจะร่วงเลยเกินวัยกลางคน แต่สถาพภายนอกก็ยังไม่เปลี่ยนจากเมื่อสิบปี
ร่างบึกบึนบนบัลลังก์ได้กล่าวกับเหล่าศิษย์ที่อยู่เบื้องล่างว่า
“ทุกท่านคงทราบดี ตอนนี้ไทยาชิ หัวหน้าสาขาที่เจ็ดถูกสังหารไปแล้ว จากข่าวที่ได้มาผู้สังหารเป็นผู้คุมกฎของพรรคนิลดารา บัณฑิตสีขาว ฮาน เมรัน กับ นักดาบต่างแดนที่มีนามว่า เชสเตอร์”
ทั้งหลายต่างพยักหน้าคิดตามที่เจ้าสำนักกล่าว จากนั้นคิริวมุเนะก็พูดต่อว่า
“แม้ไทยาชิจะมีชื่อเสียงไม่ดีในสำนัก แต่มันก็เป็นหนึ่งในสำนักเรา ข้าจึงขอประกาศให้ฮาน เมรันและเชสเตอร์เป็นศัตรูที่สำนักยุทธเอกะต้องกำจัด และผู้ใดที่สามารถจัดการมันได้ ข้าจะมอบพื้นที่ดูแลของสำนักสาขาที่เจ็ดให้เป็นรางวัลตอบแทน”
ทุกคนต่างฟังประกาศนี้อย่างตั้งใจ ในกลุ่มคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ย่อมมีผู้คิดอยากได้ตำแหน่งและลาภยศอยู่แล้ว
นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับบางคน
ดูท่าเชสเตอร์กับฮาน เมรันกลายเป็นศัตรูกับสำนักยุทธเอกะทั้งสำนักแล้ว
“สำหรับข้าเองก็มีเรื่องจะประกาศให้ทุกท่านทราบ” คราวนี้รองเจ้าสำนัก ชิโนดะ พูดขึ้นมาบ้าง เขารูปร่างไม่สูงใหญ่นัก รูปร่างธรรมดา แต่แอบแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจภายใน “เวลานี้ทางสำนักของเราก็ได้มอบหมายจางชิง ศิษย์ระดับสูงให้นำคณะออกไปกำราบพรรคนิลดาราตามเมืองต่าง ๆ มาช่วงหนึ่ง ซึ่งจางชิงก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี จัดการพรรคมารได้พอสมควร หากคณะของจางชิงเดินทางไปถึงดินแดนในความดูแลของท่านใด ข้าก็ขอให้ทุกท่านร่วมมือกับมันด้วย”
เสียงตอบรับดังจากผู้อยู่เบื้องล่าง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ทางสำนักยุทธเอกะจะมีหน่วยกวาดล้างพรรคนิลดาราคู่ปรับ ซึ่งผู้ที่รับหน้าที่นี้ส่วนใหญ่มักเป็นศิษย์ระดับสูงอายุน้อยและกลุ่มผู้หวังสร้างชื่อเสียงเพื่อหวังตำแหน่งเท่านั้น พวกหัวหน้าสาขาที่เหลือส่วนใหญ่มิได้สนใจ พวกมันยึดถือหลักพอเพียง
ทั้งหมดนั้นพอใจกับตำแหน่งของตนตอนนี้ ไม่ยอมเสี่ยงเข้าหาคู่ต่อสู้เองให้เจ็บตัว การได้เป็นหัวหน้าสาขาของสำนักยุทธเอกะสร้างฐานะและชื่อเสียงเพียงพอกับพวกมันแล้ว
จึงมีแต่ศิษย์เยาว์วัยกับผู้ยังไม่มีตำแหน่งเท่านั้นที่ออกไป
ผู้ใดจะยอมเหนื่อยหากไม่มีผล ทั้งหลายต่างหวังผลประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
แล้วชิโนดะก็ยังกล่าวต่อว่า “และในขณะนี้ได้มีผู้ส่งข่าวเรื่องการป่วยของเจ้าสำนักเหมันต์นิรันดร์ เทียนซิยี่ ที่ทางฝั่งอุดร ทางเราจึงต้องมอบหมายให้มีคณะเป็นตัวแทนไปเยี่ยมอาการของเจ้าสำนักเทียนซิยี่”
ทุกคนรอฟังว่าชิโนดะจะเอ่ยชื่อผู้ใด ซึ่งหากใครได้เป็นตัวแทนนำคณะไปเยี่ยมเจ้าสำนักเทียนซิยี่นี้จะถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะสำนักเหมันต์นิรันดร์เป็นสำนักหลักต้น ๆ ของแผ่นดิน ถ้าได้มีโอกาสได้พบปะรู้จักกับผู้มีอำนาจย่อมทำการใดได้ดีขึ้น
บางครั้งการรู้จักผู้มีอำนาจหรือคนใหญ่คนโตก็เป็นสิ่งจำเป็น แม้ท่านจะอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อยสักเพียงใด หากชื่อของท่านได้อยู่ในความทรงจำของผู้มีอำนาจแล้ว ท่านอาจได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ เพิ่มเติมก็ได้
ชื่อของผู้นำคณะเยี่ยมจึงเป็นที่หมายปรองของผู้อยู่ที่นี่หลายคน
“มินาตะ ข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นผู้นำคณะนี้ร่วมกับข้า”
หนุ่มหน้าใสดูเยาว์วัยในมือถือขลุ่ยเลาหนึ่งขยับตัวออกมา คนผู้นี้รูปร่างไม่สูงนัก หน้าตาหล่อเหลา แต่งกายด้วยชุดศิษย์ระดับสูงของสำนัก
“ด้วยความยินดีขอรับ” มินาตะก้มโค้งตอบรับอย่างน้อบน้อม
พอชื่อของมินาตะถูกกล่าว หลายคนต่างบ่นขึ้นเบา ๆ
เพราะว่ามินาตะนั้นเป็นศิษย์สายตรงของชิโนดะ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้บ่นว่าชิโนดะเล่นพรรคเล่นพวกมีเส้นสายให้มินาตะได้รับงานนี้
แต่มินาตะไม่สนใจ เขาพูดต่ออย่างมั่นใจว่า
“ข้าจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด”
(มีต่อครับ)