สวัสดีครับ เอาบทที่ 3 มาให้อ่านกันแล้วครับ อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้ชื่อตัวละครจะหลากหลายชาติหน่อย อาจจะดูแปลกๆบ้าง เพราะธีมเรื่องออกกำลังภายใน แต่ยังไงก็ลองเปิดใจอ่านดูนะครับ
ตอนที่แล้ว
บทนำ + บทที่ 1 : ชาวต่างแดน
https://ppantip.com/topic/36610308
บทที่ 2 : บัณฑิตชุดดำ
https://ppantip.com/topic/36621396
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
เชสเตอร์ค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างไม่เร่งรีบ
เขามองดูเหล่าศิษย์ที่วุ่นวายเพราะมีผู้บุกรุกลอบเข้ามา แอบซ่อนปิดบังกายตามซอกมุมต่าง ๆ เคลื่อนร่างในจังหวะที่ไร้ผู้คน จนมาบริเวณตึกอารักขาหนึ่งในหมู่ตึกของสำนักสาขาของยุทธเอกะนี้
ระหว่างทางเชสเตอร์ยังไม่ได้ปะทะกับใครแม้แต่คนเดียว
ซึ่งนี้เป็นตามความต้องการของเขา ชาวต่างแดนจงใจใช้การปรากฎตัวของฮาน เมรันให้เป็นประโยชน์ ล่อศิษย์ของสำนักยุทธเอกะส่วนใหญ่ลี้กายออกไป การลอบเข้าไปของเขาจึงสะดวกขึ้นมาก
ทว่าที่ตึกอารักขาที่เชสเตอร์มาถึงนี้กลับดูแปลก เท่าที่เขาสังเกตตึกอื่นจะมีศิษย์ดูแลไม่ถึงสิบคน แต่ที่นี่กลับมีมากกว่าเท่าหนึ่ง
ด้วยความผิดปกติเช่นนี้ แม้ผู้อื่นจะไม่ครุ่นคิดและสนใจ สำหรับเชสเตอร์กลับมิใช่
เหตุใดที่นี่จำนวนมากกว่า
เหตุใดที่ตั้งกองกำลังคล้ายระวังป้องกันมากกว่า
นี่คงเพราะเป็นที่สำคัญ
เชสเตอร์ถามเองตอบเอง ตัดสินใจเบ็ดเสร็จ ก็แอบรอคอยให้ศิษย์ที่คุมพื้นที่โดดเดี่ยว ลอบทำร้ายอย่างไร้สุ้มเสียงทีละคน จนสามารถแอบซ่อนและเข้าไปข้างในโดยที่ศิษย์ที่เหลือไม่รู้ตัว
แม้การรอคอยต้องใช้เวลา แต่การรอคอยอะไรบางอย่างก็สำคัญ
บางครั้งคนละช่วงเวลา โอกาสและจังหวะไม่เหมือนกัน
เมื่อลอบเข้าไปในตึกอารักขานี้ได้แล้ว และจัดการเหล่าศิษย์ที่หลบเลี่ยงไม่ได้ด้วยวิชาดาบที่รวดเร็วของตน เขาได้รู้เลยว่าเหตุใดที่นี่จึงเป็นที่สำคัญ
เพราะข้างในเป็นห้องขัง
ห้องขังที่กักขังหญิงสาวหน้าตาดี
ทว่าแม้รูปหน้าพวกนางจะมองออกว่าหน้าตาดี แต่ยามนี้ช่างห่างไกลกับความสวยนัก
แต่ละนางสีหน้าไม่แจ่มใส ร่างกายซูบผอมทรุดโทรม เสื้อผ้าขาดวิ้น พบเห็นบาดแผลเล็ก ๆ กระจายตามจุดต่าง ๆ ในร่างกาย
นักดาบต่างแดนกวาดสายตามองเหล่าหญิงสาว นับด้วยสายตามีทั้งสิ้นสิบสามนาง
พอทั้งหมดเห็นเชสเตอร์ก็สีหน้าหวาดกลัว ร้องออกมาเหมือนคิดว่าชายหนุ่มผมทองจะทำร้าย แต่เมื่อตั้งสติคิดอ่านเพิ่มเติมย่อมทำให้พวกนางรู้ว่าเชสเตอร์มิใช่ศิษย์ของสำนักยุทธเอกะ
ผมทองชัดเจนเสียขนาดนั้น
เชสเตอร์นิ่งมองพลางครุ่นคิด
“ไม่มี” เขาพูดขึ้น ซึ่งก็กล่าวได้เพียงแค่นี้ ก็ต้องหันหน้ามาประจันกับเหล่าศิษย์สำนักยุทธเอกะที่รุดเข้ามา
ดูท่าคงรู้แล้วว่ามีผู้บุกรุกทางนี้
ครั้งนี้พวกมันมีทั้งสิ้นสิบห้าคน ดาบ หอก ทวนพกพามาอย่างพร้อมสรรพ
หนุ่มผมทองมองทั้งสิบห้าอย่างไม่เกรงกลัว ยื่นมือข้างหนึ่งไปข้างหน้า พร้อมกวักคล้ายท้าทาย
“คัมม่อน”
เขาใช้ภาษาถิ่นตัวเองพวกมันย่อมฟังไม่ออก แต่พวกมันเข้าใจ
เพราะสีหน้า แววตา และกิริยาท่าทางต่าง ๆ ที่ชาวต่างแดนแสดงออกมา คือ อวัจนะภาษาที่บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน
นี่แหละคือ ภาษาสากลของทุกชนชาติ
เป็นเช่นนี้ทั้งสิบห้าต่างกรูเข้าไปหาเชสเตอร์อย่างเร่งร้อนทันที
ดาบของหนุ่มผมทองชักออกมาจากฝักตอนไหนไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ประกายดาบนั้นพุ่งเข้าต้อนรับทั้งสิบห้าด้วยความพร้อมเพรียง
ทั้งหลายต่างชะงักงันจังหวะหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าเพลงดาบของชาวต่างแดนผู้นี้จะรวดเร็วไวเท่าความคิดเช่นนี้
มิเพียงแค่นั้น ทันทีที่เพลงดาบแรกบรรลุถึง เพลงดาบที่สองก็พุ่งตามเป็นคำรบต่อมา
เพลงดาบสองนี้ชัดเจนกว่าเพลงดาบแรก ดาบแรกเพลงหยุดให้ทั้งหมดเสียจังหวะ ดาบที่สองคือดาบสำหรับจัดการ
และพิฆาตทั้งหมด
ดาบที่สองหากมองดูคล้ายซัดออกเพียงครั้งเดียว เสียงดังแหวกอากาศก็ครั้งเดียว ทว่าทั้งสิบห้ากลับรับมือไม่พร้อมเพรียงกัน
กลุ่มแรกที่ออกอาการก่อนเป็นพวกที่ถือดาบ ข้อมือของพวกมันร่วงหล่นพร้อมดาบของมัน
กลุ่มที่สองคือพวกที่ถือหอก ด้ามหอกของพวกมันหักไปเวลาใดไม่มีผู้ใดทราบ จากนั้นก็ปรากฎบาดแผลทิ่มแทงที่หน้าท้องของพวกมันพร้อมกัน
กลุ่มที่สามย่อมเป็นพวกที่ถือทวน พวกนี้ด้ามทวนไม่หัก ข้อมือไม่หลุดออก แต่กลับเกิดบาดแผลยาวครึ่งคืบขนานกับพื้นที่คอหอย
เลือดของทั้งสิบห้าพุ่งออกมาจากบาดแผลของแต่ละคนเป็นสายตามลำดับ ปกคลุมพื้นที่ในตึกอารักขาแห่งนี้จนแดงฉาด
นี่คือ เพลงดาบอันใด
เพลงดาบปกติต่อให้เร็วขนาดไหนก็ยากที่โจมตีได้หลากหลาย ละเอียดและแม่นยำเช่นนี้
นี่ราวกับมองเห็นเพียงครั้งเดียว ที่เหลือล่องหนหายไปหมด
คงไม่ต้องกล่าวถึงว่าทั้งสิบห้าตอบโต้เชสเตอร์เช่นไร ลำพังแค่เอาชีวิตให้รอดก็ยากลำบากแล้ว
ทว่ามันไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะยังมีบางสิ่งที่ถูกฟัน
เป็นลูกกรงที่ขังเหล่าหญิงสาว
ลูกกรงนั้นถูกฟันจนขาดออกมาจากกัน
เพลงดาบของเชสเตอร์มันแยบคายเกินไปแล้ว
หญิงสาวแต่ละนางแม้มีอาการตื่นกลัว แต่เมื่อมีโอกาส อย่างไรก็ต้องรีบหนีออกจากกรงขัง
โอกาสไม่ใช่สิ่งที่อยากมาก็มาง่าย ๆ อยู่แล้ว บางครั้งเราอยากให้มา ต่อให้รอสักเพียงใดมันก็ไม่ยอมมา เช่นเดียวกันบางครั้งเราไม่ได้รอคอย ทำการอื่นล่วงหน้าไปเสียก่อน โอกาสดันปรากฏมา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าโอกาสจะมีเมื่อใด มีแต่เราต้องไขว่คว้าหามันเองเท่านั้น
พวกนางต่างกล่าวขอบคุณเชสเตอร์ สอบถามชื่อแซ่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขา
บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ คำกล่าวนี้ยังมีผู้กระทำอยู่ทั่วไป พวกเธอก็เช่นกัน การช่วยเหลือของนักดาบผมทองผู้นี้ถือว่าเปิดชีวิตใหม่ให้พวกนางแล้ว
ทว่าเชสเตอร์มิได้สนใจ ทั้งยังแสร้งทำมิได้ยิน เขาก้าวเดินไปข้างหน้า ผ่านเหล่าศิษย์ที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด จากนั้นค่อยกล่าวโดยไม่หันหน้ากลับมามองพวกนางว่า
“ข้าแค่บังเอิญผ่านมา”
(มีต่อครับ)
ป่วนใต้หล้า บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
ตอนที่แล้ว
บทนำ + บทที่ 1 : ชาวต่างแดน
https://ppantip.com/topic/36610308
บทที่ 2 : บัณฑิตชุดดำ
https://ppantip.com/topic/36621396
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 3 : หัวหน้าสาขา
เชสเตอร์ค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างไม่เร่งรีบ
เขามองดูเหล่าศิษย์ที่วุ่นวายเพราะมีผู้บุกรุกลอบเข้ามา แอบซ่อนปิดบังกายตามซอกมุมต่าง ๆ เคลื่อนร่างในจังหวะที่ไร้ผู้คน จนมาบริเวณตึกอารักขาหนึ่งในหมู่ตึกของสำนักสาขาของยุทธเอกะนี้
ระหว่างทางเชสเตอร์ยังไม่ได้ปะทะกับใครแม้แต่คนเดียว
ซึ่งนี้เป็นตามความต้องการของเขา ชาวต่างแดนจงใจใช้การปรากฎตัวของฮาน เมรันให้เป็นประโยชน์ ล่อศิษย์ของสำนักยุทธเอกะส่วนใหญ่ลี้กายออกไป การลอบเข้าไปของเขาจึงสะดวกขึ้นมาก
ทว่าที่ตึกอารักขาที่เชสเตอร์มาถึงนี้กลับดูแปลก เท่าที่เขาสังเกตตึกอื่นจะมีศิษย์ดูแลไม่ถึงสิบคน แต่ที่นี่กลับมีมากกว่าเท่าหนึ่ง
ด้วยความผิดปกติเช่นนี้ แม้ผู้อื่นจะไม่ครุ่นคิดและสนใจ สำหรับเชสเตอร์กลับมิใช่
เหตุใดที่นี่จำนวนมากกว่า
เหตุใดที่ตั้งกองกำลังคล้ายระวังป้องกันมากกว่า
นี่คงเพราะเป็นที่สำคัญ
เชสเตอร์ถามเองตอบเอง ตัดสินใจเบ็ดเสร็จ ก็แอบรอคอยให้ศิษย์ที่คุมพื้นที่โดดเดี่ยว ลอบทำร้ายอย่างไร้สุ้มเสียงทีละคน จนสามารถแอบซ่อนและเข้าไปข้างในโดยที่ศิษย์ที่เหลือไม่รู้ตัว
แม้การรอคอยต้องใช้เวลา แต่การรอคอยอะไรบางอย่างก็สำคัญ
บางครั้งคนละช่วงเวลา โอกาสและจังหวะไม่เหมือนกัน
เมื่อลอบเข้าไปในตึกอารักขานี้ได้แล้ว และจัดการเหล่าศิษย์ที่หลบเลี่ยงไม่ได้ด้วยวิชาดาบที่รวดเร็วของตน เขาได้รู้เลยว่าเหตุใดที่นี่จึงเป็นที่สำคัญ
เพราะข้างในเป็นห้องขัง
ห้องขังที่กักขังหญิงสาวหน้าตาดี
ทว่าแม้รูปหน้าพวกนางจะมองออกว่าหน้าตาดี แต่ยามนี้ช่างห่างไกลกับความสวยนัก
แต่ละนางสีหน้าไม่แจ่มใส ร่างกายซูบผอมทรุดโทรม เสื้อผ้าขาดวิ้น พบเห็นบาดแผลเล็ก ๆ กระจายตามจุดต่าง ๆ ในร่างกาย
นักดาบต่างแดนกวาดสายตามองเหล่าหญิงสาว นับด้วยสายตามีทั้งสิ้นสิบสามนาง
พอทั้งหมดเห็นเชสเตอร์ก็สีหน้าหวาดกลัว ร้องออกมาเหมือนคิดว่าชายหนุ่มผมทองจะทำร้าย แต่เมื่อตั้งสติคิดอ่านเพิ่มเติมย่อมทำให้พวกนางรู้ว่าเชสเตอร์มิใช่ศิษย์ของสำนักยุทธเอกะ
ผมทองชัดเจนเสียขนาดนั้น
เชสเตอร์นิ่งมองพลางครุ่นคิด
“ไม่มี” เขาพูดขึ้น ซึ่งก็กล่าวได้เพียงแค่นี้ ก็ต้องหันหน้ามาประจันกับเหล่าศิษย์สำนักยุทธเอกะที่รุดเข้ามา
ดูท่าคงรู้แล้วว่ามีผู้บุกรุกทางนี้
ครั้งนี้พวกมันมีทั้งสิ้นสิบห้าคน ดาบ หอก ทวนพกพามาอย่างพร้อมสรรพ
หนุ่มผมทองมองทั้งสิบห้าอย่างไม่เกรงกลัว ยื่นมือข้างหนึ่งไปข้างหน้า พร้อมกวักคล้ายท้าทาย
“คัมม่อน”
เขาใช้ภาษาถิ่นตัวเองพวกมันย่อมฟังไม่ออก แต่พวกมันเข้าใจ
เพราะสีหน้า แววตา และกิริยาท่าทางต่าง ๆ ที่ชาวต่างแดนแสดงออกมา คือ อวัจนะภาษาที่บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน
นี่แหละคือ ภาษาสากลของทุกชนชาติ
เป็นเช่นนี้ทั้งสิบห้าต่างกรูเข้าไปหาเชสเตอร์อย่างเร่งร้อนทันที
ดาบของหนุ่มผมทองชักออกมาจากฝักตอนไหนไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ประกายดาบนั้นพุ่งเข้าต้อนรับทั้งสิบห้าด้วยความพร้อมเพรียง
ทั้งหลายต่างชะงักงันจังหวะหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าเพลงดาบของชาวต่างแดนผู้นี้จะรวดเร็วไวเท่าความคิดเช่นนี้
มิเพียงแค่นั้น ทันทีที่เพลงดาบแรกบรรลุถึง เพลงดาบที่สองก็พุ่งตามเป็นคำรบต่อมา
เพลงดาบสองนี้ชัดเจนกว่าเพลงดาบแรก ดาบแรกเพลงหยุดให้ทั้งหมดเสียจังหวะ ดาบที่สองคือดาบสำหรับจัดการ
และพิฆาตทั้งหมด
ดาบที่สองหากมองดูคล้ายซัดออกเพียงครั้งเดียว เสียงดังแหวกอากาศก็ครั้งเดียว ทว่าทั้งสิบห้ากลับรับมือไม่พร้อมเพรียงกัน
กลุ่มแรกที่ออกอาการก่อนเป็นพวกที่ถือดาบ ข้อมือของพวกมันร่วงหล่นพร้อมดาบของมัน
กลุ่มที่สองคือพวกที่ถือหอก ด้ามหอกของพวกมันหักไปเวลาใดไม่มีผู้ใดทราบ จากนั้นก็ปรากฎบาดแผลทิ่มแทงที่หน้าท้องของพวกมันพร้อมกัน
กลุ่มที่สามย่อมเป็นพวกที่ถือทวน พวกนี้ด้ามทวนไม่หัก ข้อมือไม่หลุดออก แต่กลับเกิดบาดแผลยาวครึ่งคืบขนานกับพื้นที่คอหอย
เลือดของทั้งสิบห้าพุ่งออกมาจากบาดแผลของแต่ละคนเป็นสายตามลำดับ ปกคลุมพื้นที่ในตึกอารักขาแห่งนี้จนแดงฉาด
นี่คือ เพลงดาบอันใด
เพลงดาบปกติต่อให้เร็วขนาดไหนก็ยากที่โจมตีได้หลากหลาย ละเอียดและแม่นยำเช่นนี้
นี่ราวกับมองเห็นเพียงครั้งเดียว ที่เหลือล่องหนหายไปหมด
คงไม่ต้องกล่าวถึงว่าทั้งสิบห้าตอบโต้เชสเตอร์เช่นไร ลำพังแค่เอาชีวิตให้รอดก็ยากลำบากแล้ว
ทว่ามันไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะยังมีบางสิ่งที่ถูกฟัน
เป็นลูกกรงที่ขังเหล่าหญิงสาว
ลูกกรงนั้นถูกฟันจนขาดออกมาจากกัน
เพลงดาบของเชสเตอร์มันแยบคายเกินไปแล้ว
หญิงสาวแต่ละนางแม้มีอาการตื่นกลัว แต่เมื่อมีโอกาส อย่างไรก็ต้องรีบหนีออกจากกรงขัง
โอกาสไม่ใช่สิ่งที่อยากมาก็มาง่าย ๆ อยู่แล้ว บางครั้งเราอยากให้มา ต่อให้รอสักเพียงใดมันก็ไม่ยอมมา เช่นเดียวกันบางครั้งเราไม่ได้รอคอย ทำการอื่นล่วงหน้าไปเสียก่อน โอกาสดันปรากฏมา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าโอกาสจะมีเมื่อใด มีแต่เราต้องไขว่คว้าหามันเองเท่านั้น
พวกนางต่างกล่าวขอบคุณเชสเตอร์ สอบถามชื่อแซ่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขา
บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ คำกล่าวนี้ยังมีผู้กระทำอยู่ทั่วไป พวกเธอก็เช่นกัน การช่วยเหลือของนักดาบผมทองผู้นี้ถือว่าเปิดชีวิตใหม่ให้พวกนางแล้ว
ทว่าเชสเตอร์มิได้สนใจ ทั้งยังแสร้งทำมิได้ยิน เขาก้าวเดินไปข้างหน้า ผ่านเหล่าศิษย์ที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด จากนั้นค่อยกล่าวโดยไม่หันหน้ากลับมามองพวกนางว่า
“ข้าแค่บังเอิญผ่านมา”
(มีต่อครับ)